บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1273 พายุที่กำลังก่อตัว
บทที่ 1273 พายุที่กำลังก่อตัว
แท่นศิลาจารึกที่สูงถึงหนึ่งร้อยยี่สิบจั้ง คือเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงที่แสดงรายชื่อศิษย์สายในที่แข็งแกร่งที่สุดร้อยอันดับแรก มันไม่ได้มีเพื่อแสดงเกียรติยศอันสูงสุดเท่านั้น แต่ยังได้รับแต้มดาราจำนวนมากเป็นรางวัลทุก ๆ เดือนตามอันดับอีกด้วย!
โดยที่ร้อยอันดับแรกจะได้รางวัลเป็นแต้มดาราห้าแสนแต้มในทุกเดือน ห้าสิบอันดับแรกได้รางวัลเป็นแต้มดาราแปดแสนแต้ม และสามสิบอันดับแรกได้รางวัลเป็นแต้มดาราหนึ่งล้านแต้ม
นอกจากนี้ ในบรรดาสิบอันดับแรก รางวัลก็แตกต่างกันอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น อันดับสิบจะได้รับแต้มดาราสองล้านแต้ม อันดับเก้าจะได้รับแต้มดาราสามล้านแต้ม และมันจะเพิ่มขึ้นตามไปอันดับ โดยที่อันดับสามจะได้แต้มดาราเก้าล้านแต้ม และอันดับสองจะได้แต้มดาราสิบล้านแต้ม
ส่วนอันดับหนึ่งนั้นพิเศษที่สุดและจะได้แต้มดาราสิบห้าล้านแต้ม!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พิรุณเผาผลาญหลิงชิงอู๋ซึ่งเป็นหนึ่งในหกสุริยันอันเจิดจ้า และอยู่ในอันดับหนึ่ง ไม่จำเป็นดิ้นรนทำภารกิจใด ๆ ก็สามารถได้แต้มดาราหนึ่งร้อยแปดสิบล้านแต้มภายในหนึ่งปี!
รางวัลดังกล่าวมหาศาลยิ่งกว่ารางวัลของเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ของเขตฝ่ายนอกอย่างมหาศาล
โอม!
ทันใดนั้น แท่นศิลาจารึกที่เก่าแก่ซึ่งสูงถึงหนึ่งร้อยยี่สิบจั้งก็ปะทุแสงสีทองที่เจิดจ้าออกมา และมันก็เหมือนกับดาวสีทองที่โผล่ขึ้นมาจากใต้พสุธา ซึ่งพุ่งขึ้นไปด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์
ความเร็วในการพุ่งขึ้นไปนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง และในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ลมหายใจ มันก็พุ่งเข้าสู่ห้าสิบอันดับแรก
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากบริเวณใกล้เคียง เพราะนี่คือเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงของสำนักฝ่ายใน และเป็นเรื่องยากมากที่จะครองอันดับอยู่บนนั้น แต่ตอนนี้เฉินซีที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าสู่เขตฝ่ายใน และยังไม่ได้เริ่มบ่มเพาะอย่างเป็นทางการ ทว่าความแข็งแกร่งของเขาได้ขึ้นสู่เทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงแล้ว ทั้งยังไต่ขึ้นไปได้อย่างมั่นคง!
“ชายคนนี้มักเหนือความคาดหมายของทุกคนอยู่เสมอ!”
จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และคนอื่น ๆ ถอนหายใจ ทว่าเมื่อคิดถึงผลงานการต่อสู้อันดุเดือดของเฉินซีในสมรภูมินอกพิภพ พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง
“บัดซบ! เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!” จั่วชิวจวินที่หมอบอยู่ที่พื้นและกำลังวาดวงกลมด้วยนิ้วก็ตัวสั่นเทา ซึ่งเกือบจะทำลายวงกลมที่เขาวาดใกล้เสร็จ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกในใจของเขาได้อย่างชัดเจน
“โอ้ มีใครบางคนกำลังไต่อันดับของเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วง?”
“ข้าสงสัยจริงว่าเป็นศิษย์ฝ่ายในคนใด?”
“ช้าก่อน วันนี้เป็นวันที่ศิษย์สายนอกที่ผ่านการสอบจะได้เข้าสู่เขตฝ่ายใน มันคงไม่ใช่ฝีมือของพวกเขาคนใดคนหนึ่งใช่หรือไม่?”
“ต้องมีคนปฏิเสธคำขอบ้า ๆ ของตาเฒ่าปีศาจฉือนั่นอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
ในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงได้ดึงความสนใจของศิษย์สายในทั้งหมด เสียงอึกทึกดังก้องอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบ เหตุผลอาจเป็นเพราะพวกเขาทราบดีว่า ฉือฉางเซิงอยู่ที่นั่น ทั้งยังไม่มีใครเต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับชายชราที่เกรี้ยวกราดและดุร้าย
ในทางกลับกัน ภายใต้การจ้องมองที่จดจ่อของทุกคน ดวงแสงสีทองที่เจิดจ้ายังคงสว่างไสวอยู่ตลอดเวลา มันพุ่งเข้าสู่สี่สิบอันดับแรกอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่จี้เซวียนปิงกับคนอื่น ๆ ก็ยังตกใจ
รายชื่อที่อยู่ในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงล้วนเป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงในเขตฝ่ายใน แม้ที่ผ่านมาเฉินซีจะแสดงผลงานได้อย่างโดดเด่น แต่ก็เป็นเพียงที่เขตฝ่ายนอกเท่านั้น เมื่อเทียบกับศิษย์สายในที่ผ่านคลื่นลมคลื่นฝนมานับไม่ถ้วน พวกเขาก็อดกังวลแทนไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเงื่อนไขของการเป็นสามสิบอันดับแรกในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วง และในสี่พันเก้าร้อยทวีปของภพเซียนทั้งหมด ผู้ที่สามารถอยู่ในสามสิบอันดับแรกได้นั้น ล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นและมากความสามารถ ซึ่งบางทีอาจกลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าของภพเซียนในอนาคต ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้ที่โดดเด่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ถึงขนาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตำแหน่งของสามสิบอันดับแรกไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้เลย
ทว่าตอนนี้ ดวงแสงสีทองที่เป็นตัวแทนของเฉินซีได้ไต่ทะลุห้าสิบอันดับแรก และกำลังไต่ขึ้นสู่สามสิบอันดับแรก มันจึงเป็นฉากที่น่าตกใจ
“หรือว่าเจ้าหนูจะทำสำเร็จได้จริง ๆ…?”
อีกฟากหนึ่ง ฉือฉางเซิงที่ผอมและเตี้ยยืนเอามือไพล่หลัง ขณะจ้องมองแท่นศิลาจารึก และมีประกายแสงแปลก ๆ ปรากฏในส่วนลึกของดวงตา
เช่นนี้ ภายใต้ความสนใจที่จดจ่อของทุกคน ดวงแสงสีทองก็เริ่มช้าลง หลังจากมาถึงอันดับสี่สิบ แต่ยังไม่ได้แสดงสัญญาณที่จะหยุดในตอนนี้
อันดับ 39
อันดับ 35
อันดับ 33
…
“ไม่จริง! มันเป็นไม่ได้! ไม่มีทาง!” จั่วชิวจวินจ้องแท่นศิลาอย่างแน่วแน่ จนลืมวาดวงกลมบนพื้น หัวใจของเขากระตุกอย่างแรงทุกครั้งที่ชื่อของเฉินซีไต่ขึ้นสูง ทั้งยังเกือบจะไม่สามารถยับยั้งเปลวไฟแห่งความแค้นและความอิจฉาได้
โอม!
ในท้ายที่สุด ดวงแสงสีทองที่เป็นตัวแทนของเฉินซีก็กระโจนขึ้นสูงอย่างฉับพลัน และมันไปหยุดที่อันดับสามสิบพอดิบดพอดี!
ในทันทีที่ชื่อของเฉินซีปรากฏบนแท่นศิลาจารึก ชื่อซึ่งแต่เดิมอยู่ในอันดับสามสิบ ไม่ได้ถูกผลักลงไปอันดับที่สามสิบเอ็ดแต่มันกลับหายไปแทน
นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก เพราะตามกฎของการจัดอันดับ เมื่ออันดับถูกแทนที่ เจ้าของอันดับเดิมจะถูกลบออกจากการจัดอันดับ และหากต้องการขึ้นสู่การจัดอันดับอีกครั้ง ก็ได้แต่ต้องรออีกหกเดือน จึงจะสามารถไต่อันดับขึ้นไปได้อีกครั้ง
ข้อจำกัดในลักษณะนี้ มีเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศิษย์รู้สึกไม่มั่นคง และทำทุกวิถีทางเพื่อทวงอันดับของพวกตนกลับคืน ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลต่อการบ่มเพาะอย่างยิ่ง
“เป็นไปไม่ได้! พลังฝีมือของมันจะผิดปกติปานนี้ได้อย่างไร? มัน…เพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่กี่ปีแท้ ๆ …” เมื่อเห็นชื่อของเฉินซีหยุดอยู่ที่อันดับสามสิบ จั่วชิวจวินก็แทบจะคลุ้มคลั่ง และคำรามด้วยความคับแค้นใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ศิษย์คนอื่น ๆ ไม่อาจยับยั้งความตกใจบนใบหน้าได้เช่นกัน “เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
พวกเขายังสงสัยเลยว่า หากยังคงเปรียบเทียบตัวเองกับเฉินซีเหมือนในอดีต ตนจะตกอยู่ภายใต้เงาของเฉินซีไปตลอดหรือไม่?
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตั้งแต่ที่เข้ามาในสำนัก เฉินซีก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ชายผู้นี้ได้สร้างปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วน สั่นสะเทือนไปทั้งสำนัก ทำให้เหล่าศิษย์ใหม่ที่เข้าสำนักมาพร้อมกับเฉินซีนั้นด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน และต้องอยู่ภายใต้เงาของเฉินซีเสมอ
แต่ถึงอย่างไร ต่อให้ไม่มีเฉินซี ก็ยังมีเจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง และจ้าวเมิ่งหลีอยู่ดี
น่าเสียดายที่โลกนี้ทุกสิ่งไม่ได้เป็นดั่งหวังเสมอไป
“เขาไต่ขึ้นสู่สามสิบอันดับแรกจริง ๆ!”
“อันดับสามสิบในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วง เฉินซี! นี่มัน…ไม่ใช่ชื่อของศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสำนักเมื่อสองปีที่แล้วหรือ?”
“เป็นชายคนนั้นจริง ๆ!”
ในขณะนี้ บรรยากาศของเขตฝ่ายในทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบสงัด จนได้ยินแม้แต่เสียงหายใจอันแผ่วเบา
เฉินซี!
สำหรับศิษย์สายในชื่อนี้ไม่คุ้นหูเลยสักนิด และแม้กระทั่งเมื่อพวกเขาพบว่าเฉินซีเป็นอันดับหนึ่งในการสอบของเขตฝ่ายใน ศิษย์สายในหลายคนก็กำหมัดเข้าหากันแน่น และตั้งใจจะทดสอบว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งอย่างที่ร่ำลือกันหรือไม่
แต่ไม่คาดคิดว่า ในวันแรกที่เฉินซีก้าวเท้าเข้าสู่เขตฝ่ายใน เขาจะขึ้นสู่อันดับสามสิบของเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงอย่างอหังการเช่นนี้ นี่ไม่ได้หมายความว่าในศิษย์ขอบเขตเซียนทองคำทั้งแปดร้อยคนของเขตฝ่ายใน ล้วนแต่ถูกเฉินซีทิ้งห่างไปไกลหรอกหรือ?
“ชิ สหายคนนี้กำลังแสดงฝีมืออย่างอหังการจริง ๆ เทียบอันดับทองคำตราดาราม่วงเป็นตัวแทนของการตัดสินความแข็งแกร่งของคนคนหนึ่ง แต่ในแง่ของพลังต่อสู้ นั้นอาจไม่จริงเสมอไป”
“ข้าจำได้ว่าเป็นสหายเมิ่งฉีคือผู้ที่อยู่ในอันดับสามสิบก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่? เฉินซีผู้นี้ได้แทนที่เขาทันทีที่เข้าสู่เขตฝ่ายใน และด้วยนิสัยของเมิ่งฉี เขาคงจะไม่กลืนความอัปยศครั้งนี้แน่”
“ฮ่า ฮ่า! เช่นนั้นก็ดียิ่ง! ข้าหวังว่าการมาถึงของเฉินซีจะสามารถทำให้สถานการณ์ของเขตฝ่ายในของเราปั่นป่วนและทำให้เกิดพายุลูกใหญ่ได้!”
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสามสิบอันดับแรก ได้ดึงดูดความสนใจของศิษย์สายในอย่างไม่รู้ตัว และสัมผัสได้ราง ๆ ว่าอนาคตของพวกเขาอาจไม่สงบสุข ถ้ามีเฉินซีอยู่ด้วย…
“อันดับสามสิบ…” ในขณะนี้ ไม่มีแรงกระเพื่อมใด ๆ ในใจของเฉินซี ชายหนุ่มมองไปที่ชื่อของตนในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วง ซึ่งอันที่จริงในการทดสอบอันดับเมื่อครู่ เขายั้งแรงเอาไว้หลายส่วน หากระเบิดพลังเต็มที่ บางทีอันดับอาจจะไม่หยุดแค่นี้
เมิ่งฉี… วันนั้นที่ภัตตาคารเซียนเสน่หา เจ้าเตือนข้าให้ระวังตัว และหลังจากที่ข้าเข้าสู่เขตฝ่ายใน นี่ถือเป็นการตอบกลับคำเตือนของเจ้า… เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะละสายตาจากแท่นศิลาจารึก
เมื่อจ้องมองไปที่เวที ก็สังเกตเห็นว่าสายตาของจี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลีและคนอื่น ๆ ที่มองมานั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าตกใจของพวกเขาให้ความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างอธิบายไม่ได้
เฉินซียังคงเฉยเมยต่อสิ่งนี้ และเดินตรงไปหาฉือฉางเซิง ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็น “ผู้อาวุโส ข้าโชคดีพอที่จะทำตามคำสั่งของท่านได้สำเร็จ ดังนั้นข้า…จะปฏิเสธคำสั่งการวาดวงกลมของท่านได้หรือไม่”
“วาดวงกลม…”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ร่างกายของจั่วชิวจวินก็สั่นสะท้านอย่างฉับพลัน และร้องโพล่งในใจ ‘ซวยแล้ว! ข้าจดจ่ออยู่กับไต่อันดับของไอ้สารเลวนี้ จนลืมวาดวงกลมไปเลย!’
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินซี ท่าทางของฉือฉางเซิงก็เปลี่ยนไป ก่อนที่จะแค่นเสียงอย่างเย็นชา จากนั้นหันหลังกลับและตะโกนไปทางจั่วชิวจวินที่กำลังหมอบอยู่บนพื้นและเริ่มวาดวงกลมอีกครั้ง “แค่วาดวงกลมเจ้ายังใจลอย! เจ้าต้องการจะบ่มเพาะด้วยนิสัยเช่นนี้หรือ?”
เสียงของเขาเหมือนเสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ
จั่วชิวจวินหวาดกลัวจนร่างสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เขารู้สึกเสียใจและอับอายจนไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าที่จะหายไปจากตรงนี้ “ข้าไม่แม้แต่จะวาดวงกลมให้เสร็จได้? หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ในอนาคต ข้าจะยืนหยัดในภพเซียนได้อย่างไร? แล้วผู้คนในภพเซียนทั้งหมดจะคิดกับข้าอย่างไร…?”
คนอื่น ๆ ต่างพยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ
หลังจากที่ฉือฉางเซิงตะโกนเสร็จ ชายชราก็จ้องมองเฉินซี ก่อนที่จะกล่าวอย่างเศร้าโศกว่า “ดีมาก เจ้าทำได้ไม่เลวเลย เขตฝ่ายในของข้าต้องการศิษย์เช่นเจ้า ทว่าอย่าคิดว่าเจ้าจะนอนหลับได้อย่างสงบสุข หลังจากทำตามคำสั่งของข้าในวันนี้ได้สำเร็จ เพราะเส้นทางในอนาคตของเจ้า…ยังอีกยาวไกล”
เปลือกตาของเฉินซีกระตุกวูบ …ตาเฒ่าคนนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเขาตั้งใจจะมอบ ‘บทเรียน’ แก่ข้าอีกหลายครั้ง?
“หยุดเสียเวลาได้แล้ว รีบส่งตราดาราม่วงมาให้ข้าซะ” ฉือฉางเซิงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างหมดความอดทน
เฉินซีตกตะลึง แม้จะไม่รู้ว่าชายชราคนนี้ต้องการสิ่งใด แต่เขาก็ยังมอบตราดาราม่วงให้อย่างเชื่อฟัง
โอม~
ฉือฉางเซิงปัดตราดาราม่วง สร้างความผันผวนแปลก ๆ ที่ดูเหมือนระลอกคลื่นกระเพื่อมอยู่บนพื้นผิวของมัน แล้วจึงส่งคืนให้เฉินซี “เอาละ ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์สายในอย่างแท้จริงแล้ว จงมุ่งหน้าไปยังตำหนักปัญญาเต๋า ที่นั่นจะมีคนคอยจัดแจงสถานที่บ่มเพาะให้กับเจ้า ตอนนี้ไสหัวไปได้แล้ว!”