บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1228 ศัตรูในเงามืด
บทที่ 1228 ศัตรูในเงามืด
เหยี่ยวสุญญะพันกว่าตัวก็เทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับพันกว่าคนเช่นกัน!
จำนวนเท่านี้ก็สามารถหยุดยั้งเฉินซีที่ยังไม่ถึงขอบเขตเซียนทองคำไว้ได้แล้ว แต่จะนำเฉินซีในตอนนี้ไปเทียบกับในอดีตก็ไม่ได้
ในฐานะเซียนทองคำ พลังบ่มเพาะของเขามีจุดแข็งกว่าผู้ใด ไม่ใช่สิ่งที่ระดับขอบเขตเซียนลึกลับจะสามารถเอาชนะด้วยจำนวนได้ อีกทั้งเฉินซียังไม่ใช่เซียนทองคำธรรมดาเสียด้วย
เขามีพื้นฐานมั่นคงยิ่งกว่ารุ่นเดียวกันกว่าร้อยเท่า ได้ตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุและมรดกตกทอดมากมายจากยันต์เทวะอนันต์ หากพูดกันในเรื่องพลังต่อสู้ อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นตัวประหลาดที่ไม่อาจใช้เกณฑ์ใดมาประเมินได้
ฟึบ!
พริบตาต่อมา เฉินซีก็หยิบดาราประสานออกมาฟาดเคล็ดกระบี่วารีออกไป กระแสปราณกระบี่ดีดขึ้นฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นท้องสมุทรโอบล้อมฟ้าดิน ราวกับพร้อมทำให้ทุกสิ่งจมหาย!
แกว๊ก! แกว๊ก!
แกว๊ก! แกว๊ก! แกว๊ก! แกว๊ก!
คลื่นเสียงกรีดร้องน่าสงสารดังขึ้นและเงียบลงภายในมหาสมุทรนั้น เหยี่ยวสุญญะกว่าพันตัวถูกคลื่นลมบดบังร่าง พยายามหลุดจากคลื่นปรานกระบี่ให้ได้ แต่ยิ่งพยายามเท่าไรก็ยิ่งทำให้ถูกทำลายหายไปเร็วขึ้น
ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ เหยี่ยวสุญญะกลุ่มใหญ่ก็ถูกทำลายสิ้น ไม่เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว!
ชิงชิงกู่ร้องด้วยความตื่นเต้น รีบพุ่งเข้าไปพร้อมกับพลังกฎแห่งการกลืนกิน เป็นเหมือนลมพายุซัดกวาดรอบข้างด้วยพลังรุนแรง
ง่ำ! ง่ำ! ง่ำ!
ร่างเหยี่ยวสุญญะถูกมันกลืนกินตัวแล้วตัวเล่า พวกมันกลายเป็นผุยผง โชคดีที่ชิงชิงยังรู้จักยับยั้งตนเอง เหลือจะงอยปากแหลมคมของเหยี่ยวสุญญะไว้
เฉินซีพยักหน้าด้วยความพอใจเมื่อเห็นดังนั้น เอ่ยชมชิงชิงที่รู้จักเชื่อฟังและมีเหตุผลอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเริ่มเก็บของ
ตอนนี้เขากำลังจัดตั้งพันธมิตรดารา ในอนาคตเมื่อสามารถขยายพันธมิตรดาราออกไปได้เมื่อไหร่ ก็คงเป็นไปไม่ได้หากไร้เงินสนับสนุนจำนวนมาก เฉินซีไม่อยากพึ่งพาอาซิ่วให้คอยช่วยพัฒนาพันธมิตรดารา เพราะยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกละอายอยู่ในใจ เขาจึงคิดฉวยโอกาสหาเงินให้ได้มากที่สุด
พริบตาเดียวทั้งคนทั้งอสูรก็เก็บกวาดสนามรบจนหมดเกลี้ยง
ทว่าชิงชิงดูเหมือนยังหิวและยังไม่พอใจ พลันเคลื่อนสายตาไปเห็นภูเขาเตี้ย ๆ อีกลูกหนึ่ง มันจึงรีบพุ่งเข้าไปทันที
“ตะกละอีกแล้ว” เฉินซีหัวเราะขำแล้วติดตามไป
กรร!
คลื่นเสียงไร้รูปร่างปะทุออกจากปากชิงชิง สั่นสะเทือนรอบข้างเหมือนพายุลม ทันใดนั้นยอดเขาเตี้ยก็กลายเป็นผุยผงกระจายไปทั่วชั้นบรรยากาศ
จากนั้น ผลึกแก้วขนาดเท่ากำปั้นที่เต็มไปด้วยแสงดาวสีเงินก็ลอยขึ้นมา หมุนตัวอยู่กลางอากาศ ก่อนที่จะถูกชิงชิงกลืนเข้าปากไป
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ชิงชิงดีใจมาก เหมือนได้กินอาหารแสนอร่อยก็มิปาน เริ่มแลบลิ้นเลียไปทั่วแทนที่จะรีบกลืนมันลงไปแทน
เฉินซีเดินเข้าไปหาชิงชิงแล้วรีบปกป้องผลึกแก้วนั้นด้วยความระมัดระวัง มันทำท่าน่าสงสารเหมือนชายหนุ่มจะไปแย่งของมันไปอย่างไรอย่างนั้น
“ขอข้าดูก่อน แล้วเจ้าค่อยกิน” เฉินซีลูบหัวชิงชิง ก่อนจะดึงผลึกแก้วออกมาจากปากมัน
พริบตานั้นก็รู้สึกราวกับดวงดาวกำลังผุดขึ้นเหนือฝ่ามือ มันเต็มไปด้วยแสงดาวสีเงินสุขสกาวยิ่ง แสงนั้นไหลเวียนวนด้วยความมีชีวิตชีวาที่ตีขึ้นถึงใบหน้า
นี่คือแก่นดารา แก่นของดวงดาว จะสามารถสร้างขึ้นได้ก็ต่อเมื่อดวงดาวผ่านวันเวลามานานหลายปีแล้วเท่านั้น
ไม่ว่าจะนำไปกลั่นอุปกรณ์หรือกลั่นยา สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ก็ยังให้ผลที่เหลือเชื่อ เป็นสมบัติที่ไม่สามารถพบเจอได้ในภพเซียน!
เฉินซีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนคืนแก่นดาราให้ชิงชิง ช่วยไม่ได้ เขารู้สึกว่าตนเองติดค้างเจ้าตัวเล็กที่ปล่อยให้มันอยู่ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์นานเกินไป
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ครั้งนี้ชิงชิงไม่ลังเล พออ้าปากรับของมาได้ก็เคี้ยวมันทันที ชิงชิงเขมือบมันจนแสงดาวพุ่งออกจากซอกฟัน กลิ่นอายในร่างเริ่มพุ่งสูงขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ขนสีขาวนุ่มฟูบนร่างปลดปล่อยกระแสแสงเยือกเย็นออกมา คละเคล้าไปด้วยบรรยากาศลึกล้ำบริสุทธิ์อยู่เล็กน้อย
“สหายน้อยกำลังจะทะลวงขั้นพลังแล้ว หากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ก็คงเกือบจะบรรลุขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสมบูรณ์ด้วยแก่นดาราราวสิบชิ้น” หม้อใบจิ๋วเอ่ยขึ้น อธิบายเรื่องพลังบ่มเพาะของชิงชิงให้เฉินซีฟัง
ชายหนุ่มพยักหน้ากล่าว “อย่างไรก็ยังต้องสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพในสมรภูมิฝันร้ายอีก ฉวยจังหวะนี้เก็บแก่นดารามาสักหน่อยก็ไม่เสียหาย”
พูดถึงจุดนี้ เฉินซีก็มองไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ “ระหว่างที่สังหารเหยี่ยวสุญญะเมื่อครู่นี้ ข้าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสูงส่งไม่ใช่น้อย คงจะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่มีพลังเทียบเท่ากับเซียนทองคำแน่ ควรใช้โอกาสนี้รับมือกับเขาเสียหน่อย” เฉินซีรีบพาชิงชิงที่กำลังกินอย่างเพลิดเพลินแวบหายไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันที
…
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
หลังเฉินซีจากไปได้ไม่นาน ร่างหลายร่างก็กรีดฟ้าปรากฏตัวบนดาวสุญญะ ผู้นำคนเหล่านั้นคือจั่วชิวจวิน
“พี่จวิน ข้าสัมผัสกลิ่นอายของเด็กนั่นได้ คงจะเพิ่งจากไปไม่นาน” ชายหนุ่มชุดดำสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วใช้วิชาลับเพื่อค้นหารอบข้างอยู่นาน ก่อนนัยน์ตาจะส่องแสงแล้วรีบเอ่ยขึ้น
จิตวิญญาณของคนอื่น ๆ มีกำลังขึ้นมาทันที เขามองจั่วชิวจวิน “ไล่ตามไปดีหรือไม่?”
จั่วชิวจวินคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะโบกมือกล่าว “ไม่ต้อง เด็กนั่นเจ้าเล่ห์นัก อาอินพ่ายแพ้ให้เขาย่อยยับในบททดสอบเข้าสำนักรอบสอง ทั้งกฎของการสอบครั้งนี้เราจะลงมือกับเขาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดเหตุใดขึ้น เราจะถูกไล่ออกจากสำนักศึกษา ไม่คุ้มหรอก”
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดี?” อีกคนหนึ่งถามขึ้น
จั่วชิวจวินหัวเราะเสียงน่ากลัว ลูบคางตนแล้วเอ่ยขึ้นช้า ๆ “ย่อมบอกข้อมูลนี้แก่ผู้ที่ควรรู้ แล้วเราก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าครั้งนี้เจ้าบัดซบนี่จะตายอย่างน่าสมเพชเพียงใด!”
“ไปเถอะ ไปล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพให้ได้ขั้นต่ำของการสอบสายในโดยเร็ว” พูดจบ จั่วชิวจวินก็นำกลุ่มคนหายไปอย่างรวดเร็ว
…
ตูม!
กระแสปราณกระบี่พุ่งขึ้นฟ้า ส่องสว่างลงมาทั่วฟ้าดิน
เหยี่ยวสุญญะขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง มีปีกกว้างถึงหกลี้พลันเปล่งเสียงร้องแหลม คิดกระพือปีกหนีไป
น่าเสียดายที่มันช้าไปก้าวหนึ่ง ศีรษะของมันถูกฟันขาดโดยปราณกระบี่อย่างโหดร้าย เลือดสาดกระเซ็นเปื้อนผืนดิน
ชิงชิงกระโจนเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อกลืนพลังแห่งกฎภายในร่างของมัน ส่วนเฉินซีก็เริ่มจัดการซากอย่างชำนิชำนาญ นับว่าเป็นการร่วมมือที่ดียิ่ง
พร้อมกันนั้น เฉินซีสัมผัสได้ชัดเจนว่ามีข้อมูลบางอย่างปรากฏขึ้นบนตราดาราม่วงของตน เรียกว่าบันทึกผลการต่อสู้ น่าแปลกที่มีตัวเลขเขียนไว้ด้วย เป็นเครื่องบ่งบอกว่าเขาล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพขอบเขตเซียนทองคำไปหนึ่งคนระหว่างการสอบสายในครั้งนี้
“แปลกจริง เหยี่ยวสุญญะตัวนี้นับว่าเป็นพวกต่างพิภพด้วยหรือ?” เฉินซีเคยเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพมามาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนกเป็นพวกมาจากต่างพิภพ
“เจ้าเห็นวิหคเพลิงนภากับวิหคอมตะแท้จริงมาแล้วนี่? ย่อมไม่แปลกที่เหยี่ยวสุญญะตัวนี้จะเป็นพวกต่างพิภพ” หม้อใบจิ๋วตอบเสียงเรียบ “ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บรรพบุรุษของเหยี่ยวสุญญะเป็นเซียนแห่งสายลมที่เกิดขึ้นภายในลมพายุโกลาหล น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ทรยศสามภพจนได้”
เฉินซีรู้ว่าแม้พวกต่างพิภพจะนับเป็นเผ่าพันธุ์อื่น แต่แท้จริงแล้วก็มีสิ่งมีชีวิตหลายอย่างที่ถูกไล่ออกจากสามภพไปในช่วงบรรพกาล เพราะการต่อสู้แย่งชิงระหว่างสำนัก
เห็นได้ชัดว่าหม้อใบจิ๋วเองก็รู้ประวัติศาสตร์โบราณบางส่วนเป็นอย่างดี
ในเวลาต่อมา เฉินซีปล่อยให้ชิงชิงออกตามหาคู่ต่อสู้บนดาวสุญญะต่อ น่าเสียดายที่ไม่พบผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพขอบเขตเซียนทองคำแม้แต่คนเดียว
แต่กลับพบเหยี่ยวสุญญะจำนวนมาก ทั้งหมดถูกสังหารโดยเฉินซี กลายเป็นของกินให้ชิงชิง
สามชั่วยามให้หลัง
“สุดท้ายดาวสุญญะก็อยู่ชายแดนสมรถภูมิอยู่ดี หากอยากล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพให้ได้มากกว่านี้ ดูเหมือนจะต้องตรงไปยังส่วนลึกของสมรภูมิฝันร้ายสินะ” เฉินซีหยุดเคลื่อนไหวแล้วมองรอบกายอย่างถี่ถ้วน เขาค้นหามาทั่วดาวดวงนี้แล้ว ก็ไม่เห็นอะไรอีก ดังนั้นจึงตัดสินใจจากไปทันที
ฟุบ!
เขาเหลือบมองแผนที่ในแผ่นหยกแล้วกวาดสายตามองอย่างถี่ถ้วน แม้สมรภูมิฝันร้ายจะเป็นสนามรบขนาดกลางระหว่างสามภพกับนอกพิภพ แต่ก็มีดาวอยู่หลายหมื่นดวง มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล อีกทั้งยิ่งมุ่งหน้าเข้าไปลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
เฉินซีมองแผนที่หาดาวสุญญะ จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบดาวรอบข้าง แต่ก็เห็นว่ามันมีจำนวนมากเกินไปจนไม่รู้ว่าจะเลือกดวงไหนดี
“มุ่งหน้าไปดาวอสูร” ทันใดนั้นหม้อใบจิ๋วก็บอกชื่อดาวดวงหนึ่งมา
เฉินซีชะงักไป จากนั้นค้นในแผนที่ครู่หนึ่ง แน่นอนว่าพบดาวอสูรจริง แต่มันไกลจากดาวสุญญะมาก ระหว่างดาวสองดวงนี้มีดาวอื่น ๆ คั่นกลางอยู่อีกนับพัน แทบจะอยู่ใจกลางสมรภูมิฝันร้ายเลยทีเดียว
“หรือว่าผู้อาวุโสรู้สถานการณ์ของดาวอสูร?” เฉินซีก็เก็บแผนที่ไปแล้วถามหม้อใบจิ๋ว เขารู้สึกว่ามันแปลกอยู่เล็กน้อยตั้งแต่ตอนที่หม้อใบจิ๋วขอไปสมรภูมิฝันร้ายกับตนแล้ว
เมื่อหม้อใบจิ๋วบอกชื่อดาวมาได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้เฉินซีคาดเดาอยู่ในใจว่าหม้อใบจิ๋วมาที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ไปถึงแล้วจะรู้เอง อย่างไรเจ้าก็ไม่เสียเปรียบ” คำตอบของหม้อใบจิ๋วดูคลุมเครือ แต่ก็น่าสนใจ เพราะเฉินซีรู้ดีว่าไม่เสียเปรียบที่หม้อใบจิ๋วว่าย่อมแปลว่าได้ประโยชน์อย่างมหาศาลแน่นอน
คิดถึงจุดนี้แล้ว เฉินซีก็เลิกลังเลแล้วพุ่งไปพร้อมกับชิงชิง พริบตาเดียวก็ออกจากดาวสุญญะ มาอยู่ท่ามกลางดวงดาวพร่างพราว
ดาวอสูร… อย่างไรครั้งนี้ก็ต้องตามล่าสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพอยู่แล้ว หากใช้โอกาสนี้หาประโยชน์สักหน่อยก็คงดีไม่ใช่น้อย เฉินซีเดินผ่านห้วงอากาศ สูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อมองเหล่าดวงดาวที่ปกคลุมท้องฟ้า จากนั้นก็เห็นว่าการสอบสายในครั้งนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกมีความคาดหวังมากขึ้น
แก่นดารา ดาวอสูร จุดประสงค์ของหม้อใบจิ๋ว… หากมีภัยคุกคามที่อาจมาจากตระกูลจั่วชิวรวมอยู่ด้วย เช่นนั้นก็เป็นการออกเดินทางตามหาสมบัติที่ทั้งเสี่ยง และน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง!