บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1029 เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า
บทที่ 1029 เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า
บทที่ 1029 เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า
เมื่อพบว่ามู่จวินหลินเป็นหนึ่งในหกสุริยันอันเจิดจ้าของภพเซียน ชายชราและชายวัยกลางคนต่างมึนงง พร้อมกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ
สำหรับการดำรงอยู่เช่นพวกเขาที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ อาจไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยได้ก้าวออกจากทวีปสันติบูรพาไปตลอดทั้งชีวิต แต่ยามนี้ เมื่อได้เห็นหนึ่งในสุริยันอันเจิดจ้าปรากฏต่อหน้าตน ความตกใจจึงยิ่งชัดเจน
เฉินซีก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของมู่จวินหลินมีต่อเขา ความชื่นชมในใจพลันหายไปหมดสิ้น และรู้สึกเฉยเมยเล็กน้อย
เป็นหนึ่งในหกสุริยันอันเจิดจ้าแล้วอย่างไร?
แม้เต๋าแห่งสวรรค์จะมองว่าข้าเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ แต่ข้ายังฝืนข้ามผ่านสู่ภพเซียนได้สำเร็จมิใช่หรือ?
ตราบใดที่ข้าทำงานหนักมากพอ จะมีใครกล้าแย้งว่าข้าจะเก่งกว่าเขาไม่ได้?
ความพยายามของมนุษย์คือปัจจัยชี้ขาด และสามารถพิชิตเจตจำนงแห่งสวรรค์ได้
แม้เฉินซีจะไม่ใช่คนหยิ่งยโส แต่ก็ไม่เคยดูถูกตัวเอง
“ถ้าข้ารู้ว่านางคือญาติของมู่จวินหลิน ข้าคงไม่กล้าให้ท่านเมิ่งซิงพาตัวนางไปในวันนั้น แม้ข้าจะถูกฆ่าตายก็ตาม” ชายชราที่อยู่ใกล้เคียงถอนหายใจ
เฉินซีขมวดคิ้ว เพราะเขาไม่ชอบการกระทำของมู่จวินหลินอยู่บ้าง หรือบางทีเขาอาจไม่อยากได้ยินชื่อของมู่จวินหลิน จึงเอ่ยถามทันที “เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าคือสิ่งใดหรือ?”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นจริงจังทันควัน “นายน้อยมีบางอย่างที่ท่านไม่รู้ เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า ได้รับการตั้งชื่อตามความหมายของการทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ถูกจัดอันดับล้วนเป็นสุดยอดอัจฉริยะในสี่พันเก้าร้อยทวีปของภพเซียน กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาและรากฐานอันลึกล้ำเท่านั้น จึงจะปรากฏในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าได้…”
ตามคำบอกเล่าของชายชรา เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า ถูกแบ่งออกเป็นสี่พันเก้าร้อยเทียบอันดับตามจำนวนทวีป ตัวอย่างเช่นทวีปสันติบูรพาก็ครอบครองเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าเป็นของตนเอง
การจัดอันดับประเภทนี้เรียกว่า เทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป
ท้ายที่สุดแล้ว ภพเซียนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลอย่างแท้จริง ทุก ๆ หนึ่งในสี่พันร้อยทวีปจะมีเมืองอย่างน้อยแปดหมื่นเมือง และมีสิ่งมีชีวิตหลายพันล้านอาศัยอยู่ในแต่ละทวีป
เห็นได้ชัดว่าหากรวบรวมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในภพเซียน จำนวนของพวกมันจะต้องสร้างความตกตะลึงอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าจึงถูกแบ่งออกเป็นอันดับทวีปและอันดับเซียน
ตามคำอธิบายของชายชรา เฉพาะผู้เยี่ยมยุทธ์ของภพเซียนที่ติดหนึ่งร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปในสี่พันเก้าร้อยทวีปเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติที่จะได้รับการจัดเข้าสู่เทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า
ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีคุณสมบัติ แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะประสบความสำเร็จได้
ตามบันทึกในอดีต ทวีปสันติบูรพามีคนแค่สิบกว่าคนเท่านั้นที่ติดร้อยอันดับแรกของการจัดเทียบเซียนภาคพื้นทวีป และปรากฏอยู่ในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น อันดับของพวกเขาก็ยังตามหลังอยู่มาก
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งโดยรวมของทวีปสันติบูรพา ในบรรดาสี่พันเก้าร้อยทวีปในภพเซียน ทวีปสันติบูรพาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในทวีปที่ธรรมดาที่สุด และยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับทวีปที่มีนิกายโบราณจำนวนมากตั้งรกรากอยู่ภายใน นับประสาอะไรกับทวีปอันยิ่งใหญ่ทั้งสี่อย่างทวีปดาราวีรบุรุษ ทวีปรัตติกาล ทวีปนภาเหมันต์ และทวีปวิถีล้ำลึก
นี่เป็นเพียงการแบ่งในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า สำหรับคุณสมบัติที่จะได้รับการจัดอันดับนั้น มีเงื่อนไขและข้อจำกัดมากมาย เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดคือการบ่มเพาะจะต้องไม่เกินขอบเขตเซียนทองคำ!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เซียนสวรรค์และเซียนลึกลับเท่านั้นที่มีคุณสมบัติได้รับเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า
แม้จะดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วง่ายมาก เฉพาะผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเซียนทองคำเท่านั้นจึงจะได้รับการจัดอันดับอยู่ในเทียบอันดับนี้ และเฉพาะผู้ที่มีพรสวรรค์อันไม่ธรรมดาเท่านั้นที่สามารถฝากชื่อไว้ในเทียบอันดับนี้ได้
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ ไม่ว่าจะเป็นเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปหรือเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า ทั้งคู่ต่างได้รับการเผยแพร่โดยศาลเซียน ยิ่งไปกว่านั้น มันถูกตรวจสอบและถ่วงดุลโดยกฎแห่งเต๋าสวรรค์ แม้แต่ราชันเซียนก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้
หลังจากได้รู้เรื่องทั้งหมดนี้ เฉินซีก็เข้าใจว่าทำไมมู่จวินหลินถึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ก่อนจะจากไป และยังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเฉินซีไม่สามารถเข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้
เหตุผลคือ เป็นเรื่องยากมากที่จะติดอันดับเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า นับประสาอะไรกับการติดหนึ่งในพันอันดับแรก
ในทางกลับกัน เงื่อนไขพื้นฐานในการลงทะเบียน เพื่อรับการทดสอบเพื่อเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า จำต้องอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า และเป็นเงื่อนไขที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้
แม้กระทั่งในบรรดาสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในภพเซียน มีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ในขณะที่คนส่วนมาก ไม่มีวาสนาที่จะประสบความสำเร็จ
“นึกไม่ถึงเลย เพียงแค่การสอบเข้าสำนักถึงกลับต้องมีเงื่อนไขโหดร้ายเช่นนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นพิเศษเพียงใด ไม่น่าแปลกใจที่ศิษย์พี่หญิงจะเอ่ยว่า ตราบเท่าที่ข้าเข้าสำนักได้ แม้แต่ตระกูลจั่วชิว ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรข้า…”
หลังจากเข้าใจเรื่องทั้งหมด เฉินซีก็ถอนหายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ใช่แค่ภพมนุษย์ แม้แต่ภพเซียนก็เต็มไปด้วยการแข่งขัน ในขณะที่ความแข็งแกร่งเป็นมาตรฐานในการตัดสินทุกสิ่ง แม้กระทั่งการวัดความแข็งแกร่งและสถานะในภพเซียน ก็ยังสมจริงและโหดร้ายยิ่งกว่าภพมนุษย์เสียอีก
หลังจากนั้น เฉินซีก็รับตราเซียนมาจากชายชรา เขาขอแผนที่ ก่อนจะกล่าวอำลาและจากไป
“ในที่สุดก็ไปสักที” ชายชราถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางผ่อนคลายร่างกายที่ตึงเครียด กล่าวตามจริง เขากังวลมากว่าเฉินซีจะปิดปากพวกตนหลังจากได้รับตราเซียนแล้ว
ถึงอย่างไร เฉินซีก็ยังถูกหมายหัวจากผู้คนในทวีปสันติบูรพาอยู่ดี และเพื่อป้องกันไม่ให้ร่องรอยถูกเปิดเผย การฆ่าปิดปากจึงเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว
แต่เฉินซีไม่ได้กระทำเช่นนั้น ทำให้ชายชราถอนหายใจที่รอดจากภัยพิบัติในครั้งนี้
“เด็กคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เขาสามารถหลบหนีจากเหมืองวิญญาณคราม ได้พบกับลูกพี่ลูกน้องของมู่จวินหลิน นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้” ชายวัยกลางคนสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพึมพำ “ถ้าเราไม่นับเรื่องนี้ การที่ราชันเซียนลิ่นฮ่าวส่งกองกำลังจำนวนมาก เพียงเพื่อจับตัวเขา ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา”
“ถูกต้อง แม้จะแค่เรื่องความแข็งแกร่ง แต่เจ้าเคยเห็นผู้ข้ามผ่านที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับเขาหลังจากขึ้นสู่ภพเซียนเพียงไม่กี่วันหรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่เราได้รวบรวมพลังของกฎแล้ว แต่แท้จริง เรากลับพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย…” เมื่อชายชรากล่าวจบพลางเผยสีหน้าบูดบึ้งออกมา แม้ส่วนใหญ่ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความตกใจและมีท่าทางหวาดกลัวก็ตาม
“เฮ้อ น่าเสียดาย หากเขายังอยู่ภายในทวีปสันติบูรพา เขาอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมโดยราชันเซียนลิ่นฮ่าวได้เป็นแน่” ชายวัยกลางคนถอนหายใจ
ชายชราคำราม “อย่าลืมว่ามู่จวินหลินขู่ว่าจะไปพบราชันเซียนลิ่นฮ่าว และแม้แต่กับราชันเซียน บางทีอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นก็เป็นได้”
ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะและหัวเราะอย่างขมขื่น “อันที่จริง ทั้งหมดนี่ไม่เกี่ยวกับเราเลยมิใช่หรือ? อย่างไรก็ตาม เราเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ คอยทำหน้าที่เฝ้าโถงสวรรค์ จะเป็นการดีกว่าถ้าเราตั้งสติและอยู่ที่นี่เงียบ ๆ เด็กคนนั้นถือได้ว่าจิตใจดีมีเมตตา เขาไม่ได้ฆ่าปิดปากเรา ดังนั้นเราจะเปิดเผยร่องรอยของเขาไม่ได้ มิฉะนั้นจะเท่ากับการวิ่งลงไปในแอ่งน้ำที่มีแต่โคลนตม และอาจเกิดเหตุร้ายบางอย่างกับเราได้”
ชายชราพยักหน้าและเห็นด้วยอย่างยิ่ง
…
ยามนี้ เฉินซีได้ออกจากโถงสวรรค์แล้ว
เป้าหมายของเขาคือมุ่งหน้าไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด เมืองรัศมีเมฆา เพื่อสืบหาข้อมูลของค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ หลังจากนั้น เขาจะออกจากทวีปสันติบูรพาและมุ่งหน้าไปยังทวีปดาราวีรบุรุษ ในระหว่างนี้ เขาต้องทุ่มเทบ่มเพาะเพื่อให้ได้รับการจัดอันดับในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า และพุ่งเข้าสู่หนึ่งพันอันดับแรกให้ได้
เขาจะยังไม่คิดติดต่อกับชิวอวิ๋นเซิงจากภูเขาเซียนสายหมอกในตอนนี้
ท้ายที่สุด นี่คือภพเซียน แม้จะสยบชิวอวิ๋นเซิงได้ แต่ชิวอวิ๋นเซิงก็ได้รับการสนับสนุนจากภูเขาเซียนสายหมอก หากชิวอวิ๋นเซิงคิดวางแผนร้ายต่อเฉินซี ก็เป็นการยากที่จะป้องกัน
ในทำนองเดียวกัน ทวีปสันติบูรพาก็ไม่ใช่สถานที่ที่ไม่สามารถอยู่ได้นาน แม้เฉินซีจะไม่รู้ว่าเหตุใดราชันเซียนลิ่นฮ่าวจึงสั่งให้จับกุมตน แต่เหตุการณ์นี้ได้คุกคามเฉินซีแล้ว ดังนั้นหากยังรั้งอยู่ที่นี่ สถานการณ์ของเขาจะยิ่งอันตรายมากขึ้น
‘เมื่อข้าได้เข้าร่วมสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ข้าจะเริ่มสืบหาที่อยู่ของท่านพ่อท่านแม่ แต่ก่อนอื่น ข้าต้องขัดเกลาพลังฝีมือให้กล้าแกร่งขึ้น มิฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงการช่วยเหลือพวกเขา แม้แต่การตั้งหลักก็ยังยาก…’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ในใจขณะบินอยู่กลางอากาศ
เขาทราบดีว่า ตนเพิ่งมาถึงภพเซียนได้ไม่นาน ดังนั้น ก่อนที่จะผสานเข้ากับภพเซียนอย่างสมบูรณ์ จำต้องทำไปทีละขั้น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่หมายมั่นไว้ ไม่อาจใจร้อนได้
‘ข้าสงสัยว่าเมืองรัศมีเมฆาจะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติที่นำไปสู่ทวีปอื่นหรือไม่? ระดับการบ่มเพาะของข้ายังไม่อาจสำรวจระหว่างทวีปได้..’
เฉินซีรู้ว่าภายใต้กฎแห่งฟ้าดินในภพเซียน การเดินทางระหว่างทวีปเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะเส้นทางเต็มไปด้วยกระแสกาลอวกาศและหมอกพิษที่ปั่นป่วนวุ่นวาย หากหลงตกลงไปในนั้น ผลที่ตามมาก็ยากจะจินตนการถึง
มีเพียงการดำรงอยู่ในขอบเขตเซียนทองคำเท่านั้น ที่สามารถเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ เพื่อเดินทางระหว่างทวีปโดยไม่พลัดหลง
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเซียนทองคำ จำต้องอาศัยค่ายกลโบราณเคลื่อนย้ายมิติ เพื่อเดินทางระหว่างทวีปเท่านั้น
ค่ายกลโบราณเคลื่อนย้ายมิติระหว่างทวีปนั้นมีมาตั้งยุคบรรพกาล ต่อมาพวกมันถูกควบคุมโดยศาลเซียน และอยู่ในการควบคุมของตำหนักราชันเซียนทวีปต่าง ๆ
สำหรับเมืองรัศมีเมฆา เป็นเมืองที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ในทวีปสันติบูรพา มันเป็นเมืองที่เฟื่องฟูและมั่งคั่ง มีผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน ดังนั้นการรวบรวมข้อมูลที่นั่นจึงดีกว่าการค้นหาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
ขณะที่เฉินซีบินเคลื่อนผ่านท้องฟ้า ก็ชมดูทิวทัศน์ของภพเซียนไปพลาง ๆ พร้อมกับควบแน่นกฎไปด้วย
เฉินซีไม่ได้ใช้ร่างอวตารของเขาในการเดินทาง แต่ทิ้งมันไว้ในโลกแห่งดาราเพื่อเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะ ขัดเกลาการบ่มเพาะ และทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายา แต่เมื่อเทียบกับร่างหลัก ความแข็งแกร่งของร่างอวตารนั้นอ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวได้
แม้ร่างอวตารจะสามารถฆ่าผู้ข้ามผ่านเช่นเซียวอวิ๋น หนานกงฮุ่ย และคนอื่น ๆ ได้ก็ตาม แต่ยังไม่อาจเทียบได้กับเซียนสวรรค์ที่ควบแน่นพลังของกฎ
‘ขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายาคือการสร้างร่างกายขึ้นใหม่ เป็นการชำระกระดูกกับเส้นเอ็น และควบแน่นโลหิตจ้าววิญญาณเซียน หลังจากบรรลุขอบเขตนี้ พลังต่อสู้ของร่างอวตารอาจทรงพลังมากกว่าร่างหลักเสียด้วยซ้ำ แต่มันก็ช่างยากเสียเหลือเกิน…’
เฉินซีนึกถึงสภาวะอันโหดร้ายแสนจำเป็นต่อการบรรลุสู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ในการขัดเกลากายา พลันขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขาไม่ได้ขาดเคล็ดวิชาขัดเกลากายา และไม่ได้ขาดความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้ง แต่ขาดเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ศิลาโลหิตจ้าววิญญาณเซียน!