บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 65 Corrupting Innards
“สรุปก็คือว่าตอนที่คุณเดริคกำลังรอเด็กนักเรียนของทางเราอยู่ที่จุดนัดพบ คุณก็ถูกพรีมูล่ากับมายะเขาก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาตามตัวพวกคุณให้เข้าไปรับเด็กนักเรียนอีกสองคนที่เหลือ คุณเดริคก็เลยตัดสินใจที่จะขับรถเข้าไปรับพวกเขาถึงด้านในเขตปราสาทสินะคะ”
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ซิลเวสได้เดินทางไปยังคฤหาสน์เพื่อตามตัวอลิซและนากามาที่โรงเรียนนั้น ไดเอน่าที่เป็นประธานนักเรียนเองก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่งของเธอและใช้สายตาเฉียบคมมองไปยังแขกทั้งสองคนจากเมืองกราวิทัสอย่างเดริคและทีออสที่กำลังนั่งเกร็งอยู่เบื้องหน้าเธอ
“ม… มันก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะ ตอนนั้นฉันเห็นพรีมูล่ากับเพื่อนของเธอวิ่งมาด้วยท่าทีรีบร้อนสุดๆ แล้วพอฉันถามจนแน่ใจแล้วว่าพวกเธอเป็นนักเรียนที่ฉันต้องรับผิดชอบแน่ๆ ฉันก็เลยรีบขับรถไปรับคนที่เหลือให้โดยที่ยังไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมน่ะ”
“ส่วนผมตอนแรกคิดว่าจะมาลองสอบถามดูว่าจะขอติดรถมาที่รีมินัสด้วยได้หรือเปล่า แต่ว่าพอมีเรื่องเกิดขึ้นที่ปราสาทแบบนั้นเดริคเขาก็เลยรีบขับหนีออกมาโดยยังไม่ทันได้ปล่อยผมลงน่ะครับ”
ทีออสที่นั่งอยู่ภายในห้องด้วยกันนั้นรีบพูดขึ้นมาในทันทีที่ไดเอน่าเหลือบสายตามองมาทางเขาด้วยมาดประธานนักเรียนที่แสนเคร่งขรึมก่อนจะแอบลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ประธานนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสดูเหมือนจะไม่คิดอะไรมากเรื่องที่เขาติดรถมาด้วยกันแบบนี้
ส่วนทางด้านไดเอน่าที่ได้ยินคำตอบของสองสหายจากต่างเมืองไปแล้วนั้นก็กำลังขมวดคิ้วด้วยสีหน้าจริงจังและตัดสินใจที่จะลองพูดสอบถามพวกเขาเพิ่มเติมดู
“ถ้าเป็นไปได้ฉันขอทราบความเห็นของพวกคุณที่เป็นประชาชนของเมืองกราวิทัสหน่อยได้หรือเปล่าคะว่าพวกคุณคิดว่าทางวังหลวงกราวิทัสจะทำยังไงกับเรื่องนี้น่ะค่ะ? แต่ถ้าเกิดว่าพวกคุณทั้งสองคนไม่สะดวกใจที่จะตอบก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ”
“อืม… ถ้าเป็นไปได้เรื่องนี้ผมขอไม่ออกความเห็นละกันนะครับเพราะว่ายังไงซะผมก็ยังต้องทำงานร่วมกับพวกเขาอยู่น่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ”
“ส่วนฉันว่าถ้าดูจากที่ผ่านๆ มาแล้วพวกนั้นก็คงไม่พ้นอยากจะปิดข่าวสักเท่าไหร่หรอก แต่ว่ารอบนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาขนาดนั้นดูท่าว่าคงจะปิดเอาไว้ไม่มิดล่ะนะ”
“ดูจากที่ผ่านๆ มาหรอคะ? พอจะอธิบายเพิ่มเติมได้หรือเปล่าคะคุณเดริค?”
เดริคที่ถูกไดเอน่าถามขึ้นมาแบบนั้นได้เหลือบตาไปมองทีออสเล็กน้อยราวกับอยากจะขอความเห็นของเขาว่าจะบอกประธานนักเรียนสาวสวยคนนี้ไปดีหรือเปล่า ซึ่งทีออสที่เห็นแบบนั้นก็ก้มหน้าลงไปคิดสักพักก่อนจะกระซิบตอบเพื่อนของเขากลับไป
“เรื่องนี้แล้วแต่นายเลยละกันเดริค แต่ฉันว่าถ้าเป็นคุณไดเอน่าล่ะก็คงจะไม่อคติใส่นายเหมือนแบบพวกคนในวังหลวงของกราวิทัสหรอกมั้ง”
“เฮ้อ…ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีสิ…”
คำแนะนำของทีออสทำให้เดริคได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจเพราะตัวเขาที่เคยถูกผู้มีอำนาจเล่นงานมาก่อนนั้นไม่อาจเชื่อใจลูกหลานของขุนนางอย่างเด็กสาวตรงหน้าได้โดยสนิทใจเลยแม้แต่น้อย
ส่วนทางด้านไดเอน่าที่ได้ยินคำพูดของเดริคด้วยเช่นกันนั้นก็ได้เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพราะว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนเบื้องหน้าของเธอนั้นดูเหมือนเด็กปกติธรรมดาทั่วไปที่ไม่น่าจะเคยก่อเรื่องอะไรให้ทางวังหลวงของกราวิทัสถึงกับต้องขึ้นบัญชีพวกเขาเอาไว้ได้เลย
แต่ว่าในเมื่อเธอได้ยินแบบนั้นไปแล้วไดเอน่าจึงได้แต่ลองสอบถามไปเพิ่มเติมดูเพื่อเป็นข้อมูลในประกอบการตัดสินใจว่าเธอจะสามารถเชื่อในสิ่งที่สองหนุ่มตรงหน้าพูดออกมาได้มากขนาดไหน หรือว่าพวกเขาเพียงแค่พูดจาว่าร้ายวังหลวงของกราวิทัสเพราะว่าเคยมีเรื่องกันมาก่อนกันแน่
“ขออนุญาตนะคะ ถ้าฟังจากที่คุณทีออสพูดมานั่นมันหมายความว่าคุณเดริคเคยมีประวัติไม่ดีกับทางเมืองกราวิทัสงั้นหรอคะ? ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปฉันขอทราบเรื่องที่เกิดขึ้นหน่อยได้มั้ยคะ?”
“อ่ะ— ไม่ใช่ว่าเดริคเขาเคยมีประวัติอาชญากรรมหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ! มันเป็นเรื่องสมัยที่พวกเรายังเรียนอยู่ในโรงเรียนของกราวิทัสน่ะครับ…”
“เฮ้อ… เอาจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ว่าเมื่อก่อนตอนที่ฉันยังเรียนอยู่ฉันดันไปมีเรื่องกับนักเรียนที่เป็นลูกของอาจารย์ในโรงเรียนเข้าแล้วพอฉันขัดขืนไม่ยอมทำตามที่พวกนั้นสั่งดีๆ ฉันก็เลยโดนพวกนั้นยัดข้อหาใส่แถมยังหาเรื่องให้ไม่หยุดไม่หย่อนจนฉันกับน้องชายตัดสินใจที่จะลาออกกันดีกว่าน่ะ”
“อ—เอ๋ะ? ลาออกที่ว่านี่หมายถึงตัดสินใจที่จะลาออกจากโรงเรียนน่ะหรอคะ?”
ไดเอน่าที่ได้ยินคำพูดของเดริคนั้นถึงกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะถึงแม้เธอจะรู้เรื่องที่ว่าวังหลวงของกราวิทัสมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ว่าเธอก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะลามเข้าไปถึงข้างในโรงเรียนของเมืองนั้นด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอถึงกับต้องหันไปมองทีออสที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กันเพื่อขอคำยืนยันของเขาด้วยอีกคน
“เป็นเรื่องจริงครับ… เพราะว่าตอนนั้นผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเหมือนกัน…”
“เป็นแบบนั้นเองหรอคะ… ถือว่าเกินกว่าที่ฉันคาดเอาไว้ซะอีกนะคะเนี่ย เรื่องเกี่ยวกับเมืองกราวิทัสน่ะ…”
ไดเอน่าพูดออกมาพลางมองเดริคด้วยสายตาสงสาร เพราะในตอนแรกเธอก็คิดว่าการที่เด็กหนุ่มที่อายุพอๆ กับเธอต้องมาทำงานรับจ้างแบบนี้นั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยากจะยืนหยัดด้วยลำแข้งตัวเองหรือว่าครอบครัวของเขาอาจจะมีปัญหาทางด้านการเงินก็ได้ แต่ว่านี่กลับกลายเป็นว่าที่จริงแล้วเขาโดนกลั่นแกล้งโดยผู้มีอำนาจจนหมดโอกาสที่จะเรียนต่อต่างหาก
“ไม่จำเป็นต้องมาสงสารฉันหรอกน่า ถึงช่วงแรกจะลำบากก็จริงแต่ว่าตอนนี้ก็เริ่มชินแล้วล่ะ อีกอย่างนึงน้องชายของฉันเองก็ได้รับสืบทอดงานของครอบครัวไปแล้วด้วย เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงหรอก”
“มันไม่ต้องเป็นห่วงได้ที่ไหนกันล่ะ! คุณไดเอน่าครับ! ผมขอถามตามตรงเลยนะว่าคุณพอจะมีช่องทางไหนหรือว่ารู้จักกับใครที่พอจะช่วยเดริคเขาได้บ้างหรือเปล่าน่ะครับ!?”
“ด—เดี๋ยวสิทีออส!?”
เดริคที่เห็นว่าอยู่ๆ ทีออสก็ลุกขึ้นมาก้มหัวขอร้องประธานนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสที่พวกเขาเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกเหมือนกับไม่สนใจศักดิ์ศรีของตัวเองเลยนั้นได้แต่ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจพร้อมกับพยายามห้ามปรามเพื่อนของตนเอาไว้ แต่ว่าทีออสนั้นก็กลับสะบัดมือเขาออกและหันกลับมาพูดกับเขาด้วยแววตาจริงจัง
“นายน่ะเงียบไปเลยนะเดริค! นายไม่อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้แล้วหรือไง? หรือว่านายพอใจกับเงินหนึ่งร้อยห้าสิบคริสต้าที่เจ้าพวกนั้นมันเจียดมาเป็นค่าจ้างให้นายจริงๆ น่ะหะ!? ในเมื่อมีโอกาสได้พบกับคนที่อาจจะช่วยนายได้แล้วทั้งทีนายก็หัดไขว่คว้าโอกาสนี้เอาไว้ซะบ้างสิ!!”
“น—นี่!?”
คำพูดของทีออสนั้นถึงกับทำให้เดริคไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงดีและได้แต่พยายามที่จะหยุดเพื่อนของเขาเอาไว้ เพราะถึงแม้เขาจะเคยพูดออกไปว่าพอใจแล้วกับจำนวนเงินที่ได้รับมาเป็นค่าจ้าง แต่ว่าลึกๆ ในใจของเขานั้นไม่ได้พอใจกับมันเลยแม้แต่น้อย
และถึงแม้ว่าเขาจะถูกทีออสตะคอกใส่หน้าเหมือนกับว่าไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลยแบบนั้น แต่เขาเองก็รู้ดีว่าสิ่งที่เพื่อนของตนพูดออกมานั้นก็เป็นเพราะหวังว่าจะให้เขาได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ใช่รอขอส่วนแบ่งอันน้อยนิดที่ทางวังเจียดมาให้เป็นค่าจ้างของเขาไปวันๆ
แต่ว่าก่อนที่ทั้งเขาและเพื่อนสนิทจะได้พูดอะไรออกมามากกว่านั้น ไดเอน่าที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่ก็ได้ยกมือขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะและพูดกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เป็นความจริงหรอคะคุณเดริค ที่ว่าคุณได้ค่าจ้างจากทางวังหลวงกราวิทัสในการขับรถมาส่งนักเรียนของเราเพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบคริสต้านั่นน่ะค่ะ?”
“รีบๆ ตอบไปสิเดริค!”
“อึ๊ย—”
เดริคที่ถูกไดเอน่าในมาดประธานนักเรียนสุดเคร่งขรึมและเพื่อนของตนจ้องมองมาอย่างกดดันนั้นก็ยังคงพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงอยู่อีกสักพัก ก่อนที่เขาจะทนความกดดันไม่ไหวจนยอมหยิบเอาใบสัญญาว่าจ้างออกมาจากกระเป๋าของตนและยื่นมันไปให้อีกฝ่ายดู
“ท—ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ค่าจ้างสำหรับการขับรถมาส่งหรอก… แต่ว่าเป็นงานให้ดูแลพวกเขาระหว่างอยู่ที่กราวิทัสแล้วก็ขับรถพาพวกเขามาส่งรีมินัสในตอนที่พวกเขาอยากจะกลับกันน่ะ”
“เป็นแบบนั้นเองสินะคะ…”
ไดเอน่าพูดตอบเดริคกลับไปและก้มลงไปอ่านเอกสารเบื้องหน้าอยู่สักพักเพื่อตรวจตราดูมันให้มั่นใจ ก่อนที่เธอจะพบว่าเงินหนึ่งร้อยห้าสิบคริสต้าที่เดริคได้รับนั้นไม่ใช่ค่าจ้างของเขาซะด้วยซ้ำแต่ว่าเป็นจำนวนเงินที่ถูกมอบให้เพื่อดูแลเหล่าเด็กนักเรียนของเธอ ส่วนเงินค่าจ้างที่เดริคจะได้รับนั้นคือจำนวนเงินที่เขาเหลืออยู่หลังจากที่พาเหล่านักเรียนจากรีมินัสกลับมาส่งที่นี่แล้วต่างหาก
ซึ่งข้อมูลที่เธอเพิ่งจะได้รับรู้นั้นก็ถึงกับทำให้ไดเอน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและเลื่อนมือลงไปเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบเอาสมุดเล่มเล็กๆ ออกมาจดอะไรบางอย่างลงไป ในขณะที่เดริคนั้นก็รีบพูดขึ้นมาด้วยความเกรงใจ
“ต—แต่ฉันเองก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากถึงขนาดที่ต้องให้เธอยื่นมือเข้ามาช่วยหรอก! เธอเป็นประธานนักเรียนก็น่าจะงานยุ่งอยู่แล้วไม่ใช่หรอ เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องของฉันหรอกน่า!”
“นี่นายโดนพวกนั้นเอาเปรียบขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดแบบนี้อีกหรอไงหะเดริค!!”
“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ! นายก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอว่าถ้าพวกเรากระโตกกระตากมากเกินไปจนพวกนั้นรู้ตัวขึ้นมาคนอื่นๆ เขาจะเดือดร้อนไปด้วยน่ะ!”
“ก็เพราะแบบนั้นฉันถึงได้พยายามขอให้คนที่จะไม่โดนเจ้าพวกนั้นคุกคามอย่างคุณไดเอน่าเขาช่วยนายไงล่ะ!!”
“ก็แล้วนายจะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะ! ฉันก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่าเรื่องนี้ฉันจัดการเองได้น่ะ!!”
“…ถ้างั้นเอาเป็นว่าคุณเดริคกับคุณทีออสคิดจะกลับไปเมืองกราวิทัสกันตอนไหนหรอคะ?”
ในขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนจากเมืองกราวิทัสกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น ไดเอน่าที่ตอนแรกก็คิดว่าจะรอให้พวกเขาปรับความเข้าใจกันเองก็ได้พูดขึ้นมาเมื่อเธอเห็นว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนกำลังโต้เถียงกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับว่าลืมไปแล้วว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องรีบหยุดเถียงกันและหันกลับมาตอบไดเอน่าในทันที
“อ–อ่า ถ้าเรื่องนั้นคงจะถามหมอนี่ว่าพร้อมจะกลับกันเมื่อไหร่น่ะ”
“ผมคงจะต้องรอชิ้นส่วนที่สั่งทำไว้อีกสักสองสามวันน่ะครับ ถึงคิดว่าอาจจะล่าช้าไปบ้างเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นตอนส่งคนของทางเมืองมาติดต่อแต่ก็คิดว่าคงจะไม่นานไปกว่านั้นหรอกครับ”
ทีออสรีบตอบไดเอน่ากลับไปพร้อมกับมองเธออย่างมีความหวัง เพราะอย่างน้อยเด็กสาวคนนี้ก็ดูท่าทางจะไม่ได้เป็นคนจำพวกเดียวกับพวกขุนนางแย่ๆ แบบในกราวิทัสที่มักจะช่วยกันปกปิดเรื่องแย่ๆ ที่พวกขุนนางด้วยกันทำเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าระหว่างที่พวกคุณจัดการธุระอยู่ก็เชิญพักที่หอพักของทางโรงเรียนได้ตามสบายเลยละกันนะคะ พอพวกคุณไปถึงหอพักแล้วก็นำเอกสารนี่ไปให้อาจารย์ผู้ดูแลหอพักดูแล้วเดี๋ยวเขาจะจัดการเรื่องที่เหลือให้เองค่ะ”
“โอ๋ ถ้าแบบนั้นก็ช่วยพวกฉันได้เยอะเลยล่ะ! ขอบใจมากนะไดเอน่าจัง~”
“เอ๋ะ— ไดเอน่าจัง…หรอคะ?”
“น—นี่ อย่าเสียมารยาทแบบนั้นสิเดริค!! ต้องขอโทษแทนเพื่อนของผมด้วยจริงๆ ครับ! แล้วยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยเหลือเรื่องที่พักมากนะครับคุณไดเอน่า!!”
ทีออสที่เห็นว่าไดเอน่าชะงักไปเล็กน้อยกับคำเรียกของเดริคนั้นได้รีบยื่นมือออกมารับเอกสารไปจากไดเอน่าและรีบพูดขอโทษออกมาในทันที ก่อนที่ไดเอน่านั้นจะรีบตั้งสติรักษามาดประธานนักเรียนเอาไว้และพูดตอบกลับไป
“อะแฮ่ม— ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณทีออส ส่วนเรื่องของคุณเดริคนี่เดี๋ยวเอาไว้อีกสักพักฉันอาจจะขอตามพวกคุณมาเพื่อสอบถามเพิ่มเติมดูละกันนะคะ เพราะว่าหลังจากนี้ฉันยังมีนัดคุยธุระเรื่องอื่นอยู่ด้วยน่ะค่ะเพราะงั้นคงจะมีเวลาไม่พอที่จะพูดคุยกันตอนนี้เลย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”
“ถ้าเธอติดธุระงั้นก็ไม่ต้องสนใจเรื่องของฉันก็ไ—”
หมับ—
“ต้องขอรบกวนด้วยนะครับคุณไดเอน่า! ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าพวกผมขอตัวก่อนเลยดีกว่าจะได้ไม่รบกวนเวลาจัดการธุระของคุณน่ะครับ!!”
ทีออสที่เห็นว่าเดริคกำลังจะพูดอะไรไม่เข้าท่าออกมานั้นได้รีบพุ่งมือไปอุดปากเพื่อนของตนและรีบลากเขาไปทางประตูห้องพร้อมกับเอ่ยปากบอกลาออกมาในทันที ซึ่งไดเอน่านั้นก็ได้ผายมือเป็นเชิงอนุญาตพร้อมกับพูดบอกลาออกมาเช่นกัน
“ค่ะ ถ้ายังไงก็ต้องขอขอบคุณที่มาให้ข้อมูลตามคำเชิญนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ! ทางพวกผมต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณเรื่องที่พักน่ะ เอาเป็นว่าไว้ค่อยเจอกันใหม่นะครับ!”
ปึ้ง—
“นี่นายกะจะทำอะไรกันแน่เนี่ยหะทีออส!? นายเองก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าถ้าเกิดไม่รีบกลับเดี๋ยวนายก็จะได้โดนเจ้าพวกนั้นมันหาเรื่องเอาอีกน่ะ”
เดริคที่ถูกลากออกมาจากห้องนั้นได้พูดโวยวายขึ้นมาในทันทีที่ทีออสปล่อยมือออกจากปากของเขาซึ่งนั่นก็ทำให้ทีออสต้องหันไปมองเขาตาขวางและพูดขึ้นมาในทันที
“นายนั่นล่ะคิดจะทำอะไรกันแน่หะ!? ฉันอุตส่าห์พูดให้คุณไดเอน่าเขายอมรับฟังจนทำท่าเหมือนกับจะยอมช่วยนายได้แล้วแท้ๆ แต่นายก็ยังจะพยายามพูดขึ้นมาให้เสียเรื่องเนี่ยนะ!?”
“เอ๊า! ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ฉันจัดการเองได้น่ะ นายไม่จำเป็นต้องมายุ่—”
ในขณะที่เดริคกำลังขึ้นเสียงกลับใส่เพื่อนของเขานั้นเขาก็ได้เห็นสายตาของทีออสที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงซะก่อนจนทำให้เขาต้องรีบหลบตาด้วยความรู้สึกละอายใจและนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ… ยังไงก็ขอบใจที่พยายามช่วยพูดให้ฉันละกันนะ”
“…ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกันที่ทำมันไปเหมือนกับว่าไม่สนใจความรู้สึกของนายน่ะ แต่นายก็น่าจะรู้ว่าคนเราน่ะอาศัยอยู่ในโลกนี้ด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอกนะ เพราะงั้นต่อให้นายจะไม่อยากจะรบกวนคนอื่นสักเท่าไหร่ก็เถอะแต่ว่าบางทีมันก็จำเป็นที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างน่ะ”
“อื้ม… ฉันเข้าใจ แต่ว่าถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะพยายามด้วยตัวเองไปให้ถึงที่สุดก่อนน่ะ เพราะฉันไม่อยากให้คนอื่นต้องมาลำบากไปด้วยเพราะฉันอีกแล้ว”
“เฮ้อ… เอาเถอะ… แต่ไหนๆ ก็ท่าทางจะว่างไปอีกสักวันสองวันทั้งทีจะลองไปเดินเล่นในเมืองเอาไว้สักหน่อยมั้ยล่ะ เผื่อว่าคุณไดเอน่าเขาหาทางช่วยนายไม่ได้จริงๆ นายก็อาจจะได้รู้ลู่ทางในเมืองเอาไว้สักหน่อยน่ะ”
“อ่ะ นั่นมันเดริคกับทีออสไม่ใช่หรอนั่น?”
ในขณะที่สองสหายจากกราวิทัสเหมือนจะตกลงกันได้ด้วยดีแล้วนั้นเสียงของนากาที่เพิ่งจะเดินเข้าอาคารเรียนมาก็ได้ดังขึ้นมาขัดพวกเขาเอาไว้ซะก่อนเมื่อเด็กหนุ่มผมสีดำสังเกตเห็นเพื่อนใหม่ทั้งสองคนของเขากำลังยืนคุยกันอยู่ที่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้า
“โอ้ ว่าไงๆ”
“อ่าว สวัสดีครับนากา ไม่ใช่ว่าวันนี้ยังไม่ถึงวันเปิดภาคเรียนหรอกหรอครับ?”
ทีออสที่เห็นนากากำลังเดินตรงเข้ามาหานั้นได้เอ่ยปากทักทายไปด้วยความแปลกใจ เพราะว่าดูจากเมื่อคืนนี้ที่นากาไม่ได้เดินไปทางหอพักด้วยกันกับพวกเขานั้นก็น่าจะหมายความว่านากาไม่ได้พักอยู่ที่หอพักอย่างแน่นอนเพราะงั้นจึงไม่น่าจะมีสาเหตุอะไรที่เขาจะมาอยู่ในโรงเรียนในเวลาปิดเทอมแบบนี้ได้
“ก็ยังไม่ได้เปิดเทอมจริงๆ นั่นแหล่ะ แค่ว่าฉันถูกไดเอน่าส่งคนไปเรียกตัวมาน่ะ แล้วพวกนายมาทำอะไรในอาคารเรียนนี่ล่ะ?”
“ไดเอน่าจังเรียกตัวนายมาหรอ? พวกฉันเองก็เพิ่งจะคุยกับเธอเสร็จไปเมื่อกี้นี้น่ะ ตอนนี้ก็ว่าจะลองออกไปเดินดูในเมืองกันน่ะเผื่อว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง”
“อ้อ… คนของกราวิทัสที่ซิลเวสพูดถึงนี่คือพวกนายเองหรอกหรอ… แล้วนี่มายะกับเซซิลอยู่ในห้องนั้นด้วยหรือเปล่าน่ะ?”
นากาที่ได้ยินแบบนั้นได้เอ่ยปากถามทั้งสองคนกลับไปอย่างมีความหวัง เพราะว่าถ้าจะให้เขาเข้าไปเผชิญหน้ากับประธานนักเรียนสุดเคร่งขรึมอย่างไดเอน่าด้วยตัวคนเดียวนั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่เกินตัวไปสักหน่อย
“ถ้าจำไม่ผิดมายะกับเซซิลนี่หมายถึงเพื่อนของนายอีกสองคนที่นั่งรถกลับมาด้วยกันนั่นสินะ? ถ้าเป็นสองคนนั้นฉันไม่เห็นนะ อาจจะโดนเรียกมาก่อนพวกฉันแล้วก็ได้ล่ะมั้ง”
“ก็น่าจะอะไรประมาณนั้นล่ะมั้งครับ แต่ผมว่านายรีบเข้าไปก่อนน่าจะดีกว่านะ เพราะผมคิดว่าจะปล่อยให้คุณประธานนักเรียนคนนั้นรอนานไปกว่านี้คงจะไม่ดีสักเท่าไหร่มั้งครับ…”
“เออ… ก็จริงแฮะ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนละกันนะ!”
คำเตือนของทีออสนั้นทำให้นากานึกถึงคำพูดที่เอริกะเคยขู่เขาเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ เพราะถึงแม้ว่าในคราวก่อนไดเอน่าจะมีท่าทีสบายๆ ก็จริงแต่ว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับเธอถึงขนาดจะรู้ถึงนิสัยจริงๆ ได้จนทำให้เขารีบตัดสินใจที่จะบอกลาเพื่อนใหม่ทั้งสองคนและเดินตรงไปทางห้องสภานักเรียนในทันที
“…แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะทีออส? จะออกไปเดินในเมืองหาอะไรกินหรือว่าจะซื้อของเข้ามาทำกันเองดีล่ะ?”
“นายหมายถึงจะซื้อของเข้าไปทำอะไรกินกันในหอพักน่ะนะ? ผู้ดูแลเขาจะอนุญาตหรอ?”
“ไม่ลองก็ไม่รู้ใช่มั้ยล่ะ? เอาเป็นว่าเอาเอกสารนี่ไปให้ผู้ดูแลแล้วก็ลองขอดูก่อน แล้วถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยออกไปหาอะไรกินก็ละกัน เอ๊า ไปกันเถอะ”