บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1163 ระฆังเต๋าแห่งการประชัน
บทที่ 1163 ระฆังเต๋าแห่งการประชัน
บทที่ 1163 ระฆังเต๋าแห่งการประชัน
จุดไฟแห่งวิญญาณปฐพี กำจัดปราณที่มัวหมอง และรวมจิตวิญญาณของสวรรค์และปฐพีเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
นี่คือขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลาง
แต่สำหรับเฉินซีแล้วมันมีความหมายต่างไปมาก เพราะมันหมายความว่าพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้รับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!
หากเริ่มการทดสอบรอบแรกใหม่ในตอนนี้ เขาก็มั่นใจว่าตนจะสามารถติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรกได้!
ทว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าขีดจำกัดของความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตนอยู่ที่ระดับใด
กล่าวโดยสรุป ก่อนหน้านี้เฉินซีอาจกลัวเจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง และจ้าวเมิ่งหลีอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป
นี่คือการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจที่เกิดจากการขัดเกลาฐานการบ่มเพาะ!
“ถึงเวลาที่จะผสานความลึกลับทั้งหมดที่มีอยู่ในกระบวนท่าทั้งสามของเคล็ดกระบี่วารี… ”
เฉินซีค่อนข้างพอใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะทันคิดเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่ตน…
แต่ในอึดใจต่อมาเขาก็เข้าใจทุกอย่าง มันคงเป็นเพราะการสรรเสริญจากทวยเทพ
เขาไม่เคยได้ยินชื่ออวินฟูเซิงมาก่อน แต่ตระหนักดีว่า ความสำเร็จเมื่อครู่ดูเหมือนจะเหนือกว่าเจิ่นลู่ด้วยซ้ำ…
หลังจากนั้น เฉินซีก็หยุดคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้
สิ่งที่ต้องใส่ใจไม่ใช่อันดับในการทดสอบของตน แต่เป็นการสามารถเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้หรือไม่ ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ ทำให้ภาระที่ค้างอยู่ในใจถูกปลดเปลื้องโดยสมบูรณ์
ขวับ!
ในขณะเดียวกัน หวังต้าวหลูก็สะบัดแขนเสื้อ ทำให้เกิดพลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มทะเลสาบสะท้อนดวงกมลทั้งหมด รวมไปถึงเฉินซีและคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
“การทดสอบรอบที่สามสิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนไปที่โถงแห่งการประชัน หลังจากการทดสอบขั้นสุดท้ายและการจัดอันดับสิ้นสุด ข้าจะจัดเตรียมสถานที่ฝึกฝนให้กับพวกเจ้าทุกคน”
ฟุ่บ!
ก่อนที่เสียงของหวังต้าวหลูที่ยังคงดังก้องไปในอากาศจะเงียบลง เฉินซีและคนอื่น ๆ รู้สึกวิสัยทัศน์พร่ามัว จากนั้นพวกเขาก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นพาตัวออกไป
“ทุกคนไปกันเถอะ ความช่วยเหลือทั้งหมดของพวกเจ้าจำเป็นสำหรับการเตรียมการสำหรับศิษย์ใหม่เหล่านี้”
โจวจื่อหลีลุกขึ้นและสั่งการอาจารย์คนอื่น ๆ แม้จะดูเชื่องช้า แต่เพียงพริบตาร่างก็หายไปจากจุดจุดนั้นแล้ว
…
โถงแห่งการประชัน
ในห้องโถงเก่าแก่และโอ่อ่างดงามที่เต็มไปด้วยร่องรอยความผันผวนของกาลเวลา
ยามนี้ เฉินซีและศิษย์อีกสี่ร้อยเก้าสิบเก้าคนที่ผ่านการทดสอบรอบที่สาม กำลังยืนอยู่อย่างเงียบงันในห้องโถงนี้
กลางห้องโถงใหญ่มีระฆังทองสัมฤทธิ์แต้มรอยด่างอยู่ มันมีความสูงประมาณเก้าจั้ง ลอยอยู่กลางอากาศ พื้นผิวสลักลวดลายดอกไม้ สัตว์ต่าง ๆ แมลง ภูมิทัศน์ การเสียสละของบรรพบุรุษ กำลังเปล่งรัศมีอันเก่าแก่และป่าเถื่อนออกมา
ชื่อของระฆังเต๋านี้คือ ‘เจิงหมิง’ ตามความหมายของไป่เจียเจิงหมิงหรือหลากสำนักประชันแข่งธรรม มันได้รับการขัดเกลาโดยราชาศัสตรา จากช่วงยุคก่อตั้งของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า มันทำจากเหล็กกล้าโกลาหล และเป็นสมบัติอมตะระดับว่างเปล่า!
สมบัติอมตะระดับว่างเปล่า นับเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้
ระฆังเต๋าแห่งการประชันลอยอยู่ในห้องโถงนี้มานานนับปี มันมีประโยชน์มหัศจรรย์มากมาย หลังจากการสรุปการทดสอบรับสมัครที่จัดขึ้นโดยสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าในแต่ละครั้งแล้ว การจัดอันดับครั้งสุดท้ายก็จะถูกกระจายผ่านทางระฆังเต๋าแห่งการประชันนี้
ในเวลานั้น เมื่อระฆังดังขึ้น ไม่เพียงแต่ภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเท่านั้น แต่ทุกชีวิตทั้งหมดในเมืองเซียนสัประยุทธ์เอง ก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจนทั่วกัน
และความจริงที่ว่าชื่อของพวกเขาปรากฏขึ้นจากระฆังเจิงหมิง ก็ถือเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าคนผู้นี้เป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และได้รับการคุ้มครองโดยสำนัก!
เนื่องจากมันเป็นตัวแทนของการประชันแข่งธรรม การทำเช่นนี้หมายความว่าผู้ที่ได้รับคัดเลือกใหม่ทั้งหมด คือคนที่กำลังจะสร้างชื่อไว้ที่ภพเซียนในภายภาคหน้า
ตอนนี้โจวจื่อหลี หวังต้าวหลู และบุคคลสำคัญทั้งหมดของสำนักศึกษา ต่างก็ยืนอยู่ใต้ระฆังเต๋าแห่งการประชัน ด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับกำลังรอบางสิ่งบางอย่างอย่างเงียบ ๆ
โอม!
ครู่ต่อมา เสียงระฆังกังวานก็ดังก้องไปทั่วห้องโถง ราวกับเสียงของบทสวดเต๋าที่ลงมาจากสวรรค์และให้ชี้ทางสว่างแก่ทุกคนที่ได้ยิน
ในเวลาเดียวกัน ที่จัตุรัสด้านนอกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยการสนทนาก็เงียบลง เพราะเสียงระฆังที่ดังขึ้นนี้!
การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว!
ทุกคนมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที จิตวิญญาณสดชื่นขึ้นอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะเผยความคาดหวังเล็ก ๆ ออกมาให้เห็น
การจัดอันดับครั้งสุดท้ายของการทดสอบครั้งนี้จะเป็นอย่างไร?
ใครคือผู้ได้รับเกียรติสูงสุดอันดับแรก?
ภายในเมืองเซียนสัประยุทธ์ จู่ ๆ ก็เงียบสงบลงทั้งถนนที่อึกทึกครึกโครม ร้านอาหารที่พลุกพล่าน ร้านรวงต่าง ๆ… ทุกอย่างล้วนเงียบสนิท แม้แต่กระแสของผู้คนที่เคลื่อนไหวอย่างวุ่นวายไปตามถนนก็หยุดเคลื่อนไหว และจับจ้องไปทางสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าโดยพร้อมเพรียงกัน
บรรยากาศเงียบสงบประดุจแดนความตาย ทำให้มีเพียงเสียงระฆังดังก้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สะท้อนผ่านสวรรค์และปฐพี
“โม่ฉีหลง อันดับที่ห้าร้อย”
ความเงียบนี้เกิดขึ้นได้ไม่นาน ก่อนที่เสียงหนึ่งดังก้องไปทั่วสวรรค์และปฐพี มันเป็นเสียงของระฆัง แต่กลับฟังคล้ายเสียงของพระเจ้าที่กำลังอ่านคำตัดสิน ด้วยเสียงที่มีพลังเข้าถึงใจผู้คน
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่รวมตัวกันที่จัตุรัสหน้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเหล่านั้น หรือทุกชีวิตทั้งหมดในเมืองเซียนสัประยุทธ์ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าการจัดอันดับสุดท้ายของการทดสอบรับสมัครในปีนี้จะเริ่มประกาศจากอันดับสุดท้าย
สำหรับคนทั่วไป การฟังรายชื่อทั้งห้าร้อยชื่อนั้นคงเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง แต่ผู้คนในเมืองเซียนสัประยุทธ์นี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการฟังบทเพลงชั้นยอดที่ไพเราะยิ่ง
หลายคนถึงขนาดหยิบแผ่นหยกกระแสจิตออกมา บันทึกชื่อที่ประกาศผ่านระฆังเอาไว้ และทุกครั้งที่มีการบันทึก ชื่อเหล่านั้นก็จะถูกส่งออกไปทันที บินออกจากเมืองเซียนสัประยุทธ์ราวกับกางปีกท่องไปสู่เมืองสำคัญต่าง ๆ ในทวีปดาราวีรบุรุษ ลอยไปยังทั่วทวีปในภพเซียน ทะยานเข้าสู่ภพมังกร ภพพุทธองค์ ภพวิหคอมตะ…
เพราะทุกคนตระหนักดีว่า แม้คนเหล่านี้จะเป็นศิษย์ห้าร้อยคนที่ได้รับคัดเลือกจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่พวกเขาก็เป็นกลุ่มอัจฉริยะรุ่นเยาว์เพียงไม่กี่คนจากหมู่ชนรุ่นเยาว์ทั้งสามภพ!
อนาคตของพวกเขานั้นไร้ขีดจำกัด
สุริยันอันเจิดจ้าดวงใหม่ อาจปรากฏขึ้นท่ามกลางหนึ่งในนั้น
อนาคตของพวกเขาถูกกำหนดให้เป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ของภพเซียน และกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้โลกในอนาคตสั่นสะเทือน!
แม้ว่าในอนาคตอาจจะมีบางคนล้มเหลว บางคนอาจกลายเป็นคนธรรมดา แต่ในยามนี้ พวกเขาคือกลุ่มคนที่เลอค่าและน่าจับตามองที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
…
เสียงระฆังดังสะท้อนขึ้นไปบนท้องฟ้า ก้องไปทั่วสวรรค์และปฐพี เสียงอันทรงพลังดุจบทสวดแห่งเต๋า ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงราวกับกำลังฟังเสียงของธรรมชาติ
ชื่อแล้วชื่อเล่าถูกประกาศขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป และดังก้องไปทั่วเมืองเซียนสัประยุทธ์
เมื่อได้ยินชื่อเหล่านี้ บางคนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกถึงความตื่นเต้น บางคนร้องไห้ บางคนหัวเราะยิ้มกว้างจนใบหู บางคน…
แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวส่งเสียงดัง
พวกเขากำลังแสดงความรู้สึกอย่างเงียบ ๆ ด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกันไป กลายเป็นฉากที่รวบรวมการแสดงออกทั้งหมดที่สิ่งมีชีวิตในโลกนี้สามารถทำได้เอาไว้ แม้ว่าจะไร้สุ้มเสียง แต่บรรยากาศอันเงียบสงบนี้ก็กลับทำให้หัวใจสั่นไหวอย่างยิ่ง
ภายในโถงแห่งการประชัน
ศิษย์ส่วนใหญ่ที่ผ่านการทดสอบต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ยินอันดับสุดท้าย บางคนผิดหวังและรู้สึกสูญเสีย บางคนไม่พอใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีบางคนที่ดีใจและอุทานเกี่ยวกับโชคลาภของตนในใจ
มีเพียงเฉินซี เจิ่นลู่ จ้าวเมิ่งหลี จี้เซวียนปิง และศิษย์คนอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มยี่สิบอันดับแรกในการทดสอบทั้งสามรอบอย่างต่อเนื่อง เท่านั้นที่ดูจะค่อนข้างสงบ
ประการแรก มันเป็นเพราะรายชื่อยังห่างไกลจากอันดับของพวกตนมากนัก
และประการที่สอง พวกเขาส่วนใหญ่เดาได้คราว ๆ แล้วว่าอันดับสุดท้ายของตนอยู่ที่ระดับใด
แต่แน่นอนว่า ถึงจะดูสงบ ทว่ามันก็คงจะเป็นการโกหกที่จะบอกว่าไร้ซึ่งความประหม่า ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขายังไม่รู้อันดับที่แน่นอนของตน และหวังว่าอันดับของตนจะสูงกว่าที่คาดไว้สักเล็กน้อย
เมื่อเราให้ความสนใจจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่าง มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และรวดเร็ว
ก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัว ระฆังเต๋าเจิงหมิงได้เริ่มประกาศรายชื่อหนึ่งร้อยอันดับแรกแล้ว
ในตอนนี้ แม้แต่อาจารย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ในห้องโถงใหญ่ก็แสดงให้เห็นถึงความกังวลใจเล็กน้อย เพราะในทางปฏิบัติรายชื่อหนึ่งร้อยอันดับแรก ล้วนถูกครอบครองโดยลูกหลานของผู้มีอำนาจสูงสุดเกือบทั้งหมด เช่น เจ็ดตระกูลใหญ่โบราณ กองกำลังใหญ่จากภพมังกร ภพพุทธองค์ ภพวิหคอมตะ
อาจารย์หลายคนในที่นี้ต่างก็มาจากกลุ่มอำนาจเดียวกัน และหากศิษย์จากกลุ่มอำนาจของตน สามารถติดหนึ่งในร้อยอันดับแรกได้ มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเบื้องหลังพวกเขา
เพราะจากผลงานของเด็กรุ่นเยาว์เหล่านี้ ยังมีผลกระทบที่ไม่อาจมองข้าม ต่อการแข่งขันและความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจเหล่านั้นได้
ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เฉินซีคือผู้ที่รู้สึกประหม่าน้อยที่สุด เพราะชายหนุ่มไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้ อาจกล่าวได้ว่ารู้สึกเบื่อด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังจดจำศิษย์ที่มาจากมหาอำนาจที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรก ว่าแต่ละคนมาจากที่ใดบ้างไว้ในใจ
ดังนั้น เมื่อระฆังดังขึ้นจนถึงยี่สิบอันดับแรก ชายหนุ่มก็ได้รับข้อมูลมามากมายแล้ว
ตัวอย่างเช่น ตระกูลจี้มีศิษย์ติดอยู่ในกลุ่มร้อยอันดับแรกมากที่สุด โดยมีทั้งหมดสิบห้าคน
ตระกูลเจี้ยงกับตระกูลจงหลีนั้นเสมอกัน แต่ละตระกูลมีศิษย์ทั้งหมดสิบสองคนที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรกได้
ตระกูลมู่ ตระกูลโม่ชี และตระกูลเซวียนหยวนเองก็เท่ากัน ศิษย์ทั้งหมดที่เข้าสู่ร้อยอันดับแรกมีอยู่ประมาณแปดคน
ส่วนลูกหลานจากภพมังกร ภพพุทธองค์ ภพวิหคอมตะ ที่ติดหนึ่งในร้อยรวม ๆ กันแล้วก็มีอยู่ประมาณยี่สิบกว่าคน ถึงจะดูเหมือนน้อย แต่กลับพิเศษอย่างยิ่ง
ทว่าจำนวนศิษย์จากทั้งสามกลุ่มที่เข้าร่วมในการทดสอบก็นับว่ามีจำนวนน้อยกว่ามาก
สำหรับตระกูลจั่วชิวนั้นน่าหดหู่ที่สุด มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ติดร้อยอันดับแรก นอกจากนี้ อันดับยังค่อนข้างต่ำ ทำให้พวกเขาโดดเด่นเหนือใคร
ในหมู่พวกเขายังมีส่วนเล็ก ๆ ที่มาจากมหาอำนาจอื่น ๆ อาทิ ตระกูลเหวินเหริน
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป เพราะระฆังเต๋าแห่งการประชันได้เริ่มประกาศตำแหน่งสิบอันดับแรกแล้ว
“อันดับที่สิบ เซวียนหยวนอวิ่น”
“ที่เก้า มู่อวี่ชง”
“ที่แปด โม่ชีอวิน”
อันดับที่เจ็ด หก ห้า และสี่ ได้แก่ เจี้ยงฉางไฮ่ อ๋าวอู๋หมิง จงหลีสวิน และจี้เซวียนปิงตามลำดับ
จนถึงจุดนี้ การจัดอันดับครั้งสุดท้ายของการทดสอบยังไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นแต่อย่างใด อันดับของพวกเขาเกือบจะเหมือนกับในช่วงการทดสอบทั้งสามรอบที่ผ่านมา
สิ่งเดียวที่น่าประหลาดใจก็คือ จี้เซวียนปิงตกมาอยู่ในอันดับที่สี่อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่มากมายที่นอกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า
มีเพียงจี้เซวียนปิงเท่านั้นที่ยังดูสงบ ราวกับคาดเดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว ด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง ดุจจักรพรรดิไม่แปลกใจกับการเปลี่ยนแปลง
“อันดับที่สาม จ้าวเมิ่งหลี”
“อันดับที่สอง เจิ่นลู่”
“อันดับที่หนึ่ง เฉินซี”
สามชื่อสุดท้ายได้รับการเปิดเผยเสร็จสิ้นในคราวเดียว ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ทันแสดงความรู้สึก การจัดอันดับครั้งสุดท้ายของการทดสอบก็ได้จบการประกาศลงอย่างสมบูรณ์
ยามนี้ ทั้งด้านในห้องโถงและด้านนอกสำนักต่างก็เต็มไปด้วยความงุนงง และทั่วทั้งเมืองเซียนสัประยุทธ์เองก็เต็มไปด้วยความสับสน ราวกับว่าทุกสิ่งมันกะทันหันเกินไป จิตใจและความคิดจึงเชื่องช้าลงไปเล็กน้อย
แต่หลังจากนั้น ทั้งด้านในห้องโถงและด้านนอกสำนัก และทั่วทั้งเมืองเซียนสัประยุทธ์เอง ก็ระเบิดด้วยคลื่นเสียงอึกทึกที่สั่นสะเทือนสวรรค์ และมันก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของผู้คนที่มากล้นจนจมได้ทั้งสวรรค์และปฐพี