บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1214 ตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้
บทที่ 1214 ตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้
บทที่ 1214 ตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้
ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่เฉินซีที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์ ศิษย์ทุกคนที่อยู่นอกเขตแดนเซียนสวรรค์มายาต่างเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางเผยสีหน้าตกตะลึง
“กลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์!”
“หรือว่าทัณฑ์สวรรค์กำลังคืบคลานเข้ามา?”
“ไม่ นี่เป็นลางร้าย ถ้าข้าเดาไม่ผิด คงเป็นเพราะศิษย์คนหนึ่งที่ได้การสรรเสริญจากทวยเทพ ได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำ จึงกระตุ้นชะตาแห่งเต๋าสวรรค์ เพื่อประทานตราศักดิ์สิทธิ์ให้!”
“เจ้าว่าอะไรนะ? ตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้?”
“เฉินซี… จะต้องเป็นคนผู้นั้นอย่างแน่นอน การสรรเสริญจากทวยเทพที่เขาได้รับก่อนเข้าสำนัก ได้เกินขอบเขตของฟ้าดินร้องสอดประสาน!”
“เฉินซี? ที่แท้ก็เขา…”
ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์ที่ทางเข้าด่านที่หนึ่ง ด่านที่ 36 และด่านที่ 72 ของแดนเซียนสวรรค์มายา ทุกคนต่างคาดเดาคำตอบได้ ดังนั้นพวกเขาจึงอุทานด้วยความชื่นชมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บางคนถึงขั้นแสดงความชื่นชมออกมา
ตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้!
มันเป็นพรจากเต๋าแห่งสวรรค์ ซึ่งผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำไม่จำเป็นต้องกลั่นกรองและทำความเข้าใจ ก็สามารถได้รับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ได้!
มันเป็นสิ่งล่อลวงชั้นยอดที่ไม่มีเซียนทองคำคนใดสามารถต้านทานได้
ท้ายที่สุด เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า การควบแน่นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจกล่าวได้ว่า เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งยวดเสียด้วยซ้ำ ผู้เป็นเซียนทองคำทั่วไป จะสามารถควบแน่นและคว้าตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์เพียงชิ้นเดียวในชีวิต
“ช่างน่าเกรงขามยิ่ง! เขาบรรลุขอบเขตเซียนทองคำภายในเวลาไม่ถึงสองปี! คนผู้นี้เป็นตัวประหลาดที่หาตัวจับยากอย่างแท้จริง! พวกเจ้าคิดว่าตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้กับเฉินซี จะมีกฎแห่งมหาเต๋ากี่ประเภท?” มีคนอุทานด้วยความชื่นชมและถามด้วยความสงสัย
ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์เป็นสิ่งที่ควบแน่นจากกฎแห่งมหาเต๋าสองประเภทขึ้นไป โดยปกติแล้ว ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ทั่วไปจะมีกฎแห่งมหาเต๋าเพียงสองประเภท และตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่น่าเกรงขามบางชิ้นจะมีกฎแห่งมหาเต๋าสามประเภทขึ้นไป
ความแตกต่างของจำนวนทำให้พลังที่บรรจุภายในตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากมีใครต้องการแยกแยะความเหนือกว่าของตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ มีสองวิธีคร่าว ๆ อย่างแรกคือจำนวนของกฎแห่งมหาเต๋าที่ครอบครอง และนั่นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตัดสินตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ ส่วนอีกวิธีขึ้นอยู่กับประเภทของกฎแห่งมหาเต๋าที่บรรจุอยู่ภายใน
ท้ายที่สุด กฎแห่งมหาเต๋ามีทั้งธรรมดาและหายาก ตัวอย่างเช่น ธาตุทั้งห้า หยิน หยาง วายุ อัสนี และกฎแห่งมหาเต๋าอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน เป็นกฎแห่งมหาเต๋าทั่วไป ในขณะที่ดวงดาว แสง ความมืด และอื่น ๆ เป็นกฎแห่งมหาเต๋าที่หายาก
ตัวอย่างเช่น เป็นการยากที่จะแยกความแตกต่างของความเหนือกว่าระหว่างตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่มีกฎแห่งมหาเต๋าทั่วไปห้าประเภท และตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่มีกฎแห่งมหาเต๋าที่หายาก
ในเวลานั้น บางทีอาจขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเซียนทองคำที่ครอบครองตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์
ความสนใจของทุกคนถูกกระตุ้นทันที เมื่อมีการกล่าวว่าเฉินซีกำลังจะได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้ พวกเขาก็เริ่มคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
“เมื่อเจิ่นลู่บรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำเมื่อปีที่แล้ว เขาได้รับตราศักดิ์สิทธิ์สี่สัญลักษณ์ที่ประกอบด้วยกฎแห่งมหาเต๋าของพฤกษา อัคคี พสุธา และทอง หลังจากนั้นจี้เซวียนปิงก็บรรลุขอบเขตเซียนทองคำ และได้รับตราศักดิ์สิทธิ์เต๋าจักรพรรดิ แม้ว่ามันจะมีกฎแห่งมหาเต๋าเพียงประเภทเดียว แต่มันเป็นกฎแห่งมหาเต๋าที่หายาก ซึ่งสามารถเทียบกับเจิ่นลู่ได้”
“ส่วนจ้าวเมิ่งหลี นางได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้เช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่านางได้รับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์อะไร อย่างไรก็ตาม มันอาจพอ ๆ กับ เจิ่นลู่และจี้เซวียนปิง”
“เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า การสรรเสริญจากทวยเทพที่เฉินซีได้รับนั้นเหนือกว่าทั้งสามคน ในความคิดของข้า ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่เฉินซีได้รับจะต้องเหนือกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน”
“ด้วยวิธีนี้ เฉินซีจะได้รับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่มีกฎแห่งมหาเต๋ามากกว่าสี่ประเภท หรือได้รับตราที่มีกฎแห่งมหาเต๋าที่หายาก”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น!”
“อย่าลืมว่าพลังของการสรรเสริญจากทวยเทพที่เฉินซีได้รับนั้น เทียบเท่ากับผู้อาวุโสอวิ๋นฝูเซิงเมื่อหลายปีก่อน และเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่ผู้อาวุโสอวิ๋นฝูเซิงได้รับคือ ‘เงาแห่งกาลเวลา!’ มันเป็นแขนงหนึ่งของกฎสูงสุด อย่างมหาเต๋าแห่งกาลเวลา และพลังของมันไม่เคยปรากฏมาก่อน”
“เจ้าหมายความว่าเฉินซีอาจสามารถได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ที่มีกฎสูงสุดเช่นผู้อาวุโสอวิ๋นฝูเซิง?”
“เป็นไปได้ แต่ความหวังมีไม่มากนัก กฎสูงสุดคืออะไร? มีเพียงสามอย่างที่ทุกคนรู้จักในภพเซียน คือ กฎแห่งกาลเวลา กฏแห่งอวกาศ กฏแห่งชีวิตและความตาย! สิ่งเหล่านี้เป็นความลึกซึ้งสูงสุดที่สามารถเข้าใจได้ในขอบเขตราชันเซียนเท่านั้น”
“ยิ่งกว่านั้น กฎแห่งกาลเวลา ยังแบ่งออกเป็นแขนงต่าง ๆ มากมาย เช่น การหน่วงเวลา เงาแห่งกาลเวลา การจำกัดเวลา การย้อนเวลา และอื่น ๆ ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีวาสนาพอจะทำความเข้าใจพวกมัน และมีเพียงตัวตนที่บรรลุขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเท่านั้น ที่สามารถสัมผัสกับกิ่งก้านของความลึกล้ำสูงสุดเหล่านี้ได้”
“เหตุผลที่เฉินซีสามารถได้รับมัน นั่นเพราะมันเป็นการประทานของเต๋าแห่งสวรรค์ และไม่มีใครสามารถตัดสินได้ว่ามันคืออะไร แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับแขนงหนึ่งของกฎสูงสุดทั้งสามนี้ เว้นแต่เขาจะมีวาสนาเหมือนผู้อาวุโสอวิ๋นฝูเซิง”
ฝูงชนพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา และอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่ง ต่อตราศักดิ์สิทธิ์ที่เฉินซีกำลังจะได้รับ
โอม~
ในขณะนี้ ท้องฟ้าเหนือแดนเซียนสวรรค์มายาถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายหนาทึบของเต๋าแห่งสวรรค์ ความลับของสวรรค์กำลังพลุ่งพล่าน และเปล่งแสงมงคลนับไม่ถ้วนไหลพรั่งพรูด้วยรัศมีแห่งสวรรค์
เนื่องจากความโกลาหลที่เกิดจากสิ่งนี้มากเกินไป ทำให้ผู้อาวุโสหลายคนในสำนักตื่นตระหนก และดึงดูดความสนใจอย่างยิ่ง ในชั่วพริบตา เจตจำนงอันน่าเกรงขามมากมายก็หลั่งไหลเข้ามา
“ตราศักดิ์สิทธิ์ที่เต๋าแห่งสวรรค์ประทานให้?”
“น่าสนใจ ข้าจำได้ว่ามีศิษย์ใหม่หลายคนได้รับการสรรเสริญจากทวยเทพ เด็กน้อยคนไหนที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนทองคำในครั้งนี้?”
“บัดซบ! เขากำลังก้าวหน้าในแดนเซียนสวรรค์มายา เราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าภายในเกิดสิ่งใดขึ้น”
“ฮ่าฮ่า! นักพรตเต๋าเจี้ยง เจ้าไม่ได้ยินการสนทนาของสหายตัวน้อยเหล่านั้นเหรอ? เขาคือเฉินซี!”
“ข้ารู้ว่าเป็นเขา แต่ที่ข้าต้องการทราบคือตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่เขาได้รับคืออะไรกันแน่ เพราะพรสวรรค์ของเขาเทียบเท่าอวิ๋นฝูเซิงเลยทีเดียว”
“อนิจจา ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน โชคไม่ดีที่แดนเซียนสวรรค์มายาถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเต๋า ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเห็นได้อย่างแน่ชัดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นภายในนั้น เราทำได้แค่รอให้กระจกเทวะความลับแห่งสวรรค์ประกาศเท่านั้น”
…
กลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์บนท้องฟ้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และดึงดูดความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
เวลาล่วงเลยผันผ่าน คลื่นความผันผวนที่ไร้รูปร่างก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และทำให้กลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์เปลี่ยนเป็นสายลมสดชื่น ก่อนจะหายไปอย่างสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกัน บนภูเขาภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า มีกระจกหินโบราณเต็มไปด้วยรอยด่าง เมื่อกลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์หายไป ทันใดนั้น แสงที่ชัดเจนก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของกระจกหิน และจากนั้นก็ควบแน่นเป็นตราศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมด้วยสีห้าสี ก่อนจะหายลับไปในทันที
แต่หลายคนก็สังเกตเห็นฉากนี้
“ตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ? กฎแห่งมหาเต๋าทั้งห้าประเภท?”
“มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ เหตุใดจึงไม่เป็นตราศักดิ์สิทธิ์ที่มีกฎสูงสุด?”
“กระจกเทวะความลับแห่งสวรรค์สามารถจับร่องรอยของความลับแห่งสวรรค์ได้ มันตั้งอยู่ในสำนักมาอย่างยาวนานจนไม่อาจนับ เจ้าเคยเห็นมันทำผิดพลาดหรือไม่? เรื่องนี้จะต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน”
“น่าเสียดาย แม้ว่าตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุนี้จะทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ด้อยกว่าตราศักดิ์สิทธ์เงาแห่งกาลเวลาที่อวิ๋นฝูเซิงได้รับเมื่อหลายปีก่อน”
ในเวลาไม่นาน ทุกคนรวมทั้งศิษย์ที่อยู่ด้านนอกและด้านในแดนเซียนสวรรค์มายา ต่างรู้ว่าเฉินซีได้รับตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ มีทั้งคนอุทานด้วยความชื่นชม มีทั้งคนที่รู้สึกสงสารเขาจับใจ และอีกหลายคนที่มีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป
ที่พวกเขาอุทานด้วยความชื่นชม เป็นเพราะตราศักดิ์สิทธิ์ที่เฉินซีได้รับนั้นทรงพลังกว่าตราศักดิ์สิทธิ์ที่เจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง และคนอื่น ๆ ได้รับอยู่เล็กน้อย
ส่วนที่พวกเขารู้สึกสงสาร เป็นเพราะตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุไม่ใช่สิ่งที่หายาก และแตกต่างเหมือนตราศักดิ์สิทธิ์เงาแห่งกาลเวลาที่อวิ๋นฝูเซิงได้รับเมื่อหลายปีก่อน
ชู่ว!
ท่ามกลางการสนทนาเหล่านี้ แสงเจิดจ้าสว่างวาบตรงทางเข้าด่านที่ 36 ของแดนเซียนสวรรค์มายา จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนแท่น
ยามนี้ ปราฏร่างสูงใหญ่สวมเสื้อผ้าที่ไม่ต่างจากเศษผ้า อาบย้อมไปด้วยเลือด กลิ่นอายลึกดุจหุบเหว ทั่วทั้งร่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายบริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ และโอ่อ่าน่าเกรงขาม
การสนทนาอื้ออึงโดยรอบหยุดลงทันที เมื่อเฉินซีปรากฏตัว ทุกสายตาจับจ้องไปยังทิศทางเดียวอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าอันซับซ้อน
เป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งทำลายสถิติของ 36 ด่านแรก และไม่มีใครเทียบได้ในประวัติศาสตร์ ตอนนี้เขาได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำ และได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้ ถ้าชายผู้นี้ไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาคงคิดว่ากำลังฝันไป
เฉินซีไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ แม้สีหน้าจะสงบนิ่ง แต่มุมปากกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ก่อนจะจากไปอย่างเร่งรีบ
“อืม? หรือว่าเขากำลังจะท้าทายต่อ?”
“งี่เง่า! เฉินซีได้บรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำเรียบร้อยแล้ว และได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ที่สวรรค์ประทานให้ ตอนนี้เขาจะมีอารมณ์ท้าทายการทดสอบของแดนเซียนสวรรค์มายาได้อย่างไร?”
เสียงของการสนทนาดังก้องขึ้นอีกครั้ง เมื่อเฉินซีจากไป
“อนิจจา ช่างเรื่องนี้เถอะ ทุกคนต้องทุ่มเทเช่นกัน ครั้งนี้มีพวกตัวประหลาดมากมายในหมู่ศิษย์ใหม่ และถ้าเรายังใช้เวลาอย่างไร้ค่า ไม่ต้องกล่าวถึงการสอบในครั้งนี้ เราคงไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมในการสอบในครั้งต่อไปแน่…” ศิษย์อาวุโสถอนหายใจด้วยน้ำเสียงที่ซับซ้อน
คนอื่น ๆ ก็เงียบเช่นกันพวกเขาคิดถึงทุกสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้ และคิดถึงการสอบของสำนักฝ่ายในที่กำลังจะมาถึง หัวใจพลันหนักอึ้งเล็กน้อย พวกเขากำหมัดโดยไม่รู้ตัว
…
“แปลกนัก ช่างแปลกอย่างแท้จริง เหตุใดข้าถึงได้รับตราศักดิ์สิทธิ์ถึงสองชิ้น?” ภายในเคหาระดับจักรพรรดิบนภูเขาเมฆาไพศาล เฉินซีนั่งสมาธิตั้งแต่กลับมาถึง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ขณะครุ่นคิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ภายในด่านที่ 37 ของแดนเซียนสวรรค์มายา
ในเวลานั้น เมื่อกลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์คลืบคลานลงมา มันทำให้เขาได้รับพลังไร้รูปร่างของมหาเต๋าทันที มันควบแน่นเป็นตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตน
ซึ่งในตอนแรก ชายหนุ่มคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้กำลังจะจบลง แต่ไม่คาดคิดว่า กลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์จะคืบคลานลงมาอีกครั้ง และมอบตราศักดิ์สิทธิ์ให้อีกชิ้น!
“ในตอนนั้น กลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์ได้เข้าสู่ร่างกายของข้า และห่อหุ้มข้าไว้อย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น… เดี๋ยวก่อน ข้าจำได้แล้ว!” ทันใดนั้น ประกายแสงแรงกล้าก็วาบขึ้นภายในจิตใจของเฉินซี ชายหนุ่มครุ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว และในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่า กลิ่นอายของเต๋าแห่งสวรรค์ดูเหมือนจะสัมผัสกับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากในห้วงสำนึก ส่งผลให้มันสั่นไหวแผ่วเบา…