บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1211 ไร้ที่เปรียบในประวัติศาสตร์
บทที่ 1211 ไร้ที่เปรียบในประวัติศาสตร์
บทที่ 1211 ไร้ที่เปรียบในประวัติศาสตร์
โอม~
แสงสีฟ้าเปล่งประกาย จากนั้นร่างของเฉินซีก็ปรากฏตัวขึ้นบนด่านที่ 36 ของแดนเซียนสวรรค์มายา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ปราณกระบี่ที่เดือดพล่านราวกับคลื่นยักษ์ก็พุ่งทะลุอากาศจากทุกทิศทุกทาง และมีเสียงกรีดร้องแหลมคมเสียดแทงออกมาราวกับว่าต้องการฉีกแก้วหูของผู้คน
ปราณกระบี่เป็นดั่งพายุฝนฟ้าคะนองปกคลุมทั่วสารทิศ มันคือการลงมือของร่างในชุดสีดำทั้ง 36 คน
ร่างที่สวมชุดสีดำเหล่านี้ไม่เหมือนกับด่านอื่น ๆ พวกมันมีกลุ่มละหกคน ก่อตั้งค่ายกลเซียนหกรอง ในขณะที่ค่ายกลเซียนทั้งหกก่อตัวเป็นค่ายกลเซียนหกหลัก
มันเป็นค่ายกลเหนือค่ายกล มันทำให้การโจมตีและจิตสังหารรุนแรง และสมบูรณ์ราวกับว่ามันถูกสร้างจากคนเพียงคนเดียว!
ความกดดันที่อธิบายไม่ได้กำลังบดขยี้เฉินซี เหมือนกับภูเขาจำนวนมหาศาลกดทับลงมา จิตวิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้ ราวกับกำลังลุกไหม้และเดือดพล่าน
ตั้งแต่ด่านที่ 35 ความกดดันที่ต้องเผชิญ บังคับให้เฉินซีดึงเอาศักยภาพส่วนใหญ่ของตนออกมา ร่างกายและจิตใจจึงเข้าสู่สภาวะการต่อสู้ที่ลึกล้ำ
ดังนั้น ในยามนี้ เมื่อชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความกดดันจากทั่วทุกหนทุกแห่ง เขาไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกอึดอัด กลับกัน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม สีหน้าไม่แยแสและสงบนิ่ง ร่างกายเหมือนกับดาบที่ไม่มีใครเทียบได้ซุกซ่อนอยู่ในหุบเหวลึก ที่ยามนี้ถูกดึงออกจากฝักและเผยความเฉียบคมของมันให้เห็น!
ปัง!
ร่างกายเริ่มเดือดและเผาไหม้ไม่ต่างจากเตาหลอมอันวุ่นวาย
ความเข้าใจที่ได้รับจากการศึกษาในฝ่ายสงวนคัมภีร์ พุ่งเข้าสู่หัวใจราวกับกระแสน้ำ ทำให้แม้แต่จิตวิญญาณก็สั่นสะท้าน และสร้างแรงกระตุ้นที่ไม่อาจยับยั้งได้
นี่คือโอกาสที่จะทะลวง!
ความปรารถนาอันแรงกล้า เปรียบเสมือนเปลวไฟโหมกระหน่ำที่ต้องการลุกโชนขึ้นในร่างกาย เพื่อจุดประกายแก่นแท้ พลังงาน จิตวิญญาณ และแม้กระทั่งแหล่งกำเนิดพลังชีวิต!
เมื่อมองห่าง ๆ ร่างกายในยามนี้ กำลังเต็มไปด้วยรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว ทุกรูขุมขนเปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา ทอประกายเส้นแสงสีทองที่ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองมาตรง ๆ
“ไม่เคยคิดเลยว่า ข้าจะไม่สามารถควบคุมโอกาสทะลวงได้จริง ๆ ”
“เอาเถิด ข้ามีประสบการณ์การต่อสู้นับไม่ถ้วน ข้าอดทนกับความรุนแรงเหล่านั้นมามาก เดินบนถนนที่นองเลือดและปกคลุมไปด้วยกระดูก เดินผ่านภูเขาที่เต็มไปด้วยศพ… ความสำเร็จทั้งหมดของข้าในยามนี้ล้วนมาจากการต่อสู้ วันนี้ ข้าจะบุกทะลวงและก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำ!”
ดุจมีเสียงฟ้าร้องกำลังตะโกนอยู่ในใจ เหมือนกับชนวนที่จุดไฟให้เฉินซี
ปัง!
ทันใดนั้นรัศมีทั้งหมดพลันเปลี่ยนไป ทั่วทั้งกายเต็มไปด้วยแสงสีทองที่ไม่อาจพรรณนาได้ ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ หนาแน่น และมีรัศมีที่ใสราวกับแก้ว
กลับกัน ในแดนฮุ่นตุ้น ทะเลแห่งสัญลักษณ์ทั้งสี่ ตำหนักหนี่หวาง จุดถันจงและจุดป่ายฮุ่ย ซึ่งเป็นตัวแทนของอุปสรรคลึกลับทั้งสาม กำลังเดือดพล่านประหนึ่งว่าพวกมันกำลังจะบุกผ่านอุปสรรค และมาบรรจบกัน
แดนฮุ่นตุ้นเป็นต้นกำเนิดของตันเถียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่รากฐานแห่งเต๋าวางอยู่
ทะเลแห่งสัญลักษณ์ทั้งสี่นั้นเป็นรากฐานของเซียนสวรรค์ และเป็นสถานที่จัดเก็บปราณเซียน
อุปสรรคลึกลับทั้งสามคือ วิญญาณทั้งสามของเซียนลึกลับอาศัยอยู่ในตอนนี้ พื้นที่ทั้งสามต่างสั่นสะเทือนและหมุนเวียนไปพร้อม ๆ กัน ราวกับลาวาที่กำลังเดือดพล่านไปทั่วกาย หากพลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งหมดระเบิดออกมา มันก็คงจะสามารถทำลายเมืองอันกว้างใหญ่ของภพเซียนได้ในทันที!
ครืน!
ปราณเซียนลุกโชน ปราณแท้ลุกโชน ร่างกายของเฉินซีเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจขึ้น
ทั้งหมดนี้แม้ฟังดูช้า แต่ความจริงแล้วมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น เมื่อเฉินซีก้าวเข้าสู่ด่านที่ 36 มันก็เริ่มขึ้นในทันที
วู~ วู~ วู~
เวลานี้ ปราณกระบี่ที่ปกคลุมผืนนภา ได้ฉีกผ่านท้องฟ้ามาถึงตรงหน้าเขาแล้ว!
เคร้ง!
ด้วยตะขอดาราในมือ เฉินซีพุ่งไปข้างหน้าราวกับลูกศรสีทอง ทิ้งภาพติดตาพร่างพรายไว้ในความว่างเปล่า ในขณะที่ชายหนุ่มพุ่งผ่านสายฝนแห่งปราณกระบี่ที่ปกคลุมทั่วทิศ
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เพียงชั่วพริบตาเดียว ทุกที่ที่เฉินซีผ่านไป ร่างในชุดสีดำมากกว่าสิบร่างก็ถูกตะขอดาราบดขยี้อย่างง่ายดาย พวกมันหายไปราวกับหมอกควัน กลายเป็นฝนแห่งแสงที่ปกคลุมท้องฟ้าก่อนที่จะหายไป
ฆ่า!
จิตวิญญาณการต่อสู้ของเฉินซีลุกโชน เปรียบเสมือนแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ชายหนุ่มทะยานขึ้นไปบนความว่างเปล่าแล้วชี้ไปที่ท้องฟ้าและผืนดิน ไม่ว่าดาบจะชี้ไปที่ใด จะต้องมีร่างชุดดำสองสามคนถูกสังหารลงอย่างแน่นอน!
ในขณะนี้ เฉินซีอยู่ในสภาพแปลกประหลาด ดูเหมือนเขาจะอยู่ในสภาวะต่อสู้ แต่ก็ดูเหมือนกำลังทะลวงขอบเขต การเคลื่อนไหวและความนิ่งสงบแผ่รัศมีของเต๋าสวรรค์ออกมาเล็กน้อย
หากคนอื่น ๆ ในโลกภายนอกได้เห็นฉากนี้ คงไม่มีใครเชื่อแน่ว่าจะมีคนสามารถบุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำ ขณะอยู่ในการต่อสู้ได้จริง!
ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนของภพเซียน ขอบเขตเซียนทองคำนั้นอันตรายและก้าวข้ามไปถึงได้ยากยิ่ง หากพวกเขาประสบความสำเร็จ ก็จะได้รับร่างกายที่เป็นทองคำชั่วนิรันดร์ ส่วนผู้ที่ล้มเหลวก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่บุคคลระดับสูงก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย พวกเขาจะเตรียมทรัพยากร เชิญผู้อาวุโสมากมายในนิกายของตน เพื่อคุ้มกันขณะบุกทะลวง ถึงจะกล้าเลือกก้าวข้ามขอบเขตไป
แต่เฉินซีกลับเลือกที่จะบุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำในการต่อสู้!
โชคดีที่ฉากนี้เกิดขึ้นภายในแดนเซียนสวรรค์มายา มิฉะนั้นหากมีคนเห็นเข้า คงจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่ทั้งสำนักศึกษาจะตื่นตระหนก และจัดให้เฉินซีกลายเป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าเงื่อนไขเบื้องต้นคือ การที่เฉินซีฝ่าฟันไปได้สำเร็จไม่เช่นนั้นในสายตาของคนนอก พฤติกรรมในขณะนี้ก็ไม่ต่างจากคนวิปลาสสักนิด
ปัง!
ปราณกระบี่สูงเสียดฟ้าฟาดฟันลงมา คร่าชีวิตชายชุดดำนับสิบคนอีกครั้ง การโจมตีที่ทรงพลังนี้ ทำให้ทุกอย่างดูง่ายยิ่งกว่าการฆ่าไก่ฆ่าลิง
แม้จะเปรียบเทียบกับสถานการณ์การต่อสู้บนด่าน 35 เฉินซีก็ยังอยู่ในสถานะบดขยี้คู่ต่อสู้อย่างสมบูรณ์ในขณะนี้ ชายหนุ่มกวาดล้างทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีใครสามารถต้านทานคมดาบของเขาได้!
ถึงจะเป็นช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เฉินซีก็ไม่สูญเสียเหตุผลของตน จิตใจมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงของพลังภายในร่างกาย ทำให้เขาไม่มีเวลาใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงรอบตัว
การโจมตีที่มาจากทุกทิศทางกลับกลายเป็นเหมือนหมัดเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถคุกคามผู้ใดได้
“ด่าน 36 สำเร็จในเวลา 27 ลมหายใจ!”
เมื่อเฉินซีลืมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวไปแล้ว เสียงที่ไม่แยแสและไร้อารมณ์ก็ดังก้องข้างหูของเขา
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าไม่มีคู่ต่อสู้เหลืออยู่ในด่านนี้อีกต่อไป
“ข้าผ่านแล้วหรือ.. ?”
เมื่อความคิดนี้แวบเข้ามาในจิตใจ ร่างของเขาก็ถูกคลื่นเมฆสีฟ้าพัดพาไปและหายตัวไปจากด่าน 36…
ภายในพื้นที่ลับส่วนลึกของสถาบัน ร่างสูงตระหง่านกำลังนั่งขัดสมาธิบนก้อนหิน ข้างหน้าไม่ไกลนักคือแม่น้ำแห่งดวงดาวอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
ฉับพลัน ร่างที่แข็งแกร่งนั้นก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาราวกับสามารถมองผ่านส่วนลึกของจักรวาลได้ ทำให้แม่น้ำแห่งดวงดาวส่องสว่าง ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นไหวพร้อม ๆ กัน
“ทะลวงผ่านการต่อสู้เหรอ? ฮ่า น่าทึ่งยิ่ง!”
…
ในเวลาเดียวกันกับที่เฉินซีถูกเมฆสีฟ้าพัดพาไป อักขระสีเขียวที่แสดงถึงระดับที่ 36 บนกำแพงแสงนอกแดนเซียนสวรรค์มายาก็หรี่ลง
“เฉินซี ทำลายสถิติด่านที่ 36 ด้วยเวลา สามเค่อ สองลมหายใจ ขึ้นอันดับหนึ่ง!”
ในเวลาเดียวกัน ที่ทางเข้าแดนเซียนสวรรค์มายา กระแสน้ำวนกลางความว่างเปล่าก็หมุนอย่างรุนแรง และจากนั้นเสียงที่เหมือนกับระฆังก็ดังก้องขึ้นกวาดออกไปผ่านสวรรค์และปฐพี
รอบข้างเกิดความโกลาหล!
ศิษย์ทุกคนในสำนัก ไม่ว่าศิษย์พี่หรือศิษย์ใหม่ต่างพากันตกตะลึง
พวกเขาเพิ่งเห็นเฉินซีเข้าสู่ด่านที่ 36 และคิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่นั้นสักระยะหนึ่ง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าก่อนที่พวกเขาจะตอบสนอง การต่อสู้ก็จบลงแล้ว!
ผลลัพธ์ของเฉินซีทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ไม่เพียงแค่สร้างสถิติใหม่ แต่ยังผลักอวิ๋นฝูเซิงซึ่งครองอันดับที่หนึ่งมานานหลายปีลงมา และก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุด!
อันดับหนึ่ง!
ทั้งยังใช้เวลาน้อยกว่า อวิ๋นฝูเซิงในอดีตถึงถึงสามสิบลมหายใจ!
จะมีผู้ใดจินตนาการเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้กัน?
“ตามที่คาดไว้ ชื่อของเขาได้ปรากฏขึ้นบนศิลาวิถีแล้ว…”
บางคนปฏิเสธที่จะเชื่อและจ้องมองไปที่ศิลาวิถี เมื่อพวกเขาพบว่าชื่อของเฉินซี เข้าแทนที่ตำแหน่งแรกไปแล้ว พวกเขาก็ตกตะลึงทันที
การแสดงออกของอ๋าวอู๋หมิงกับเจี้ยงฉางไฮ่มืดมนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเฉินซีจะสามารถสร้างสถิติใหม่ได้จริง ๆ และยังเป็นสถิติที่สูงถึงระดับที่อวิ๋นฝูเซิงในอดีตไม่สามารถเปรียบเทียบได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะได้รับบันทึกว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในประวัติศาสตร์!
“ฉลาดหลักแหลม! สุดยอด! ด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ ในอนาคตคงมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถทำลายมันได้!”
เซวียนหยวนอวิ่นพูดอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจะฝึกฝนในดวงจิตแห่งเต๋า แต่เขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้ เห็นได้ชัดว่าการสร้างสถิติใหม่ครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกตกใจและประหลาดใจเพียงใด
หลังจากหายจากอาการตกใจ ศิษย์คนอื่น ๆ ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นทันที บางคนหยิบเอาแผ่นหยกที่ครอบครองอยู่ออกมา และส่งข่าวสถิติของเฉินซีไปให้สหายของพวกตนทันที
“ฮึ่ม! ถ้าเขาทำลายสถิติได้แล้วอย่างไร? ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำได้อยู่ดี?”
ตอนนี้ อ๋าวอู๋หมิงทำได้เพียงใช้เหตุผลนี้เพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้ ผลลัพธ์ของเฉินซีสร้างความกดดันอย่างมาก ทำให้รู้สึกหดหู่และละอายใจ ดังนั้นจึงต้องการเหตุผลในการปลอบโยนตัวเอง
แม้ว่าเจี้ยงฉางไฮ่จะไม่ได้พูด แต่สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอ๋าวอู๋หมิง แน่นอนว่าความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกับของอ๋าวอู๋หมิงแทบทุกประการ
“เจ้าสองคน ทำตัวดี ๆ หน่อยได้หรือไม่?”
เซวียนหยวนอวิ่นขมวดคิ้วพลางพูดด้วยความไม่พอใจ
“ข้าก็แค่พูดความจริง สิ่งที่ข้าพูดมีสิ่งใดผิดหรือ? หากเขามีความสามารถจริง แล้วทำไมถึงไม่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำให้ทุกคนได้เห็นล่ะ?” อ๋าวอู๋หมิงหัวเราะเยาะ
ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีคนอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจและสับสน “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเฉินซีถึงไม่ถูกเคลื่อนย้ายออกมา? เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำ และได้เข้าสู่ด่าน 37 ของแดนเซียนสวรรค์มายาไปแล้ว?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังขึ้น ทุกคนในที่แห่งนี้ก็ตระหนักว่าเฉินซียังไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกมาจริง ๆ !
เมื่อจ้องมองไปยังกำแพงลอยแห่งแสง พวกเขาเห็นว่าสัญลักษณ์สีทองที่แสดงถึงชื่อของเฉินซีนั้นได้หายไปนานแล้ว แต่ตัวคนกลับยังไม่ปรากฏออกมา
ดังนั้นจึงมีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น คือหลังจากที่ผ่านด่านที่ 36 แล้ว ชายผู้นี้ก็ได้เข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น และเป็นที่ทราบกันดีว่าด่านที่อยู่เหนือ 36 และต่ำกว่า 72 เป็นพื้นที่ที่มีเพียงเซียนทองคำเท่านั้นที่สามารถก้าวเข้าไปได้!
“เขา… เขา… คงไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำในขณะที่ยังอยู่ในการต่อสู้ใช่หรือไม่?”
ใครบางคนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ด้วยความตกใจที่ไม่สามารถปกปิดได้ คำพูดที่พูดออกมานั้น แม้แต่ตัวเขาเองไม่สามารถรักษาความสงบได้
ทุกคนมองหน้ากัน
แต่การแสดงออกของอ๋าวอู๋หมิงกับเจี้ยงฉางไฮ่ กลับมืดมนและไม่น่าดูถึงขีดสุด