บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1124 ตกตะลึงกันถ้วนหน้า!
บทที่ 1124 ตกตะลึงกันถ้วนหน้า!
บทที่ 1124 ตกตะลึงกันถ้วนหน้า!
รายชื่อเรียงรายเป็นแถวพุ่งไปตามกำแพงแห่งแสงประหนึ่งลำแสงสีทอง พวกมันดูเหมือนกับดวงดาวที่ค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท่องฟ้า ส่องแสงสว่างแพรวพราว ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ที่จัตุรัสเป็นอย่างมาก
ในขณะนี้แม้แต่ศิษย์ที่เข้าร่วมการทดสอบก็ยังรู้สึกกังวล และสายตาของพวกเขาต่างจ้องมองไปที่กำแพงแห่งแสงตาไม่กะพริบ ขณะพยายามมองหาชื่อของตน
ไม่นาน ศิษย์คนหนึ่งโห่ร้องขึ้นมา “อันดับที่หนึ่งพัน! ฮ่า ๆ ! ข้าคิดว่าข้าจะถูกคัดออกเสียแล้ว แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าข้าจะผ่านรอบแรกได้อย่างราบรื่น!”
“เจ้าดีใจที่ได้อันดับหนึ่งพันมากเลยหรือ?”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง แน่นอนว่าพวกเขาเห็นแสงสีทองจาง ๆ ที่ตำแหน่งล่างสุดของกำแพงแห่งแสง จากนั้นชื่อก็ปรากฏขึ้น
แล้วต่อด้วย อันดับที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า อันดับที่เก้าร้อยเก้าสิบแปด… แสงสีทองจำนวนมากค่อย ๆ จางหายไปทีละดวงขณะเคลื่อนตัวขึ้น เปิดเผยชื่อแล้วชื่อเล่า
เสียงโห่ร้องดังทุกครั้งที่มีชื่อปรากฏ เรียกเสียงชื่นชมจากผู้คนมากมาย
โดยเฉพาะฝูงชนที่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ หลายคนเป็นผู้อาวุโสที่มาพร้อมกับศิษย์ของตน ในโลกภายนอก พวกเขาล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจครอบครองอาณาเขต แต่ตอนนี้เมื่อเห็นชื่อของศิษย์จากกองกำลังของตนบนกำแพงแห่งแสง ผู้อาวุโสต่างเริ่มโห่ร้องด้วยความดีใจหรือ เต้นรำด้วยความตื่นเต้น ดูไม่เหมือนผู้ยิ่งใหญ่เลยแม้แต่น้อย
แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะแม้แต่คนเดียว เพราะหากเป็นพวกเขาเอง ก็คงควบคุมความรู้สึกไม่ได้เช่นกัน เพราะนี่คือการทดสอบคัดเลือกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า! การผ่านการทดสอบรอบแรกได้อย่างราบรื่น นับเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่ความภาคภูมิใจ!
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงโห่ร้องที่จัตุรัสก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เหล่าศิษย์ที่ชื่อยังไม่ปรากฏและผู้อาวุโสที่มาด้วยเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
ในบรรดาผู้คนที่เหลือ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังคงสงบสำรวม พวกเขาล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ได้รับการจัดอันดับในสิบอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า และเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีฝีมือไม่ธรรมดาจากภพมังกร ภพพุทธองค์ และภพวิหคอมตะ
แน่นอนว่ารวมถึงหวังต้าวหลูและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์ทั้งหกที่เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ จากกลางอากาศ
“พี่หวัง เจ้าคิดว่าสุริยันอันเจิดจ้าอาจปรากฏขึ้นท่ามกลางศิษย์ในปีนี้หรือไม่” เซียนปราชญ์คนหนึ่งยิ้มในขณะที่ถามด้วยเสียงแผ่วเบา
ท่าทางของหวังต้าวหลูนั้นสงบและสงวนไว้ซึ่งท่าที “มันเป็นการทดสอบเพียงแค่สามรอบ แล้วเราจะสามารถแยกแยะสุริยันอันเจิดจ้าได้อย่างไร? เรื่องของโลกเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าที่จะตัดสินใจผลีผลาม”
เซียนปราชญ์อีกคนหนึ่งกล่าวเบา ๆ “พี่หวัง บอกเราเถิด สายตาของเจ้าเฉียบแหลมที่สุดในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของเราแล้ว”
หวังต้าวหลูดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง ทำให้ใบหน้ามืดหม่นลงเล็กน้อย “สายตาของข้าเฉียบแหลมที่สุดหรือ? ต้นกล้าที่ข้าหมายปองในช่วงหลายปีมานี้ ไม่ได้ถูกยัยเฒ่านักพรตเต๋าเจี้ยงฉกฉวยไปหมดหรือ? ทั้งที่ข้าเป็นคนค้นพบพิรุณเผาผลาญหลิงชิงอู๋ และอเวจีเหล็กเยี่ยถังก่อนด้วยซ้ำ! ฮึ่ม! ข้าไม่อยากกล่าวอะไรอีกแล้ว”
เซียนปราชญ์คนอื่น ๆ ชำเลืองมองกันและกัน พวกเขาต่างยิ้มอย่างขมขื่น ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างหวังต้าวหลูและนักพรตเต๋าเจี้ยงนั้นเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องดีหากกล่าวอะไรออกไป เมื่อเห็นหวังต้าวหลูรู้สึกไม่พอใจ
“อย่างไรก็ตาม กลียุคของทั้งสามภพกำลังใกล้เข้ามา พวกเจ้าควรตระหนักอย่างชัดเจนว่า ในช่วงเวลาวิกฤตมักเกิดอัจฉริยะที่น่าตกใจจำนวนมาก ย่อมไม่ขาดอัจฉริยะชั้นเลิศที่สามารถเป็นผู้นำแห่งยุคได้ บางทีอาจมีอัจฉริยะที่น่าตกตะลึงปรากฏขึ้นในระหว่างการทดสอบการคัดเลือกในครั้งนี้” จู่ ๆ หวังต้าวหลูก็ขมวดคิ้วเข้าหากันขณะครุ่นคิด “ถ้าพวกเจ้าทุกคนคิดหาผู้สืบทอดวิชาของพวกเจ้า ก็ต้องให้ความสนใจอย่างระมัดระวัง อย่าให้ปรมาจารย์คนอื่นมาแย่งศิษย์ที่พวกเจ้าเลือกไป”
เซียนปราชญ์ทั้งหกดูเหมือนจะหลงอยู่ในห้วงความคิดเมื่อได้ยินเรื่องนี้
…
ลำแสงสีทองพวยพุ่งบนกำแพงแห่งแสงมากขึ้นเรื่อย ๆ ลำแสงบางส่วนจางหายไปและเปลี่ยนเป็นชื่อ ในขณะที่ลำแสงบางอันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ลำแสงนั้นเป็นของใครกันแน่
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลำแสงสีทองที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น จะต้องเป็นตัวแทนของบุคคลที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ในทางกลับกันผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ได้รับการเปิดเผยชื่อแล้ว ย่อมหมายความว่ามีพลังฝีมือและพรสวรรค์ด้อยกว่ามาก
ถึงจะเป็นเช่นนั้น ตราบใดที่ชื่อได้ปรากฏอยู่บนกำแพงแห่งแสง แสดงว่าคนผู้นั้นได้ก้าวเข้าสู่พันอันดับแรกของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าอย่างราบรื่น และผ่านการทดสอบรอบแรก
สำหรับชื่อที่ยังไม่ปรากฏบนกำแพงแห่งแสง คือผู้ที่ถูกคัดออก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถตัดสินได้ในขณะนี้ เพราะแสงสีทองเหล่านั้นกำลังส่องสว่างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีใครรู้ว่าลำแสงนั้นคือชื่อของศิษย์คนใด ดังนั้นจึงไม่มีใครเต็มใจยอมรับว่าตนถูกคัดออกในขณะนี้
แม้ว่าจะเป็นศิษย์เหล่านั้นที่แต่เดิมอยู่ในอันดับล่างสุด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความหวังในใจ หวังให้เกิดปาฏิหาริย์ที่น่ายินดี
“ชื่อของข้าปรากฏแล้ว! อันดับที่แปดร้อยเก้าสิบสอง! ฮ่า ๆ! แม้ว่าอันดับของข้าจะลดลงไปไม่กี่สิบอันดับเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ แต่ข้าก็ผ่านการทดสอบรอบแรกแล้ว” ในขณะเดียวกัน เหลียงเริ่นหัวเราะดังลั่น ความตื่นเต้นบนใบหน้าไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป
เฉินซียินดีกับเขาเช่นกัน ชายหนุ่มรู้ดีว่าเหลียงเริ่นอยู่ในอันดับที่แปดร้อยหกสิบสามค่อนข้างเสี่ยงไม่น้อย เนื่องจากการมีส่วนร่วมของผู้เยี่ยมยุทธ์จากนอกภพเซียน แต่เหลียงเริ่นได้บรรลุขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงอย่างราบรื่นเมื่อไม่กี่วันก่อน เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ช่วยจัดการกับภัยคุกคามที่เผชิญอยู่ และทำให้เขารอดพ้นจากการถูกคัดออก
“ของข้าก็ปรากฏแล้วเช่นกัน! อันดับที่สี่ร้อยสามสิบ!” ไม่นานก่อนที่กู่เยวหมิงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ตนจะพยายามอย่างหนักที่จะสงวนท่าที แต่ความสุขและความตื่นเต้นบนใบหน้าก็ไม่สามารถปกปิดได้เช่นกัน
เฉินซีตกตะลึงและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้กู่เยวหมิงอยู่ในอันดับที่สามร้อยเก้าสิบสองเหนือกว่าอินเหมียวเมี่ยวอย่างมาก เพราะนางอยู่ในอันดับที่ห้าร้อยสี่สิบหก แต่ตอนนี้ชื่อของกู่เยวหมิงได้ปรากฏขึ้น ในขณะที่ชื่อของอินเหมียวเมี่ยวยังไม่ปรากฏ
เฉินซีหวนนึกถึงคำพูดของเหลียงเริ่น อินเหมียวเมี่ยวได้บรรลุขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูงเมื่อเดือนที่แล้ว ดังนั้นพลังฝีมือของนางจะต้องเปลี่ยนไปมากอย่างแน่นอน
เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงต่างก็มีความยินดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นเฉินซีจ้องมองอย่างว่างเปล่า อดที่จะเหลือบมองกันและกันไม่ได้
“เฉินซี รอก่อนเถอะ เจ้าจะสามารถยืนยันอันดับที่แท้จริงของเจ้าได้ ก็ต่อเมื่อฝุ่นควันสงบลงแล้วเท่านั้น” เหลียงเริ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปลอบใจด้วยเสียงที่อ่อนโยน
“ใช่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวล ด้วยพลังฝีมือของเจ้า เจ้าถูกคัดออกหรอก…” กู่เยวหมิงปลอบใจเช่นกัน แต่น้ำเสียงกลับขาดความมั่นใจเล็กน้อย
เพราะทราบอย่างชัดเจนว่า อันดับตั้งแต่หนึ่งพันถึงสามร้อยได้ปรากฏขึ้นแล้ว แต่ชื่อของเฉินซียังคงไม่ปรากฏ ดังนั้นสถานการณ์จึงไม่ดีนัก…
เหลียงเริ่นก็เหมือนกับกู่เยวหมิง แม้จะรู้ว่าเฉินซีได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนลึกลับแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้ายืนยันว่าเฉินซีจะสามารถก้าวไปสู่สามร้อยอันดับแรกได้
ท้ายที่สุด นี่คือการจัดอันดับของเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้า ที่รวบรวมผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นเลิศของสี่พันเก้าร้อยทวีปในภพเซียน ภพพุทธองค์ ภพมังกร ภพวิหคอมตะ และดินแดนอื่น ๆ อีกมากมาย ทุกคนล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นเลิศที่ได้รับเลือกจากผู้คนที่มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่า การแข่งขันครั้งนี้นั้นโหดร้ายเพียงใด
นี่คือความเป็นจริง ไม่ว่าพวกเขาจะมั่นใจเพียงใด ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกกังวลเล็กน้อยในขณะนี้ได้
เฉินซีหัวเราะอย่างขมขื่น ชายหนุ่มถูจมูกเพื่อตอบสนองต่อสิ่งนี้ และไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงทำได้เพียงกล่าวว่า “ใช่แล้ว ต้องรอดูไปก่อน”
เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงพยักหน้าพร้อมกัน แต่ไม่รู้ว่าจะปลอบใจเฉินซีอย่างไรดี
“เหมียวเมี่ยว ยินดีด้วยที่เจ้าได้อันดับที่สองร้อยเจ็ดสิบแปด!” ในขณะเดียวกัน เจียงจูหลิวที่อยู่ใกล้ ๆ ก็หัวเราะลั่น ดังพอให้เฉินซีกับคนอื่น ๆ จะได้ยินอย่างชัดเจน
เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงต่างเงยหน้ามอง แน่นอนว่าชื่อของอินเหมียวเมี่ยวอยู่ที่อันดับที่สองร้อยเจ็ดสิบแปด จึงทำให้พวกเขาเผยสีหน้าหดหู่ทันที
สีหน้าของเฉินซียังคงสงบเหมือนเช่นเคย “การบ่มเพาะของอินเหมียวเมี่ยวคนนี้ไม่เลวเลย อีกทั้งยังเหนือกว่าเหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ในขณะที่เฉินซีกำลังครุ่นคิด เสียงของเจียงจูหลิวก็ดังก้องอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่มีวาสนาได้เข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจริง ๆ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถพบกันได้ในการทดสอบรอบสอง”
บางคนที่เขากล่าวถึงจะเป็นใครได้อีก นอกจากเฉินซี
อินเหมียวเมี่ยวชำเลืองมองเฉินซีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นนางก็เบือนสายตาออก ท่าทีเย็นชาและห่างเหินยิ่ง “น่าเสียดายจริง ๆ แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันไม่อาจจะโทษใครได้ หากมีพลังฝีมือต่ำต้อยเอง”
เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงโกรธมาก ทั้งสองมองด้วยสายตาเย็นชา
เฉินซีรีบรั้งทั้งสองคนไว้ “นี่คือการทดสอบของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า หากก่อเรื่องจะถูกลงโทษ”
“น่ารังเกียจ!”
“น่าขยะแขยง!”
กู่เยวหมิงและเหลียงเริ่นแค่นเสียงเย็นพร้อมกัน
“หึ! เมื่อเราเข้าสู่รอบที่สองของการทดสอบ ไว้ข้าจะถามพวกเจ้าทั้งคู่ว่าการที่เจ้ากล่าวว่าน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงนั้นหมายความว่าอย่างไร!” เจียงจูหลิวหัวเราะอย่างเย็นชาคำพูดของเขาเผยให้เห็นถึงการคุกคามอย่างไม่ปิดบัง
“คนบางคนควรหักห้ามใจเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหามาสู่ตัวเอง”
หลังจากจบ อินเหมียวเมี่ยวก็เงยหน้าขึ้นมองกำแพงแห่งแสงต่อ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างอดไม่ได้ “พี่เจียง เจ้าอยู่ในอันดับที่สองร้อยสิบห้า ยินดีด้วย! เจ้าพัฒนาขึ้นถึงแปดสิบหกอันดับเชียว”
เจียงจูหลิวหัวเราะเสียงดัง เขาไม่สามารถยับยั้งความสุขและความพึงพอใจได้อีกต่อไป
ชายหนุ่มมองกลุ่มของเฉินซีอย่างภาคภูมิใจ “มันกำลังจะเข้าสู่สำหรับสองร้อยอันดับแรก ยังคิดหรือว่าเขาจะสามารถติดอันดับได้? ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันเสียจริง ๆ! ข้าแนะนำว่าควรเลิกเพ้อฝันเสียตอนนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำให้ขายหน้า”
ในขณะเดียวกัน เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงไม่สามารถโต้เถียงเจียงจูหลิวได้ พวกเขากังวลว่าเฉินซีจะไม่สามารถทนต่อสิ่งนี้ได้
ใช่ แสงสีทองบนกำแพงแห่งแสงได้เผยให้เห็นชื่อที่อยู่ในสองร้อยอันดับแรกแล้ว ยิ่งสูงเท่าไร โอกาสที่เฉินซีจะได้รับการจัดอันดับก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกกังวลได้
แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ ชายหนุ่มเพียงมองไปที่กำแพงแห่งแสงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้ดูเศร้าหมองแต่อย่างใด
เมื่อเวลาผ่านไป กำแพงแห่งแสงเริ่มเผยรายชื่อของร้อยอันดับแรก เหลียงเริ่นและกู่เยวหมิงยิ่งเป็นห่วงเฉินซีมากขึ้นไปอีก
เจียงจูหลิวและอินเหมียวเมี่ยวต่างมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของพวกเขาทั้งสอง
ในขณะนี้แม้แต่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ยังกังวล เพราะผู้ที่อยู่ในร้อยอันดับแรกเท่านั้นจึงจะสามารถได้รับแต้มดาราเป็นรางวัล และศิษย์ทุกคนที่สามารถติดร้อยอันดับแรกได้ คือผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก!
ท่ามกลางความเงียบ ชื่อแล้วชื่อเล่าก็ปรากฏบนกำแพงแห่งแสง และส่วนใหญ่มาจากตระกูลจี้ ตระกูลมู่ ตระกูลเจี้ยง ตระกูลเซวียนหยวน ตระกูลโม่ชี ตระกูลจ้งลี่ ตระกูลจั่วชิว และมหาอำนาจของทั้งสี่มหาทวีป
แน่นอนว่ามันรวมถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นเลิศจากภพพุทธองค์ ภพมังกร และภพวิหคอมตะ
อาจกล่าวได้ว่า ทุก ๆ ชื่อในหมู่พวกเขา ล้วนมีเงาของมหาอำนาจแฝงอยู่!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นทางอ้อมว่า ทรัพยากรและทุนทรัพย์ของมหาอำนาจเหล่านี้ในภพเซียนนั้น มีความลึกล้ำเพียงใด เพราะมีแต่มหาอำนาจเท่านั้นที่มีความสามารถเลี้ยงดูอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ได้
“อันดับที่สิบห้า จั่วชิวเฟยอวี่”
“อันดับที่สิบสี่ มู่ว่านอวี่”
“อันดับที่สิบสาม อ้าวชิงจวินแห่งภพมังกร”
…
นอกเหนือจากการเปิดเผยสิบอันดับแรกแล้ว บรรยากาศ ณ ตอนนี้ก็เงียบสนิทจนสุดขีด และแม้แต่เสียงเข็มหล่นก็ยังได้ยิน ทุกคนกลั้นหายใจอย่างมีสมาธิ ในขณะที่จ้องมองไปที่สิบอันดับแรก
สิบอันดับแรกนั้นสามารถถือได้ว่า เป็นสิบอันดับแรกในหมู่ผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์ของภพเซียนทั้งหมด! ในบรรดาผู้คนมากมายในโลกนี้จะมีสักคนที่ได้รับเกียรติเช่นนี้?
“อันดับที่สิบ จั่วชิวอิน!”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงและรู้สึกอิจฉาอย่างมาก อย่างไรก็ตามมีเพียงสีหน้าของศิษย์จากตระกูลจั่วชิวเท่านั้นที่มืดมนลง เพราะจั่วชิวอินอยู่ในอันดับที่เจ็ดในเทียบอันดับเซียนทะยานฟ้าก่อนหน้านี้!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในระหว่างการทดสอบคัดเลือกรอบแรกของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า จั่วชิวอินถูกผลักลงถึงสามอันดับ!
บางทีนี่อาจเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับทุกคนที่อยู่ที่จัตุรัส แต่สำหรับคนของหนึ่งในเจ็ดตระกูลโบราณอันยิ่งใหญ่อย่างตระกูลจั่วชิว มันเป็นเหมือนฟ้าผ่าสำหรับพวกเขา
โอม!
แสงจ้าสว่างวาบบนกำแพงแห่งแสงอีกครั้ง จากนั้นชื่อที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น เฉินซี!
“ชายหนุ่มคนนี้คือใครกัน? ดูเหมือนจะไม่มีใครที่มีแซ่เฉินในบรรดาเจ็ดตระกูลโบราณเลย มหาอำนาจของสี่มหาทวีป ภพพุทธองค์ ภพมังกร ภพวิหคอมตะ หรือดินแดนอื่นๆ ก็ไม่มี!?”
ทุกคนล้วนตกตะลึงกันถ้วนหน้า!