บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1258 ทำลายล้างขั้นสุด
บทที่ 1258 ทำลายล้างขั้นสุด
กลิ่นอายเย็นยะเยือกกดดันสะท้านฟ้าดินมาพร้อมกับเสียงก้องกังวานของหวังถู ทำให้ผู้ชมรอบข้างตกใจจนถอยไปหลายก้าว
หวังถูเป็นเซียนทองคำ หากระเบิดพลังออกมาเมื่อไหร่ก็จะสังหารทุกคนในระยะทันที
เฉินซีเห็นดังนั้นสายตาก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันใด
เขาพยุงร่างชีเซียวอวี่ให้ลุกขึ้นมาแล้วถอดใช้เสื้อคลุมของตนคลุมร่างผอมไว้ ก่อนตบไหล่นางแล้วกล่าวว่า “เจ้ารอเงียบ ๆ ตรงนี้เถอะ ไม่นานก็จบแล้ว”
ชีเซียวอวี่ชะงักไป เมื่อมองใบหน้านิ่งสงบของเฉินซี ความรู้สึกหวาดกลัวไม่สบายใจก็คลายลงอย่างไร้เหตุผล…
“ข้าต้อง…” เมื่อเห็นเช่นนี้ เซวียนหยวนอวิ่นจึงอดถามสหายตนไม่ได้
เฉินซีโบกมือ “ปล่อยให้ข้าจัดการ”
เซวียนหยวนอวิ่นอึ้งไป จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก เริ่มรู้สึกสงสารหวังถูขึ้นมาเล็กน้อย…
“ฮ่า ๆ ! เจ้าบ้า! คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ในวันนี้ได้?” เมื่อเห็นว่าเฉินซีกับเซวียนหยวนอวิ่นคุยกันเหมือนผู้อื่นไม่มีตัวตน หวังถูก็ยิ่งมีสีหน้าเยือกเย็นลงเรื่อย ๆ ก่อนเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม พริบตาถัดมาก็เคลื่อนย้ายร่างกลางอากาศมาตรงหน้าเฉินซีแล้วฟาดฝ่ามือลงลงไปทันที
ครืน!
ลมที่กระแทกออกจากแรงฝ่ามือรุนแรงนัก นำพาเอาแสงสีดำดุดันที่ทำลายห้วงอากาศ น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของหวังถูแห่งเมืองวาตะหลงระเริงนั้นไม่ใช่ธรรมดา
แต่มันก็ไม่ต่างจากของเด็กเล่นต่อหน้าเฉินซี ชายหนุ่มไม่ได้กลัวมันแม้แต่น้อย และไม่ขยับเขยื้อน ทว่ากลับมีแรงไร้รูปร่างซัดเข้าหน้าหวังถูในทันใด
ตู้ม!
ใบหน้าเหี้ยมของหวังถูถูกพลังซัดเข้าโดยฉับพลัน โหนกแก้มแตก ฟันโชกเลือดกระเด็นออกมา ทั้งร่างถูกดีดกระเด็นไปไกล
ฮือฮา!
เหล่าผู้ชมได้เห็นภาพต่างอ้าปากค้างไปพร้อมกัน ตื่นตะลึงไม่อยากเชื่อสายตา
พวกเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เพียงศิษย์ใหม่ผู้ได้อันดับหนึ่งของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเท่านั้น แต่ยังเป็นอันดับหนึ่งแห่งการสอบฝ่ายใน เป็นผู้ที่สามารถสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพขอบเขตเซียนทองคำสามพันได้ในเวลาสามเดือน มีหรือหวังถูจะเทียบเคียงได้?
ไม่ว่าหวังถูจะแกร่งสะท้านฟ้าเพียงใด แต่ก็เก่งได้แค่ในทวีปเซียนสายหมอกเท่านั้น ส่วนเฉินซีเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในหมู่ศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในภพเซียน!
เมื่อนำทั้งสองคนมาเทียบกัน ก็เหมือนเอามังกรไปเทียบกับมด หวังถูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ร่างหวังถูยังไม่ทันร่วงถึงพื้น เฉินซีก็พุ่งออกไปดังคันศร คว้าคอหวังถูไว้ หิ้วคนเหมือนหิ้วผักก็มิปาน
ตู้ม!
ครั้งนี้เฉินซีออกหมัดเข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง จมูกหัก หน้ายุบ เลือดกระเซ็นเหมือนน้ำตกหลาก
“อ๊าก!!” หวังถูกรีดร้องเสียงโหยหวน ท่าทีดุดันโหดเหี้ยมหายไปทันใด กลายเป็นหุ่นเชิดผิดรูปที่ถูกเหวี่ยงลงพื้นจนศิลาแยก กระแทกแรงจนบนพื้นเกิดรูรูปมนุษย์
ผู้ชมทั้งหลายตกใจจนขนหัวลุก เบิกตากว้างจนลูกตาแทบหลุด หวังถูที่ปกติทรงพลังยิ่งกลับถูกใครก็ไม่รู้ขยี้ได้โดยง่าย!
ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน? เหตุใดจึงฝีมือลึกล้ำเช่นนี้?
ทว่าชีเซียวอวี่กลับนิ่งอึ้งไป นางขยี้ตา คิดว่าคงเห็นภาพหลอน…
“ไหนว่าจะปรานีไม่ใช่หรือ? ลุกขึ้นมา!” ทุกคนยังไม่ทันหายตกใจ เฉินซีที่เหมือนเทพสงครามยืนอยู่กลางอากาศก็สงสัยตาเย็นชามองต่ำลงมายังหวังถูที่นอนอยู่บนพื้น
“เจ้า… เป็นใครกันแน่? ตัวข้า หวังถู ไปล่วงเกินเจ้าที่ตรงไหน?” หวังถูใบหน้าบู้บี้ ตัวสั่นงันงกพยายามพยุงตัวขึ้น อีกทั้งน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อมองเฉินซีที่ยืนอยู่บนนั้น
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าดันลงมือทำในสิ่งที่ตนรับไม่ไหวไปแล้ว แค่พลังต่อสู้อันน่าเกรงขามของเฉินซีเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาสิ้นหวังไปถึงกระดูกดำ
ตู้ม!
เฉินซีไม่ตอบ บนใบหน้ามีเพียงความเย็นชายามซัดอีกฝ่ามือลงมา ฝ่ามือไร้รูปร่างส่งเสียงดัง หวังถูถูกโจมตีอีกครั้ง เลือดออกทั่วร่าง กระดูกแตกทั่วตัว
แต่พลังชีวิตของหวังถูนั้นมีความทนทานยิ่ง แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่กลับยังมีสติ แต่ก็ต้องตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ กระอักเลือดพูดเสียงขาดช่วงอยู่บนพื้นเท่านั้น “ข้า… ข้า… ทำอันใดผิดไปกันแน่? ให้ข้าตายไปพร้อมกับได้รู้เหตุผลได้หรือไม่?”
คนที่มองดูอยู่หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารู้สึกใจสั่นเมื่อมองสภาพของหวังถู ชายหนุ่มตรงหน้าน่ากลัวเกินไปจริง ๆ ลงมือกับหวังถูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ จนไม่มีใครคาดถึง
เฉินซีได้ยินคำถามก่อนตายของอีกฝ่ายก็ไม่พูดอะไร ในใจยั้งไฟโกรธเอาไว้หลายส่วน แต่เป็นเพราะความรู้สึกผิดต่อหลิ่วเจี้ยนเหิงและความเจ็บปวดที่สัมผัสได้จากชีเซียวอวี่เท่านั้น ถึงขยี้หวังถูจนแหลกเป็นพันชิ้น ก็คงระบายความโกรธในใจนี้ไม่ได้
แต่เมื่อเห็นรอบกายยิ่งมีคนมุงเข้ามา เฉินซีก็หยุดมือในที่สุด ชายหนุ่มเดินไปข้างกายชีเซียวอวี่แล้วเอ่ยว่า “ไปเถอะ พาข้าไปหาอาจารย์ที”
ชีเซียวอวี่มองอีกฝ่ายนิ่งแล้วพยักหน้า ยังไม่หายตกใจจากเรื่องเมื่อครู่
“เฉินซี แล้วจะเอาอย่างไรกับคนเหล่านี้?” เซวียนหยวนอวิ่นที่ยืนดูอยู่ถามขึ้น
เฉินซีเหลือบมองชีเซียวอวี่เพื่อถามความเห็น เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้หญิงสาวเจอเรื่องทุกข์ร้อนอะไรมาบ้าง จึงต้องจบเรื่องนี้ ทำลายปมภายในใจของหญิงสาว เพื่อให้ต่อไปไม่กระทบถึงดวงจิตแห่งเต๋าของนางได้
“ข… ข้า…” ชีเซียวอวี่ใจอ่อนอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นนางจึงดูลังเล ทำให้รู้ว่านางยังอ่อนวัยนัก ยังไม่ได้ขัดเกลาจิตใจให้แข็งแกร่งมั่นคงยามต้องสังหารคน
แต่ก็เป็นเพราะเหตุนี้ที่เฉินซียิ่งรู้สึกสงสารนาง ในโลกนี้ คนจิตใจดีมักเป็นพวกอ่อนแอไร้กำลัง เช่นนี้จึงยิ่งน่านับถือกว่าเก่า
เพราะก็เป็นความใจดีนี่เองที่ทำให้ผู้อื่นไม่รู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างมืดมนและน่ารังเกียจเกินไปนัก
“ข้าช่วยตัดสินใจเอง” เดิมทีเซวียนหยวนอวิ่นยั้งตัวเองไม่อยู่มานานแล้ว เมื่อเห็นชีเซียวอวี่ตัดสินใจไม่ได้ เขาก็จึงเคลื่อนกายเข้ามา หวดศีรษะหวังถูทีเดียวจนแหลกเหมือนตีแตงโม
จากนั้นร่างก็กะพริบย้ำ ๆ เหมือนสายลมวูบหนึ่ง เขาลงมือสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับกว่ายี่สิบคนทิ้ง รวมถึงพ่อค้าวัยกลางคนคนนั้นด้วย
เซวียนหยวนอวิ่นลงมือเสร็จก็ถอนหายใจยาวออกมา ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ข้าทนพวกบัดซบเหล่านี้ไม่ไหวมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ได้ลงมือฆ่าพวกมัน ทำให้จิตใจสดชื่นขึ้นเยอะทีเดียว”
พูดจบก็ทำให้คนอื่นถึงกับขนลุกซู่ ชายหนุ่มทั้งสองคนนี้เป็นใครกันแน่? ทำไมถึงฆ่าคนได้ง่ายเหมือนกินข้าวเช่นนี้?
เฉินซีไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าให้เซวียนหยวนอวิ่นก่อนหันหลังจากไปพร้อมกับชีเซียวอวี่
เขารอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต้องรีบไปพบหลิ่วเจี้ยนเหิงโดยด่วน
ตู้ม!
เมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ จากไป ทั่วทั้งตรอกกล้วยไม้ก็เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกโครมและเสียงคนพูดคุยกันดังสนั่น
“สวรรค์! หวังถูถูกฆ่าตายอยู่ข้างถนน!”
“ชายหนุ่มสองคนนั้นเป็นใครกันแน่? หรือจะเป็นศิษย์จากภูเขาหมอกเซียน? ไม่หรอก คนของภูเขาหมอกเซียนคงไม่สังหารหวังถูอย่างไร้ปรานีเช่นนี้”
“หึ! กรรมตามสนอง! กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง! สวรรค์มีอยู่ทุกที่ ใครก็ตามที่ทำชั่วย่อมถูกวิบากกรรมลงโทษ!”
…
“เหมืองหลอมวิญญาณ?”
“ใช่แล้ว ในเมื่อตั้งแต่ลุงหลิ่วถูกดึงมาภพเซียน เขาก็ถูกขังอยู่ที่นี่ เดิมทีตามกฎอาญาศาลเซียนแล้ว มีโทษขังแค่สิบปีเท่านั้น แต่เซียนทองคำหวงหลงแห่งเหมืองหลอมวิญญาณนั่นขังลุงหลิ่วไว้ที่นั่นมาโดยตลอด ไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อย แต่ยังทรมานลุงหลิ่วจนเกือบสิ้นใจอยู่หลายครั้ง”
เฉินซีพาชีเซียวอวี่เหินร่างออกจากเมืองวาตะหลงระเริงมาด้วย ก่อนจะถามนางเรื่องอาจารย์ของตน หลิ่วเจี้ยนเหิง
“หวงหลงคือใครหรือ?” เมื่อได้ยินว่าหลิ่วเจี้ยนเหิงขึ้นภพเซียนมาพบเจอความยากลำบากอย่างไร ในใจพลันเต็มไปด้วยความโกรธ สีหน้ายิ่งเรียบเฉยขึ้นเรื่อย ๆ
“เขาเป็นคนตำหนักราชันเซียนแห่งทวีปเซียนสายหมอก มีหน้าที่ดูแลเหมืองหลอมวิญญาณ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชีเซียวอวี่ก็เหมือนนึกบางอย่างได้ แต่ยังไม่แน่ใจ นางลังเลอยู่นานก่อนเอ่ย “ได้ยินว่า… ข้าได้ยินมาว่าเซียนทองคำหวงหลงมีความเกี่ยวข้องกับภูเขาหมอกเซียน สาเหตุที่ลุงหลิ่วถูกกระทำอย่างโหดร้ายเป็นคำสั่งของภูเขาหมอกเซียน”
ภูเขาหมอกเซียน! เมื่อได้ยินชื่อนี้ เฉินซีจึงนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้มากมาย ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งอยู่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองในแดนภวังค์ทมิฬ ชายหนุ่มรู้ดีว่ากองกำลังของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองแห่งภพเซียนถูกศัตรูหลายฝ่ายร่วมมือกันโจมตี และสุดท้ายถูกทำลายหายไป
ภูเขาหมอกเซียนที่ว่าคือหนึ่งในศัตรูพวกนั้น!
เหตุผลก็เป็นที่รู้กันว่าเริ่มขึ้นจากคนคนเดียว ชิวอวิ๋นเซิง ในภพมนุษย์ ชิวอวิ๋นเซิงวางแผนหมายชิงกระบี่เต๋าวิบัติในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตชั้นที่เก้าสิบเก้าของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง สุดท้ายก็ถูกชิงซิ่วอี้จับตัวไว้ได้และถูกบีบให้มารับใช้เฉินซี
แต่หลังจากมาถึงภพเซียน เฉินซีก็ไม่ได้ติดต่อชิวอวิ๋นเซิงอีก หากเขาไม่มาทวีปเซียนสายหมอกครั้งนี้ และชีเซียวอวี่ไม่เอ่ยถึงภูเขาหมอกเซียน เฉินซีก็คงจำคนพวกนี้ไม่ได้แล้ว
เป็นเช่นนี้เอง ภูเขาหมอกเซียนสั่งให้หวงหลงมาทรมานอาจารย์ ก็คงเกี่ยวข้องกับตัวตนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของอีกฝ่าย… นัยน์ตาเฉินซีเผยแววล้ำลึก คาดเดาบางอย่างออก
“พี่เฉินซี เหมืองหลอมวิญญาณอยู่ข้างหน้านี้แล้ว” ชีเซียวอวี่ชี้ไปข้างหน้า
“อ้อ?” เฉินซีหลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนมองเห็นเทือกเขาสูงเตี้ยคละกันไปทอดตัวยาว เป็นเทือกเขาที่ดูดุดันไร้ขอบเขตยิ่ง
“ใช่แล้ว จากข้อมูลที่ได้รับมา นั่นคือเหมืองหลอมวิญญาณที่อยู่ในอำนาจตำหนักราชันเซียน” เซวียนหยวนอวิ่นเอ่ย “ท่านคิดจะทำอย่างไร? จะฝ่าเข้าไปตรง ๆ หรือจะรอจังหวะลงมือแล้วช่วยอาจารย์ออกมาก่อน?”
เฉินซีหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางมองเทือกเขาขนาดกว้างใหญ่ที่อยู่ไกล ๆ ไม่นานก็ถามขึ้นว่า “หากฆ่าคนตำหนักราชันเซียนจะเป็นปัญหาหรือไม่?”
เซวียนหยวนอวิ่นได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา “หากเป็นคนอื่นก็คงนับว่ารนหาที่ตาย แต่หากเป็นเรา กระทั่งราชันเซียนทวีปเซียนสายหมอกมาก็คงไม่ด่าเราสักคำ”
“ดี” เฉินซีพยักหน้า ดวงตาที่จ้องมองไปยังภาพไกลฉายไอสังหารออกมาบาง ๆ