บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1179 เฉินซีคือใครกัน?
บทที่ 1179 เฉินซีคือใครกัน?
บทที่ 1179 เฉินซีคือใครกัน?
เฉินซีลืมเลือนเวลา และลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว
ชายหนุ่มจดจ่ออยู่กับภารกิจที่ปรากฏในจินตภาพ หรืออาจกล่าวได้ว่าเขาจดจ่ออยู่กับการจัดการปัญหามากมายในเต๋าแห่งยันต์อักขระ จนลืมเลือนตัวเองและสิ่งรอบข้างไปอย่างสิ้นเชิง
เต๋าแห่งยันต์อักขระเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิต และมันส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งที่ตนรู้ตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะเต๋าแห่งยันต์อักขระที่ทำให้เขาสามารถบรรลุความสำเร็จที่มีในทุกวันนี้ได้
เฉินซีไม่ทราบแน่ชัดว่าความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระจะไปถึงระดับใด แต่เขาทราบอย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่ได้พบกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ ความยากลำบากที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งยันต์อักขระหรือค่ายกลยันต์อักขระก็ไม่เคยทำให้เขาลำบากใจเลย
ตัวอย่างเช่น ค่ายกลเซียนในภพเซียนถูกแบ่งคร่าว ๆ เป็นระดับสวรรค์ ระดับลึกลับ ระดับทองคำ ระดับเซียนปราชญ์ และระดับราชัน ซึ่งสอดคล้องกับขอบเขตการบ่มเพาะทั้งห้าของเหล่าเซียน
สำหรับค่ายกลเซียนระดับสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าถูกใช้โดยผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ ในขณะที่ค่ายกลเซียนของระดับอื่น ๆ ก็เป็นในทำนองเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น ค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมาร และมหาค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมาร ที่เฉินซีใช้ในระหว่างการทดสอบรอบที่สอง นั้นสอดคล้องกับขอบเขตเซียนลึกลับและขอบเขตเซียนทองคำ
ทว่าเนื่องจากการบ่มเพาะของเฉินซีไม่สูงพอ ดังนั้นมหาค่ายกลอสนีบาตพิฆาตมารจึงไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ทั้งหมด มันจึงถือได้ว่าเป็นค่ายกลเซียนระดับทองคำเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นแง่ของการต่อสู้จริง หากเป็นในแง่ของความเข้าใจในทฤษฎีเต๋าแห่งยันต์อักขระแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงค่ายกลเซียนระดับทองคำ เฉินซียังสามารถทำลายและเข้าใจค่ายกลเซียนระดับเซียนปราชญ์ หรือระดับราชันได้อย่างสมบูรณ์
นี่คือความแตกต่างระหว่างการต่อสู้จริงกับทฤษฎี
สำหรับอุปสรรคเดียวที่ขัดขวางเฉินซีอยู่ คือการบ่มเพาะของตนเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เฉินซีเข้าใจเต๋าแห่งยันต์อักขระมาถึงระดับที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้แล้ว และอาจถือได้ว่าเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอด แต่เนื่องจากข้อจำกัดที่กำหนดโดยการบ่มเพาะของตน เขาจึงไม่สามารถสร้างค่ายกลเซียนขนาดใหญ่ที่เกินระดับทองคำได้
แต่ถึงอย่างนั้น เพียงพึ่งพาการบ่มเพาะในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ณ ปัจจุบัน ก็เพียงพอที่จะจัดการกับภารกิตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งยันต์อักขระได้ ท้ายที่สุด มันไม่ใช่การต่อสู้จริง เพียงแค่ต้องเตรียมวิธีการจัดการกับปัญหา
“อืม?” ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เมื่อเฉินซีกำลังจะรับภารกิจชิ้นต่อไป เขากลับต้องตกตะลึงทันที เนื่องจากสังเกตเห็นว่าภารกิจที่อยู่ตรงหน้ามีรางวัลถึงแปดแสนแต้มดารา!
“ภารกิจซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ หม้อสมบัติไม่สมบูรณ์ เนื่องจากค่ายกลยันต์อักขระภายในได้รับความเสียหาย มันต้องได้รับการบูรณะและทำให้สมบูรณ์ ข้อกำหนด จะต้องเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระ รางวัล แปดแสนแต้มดารา”
เมื่ออ่านเนื้อหาของภารกิจจบ เฉินซีก็เข้าใจได้ทันทีว่า แต้มดาราแปดแสนแต้มไม่ได้ถูกเตรียมไว้สำหรับบุคคลเพียงคนเดียว “แม้ว่าปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอดสิบคนจะต้องแบ่งแต้มดาราให้เท่า ๆ กัน พวกเขาก็ยังได้รับแต้มดาราถึงแปดหมื่นแต้มต่อคน และนั่นเป็นความมั่งคั่งที่น่าตกใจ”
ในบรรดาภารกิจที่เฉินซีได้รับก่อนหน้านี้ เกือบทั้งหมดเป็นภารกิจเล็กน้อยที่ให้รางวัลประมาณหนึ่งพันแต้มดารา มากที่สุดคือสามพันแต้มดารา ซึ่งไม่มีภารกิจใดให้รางวัลมากกว่าหนึ่งหมื่นแต้มดาราเลย
ทว่าในขณะนี้ ภารกิจที่มีรางวัลสูงถึงแปดแสนแต้มดาราก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และมันดึงดูดใจอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดาย งานนี้กำหนดว่าต้องทำให้เสร็จด้วยตนเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันไม่เพียงแค่ทดสอบความรู้ในทางทฤษฎี แต่ยังทดสอบความสามารถในการนำไปใช้จริง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินซีก็ส่ายศีรษะ และยอมแพ้ ก่อนจะรับภารกิจอื่นซึ่งไม่จำเป็นต้องนำทฤษฎีมาใช้จริง
…
“เอ๊ะ? ภารกิจที่ข้าเพิ่งปิดประกาศกลับเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา??” ภายในที่พักลานชั้นในของสำนึกศึกษา จู่ ๆ ชายหนุ่มผู้สวมชุดสีขาวก็ลืมตาขึ้น และดึงตราดาราม่วงออกมา เมื่อเห็นข้อมูลที่ส่งผ่านตราดาราม่วง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ
“ปัญหาที่แม้แต่สหายของข้าผู้มาจากตระกูลมีชื่อเสียงในเต๋าแห่งยันต์อักขระก็ไม่สามารถแก้ไขให้สำเร็จได้ แท้จริงแล้วกลับเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้? หรือว่าปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระจะเป็นคนแก้ไขมัน?”
“แต่บุคคลที่สามารถเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลชั้นนำของสำนึกศึกษาฝ่ายใน ดังนั้นพวกเขาจะเหลือบแลรางวัลเพียงแค่หนึ่งพันแต้มดาราได้อย่างไร? เรื่องนี้…ช่างน่าแปลกจริง ๆ”
ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวพึมพำ เดิมทีเขาคิดจะขอบคุณฟ้าดิน หากภารกิจของตนสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในหนึ่งเดือน ทว่าตอนนี้ มันกลับเสร็จสมบูรณ์หลังจากปิดประกาศได้ในเวลาไม่นาน!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเชื่อว่าภารกิจนี้ไม่เพียงแต่เสร็จสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังเสร็จสมบูรณ์อย่างสวยงามอีกด้วย และเรียกได้ว่าไร้ที่ติ!
ทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกถึงปาฏิหาริย์ราวกับความฝัน
ในเวลาเดียวกัน พื้นที่ต่าง ๆ ของสำนึกศึกษา เสียงอุทานมากมายที่สื่อถึงความตกใจและงุนงงก็ดังก้องไม่หยุดหย่อน
“สวรรค์! มีคนรู้วิธีการบูรณะผังอักขระยันต์ที่เสียหายที่ข้าให้ไว้จริง ๆ”
“ฮ่า ฮ่า! ข้าไม่เคยคาดหวังว่ามันจะเสร็จเร็วถึงเพียงนี้ ด้วยผังข้อจำกัดที่แก้ไขแล้ว ใครจะหยุดข้าได้ เมื่อข้าเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามอีกครั้ง!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กระดูกของสัตว์อสูรเซียนวาตะยมโลกนั้นสกัดด้วยวิธีนี้ มารดามัน! ข้าต้องครุ่นคิดอย่างขมขื่นถึงสามเดือน และต้องอ่านตำราไปมากมายนับไม่ถ้วน แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงวิธีที่ง่ายดายแต่แสนแยบยลเช่นนี้!”
เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจ สรรเสริญ ยินดีจนสุดขีด และความตกใจเหล่านี้ ดังก้องไปทั่วทั้งสำนึกศึกษา ดังนั้นจึงเพียงดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
แต่บนภูเขาภารกิจ คลื่นเสียงพลันดังก้องออกมาจากห้องโถงโบราณในขณะนี้
ห้องโถงโบราณแห่งนี้ ใช้ในการแจกจ่ายภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ
ห้องโถงหลักตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คน ในขณะที่สายตามากมายจับจ้องไปยังม่านแสงระยิบระยับที่ใจกลางห้องโถง
เป็นที่น่าประหลาดใจ ม่านแสงนั้นแสดงภารกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ!
แต่มันไม่เหมือนกับที่เห็นในตราดาราม่วง ม่านแสงในห้องโถงไม่เพียงแสดงวันที่มอบหมายภารกิจเท่านั้น แต่ยังมีป้ายกำกับอื่น ๆ เช่น ‘เสร็จสมบูรณ์’ ‘ไม่สมบูรณ์’ ‘ล้มเหลว’ ‘รางวัล’ และอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะละเอียดถี่ถ้วนมาก
ผู้คนในห้องโถงต่างมาที่นี่เพื่อรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งยันต์อักขระ มีทั้งศิษย์และอาจารย์ ซึ่งเกือบทุกคนได้ศึกษาเต๋าแห่งยันต์อักขระ ดังนั้นย่อมไม่ขาดการดำรงอยู่ของปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระในหมู่พวกเขา
แต่ในขณะนี้ ทุกคนต่างหยุดพูดคุยและหยุดทุกสิ่งที่กำลังทำ ก่อนจะเพ่งสายตาไปยังม่านแสงที่ส่องประกายระริบระยับ แล้วความประหลาดใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้คน
เพราะสังเกตเห็นว่า ภารกิจต่าง ๆ ล้วนเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้น ภารกิจอื่นจะถูกรับต่อไป… ซึ่งไม่เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว
“โอ้สวรรค์! ผ่านไปสี่ชั่วยาม แต่เขาก็ยังไม่หยุด และทำภารกิจสำเร็จไปกว่าหกสิบรายการแล้ว! หมายความว่า ทุกหนึ่งชั่วยาม เขาสามารถทำภารกิจให้เสร็จได้ถึง 15 ภารกิจ!” ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจ
คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็มีท่าทางเช่นนี้ เพราะนั่นคือภารกิจหกสิบภารกิจ แม้จะดูไม่มากนัก แต่ไม่ว่าปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระคนใด ก็ไม่สามารถทำมันให้เสร็จสิ้นได้โดยใช้เวลาน้อยกว่า 15 วัน
แต่บุคลลที่ชื่อเฉินซีเพียงคนเดียว กลับสามารถทำภารกิจทั้งหกสิบภารกิจได้ภายในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วยาม ดังนั้นมันจึงเหนือกว่าจินตการของทุกคนที่อยู่ที่นี่
แม้แต่อาจารย์ที่มีความสำเร็จอย่างลึกล้ำในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ก็ยังต้องรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก พวกเขาไม่กล้าเชื่อว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง เพราะมันเป็นดั่งปาฏิหาริย์เท่านั้น
“เฉินซีคือใครกัน? หรือจะเป็นหัวหน้าอาจารย์ของสำนึกศึกษาฝ่ายในที่บรรลุระดับปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอด?” ใครบางคนไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไปและเอ่ยปากถามในที่สุด
คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันและกัน “ใช่แล้ว เฉินซีคนนี้คือใครกันแน่?
เหตุใดเราจึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบุคคลเช่นนี้ในสำนึกศึกษา ซึ่งเปรียบได้กับปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอด หรือคนผู้นี้คืออาจารย์คนใหม่?
ทุกคนในห้องโถงเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ เมื่อไม่มีใครในพวกตนรู้จักเฉินซี พวกเขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นสิ่งที่พิศดารและน่าอัศจรรย์เกินไป
“ข้าจำได้ว่า มีศิษย์อันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ใหม่ที่เข้าเรียนในปีนี้… ดูเหมือนจะชื่อว่าเฉินซี…”
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด ศิษย์หนุ่มคนหนึ่งกล่าวอย่างอ่อนแรง แม้เสียงจะแผ่วเบา แต่หลายคนที่อยู่ที่นี่ล้วนได้ยิน ดังนั้นในช่วงเวลาถัดมา สายตาของทุกคนก็จ้องมองมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
เห็นได้ชัดว่าศิษย์หนุ่มคนนี้ตกใจ และกล่าวอย่างเร่งรีบว่า “ข้าไม่กล้ายืนยันว่าเฉินซีคนนี้คือเฉินซีคนนั้นเช่นกัน การบ่มเพาะของเฉินซีคนนั้นก็อยู่เพียงขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางเท่านั้น และหากกล่าวตามเหตุผลแล้ว เขาไม่ควรเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอด…”
เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็พยักหน้าในใจ ‘ใช่แล้ว การที่เขาสามารถเป็นอันดับหนึ่งของเหล่าศิษย์ใหม่ ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าพลังฝีมือ และพรสวรรค์ย่อมไม่ธรรมดา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระ’
ท้ายที่สุด ทุกคนที่นี่ล้วนทราบอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่จะกลายเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระนั้นหาได้ยาก ในขณะเดียวกันผู้ที่สามารถกลายเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอดนั้นกลับหาได้ยากยิ่งกว่า ซึ่งภายในสำศึกษาทั้งหมด ผู้ที่เป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอดสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะมีใครเชื่อว่าชายหนุ่มที่อยู่เพียงขอบเขตเซียนลึกลับขั้นกลางจะเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระชั้นยอด?
“ฮึ่ม! ข้าคิดว่าเฉินซีคนนี้พยายามที่จะได้รับความนิยม พวกเจ้าทุกคนไม่ได้สังเกตหรอกหรือ? ภารกิจที่เขารับและทำสำเร็จนั้น ยังไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ที่มอบภารกิจ!”
ชายชราร่างผอมกล่าว คนผู้นี้มีชื่อว่าลู่ถิง เป็นอาจารย์ของสำนึกศึกษาฝ่ายในที่เชี่ยวชาญในเต๋าแห่งยันต์อักขระ เขาเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระที่มีชื่อเสียงมาช้านาน และมีอิทธิพลค่อนข้างมาก
เมื่อได้ยินในสิ่งที่ลู่ถิงกล่าว คนอื่น ๆ ก็เข้าใจเช่นกัน
“ใช่แล้ว แม้เฉินซีจะทำภารกิจต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีภารกิจสักชิ้นเดียวที่ได้รับการยอมรับจากผู้มอบหมายภารกิจ ดังนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?”
“หรือว่าภารกิจที่เขาทำจะล้มเหลว?”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของผู้คนมากมายที่นี่ก็แปลกไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถรับและทำภารกิจจำนวนมากให้เสร็จได้ภายในสี่ชั่วยาม
“หรือคนที่มอบหมายภารกิจอาจยังไม่ฟื้นจากอาการตกใจ เนื่องจากภารกิจที่มอบหมายเสร็จในเวลาอันสั้น?” คนอื่นขมวดคิ้วและสงสัยเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุด ความล้มเหลวในการทำภารกิจซ้ำ ๆ ไม่เพียงแต่จะทำให้แต้มดาราถูกหักเท่านั้น แต่สำนักศึกษาจะติดตามเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นผลเสียจึงมีมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นใครบางคนสงสัยในตัวเขา ชายชราร่างผอมลู่ถิงก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน
แต่ในขณะที่ชายชรากำลังจะกล่าวบางอย่าง สายตาก็เหลือบไปเห็นม่านแสงโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นดวงตาหรี่ลงอย่างฉับพลัน ในขณะที่ใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย แล้วชายชราก็เป็นจำต้องกลืนคำพูดของตนลงท้องทันที