บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1021 บดขยี้พวกมันทีละคน
บทที่ 1021 บดขยี้พวกมันทีละคน
บทที่ 1021 บดขยี้พวกมันทีละคน
ชู่ว!
ภายในอุโมงค์ ชั้นของปราณวิญญาณครามอันหนักอึ้งได้ลดลงอย่างฉับไวดุจกระแสน้ำ ทำให้วิสัยทัศน์ของเฉินซีเปิดขึ้น เผยให้เห็นเงาร่างหนาแน่น
ด้านหน้าคือกลุ่มผู้ข้ามผ่านจำนวนมาก และผู้ที่เดินนำคือเซียวอวิ๋น ด้านหลังคือกลุ่มองครักษ์ในชุดเกราะสีดำประมาณร้อยคน พวกเขาทั้งหมดต่างมีท่าทางดุร้าย ทุกคนคำรามและสาปแช่งไม่จบสิ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเห็นร่างสูงในระยะไกล เสียงทั้งหมดพลันหยุดชะงัก ฝีเท้าของพวกเขาก็หยุดลงเช่นกัน
“เฉินซี! ชายคนนั้นคือเฉินซี! ฮ่า ฮ่า! เขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ!” เซียวอวิ๋นตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มหัวเราะดังลั่น และถอยกลับไปทางด้านหลังของกลุ่มคนแทน ช่วยไม่ได้ เพราะเจ้าตัวตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งของเฉินซี
“ชายคนนั้นคือเฉินซีหรือ?”
สายตาของผู้ข้ามผ่านทั้งหมดมองเฉินซีด้วยความรู้สึกซับซ้อน
พวกเขาพอจะคาดเดาได้ว่า การที่ทุกคนถูกจับและถูกนำตัวมายังเหมืองวิญญาณคราม เป็นเพราะถูกชายหนุ่มตรงหน้าลากเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งบางอย่าง อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และได้รับการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง จึงอดรู้สึกโกรธแค้นและเกลียดชังในใจไม่ได้
แต่เมื่อหวนนึกถึงหวงซินผู้เป็นเซียนสวรรค์ และหมอกวิบัติเบญจพิษไม่สามารถทำอะไรกับชายหนุ่มคนนี้ได้ ทุกคนพลันรู้สึกทั้งหวาดผวาและเกรงกลัว ความรู้สึกของพวกเขาซับซ้อนอย่างยิ่ง
“โอ้ เจ้าเด็กนี้เป็นคนที่ฆ่าใต้เท้าหวงซินเหรอ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? แน่นอนว่ามันต้องใช้วิธีลับ เพื่อฆ่าใต้เท้าหวงซิน!”
“ฮ่า ฮ่า! สวรรค์เมตตาเราแล้ว ในเมื่อเราพบมันแล้ว จับตัวมัน แล้วไปรับรางวัลจากใต้เท้าเหวยเจิ้ง!”
องครักษ์ทุกคนเผยสีหน้าอำมหิตออกมา ขณะวิจารณ์เฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เร็วเข้า! พวกเจ้าทุกคนจงไปฆ่าคนผู้นั้นซะ! เมื่อใดที่พวกเจ้าทำภารกิจนี้สำเร็จ เราจะปล่อยตัวพวกเจ้าไป!”
องครักษ์คนหนึ่งเหวี่ยงแส้เหล็กในมือ ขณะออกคำสั่งเสียงดัง
“เราจะได้รับการปล่อยตัวหากเราฆ่าเขาได้หรือ?”
ดวงตาของผู้ข้ามผ่านทั้งหมดเป็นประกาย พวกเขาจ้องเฉินซีด้วยแววตาโหดเหี้ยม
เฉินซีประเมินความสามารถคนเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา และส่ายศีรษะเมื่อเห็นสิ่งนี้ “ทุกคน ในเมื่อพวกเจ้าก็ถูกจับและถูกนำตัวมาเป็นทาสอยู่ที่นี่เช่นกัน หรือพวกเจ้าคิดจะช่วยคนชั่วทำเรื่องต่ำช้าและเป็นศัตรูกับข้า?”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ร่างของเฉินซีก็เหยียดตรง ดวงตาเปล่งประกายด้วยแสงเจิดจ้า ทั้งร่างเปล่งแสงประกายระยิบระยับเช่นกัน กลิ่นอายอันหนาแน่นเริ่มส่งเสียงดังกังวาน ส่งให้ชายหนุ่มเป็นเหมือนเทพอสูรโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล และพลังของเขาก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าคิดว่าไอ้สารเลวพวกนี้จะปล่อยพวกเจ้าไปหลังจากสังหารข้าเฉินซีผู้นี้จริงหรือ? ลองทบทวนดู พวกเจ้าล้วนเคยเห็นหมอกวิบัติเบญจพิษมาแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็จะปิดปากพวกเจ้าทุกคนด้วยความตาย และไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าคนใดออกไป!”
เสียงของเฉินซีทุ้มเหมือนเสียงฟ้าร้องดังก้องข้างหู และกระแทกตรงใจของทุกคน ณ ที่แห่งนี้
ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม เพราะคำพูดของเฉินซีตรงกับสิ่งที่พวกเขากังวล
“ตามข้ามาและฆ่าไอ้สารเลวพวกนี้ให้ดับดิ้น บางทีพวกเจ้าอาจจะมีโอกาสรอด ข้าขอถามพวกเจ้า สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้พวกเจ้าเต็มใจหรือไม่!?”
ดวงตาของเฉินซีเหมือนสายฟ้าที่ฟาดผ่านใบหน้าของผู้ข้ามผ่านทั้งหมด
พวกเขาทั้งหมดตกตะลึง “เข่นฆ่าพวกมันออกไปให้พ้นทางหรือ?”
ขณะเดียวกัน ทุกคนต่างคิดในใจ ‘ใช่แล้ว เฉินซีสามารถฆ่าหวงซินได้ และไม่เกรงกลัวต่อหมอกวิบัติเบญจพิษ เขาอาจมีไพ่ตายอยู่ ดังนั้นอาจมีโอกาสที่เราจะปลดแอกจากการเป็นทาส หากเราต่อสู้เคียงข้างเขา’
“อย่าฟังวาจาไร้สาระของมัน อย่าลืมว่าที่เราตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เป็นเพราะเราถูกคนผู้นี้ลากเข้ามาเกี่ยวพันกับปัญหา มีแต่ต้องจับตัวมันเท่านั้น เราจึงจะมีโอกาสรอดออกไปได้!” เซียวอวิ๋นตะโกนออกมาทันทีด้วยเสียงอันน่ากลัว “ลองทบทวนเสียก่อน มีเซียนสวรรค์อีกสามคนที่ควบแน่นพลังของกฎและเซียนลึกลับผู้ยิ่งใหญ่อยู่ด้านนอก พวกเจ้าทุกคนคิดว่าคนผู้นี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้หรือ?”
ทันทีที่กล่าวออกไป ราวกับถังน้ำเย็นถูกราดลงบนผู้ข้ามผ่านทุกคน และทำให้แรงกระตุ้นในใจของพวกเขาดับลงทันที
เป็นอย่างที่เซียวอวิ๋นกล่าว มีเซียนลึกลับเฝ้าระวังอยู่ด้านนอก และเฉินซีอาจยังไม่ได้ควบแน่นพลังของกฎด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจะเป็นคู่ต่อสู้กับเซียนลึกลับได้อย่างไร?
เซียนลึกลับ คือผู้ที่ก้าวข้ามอุปสรรคของความลึกลับทั้งสาม ทั้งยังเป็นการดำรงอยู่อันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถควบคุมจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ โลก และพลังชีวิตได้อย่างสมบูรณ์!
ช่องว่างในขอบเขตการบ่มเพาะของพวกเขา ทำให้เซียนลึกลับสามารถบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง และคมกริบประดุจดาบ ขณะจ้องเซียวอวิ๋นอย่างเย็นชา “เพื่อจะฆ่าข้า คนผู้นี้ไม่ลังเลเลยที่จะหลอกลวงคนอื่น เขาสมควรตายอย่างแท้จริง!”
เมื่อเผชิญกับการจ้องมองของเฉินซี เซียวอวิ๋นเริ่มยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ ในขณะที่ริมฝีปากของเขาแยกออกเล็กน้อย และขยับปากกล่าวโดยไร้เสียง “เจ้าตายแล้ว!”
เพี๊ยะ!
เสียงหวดแส้เหล็กดังก้องไปทั่วท้องฟ้า องครักษ์ตะโกนอย่างหมดความอดทน “ไอ้พวกสารเลวนี่! ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าทุกคนจงเชื่อฟังและฆ่าชายคนนั้นเดี๋ยวนี้ซะ! มิฉะนั้น…”
อีกฝ่ายยังกล่าวไม่ทันจบ เป็นเฉินซีที่ก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ กดไหล่ลงเล็กน้อย กระแสปราณจ้าววิญญาณอมตะพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่งภายในท่อนแขน จากนั้นก็เกิดแสงลุกโชนราวกับแสงของดวงดาวนับไม่ถ้วนกลืนกินทั้งฝ่ามือ เพียงครู่ ดวงดาวนับไม่ถ้วนได้หลุดจากฝ่ามือและโบยบินออกไป
ปัง! ปัง! ปัง!
พลังฝ่ามือขนาดใหญ่จำนวนมากลอยขึ้นท้องฟ้า เฉินซีฟาดฝ่ามือมหาดาราหลายสิบครั้ง!
ทุก ๆ ฝ่ามือมหาดาราที่ซัดออกไปในครั้งนี้ แฝงด้วยปราณจ้าววิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวพลุ่งพล่านเหมือนมหาสมุทร ความล้ำลึกมากมายไหลเวียนอยู่ภายในฝ่ามือ และรวมตัวเป็นดวงดาว ทำให้ดูเหมือนฝ่ามือดวงดาวมาบรรจบกัน
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือ พลังฝ่ามือมากมายเหล่านี้ แท้จริงแล้วซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ เหมือนกับฝ่ามือหมื่นคลื่นใต้พิภพ พวกมันเหมือนคลื่นมหึมาระลอกแล้วระลอกเล่าส่งเสียงหวีดหวิว ตั้งใจบดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง
ตูม!
องครักษ์ที่กล่าวก่อนหน้านี้เหมือนถูกสายฟ้าฟาดเข้าอย่างจัง และระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมกับเสียงดังโพละ! เลือดและเนื้อสาดกระเซ็นขึ้นสู่ท้องฟ้า ตายคาที่อยู่ตรงนั้น
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
อึดใจต่อมา ฝ่ามือมหาดาราที่แตกออกเป็นคลื่นรุนแรงชั้นแล้วชั้นเล่าได้ถาโถมเข้าใส่กลุ่มองครักษ์ด้วยอานุภาพอันทรงพลัง ทุกที่ที่มันผ่าน เกิดภาพแขนขาขาดกระเด็นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ฝนโลหิตโปรยปราย พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนดังก้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีของเฉินซีได้แม้แต่คนเดียว!
นี่คือการกวาดล้างโดยสมบูรณ์
อุโมงค์เปียกชื้นและมืดมิด ไม่มีที่ว่างมากนัก และตอนนี้มันเต็มไปด้วยฝ่ามือมหาดารา ดูคล้ายกระแสน้ำพุ่งซัดสาดผ่านอุโมงค์ ทุกที่ที่นิ้วชี้ไป ราวกับไม่มีผู้ต่อต้านยืนอยู่ต่อหน้าเขา!
ในเวลาเพียงพริบตา เฉินซีก็สังหารองครักษ์ไปถึงสี่สิบหกคน บาดเจ็บสาหัสถึงสามสิบเจ็ดคน เหลือเพียงยี่สิบเอ็ดคนที่ไม่เป็นอันตรายและยังคงยืนอยู่!
อย่างไรก็ตาม องครักษ์ที่ไม่เป็นอันตรายล้วนหวาดกลัวจนร่างกายแข็งทื่อไปตั้งนานแล้ว ขาของพวกเขาสั่นเทา ในขณะที่วิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง และท่าทางก็คล้ายเห็นภูตผีน่าสยดสยองเข้า
จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงเลือดไหลรินและกลิ่นสนิมที่อบอวลอยู่ในความเงียบ
ผู้ข้ามผ่านต่างเบิกตากว้าง กรามของพวกเขาแทบจะหล่นลงกับพื้น
เฉินซีไม่ได้ลงมือกับพวกเขาในครั้งนี้ มิฉะนั้นเพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวก็สามารถสังหารเหล่าผู้ข้ามผ่านได้เกือบทั้งหมด
ตูม!
ในขณะเดียวกันเซียวอวิ๋นส่งเสียงร้องโหยหวน เขาถูกเฉินซีกระทืบลงกับพื้น เลือดทะลักออกจากปาก แต่กลับไม่สามารถขัดขืนได้เลย
“แค่กลุ่มองครักษ์ขอบเขตเซียนปฐพี แต่พวกมันกลับสามารถทำให้พวกเจ้าที่เป็นเซียนสวรรค์ต้องยอมจำนนเหมือนทาสได้ มันช่างน่าสมเพชจริง ๆ!”
เฉินซีหยุดโจมตี กวาดสายตาผ่านทุกคน เสียงของเขาเปรียบดั่งใบมีดแหลมคมที่กรีดหัวใจของผู้ข้ามผ่านทุกคนอย่างเลือดเย็น ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
“คลังเก็บสมบัติวิเศษของเราถูกยึดไป ไม่มีศิลาอมตะที่จะบ่มเพาะและเติมเต็มปราณเซียนพิสุทธิ์ เราหมดแรงและเหนื่อยล้า แล้วเราจะต่อกรกับองครักษ์เหล่านี้ได้อย่างไร” มีคนปฏิเสธที่จะยอมรับคำวิจารณ์นี้ และโต้แย้งออกมาเสียงดัง
“ใช่แล้ว หากเรามีศิลาอมตะเพียงพอและฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้ควบแน่นพลังของกฎ แต่เราก็สามารถทำลายล้างไอ้สารเลวขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย!” คนอื่นต่างทยอยกล่าวสนับสนุน
เฉินซีดึงกระเป๋าเก็บของออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “สิ่งนี่เต็มไปด้วยศิลาอมตะ ถ้าพวกเจ้าคิดว่าสิ่งที่ข้ากล่าวเป็นการดูถูก ก็จงใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด ฟื้นกำลังซะ แล้วจากนั้น…”
เขายกมือขึ้นชี้ไปที่องครักษ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ “ก็ฆ่าพวกมันซะ แสดงให้ข้าดูว่าพวกเจ้ายังมีความกล้าหาญเช่นนั้นจริงหรือไม่!”
ดวงตาของผู้ข้ามผ่านทั้งหมดเป็นประกาย หลังจากที่เห็นเฉินซีโยนกระเป๋าเก็บศิลาอมตะออกมา ทุกคนเผยความตื่นเต้นออกมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงรู้สึกลังเล เมื่อได้ยินว่าเฉินซีต้องการให้พวกเขาสังหารองครักษ์เหล่านี้
พวกเขาทราบอย่างชัดเจนว่า หากทำเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเหวยเจิ้งและคนอื่น ๆ ดังนั้น เมื่อกลับออกไปที่ผิวโลก ไม่แคล้วจะต้องเผชิญกับปัญหามากมายอย่างแน่นอน
แต่ถ้าพวกเขาไม่ทำ ก็อาจถูกเฉินซีฆ่าตายทันที!
“อย่า! อย่าไปฟังมัน! หากพวกเจ้าทำเช่นนี้ พวกเจ้าไม่กลัวการแก้แค้นของใต้เท้าสยงหมิงหรือ?” องครักษ์ตวาดออกมาอย่างบ้าคลั่ง
องครักษ์บางคนถึงกับหันหลังหนีไปทางอุโมงค์ที่นำไปสู่โลกภายนอก
“คุกเข่า!” เฉินซีคำรามอย่างเย็นชา ดวงตาเปิดขึ้นบนหน้าผาก จากนั้นยิงแสงแห่งการทำลายล้างออกมา และปิดผนึกทางเดินในอุโมงค์โดยสมบูรณ์ เขาฟาดฝ่ามือออกไป ทำให้เกิดเสียงทุบดังก้องอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าองครักษ์เหล่านั้นจะหลบหนีหรือไม่ก็ตาม เข่าของพวกเขาก็ถูกฟาดจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทุกคนจึงคุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าสมเพช
ทันใดนั้น ผู้ข้ามผ่านคนหนึ่งก็ร้องออกมาเมื่อเห็นสิ่งนี้ “ตกลง! ข้าตกลงที่เข่นฆ่าไปพร้อมกับสหายเต๋าเฉินซี! มารดามันเถอะ! เลวร้ายที่สุด ก็แค่ตายเท่านั้น!”
“เจ้ามีนามว่าอันใด?” เฉินซีเอ่ย
“เยว่จงสือ!”
“ประเสริฐยิ่ง ศิลาอมตะในกระเป๋านี้เป็นของเจ้า!” เฉินซีโบกมือและโยนกระเป๋าออกไป
เยว่จงสือมีความสุขมาก “ขอบคุณ สหายเต๋าเฉินซี!”
ผู้ข้ามผ่านคนอื่น ๆ หยุดลังเลทันที พวกเขาก้าวไปข้างหน้าทีละคน พร้อมกับแสดงความเต็มใจที่จะเข่นฆ่าศัตรูเคียงข้างเฉินซี
แต่เฉินซีไม่ได้ทำให้พวกเขาต้องลำบาก เพียงสั่งให้เหล่าผู้ข้ามผ่านสังหารองครักษ์เหล่านั้นด้วยสองมือของตนเอง ก่อนที่พวกเขาจะได้ศิลาอมตะมาบ่มเพาะ ซึ่งทุกคนก็ทำตามคำสั่งแต่โดยดี
ไม่นานองครักษ์ทั้งหมดก็ถูกสังหารไปทีละคน และสภาพการตายของพวกเขาก็น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผู้ข้ามผ่านเหล่านั้นได้เก็บสะสมความแค้นและความเกลียดชังไว้เสียเต็มอก เมื่อมีโอกาสพวกเขาจะไม่ระบายความแค้นและความเกลียดชังในใจได้อย่างไร?
“ข้า…ข้าก็เต็มใจเหมือนกัน” บนพื้นดิน เซียวอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัว และกล่าวอย่างกระวนกระวาย “สหายเต๋าเฉินซี ไม่ซิ ใต้เท้าเฉินซี ได้โปรด ข้าขอวิงวอนต่อท่าน ได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้าขอรับประกันว่าข้าจะตอบแทนท่านอย่างถึงที่สุด หากข้าไปจากที่นี่ได้ และข้าจะไม่คืนคำเด็ดขาด!”
เฉินซีก้มศีรษะลงเพื่อมองเซียวอวิ๋น รอยยิ้มเย็นชาผุดขึ้นที่มุมปาก “คนอื่นทำได้ แต่เจ้าเท่านั้นที่ทำไม่ได้”
ใบหน้าของเซียวอวิ๋นพลันซีดลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธ “เฉินซี กำลังเสริมของข้ากำลังจะมาถึง หากเจ้าฆ่าข้าตอนนี้ เจ้าจะไม่อาจหนีพ้นจากความตายได้!”
เฉินซียังคงไม่ไหวติง ในขณะที่เขากล่าวอย่างเฉยเมยว่า “เมื่อกำลังเสริมของเจ้ามาถึง คนแรกที่พวกมันจะจัดการ ก็คงเป็นข้าใช่หรือไม่?”
โพละ!
เสียงของเฉินซีเพิ่งดังก้องอยู่ในอากาศ เขาออกแรงด้วยปลายเท้า และบดขยี้ลำคอของเซียวอวิ๋นจนหักอย่างง่ายดาย ในขณะที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาหวาดกลัวและสิ้นหวังของเซียวอวิ๋น
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ข้ามผ่านคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกโชคดีในใจ และพวกเขาตระหนักอย่างชัดเจนว่า หากก่อนหน้านี้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเฉินซี อาจมีจุดจบเช่นเดียวกับเซียวอวิ๋น
“ทุกคน ใช้เวลาของเจ้าให้คุ้มค่าที่สุด ศัตรูของเราอาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้ว…” เฉินซีแหงนหน้าขึ้น ในขณะที่ดวงตาอันลึกล้ำของเขาดูเหมือนจะจ้องมองไปยังบริเวณด้านนอกอุโมงค์แห่งนี้