บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1170 การค้นพบที่น่าตกตะลึง
บทที่ 1170 การค้นพบที่น่าตกตะลึง
บทที่ 1170 การค้นพบที่น่าตกตะลึง
สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าคู่ควรกับการเป็นสำนักอันดับหนึ่งในภพเซียน เพียงแค่สมบัติต่าง ๆ ที่สะท้อนอยู่ภายในดวงแสงหมื่นสรรพสิ่ง มันก็ทำให้เฉินซีต้องอุทานซ้ำ ๆ และตกตะลึงไม่รู้จบ
สมบัติที่อยู่ภายในนั้นทุกชิ้น หากมันปรากฏขึ้นในสี่พันเก้าร้อยทวีปของภพเซียน ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนต้องต่อสู้แย่งชิงมันอย่างบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้ พวกมันได้กลายเป็นกลวิธี ในการจูงใจเหล่าศิษย์ให้ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้แต้มดารามาครอบครอง
ใช่แล้ว เพื่อแต้มดารา!
ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต้มดารามีความหมายมากกว่าทุกสิ่ง เช่นสามารถใช้แต้มดาราเพื่อแลกเปลี่ยนสมบัติที่ต้องการได้ และในทำนองเดียวกัน เราสามารถขอให้อาจารย์ชี้แนะการบ่มเพาะเป็นการส่วนตัวด้วยแต้มดารา!
ฮึ่ม!
เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตั้งใจจะถอนญาณมหาเทวะอมตะของตนกลับ แต่การเหลือบมองโดยไม่ตั้งใจ ทำให้หัวใจของเขากระตุกอย่างรุนแรง
ญาณมหาเทวะอมตะมองไปที่หน้าสุดท้ายของรายการ และมันมีเพียงไม่กี่คำในนั้น อย่างไรก็ตาม มันก็กระตุ้นความสนใจของเฉินซีทันที
“ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก สุดยอดสมบัติของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เงื่อนไขการแลกเปลี่ยน… หนึ่งร้อยแปดสิบล้านแต้มดารา! เงื่อนไขเพิ่มเติม ได้รับการยอมรับจากมรดกของจักรพรรดิเต๋า!”
“ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก…” เฉินซีพึมพำกับตัวเองขณะที่ใจเต้นแรง ไม่คิดว่าตนจะได้รับเงื่อนงำเกี่ยวกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจากดวงแสงหมื่นสรรพสิ่ง และนี่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างแท้จริง
แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือมูลค่าของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนี้เกินร้อยล้าน และจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากมรดกของจักรพรรดิเต๋า!
นี่เป็นเงื่อนไขที่รุนแรง ถึงขั้นทำให้ศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาสิ้นหวัง
หลังจากนั้น เฉินซีก็หัวเราะอย่างขมขื่นไม่รู้จบ เพราะปัจจุบัน เขามีแต้มดาราเพียงเก้าพันแต้มเท่านั้น ยังห่างไกลจากแต้มดาราหนึ่งร้อยแปดสิบล้านแต้มมากนัก
“จำนวนของแต้มดาราที่ต้องใช้ในการแลกชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั้น เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังแล้ว ข้าสงสัยว่าข้อกำหนดที่โหดร้ายและผิดปกติแบบใดที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋า…”
เฉินซีพึมพำ ความตื่นเต้นที่ลุกโชนอยู่ในใจพลันหายไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มกลับมาสงบอีกครั้ง
เท่าที่รู้ แผนภาพวารีหลากที่สมบูรณ์ จะประกอบด้วยชิ้นส่วนเก้าชิ้น ตอนนี้เขาได้รับมาแล้วห้าชิ้น ขาดอีกเพียงสี่ชิ้นก็จะจะรวบรวมมันได้สมบูรณ์
ในตอนนี้ สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในครอบครอง ดังนั้นแม้ว่าข้อกำหนดในการแลกเปลี่ยนจะรุนแรง แต่เฉินซีได้ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าจะต้องจ่ายในราคาเท่าใด เขาจะพยายามอย่างเต็มที่ และบางทีอาจมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ
หลังจากครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ เป็นเวลานาน เฉินซีกำลังจะวางดวงแสงหมื่นสรรพสิ่ง แต่จู่ ๆ ความผันผวนอันน่าตกใจก็พัดเข้ามาราวกับลมพายุ ในขณะนี้ หม้อใบจิ๋วที่แต่เดิมดูดซับปราณบรรพกาลโกลาหล ได้บินเข้ามาทันที
“ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล! โอ้สวรรค์! ในที่สุด สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็เต็มใจที่จะเอาสมบัตินี้ออกมา?” เสียงของหม้อใบจิ๋วนั่นเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นและความปีติยินดีที่ยากจะยับยั้ง
เฉินซีตกตะลึง จากนั้นญาณมหาเทวะอมตะก็กวาดไปทั่วดวงแสงหมื่นสรรพสิ่ง ชายหนุ่มจึงเห็นว่ามีบางสิ่งลอยอยู่เหนือชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอย่างน่าประหลาดใจ มันอ่านว่า ‘ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล’ เงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนหนึ่งร้อยหกสิบล้านแต้มดารา!’
เฉินซีทราบดีว่า ตามตำนานได้กล่าวขานเอาไว้ ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อครั้งที่ภพทั้งสามก่อตัวขึ้น และกลายเป็นโลกขนาดใหญ่กว่าสามพันแห่ง โลกขนาดเล็กอีกนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น เต๋าแห่งสวรรค์ กฎ และเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ รวมถึงสิ่งมีชีวิตและสิ่งของมากมายในโลกก็ถือกำเนิดมาจากมัน
แต่ก็มีชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งที่กระจัดกระจายไปทั่วภพทั้งสาม ซึ่งบางอันก็ได้รับมาจากร่างที่ถือกำเนิดจากความโกลาหล หรือยังไม่ถูกค้นพบจนถึงตอนนี้
ครั้งหนึ่ง มีข่าวลือในโลกแห่งการบ่มเพาะของเหล่าเซียนว่าความลับของฟ้าดิน ถูกซ่อนอยู่ภายในชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล และถ้าคนทั่วไปได้รับมัน คนผู้นั้นก็จะสามารถขึ้นสู่ภพเซียนได้ในชั่วข้ามคืน และหลุดพ้นจากวัฏจักรของการเกิดใหม่ได้!
ในทางกลับกัน ผู้บ่มเพาะที่เป็นเซียนจะสามารถบรรลุเต๋า และขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของมหาเต๋า ซึ่งยืนหยัดทัดเทียมกับเต๋าแห่งสวรรค์!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงข่าวลือ และมันก็เหมือนกับเรื่องเล่าตามโรงน้ำชา มันเต็มไปด้วยการกล่าวเกินจริงและไร้เหตุผล
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะตัดสินว่าชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เฉินซี! ต้องเอามามันมาให้ได้! ตราบใดที่ข้าได้ครอบครองมัน ไม่เพียงแต่ข้าจะสามารถฟื้นพลังได้เท่านั้น ข้ายังสามารถพึ่งพามันเพื่อบ่มเพาะได้อีกด้วย และถ้าข้าสามารถแปลงร่างเป็นสมบัติแห่งความโกลาหลได้ แม้แต่ราชันเซียนก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้!” ความคิดของหม้อใบจิ๋วถูกถ่ายทอดออกไป อีกทั้งมันยังเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นและความปีติยินดีอย่างยิ่งยวด ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้เห็นหม้อใบจิ๋วสูญเสียความสงบ นับตั้งแต่ที่ได้พบมัน
ชายหนุ่มหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขาต้องการช่วยเหลือมันจริง ๆ แต่สิ่งที่สำคัญ คือราคานั้นสูงลิ่วอย่างไร้เหตุผลเกินไป
เพราะราคาของมันสูงถึงหนึ่งร้อยหกสิบล้านแต้มดารา!
แม้ว่าราคาของมันจะต่ำกว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเพียงยี่สิบล้านแต้มดารา แต่ทุกคนที่อยู่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจะสามารถจ่ายราคาดังกล่าวได้หรือ?
“ผู้อาวุโส เราต้องวางแผนเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน เพราะด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า การจะรวบรวมแต้มดารากว่าร้อยล้านนั้นไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ” เฉินซีหายใจเข้าลึก และหัวเราะอย่างขมขื่น
หม้อใบจิ๋วตกอยู่ในความเงียบเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ความตื่นเต้นและความปีติยินดีของมันก็สงบลงพร้อมกับสิ่งนี้ ในท้ายที่สุด หม้อใบจิ๋วก็กล่าวว่า “จริงของเจ้า ถ้ามันได้มาง่ายดายขนาดนั้น มันก็คงจะถูกคนอื่นแย่งไปนานแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินซีก็กล่าวอย่างอดไม่ได้ “ผู้อาวุโส อย่าได้กังวล เนื่องจากชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลยังคงอยู่ นั่นหมายความว่ายังมีความหวังที่จะได้รับมัน ข้าจะทุ่มเทอย่างเต็มที่และพยายามเพื่อให้ได้มันมา”
หม้อใบจิ๋วกล่าว “อย่าได้กดดันตัวเองมากไป การได้รับและสูญเสีย เป็นส่วนหนึ่งของการเวียนว่ายตายเกิด ก่อนหน้านี้ข้าวิตกเกินไป และสูญเสียความสงบเล็กน้อย”
เฉินซีเข้าใจความรู้สึกของหม้อใบจิ๋ว เพราะเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเช่นกัน แต่เมื่อได้ไตร่ตรองอย่างใจเย็น ชายหนุ่มก็ตระหนักได้ว่า ถ้าสมบัติล้ำค่านั้นสามารถครอบครองได้ง่าย มันก็คงจะถูกยึดไปนานแล้ว แล้วมันจะยังอยู่จนถึงปัจจุบันได้อย่างไร?
โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากหรือชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล เขาทำได้เพียงทุ่มเทพยายามอย่างช้า ๆ และมิอาจใจร้อนได้
…
หลังจากนั้น หม้อใบจิ๋วก็เข้าสู่สภาวะเข้าฌานอีกครั้ง และมันก็เริ่มดูดซับปราณบรรพกาลโกลาหลต่อ
ในทางกลับกัน เฉินซีเริ่มมองหาวิธีการได้รับแต้มดาราจากภายในดวงแสงหมื่นสรรพสิ่ง ชายหนุ่มอยากเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เขาควรใช้วิธีการใดเพื่อให้รับแต้มดาราจำนวนมากที่สุดและในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
มีวิธีการมากมายที่ก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นแสดงอยู่บนนั้น และมันถูกแบ่งออกเป็นการทดสอบการบ่มเพาะ หรือภารกิจต่าง ๆ อย่างคร่าว ๆ
การทดสอบการบ่มเพาะนั้นง่ายมาก ทุกครั้งที่ศิษย์ของสำนักศึกษาบรรลุในการบ่มเพาะ ศิษย์จะได้รับรางวัลเป็นแต้มดาราที่สอดคล้องกันโดยปริยาย
ในทางกลับกัน เมื่อความแข็งแกร่งของศิษย์สามารถติดอันดับในการจัดอันดับต่าง ๆ ของสำนักศึกษา ศิษย์ก็จะสามารถได้รับรางวัลเป็นแต้มดาราที่สอดคล้องกับอันดับของตน
ตัวอย่างเช่น ศิษย์ที่อยู่ในห้าร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ จะได้รับแต้มดาราสามพันแต้มทุกเดือน ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในห้าสิบอันดับแรก จะได้รับแต้มดาราแปดพันแต้มทุกเดือนเช่นกัน
ส่วนผู้ที่อยู่ในสิบอันดับแรก จะได้รับแต้มดาราหนึ่งหมื่นแต้มทุกเดือน นอกจากนี้หากสามารถไต่อันดับขึ้นสูง จำนวนแต้มดาราที่ได้รับก็จะมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ได้อันดับที่หนึ่งจะได้รับแต้มดาราหนึ่งแสนแต้มทุกเดือน!
นี่เป็นเพียงเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์เท่านั้น และตามที่หวังเหินกล่าวไว้ เทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์เป็นเพียงการจัดอันดับพื้นฐานที่สุดในสำนักศึกษาเท่านั้น…
ด้วยเหตุนี้เอง เฉินซีจึงสามารถจินตนาการได้ว่า เพื่อให้ได้รับแต้มดารา ศิษย์ทุกคนอาจเสี่ยงชีวิตเพื่อพัฒนาการบ่มเพาะ นับเป็นแรงจูงใจในการส่งเสริมให้เหล่าศิษย์การบ่มเพาะอย่างขยันขันแข็ง
นอกเหนือจากการได้รับแต้มดาราจากการทดสอบขอบเขตการบ่มเพาะแล้ว แต้มดารายังสามารถได้รับจากการทำภารกิจอีกเช่นกัน ซึ่งก็เป็นตามชื่อของมัน แต้มดาราจะได้รับจากการทำภารกิจต่าง ๆ ในสำนักศึกษาให้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเฉินซี เพราะภารกิจของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฝึกนอกสำนัก และมีภารกิจหลายอย่างที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการบ่มเพาะในสำนักศึกษา
ตัวอย่างเช่น ช่วยอาจารย์ในการเลี้ยงอสูรเซียน ช่วยอาจารย์ของฝ่ายสงวนคัมภีร์ในการจัดตำราต่าง ๆ หรือช่วยอาจารย์ของฝ่ายสงวนโอสถในการเพาะปลูกสมุนไพรอมตะ และอื่น ๆ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็มอบแต้มดาราเป็นจำนวนมาก
ในเวลาเดียวกัน เหล่าศิษย์ของสำนักศึกษาก็สามารถติดประกาศภารกิจของตนเอง ตัวอย่างเช่น พวกเขาต้องการวัตถุดิบเซียนที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นจึงเต็มใจที่จะจ่ายแต้มดาราเป็นการแลกเปลี่ยน หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง คือการจัดตั้งกลุ่มเพื่อออกไปหาประสบการณ์ที่ภายนอกสำนัก เป็นต้น
ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า แต้มดาราได้สร้างความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับการบ่มเพาะในสำนักศึกษา และมันก็เหมือนกับสกุลเงิน แต่มันมีค่ามากกว่า และไม่จำกัดการใช้งาน
หลังจากที่ผ่านไปนาน ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการได้รับแต้มดาราที่มีอยู่ในดวงแสงหมื่นสรรพสิ่ง และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
“แม้การได้รับแต้มดาราดูเหมือนจะง่าย แต่แท้จริงแล้วมันกลับไม่ยากนัก ข้าสงสัยว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงใดในการสะสมแต้มดารากว่าร้อยล้าน…”
เฉินซีพึมพำ ท่ามกลางภารกิจมากมายที่เรียงรายอยู่หนาแน่น ไม่มีภารกิจใดที่เหมาะสมกับเขา และมันขัดกับความคาดหวังอย่างยิ่ง แม้ว่าภารกิจจะมีอยู่มากมาย แต่รางวัลของมันก็น้อยมาก และที่มากที่สุดก็ให้เพียงหมื่นแต้มดาราเท่านั้น
กุญแจสำคัญคือ การบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขอบเขคเซียนลึกลับเท่านั้น หากสามารถบรรลุขอบเขตเซียนทองคำ ภารกิจที่เกี่ยวข้องและรางวัลจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ดังนั้นเรื่องสำคัญของข้าในตอนนี้คือ การพัฒนาการบ่มเพาะใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อรับแต้มดารา และการทำเช่นนี้ก็ช่วยข้าทำความคุ้นเคยกับสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าโดยเร็วที่สุดเช่นกัน…” เฉินซีไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ หลังจากเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเองอีกต่อไป และแม้ว่าตระกูลจั่วชิวจะจัดการอย่างลับ ๆ ภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่พวกเขาจะไม่กล้าทำร้ายจนถึงชีวิตอย่างแน่นอน
แต่แน่นอนว่า ถ้าเขาออกจากสำนักศึกษาเพื่อไปบ่มเพาะในโลกภายนอก สถานการณ์จะแตกต่างออกไปทันที
อย่างไรก็ตาม เฉินซีเข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าด้วยความยากลำบาก ดังนั้นเขาจะโง่พอที่จะออกไปฝึกฝนในโลกภายนอกได้อย่างไร อย่างน้อยที่สุด ก็จะไม่ออกไปในเร็วนี้ ๆ อย่างแน่นอน
โอม!
ในช่วงเวลาถัดมา เฉินซีหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเริ่มทำความเข้าใจเคล็ดกระบี่วารี ร่างกายหลั่งไหลไปพร้อมกับกระแสกฎแห่งวารี และในบางครั้งพวกมันก็เปลี่ยนเป็นกระบี่คมกริบ หรืออักขระยันต์ที่มีความหนาแน่นและลึกซึ้ง
เคล็ดกระบี่วารีเป็นหนึ่งในมรดกสูงสุดที่มาจากยันต์เทวะอนันต์ มันแสดงอานุภาพของกฎแห่งวารีได้อย่างชัดเจนและสมบูรณ์ที่สุด กระบวนท่าทั้งสามอย่างพิรุณโปรยปรายประหนึ่งฝัน คลื่นเมฆาทำลายล้าง และมหาสมุทรไร้พรมแดนที่เฉินซีเข้าใจนั้น เป็นเพียงเคล็ดกระบี่วารีที่ถูกแยกออกจากกัน เพราะเขาไม่ได้เข้าใจแก่นแท้ของมันอย่างถ่องแท้
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังรวมกระบวนท่าทั้งสามให้เป็นหนึ่งเดียว และนั่นจะเป็นเคล็ดกระบี่วารีที่แท้จริง!
ฟิ้ว!
เสียงน้ำดังกึกก้อง ร่างกายของเฉินซีดูเหมือนจะกลายเป็นกระแสน้ำ ที่บางครั้งแปรเปลี่ยนเป็นสายฝนโปรยปราย เมฆที่ลอยละล่อง หรือมหาสมุทรไร้ขอบเขต… มันเผยให้เห็นรูปแบบต่าง ๆ ของน้ำ
ในระหว่างขั้นตอนทั้งหมดนี้ ความเข้าใจของเขาที่มีต่อเคล็ดกระบี่วารีนั้น เหมือนกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวหลังฝนตก และมันลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของกฎแห่งวารีได้อย่างแผ่วเบา…