บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1038 ยันต์โบราณที่ได้รับความเสียหาย
บทที่ 1038 ยันต์โบราณที่ได้รับความเสียหาย
บทที่ 1038 ยันต์โบราณที่ได้รับความเสียหาย
เมื่อเห็นเสวียนอวิ๋นถามชื่อของเฉินซี อู๋หยวนกำลังจะแนะนำเฉินซี แต่เจ้าตัวกลับตกตะลึงจนตัวแข็งไป เพราะตั้งแต่ต้นจนจบเขายังไม่เคยเอ่ยถามชื่อของเฉินซีเลยสักครั้ง
นี่ทำให้อู๋หยวนรู้สึกอับอายมาก
เฉินซียิ้ม ไม่ได้คิดมาก “ข้าชื่อเฉินเค่อ”
หากยังไม่ออกจากทวีปสันติบูรพา เขาจะไม่เปิดเผยตัวตนเด็ดขาด
“ใช่แล้ว เป็นคุณชายเฉินเค่อ”
อู๋หยวนแนะนำอย่างอบอุ่น “คุณชายเฉินเค่อ นี่คือผู้อาวุโสเสวียนอวิ๋น จากสำนักศึกษาจตุรเทพแห่งทวีปทักษิณา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อเรื่องเต๋าแห่งยันต์อักขระในภพเซียน ผู้อาวุโสเสวียนอวิ๋นคืออาจารย์ของสำนักศึกษาจตุรเทพ รับผิดชอบเรื่องการจัดหาลูกศิษย์”
สำนักศึกษาจตุรเทพหรือ?
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้ยินชื่อของสำนักนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทีเคารพของอู๋หยวนที่มีต่อเสวียนอวิ๋น เขารู้ดีว่า สำนักนี้จะต้องไม่ใช่กองกำลังธรรมดาอย่างแน่นอน
“เป็นคุณชายเฉินเค่อนี่เอง ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก” เสวียนอวิ๋นพยักหน้าพลางเอ่ย น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความชื่นชมอย่างไม่มีปิดบัง
อู๋หยวนอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ยอดเยี่ยมหรือ? มันหมายความว่าอย่างไร?
“คุณชายเฉินเค่อเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ครั้งนี้ถึงกับสามารถหลอม ‘ยันต์เซียนดารายมโลกแห่งปฐพีที่ห้า’ ได้ ต้องขอบคุณการชี้แนะของท่าน โปรดรับความเคารพจากข้าด้วย!”
ในตอนนั้นเอง อู๋ซวินผุดลุกขึ้นจากโต๊ะ สูดหายใจเข้า เดินตรงมาหาเฉินซี แล้วคุกเข่าลงกับพื้น เผยสีหน้าจริงจังและเคร่งขรึม
เมื่อเห็นอู๋ซวินแสดงความเคารพยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทั้งอู๋หยวนและปรมาจารย์อวี๋ต่างตกตะลึง บังเกิดความสับสนเล็กน้อย
เฉินซีพยุงอู๋ซวินขึ้นมา ก่อนยิ้มเล็กน้อย “ไม่ใช่การชี้แนะอะไรหรอก ข้าแค่ทนดูหยกเทพวิญญาณครามถูกทำลายไม่ได้”
อู๋ซวินหน้าแดง รู้สึกอับอายเล็กน้อย แต่ท่าทีของเขายังคงแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้ง
เช่นเดียวกับผู้เยี่ยมยุทธ์ในวิถีแห่งเต๋า แต่ละคน มีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน
ความสำเร็จในวิถียันต์ของเฉินเค่อ เห็นได้ชัดว่าดีกว่าเขามาก จึงสมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นจากอู๋ซวิน
เฉินซีลอบพยักหน้า ท่าทีของอู๋ซวินนับว่าไม่เลว มีความถ่อมตน หากให้การชี้แนะเสียหน่อยย่อมไม่สูญเปล่า
“เข้าใจแล้ว เมื่อครู่ลูกชายของข้าได้รับความช่วยเหลือคุณชายเฉินเค่อนี่เอง” ตอนนี้อู๋หยวนเข้าใจทุกอย่างในที่สุด เขาประหลาดใจจนไม่อยากเชื่อ
ปรมาจารย์อวี๋ตกตะลึงจนคิ้วสีขาวราวหิมะยังคงสั่นไหว “เมื่อครู่… ที่อู๋ซวินสามารถสร้างยันต์ได้สำเร็จ เป็นเพราะคุณชายเฉินเค่อชี้แนะอย่างนั้นหรือ?”
เฉินซียิ้มเล็กน้อย แต่ไม่อธิบายให้มากความ
อู๋หยวนและปรมาจารย์อวี๋มองหน้ากัน พวกเขามองเห็นความตกตะลึงจากอีกฝ่าย และยังคงรับไม่ได้ ถึงอย่างไรเต๋าแห่งค่ายกลยันต์อักขระ ก็เป็นเรื่องลึกลับและละเอียดอ่อนยิ่ง อย่าว่าแต่ให้คนธรรมดาชี้แนะเลย ต่อให้มองดูก็ยังไม่อาจเข้าใจ
อู๋ซวินสามารถทำได้ภายใต้การชี้แนะของเฉินเค่อ จนหลอมยันต์เซียนได้สำเร็จ เรื่องแบบนี้คนธรรมดาจะทำได้อย่างไร?
แต่ว่า…
เห็นได้ชัดว่าเฉินเค่อผู้นี้มีรากฐานการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น หรือว่าการควบคุมเต๋าแห่งยันต์อักขระ จะไปถึงขั้นสูงสุดของระดับปรมาจารย์แล้ว?
“เหอะ! ไม่อยากจะเชื่อเลย หากไม่ได้รับการชี้แนะจากเฉินเค่อ แล้วลูกชายของเจ้าสามารถหลอมยันต์เซียนนี้ขึ้นมาได้ ข้าคงสักการะเขาในฐานะอาจารย์ไปแล้ว!”
เสวียนอวิ๋นไม่พอใจกับท่าทีของอู๋หยวนและปรมาจารย์อวี๋ ดังนั้นเขาจึงพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของอู๋หยวนพลันน่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าพูดมากเพราะอำนาจและอิทธิพลของอีกฝ่าย และกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ จนทำให้ลูกชายของตนไม่ผ่านการทดสอบ
“ท่านพ่อ สิ่งที่ผู้อาวุโสเสวียนอวิ๋นพูดมาเป็นความจริงทุกประการ ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของคุณชายเฉินเค่อ ครั้งนี้ข้าคงไม่อาจผ่านการทดสอบ” ด้านหนึ่ง อู๋ซวินเห็นว่าผู้เป็นพ่อมีท่าทีอับอาย เขาจึงอดที่จะปลอบประโลมไม่ได้
อู๋หยวนส่ายหน้าก่อนยิ้มออกมา “จริงสิ พ่อได้สัญญาไว้แล้ว ขอเพียงคุณชายเฉินเค่อยื่นเงื่อนไขใด ๆ ข้าก็จะยอมรับทั้งหมด เพื่อเป็นการตอบแทนความเมตตาอันยิ่งใหญ่นี้”
อู๋ซวินครุ่นคิดสักพัก “ก็ต้องเป็นเช่นนั้น”
ทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่เฉินซี ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะต่ำ รูปลักษณ์ดูธรรมดา แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็ไม่มีใครกล้ามองว่าเขาเป็นคนธรรมดาอีกต่อไป ถึงขั้นมองด้วยความนับถือและความเคารพด้วยซ้ำ
พวกเขามั่นใจว่า บุคคลที่มีเต๋าแห่งยันต์อักขระเช่นนี้ ต่อให้รากฐานการบ่มเพาะจะต่ำเตี้ย แต่ก็มีชะตากลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งภพเซียนในอนาคตอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้น เฉินซีกล่าวเงื่อนไขออกมาตามตรง ไม่ได้ต้องการศิลาอมตะ ไม่ได้ต้องการสมบัติ แต่กลับขอให้อู๋หยวนช่วยพาเขาออกจากทวีปสันติบูรพา
เมื่อรู้เงื่อนไขดังกล่าว ไม่ใช่แค่อู๋หยวนเท่านั้น คนอื่นเองก็ตกตะลึงเช่นกัน บางคนถึงขั้นไม่เชื่อ
ไม่ใช่ว่าเงื่อนไขยากเกินไป แต่มันง่ายเกินไปต่างหาก สำหรับศาลาเซียนคลื่นทองคำที่มีอิทธิพลมากถึงหนึ่งในสี่ของภพเซียน การส่งคนนอกทวีปเซียน แทบไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใด
ต่อให้อู๋หยวนเป็นเพียงผู้จัดการศาลาเซียนคลื่นทองคำในเมืองรัศมีเมฆา แต่เรื่องเล็กน้อยนี้ถือว่าไม่หนักหนาอะไร สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่ช้า อู๋หยวนคล้ายกับตระหนักบางอย่างได้ สายตาของเขาแข็งทื่อ ก่อนมองเฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า ถามอย่างไม่มั่นใจ “คุณชายเฉินเค่อ เจ้าไม่ใช่เฉินซีที่ตำหนักราชันเซียนกำลังตามหาในตอนนี้ใช่หรือไม่?”
ทันทีที่พูดจบ หัวใจของปรมาจารย์อวี๋กับอู๋ซวินแทบกระโจนออกมาจากอก ทุกวันนี้ชื่อของเฉินซีนับว่าหนาหูไม่น้อย แม้แต่พวกเขาล้วนเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเฉินซีเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น เขาสามารถทะลวงสู่อันดับหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดบนเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปได้ในชั่วข้ามคืน
หรือเรื่องที่เขาอยู่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น แต่กลับสังหารเซียนลึกลับสยงหมิงได้ จนเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเหมืองวิญญาณคราม ทำให้ตำหนักราชันเซียนเดือดดาล ก่อนตั้งค่าหัวไปทั่วทั้งทวีปสันติบูรพา
แม้กระทั่งปรมาจารย์อวี๋ นักประเมินผู้ยิ่งใหญ่และไม่สนใจเรื่องทางโลกยังทราบเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่าเฉินซีในตอนนี้โด่งดังในทวีปสันติบูรพามากเพียงใด
มีเพียงเสวียนอวิ๋นที่มองเฉินซีอย่างมีนัย แต่เขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมา
หลังจากถูกระบุตัวตน เฉินซีไม่ได้แสดงอาการประหม่าแต่อย่างใด แน่นอนว่ายิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์ ถึงกับสามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้ในหนึ่งประโยค สายตาอันเฉียบแหลมเช่นนี้ ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมีได้
“ใช่แล้ว ข้าคือเฉินซี เพราะสถานการณ์อันตราย จึงไม่คิดปกปิดตัวตนจากทุกคนอีกต่อไป โปรดอย่าได้ถือสาเลย” เฉินซีครุ่นคิดสักพัก ก่อนบอกความจริงออกไป
หลังจากกล่าวจบ เขาสบสายตากับอู๋หยวน อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองอย่างไร
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขากำลังเดิมพัน เดิมพันว่าอู๋หยวนผู้เป็นสมาชิกของศาลาเซียนคลื่นทองคำจะไม่สร้างปัญหาให้ตน ยังไม่รวมเรื่องที่เฉินซีช่วยลูกชายเอาไว้ ก้อนหยกเทวะวิญญาณครามอีกหนึ่งก้อน ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะตอบแทนความเมตตาด้วยการหักหลัง เช่นนั้นศาลาเซียนคลื่นทองคำก็น่าผิดหวังไม่น้อย
อู๋หยวนเพียงครุ่นคิดสักพัก จากนั้นส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ไม่สงสัยเลย ถึงกับสามารถครอบครองหยกเทวะวิญญาณคราม และชี้แนะวิธีสร้างยันต์ได้ ข้าคิดว่ามีชายหนุ่มที่สุดยอดอยู่ในเมืองรัศมีเมฆาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นคุณชายเฉินซีนี่เอง”
ตอนนี้ปรมาจารย์อวี๋ยิ้มออกมาเช่นกัน “นับว่าสมคำร่ำลือ”
หลังจากทั้งสองกล่าวจบ บรรยากาศพลันผ่อนคลายมากขึ้น
“กลายเป็นว่าคุณชายเฉินซีผู้เยี่ยมยุทธ์นี่เอง แต่เหตุใดถึงไปทำให้ตำหนักราชันเซียนขุ่นเคืองได้เล่า?” อู๋ซวินถามด้วยความสงสัย
“ทันทีที่ข้าเข้าสู่ภพเซียน ก็ถูกคนของตำหนักราชันเซียนจับกุมทันที จนถูกลดระดับกลายเป็นคนขุดแร่ ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือ”
เฉินซีไหวไหล่ กล่าวอย่างจนใจว่า “ส่วนเหตุผลเบื้องลึกของเรื่องนี้ ข้ายังไม่รู้เหมือนกัน”
“ข้าเคยได้ยินมาว่า ประมาณช่วงต้นเดือนที่แล้ว องครักษ์ที่รับคำสั่งจากตำหนักราชันเซียนทำการจับกุมผู้ข้ามผ่านในโถงสวรรค์แห่งทวีปสันติบูรพา กลายเป็นว่าคุณชายเฉินซีเป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายนี่เอง”
เมื่ออู๋หยวนได้ยินดังนี้ เขาพลันเข้าใจขึ้นมา
เฉินซีพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ผู้จัดการอู๋หยวน ทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดราชันเซียนลิ่นฮ่าวถึงทำเช่นนี้?”
อู๋หยวนส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบเช่นกัน แต่ความคิดของราชันเซียนลิ่นฮ่าวเปรียบเหมือนทะเล วิธีการโหดเหี้ยมป่าเถื่อน สำหรับคนใหญ่โตเช่นเขา หากไม่เอ่ยปากด้วยตัวเอง ย่อมไม่มีใครสามารถคาดเดาความตั้งใจที่แท้จริงได้”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาขมวดคิ้ว พลางพึมพำว่า “ตอนนี้คุณชายเฉินซีถูกตำหนักราชันเซียนหมายหัว หากเขาอยากออกจากทวีปสันติบูรพา ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย… ”
แน่นอนว่าเฉินซีรับรู้ถึงความยุ่งยากดังกล่าว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตั้งเงื่อนไขเช่นนี้
“ท่านพ่อ ไม่ว่าอย่างไร ท่านต้องช่วยคุณชายเฉินซีนะ หากไม่ได้รับการชี้แนะจากเขา ข้าอาจไม่ผ่านการทดสอบของผู้อาวุโสเสวียนอวิ๋น เมื่อสร้างยันต์ไม่สำเร็จ ย่อมทำให้เกิดเงาเหนือหัวใจวิถี จนปิดกั้นเส้นทางของข้าชั่วชีวิต” ด้านหนึ่ง อู๋ซวินมองอู๋หยวนด้วยความคาดหวัง
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่ต่อให้ข้าตระเตรียมให้คุณชายเฉินซีออกจากทวีปสันติบูรพาพร้อมกองคาราวานของพวกเราจากศาลาเซียนคลื่นทองคำ ก็เกรงว่าจะไม่สามารถหลบหนีจากการค้นหาและตามล่าของกองกำลังจากตำหนักราชันเซียนได้ มันอันตรายเกินไป คุณชายเฉินซีจะตกอยู่ในอันตราย”
อู๋หยวนถอนหายใจ ก่อนหันไปมองเฉินซี “แต่คุณชายเฉินซีไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะคิดแผนที่สมบูรณ์แบบให้อย่างแน่นอน เพื่อส่งเจ้าออกจากทวีปสันติบูรพาอย่างปลอดภัย!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฉินซีไม่ได้แสดงความตื่นเต้น แต่กลับรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย เนื่องจากอู๋หยวนเป็นผู้จัดการศาลาเซียนคลื่นทองคำในเมืองรัศมีเมฆา ขนาดเขายังบอกว่าเรื่องนี้ทำได้ยากยิ่ง แสดงให้เห็นว่าพลังของตำหนักราชันเซียนน่าหวั่นเกรงมากเพียงใด
“เช่นนั้นก็ขอขอบคุณผู้จัดการอู๋” เฉินซียับยั้งชั่งใจ ก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เฮ้อ คุณชายเฉินซีไม่ต้องกล่าวเช่นนั้นหรอก ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้ในทันที ทำให้รู้สึกอับอายนัก” อู๋หยวนโบกมืออย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเปี่ยมด้วยคำขอโทษ
“หากคุณชายเฉินซีสามารถฟื้นฟูโครงสร้างอักขระยันต์และผังอักขระยันต์บนยันต์โบราณที่ได้รับความเสียหายได้ ข้ารับปากได้ว่า สามารถพาเจ้าออกจากทวีปสันติบูรพาได้อย่างปลอดภัย”
ทันใดนั้นเสวียนอวิ๋นผู้เงียบมาโดยตลอดพลันกล่าวขึ้นมา พลางหยิบวัตถุสีดำ รูปทรงจันทร์เสี้ยวออกมา ไม่ต่างจากกระเบื้องเคลือบไหม้เกรียม ดูธรรมดายิ่งนัก
เฉินซีขมวดคิ้ว เขาไม่คาดคิดว่าเสวียนอวิ๋นจะมีข้อเสนอเช่นนี้
“ทุกท่านอย่าเข้าใจข้าผิดไป เจตนาของข้า อยากช่วยคุณชายเฉินซีจริง ๆ แต่น่าเสียดาย พลังของข้ามีจำกัดเช่นกัน แต่ถ้าคุณชายเฉินซีสามารถซ่อมค่ายกลยันต์อักขระนี้ได้ ข้าก็จะส่งกลับสำนักศึกษาจตุรเทพ ทำให้สามารถใช้พลังของสำนัก ช่วยพาคุณชายเฉินซีออกไปได้”
เสวียนอวิ๋นอธิบายอย่างอดทน
ทุกคนจึงตระหนักและเข้าใจความตั้งใจของเสวียนอวิ๋น ช่างธรรมดายิ่งนัก เสวียนอวิ๋นและเฉินซีจะไม่มีความข้องเกี่ยวกัน แล้วทำไมเขาถึงยอมเสี่ยงทำให้ราชันเซียนขุ่นเคืองเพื่อให้การช่วยเหลือด้วย?
การตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ ทำให้ผู้คนเชื่อว่าเขาตั้งใจจะช่วยเฉินซีจริง ๆ