บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1279 ข้อมูลลับ
บทที่ 1279 ข้อมูลลับ
แสงเย็นเยียบก็ฉายวาบขึ้นมาในดวงตาสีดำของเฉินซี พลางจ้องมองเมิ่งฉีเขม็ง
ชู่ว!
ในชั่วพริบตา เฉินซีไม่รอช้า ฟันปราณกระบี่ที่หนาและใหญ่ลงมาจากปลายนิ้ว
การโจมตีนี้ไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงของขอบเขตเซียนกระบี่ แต่กลิ่นอายที่ดุร้ายและเต็มไปด้วยอำนาจสังหารกลับน่ากลัวไม่แพ้กัน
เมิ่งฉีหรี่ตาลง พลันรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากไม่เคยคิดมาก่อนว่าเฉินซีจะเปิดฉากโจมตีโดยที่ไม่กล่าวใด ๆ เช่นนี้ เมื่อรวมกับอานุภาพอันน่าสยดสยองของปราณกระบี่เล่มนี้ มันทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างสุดจะพรรณนา ดังนั้นจึงหลบไปทางด้านข้างโดยสัญชาตญาณ เลี่ยงการปะทะโดยตรง
แน่นอนว่าเขาได้เผยท่าทางที่น่าอับอายอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขาต้องหลบการโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ ดังนั้นหลังจากตั้งหลักได้ ดวงตาของเมิ่งฉีก็กลายเป็นสีแดงก่ำทันที
“ข้าตั้งใจจะท้าต่อสู้อย่างเป็นทางการ แต่จู่ ๆ ไอ้สารเลวนี้ก็ขัดจังหวะข้า”
“ข้าพยายามอย่างดีที่สุดที่จะรักษาความสำรวมในฐานะศิษย์พี่ แต่มันกลับเมินเฉยต่อข้า”
“ยิ่งกว่านั้น ในชั่วพริบตาก่อนหน้านี้ เจ้าหมอนี่ยังทำเกินไป ข้ายั่วยุเพียงเล็กน้อย แต่กลับโจมตีข้าโดยที่ไม่กล่าวใด ๆ…”
“แล้วใครจะทนถูกหยามซ้ำ ๆ เช่นนี้ได้?!”
เมิ่งฉีโมโหอย่างสุดขีด พลางกู่ร้องยาวออกมา เส้นผมปลิวไสวตามแรงลม ใบหน้าเผยท่าทางดุร้ายและหยิ่งผยอง ประหนึ่งราชสีห์ผู้โกรธเกรี้ยวที่ถูกยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ในช่วงเวลาต่อมา เสียงกู่ร้องพลันหยุดชะงักลง ทั้งยังมึนงง
เนื่องจากเฉินซีได้อาศัยจังหวะนี้ เคลื่อนย้ายห้วงมิติหายไปทันที!
“บัดซบ! เฉินซี! ไอ้…ไอ้…ไอ้สารเลว!” ไฟแห่งโทสะลุกโชนอยู่ในอก ดวงตาแทบจะหลุดออกจากเบ้าด้วยความเดือดดาล ริมฝีปากสั่นระริก รู้สึกว่าการกระทำของตนในวันนี้ไม่ต่างจากตัวตลก
“ข้าจริงจังต่อการประลองครั้งนี้มาก แต่ไอ้สารเลวนั่นกลับโอหัง และไม่สนใจข้าเลยสักนิด!”
“ไอ้บัดซบเอ๊ย!”
เมิ่งฉีมีความโกรธอัดแน่นอยู่เต็มอก แต่กลับไร้ที่ระบาย ส่งผลให้ใบหน้าแดงก่ำ เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ เหล่าศิษย์สายในที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างหลบเลี่ยงไม่กล้าสบตา
แต่เมิ่งฉีรู้สึกราวกับได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยลอยอยู่ในอากาศ ดังก้องสะท้อนอยู่ในหูของเขา ประหนึ่งกระบี่นับพันที่ทิ่มแทงหัวใจ จนเผยสีหน้าอำมหิตออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เฉินซี! มันยังไม่จบ! มันไม่จบแค่นี้แน่!!!”
เมิ่งฉีไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป จึงคำรามลั่นขึ้นฟ้า เสียงอันโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั้งภูเขาวิถีนภา ทำให้มวลเมฆแตกกระจายไปทุกทิศทุกทาง
…
ทว่าเฉินซีกลับไม่รับรู้เรื่องนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่คิดสนใจมาตั้งแต่ต้น
ชายหนุ่มเร่งมุ่งหน้าไปที่หอความลับเซียน
หอความลับเซียน เป็นที่รู้จักในนามแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ข้อมูลสดใหม่จากทั้งสามภพจะมารวมกันที่นี่ทุกวัน
ข้อมูลนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายในภพเซียน ผลการต่อสู้ภายในสามภพ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเรียกได้ว่ามันครอบคลุมทุกสิ่งในโลก
สำหรับผู้บ่มเพาะที่เป็นเซียน ข้อมูลส่วนหนึ่งอาจกลายเป็นการเผชิญหน้าโดยบังเอิญที่ไม่ธรรมดา ช่วยหลีกเลี่ยงให้พ้นจากภัยอันตราย หรือพลิกสถานการณ์ในสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ และช่วยให้ได้รับสมบัติที่หลายคนใฝ่ฝันจะครอบครอง…
ดังนั้นสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจึงได้ก่อตั้งหอความลับเซียนนี้ขึ้นมา จากนั้นก็ส่งอาจารย์และกองกำลังที่ไม่ธรรมดาออกไป เพื่อรวบรวมข้อมูลสำคัญที่เกิดขึ้นภายในภพเซียนตลอดเวลา
แน่นอนว่าถ้าใครต้องการข้อมูลสักชิ้น ย่อมต้องจ่ายแต้มดาราจำนวนหนึ่งเป็นค่าธรรมเนียม
โอม~
คลื่นมิติที่ผันผวนบังเกิดขึ้น ก่อนที่ร่างของเฉินซีจะปรากฏที่หน้าห้องโถงโบราณอันโออ่า
“นี่คือหอความลับเซียนหรือ? ตราบเท่าที่ข้าสามารถได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมารบงกช ไม่ว่าจะต้องใช้แต้มดารามากเพียงใด ข้าก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย…” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และทำจิตใจให้สงบ ก่อนที่จะเดินไปที่ประตูทางเข้า
“โอ้ เฉินซี? เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? ช่างบังเอิญเสียจริง ข้ากำลังจะไปหาเจ้าอยู่พอดี”
เฉินซียังไม่ทันก้าวพ้นธรณีประตู จู่ ๆ โฉมสะคราญที่ไร้ผู้ใดเปรียบก็เดินสวนออกมาจากภายในห้องโถง นางสวมชุดสีแดงเพลิง ผมสีดำขลับยาวสลวยราวกับน้ำตก และผิวขาวผ่องนวลเนียน ทุกย่างก้าวล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันสูงส่งและหยิ่งทะนง
โฉมสะคราญผู้นี้คือจ้าวเมิ่งหลี ผู้สืบทอดของเผ่าวิหคอมตะ นางตกใจและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นอีกฝ่าย ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงจะโค้งเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยถาม “แม่นางจ้าว? มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือ”
“เรื่องเร่งด่วนหรือ?” จ้าวเมิ่งหลีตกตะลึง จากนั้นนางก็สังเกตเห็นความกังวลเล็ก ๆ ที่หว่างคิ้วของเขา และตระหนักได้ทันทีว่าเฉินซีอาจมีเรื่องเร่งด่วนที่หอความลับเซียนแห่งนี้
“มันไม่สลักสำคัญอะไร ขอบคุณที่ช่วยข้าในสมรภูมินอกพิภพในวันนั้น มิฉะนั้นข้าคงไม่สามารถออกจากสถานที่นั้นได้อย่างปลอดภัย และหลังจากที่ท่านบรรพบุรุษของข้าทราบเรื่องนี้ นางต้องการพบเจ้าและขอบคุณเป็นการส่วนตัว” จ้าวเมิ่งหลีกล่าวในสิ่งนางต้องการอย่างรวดเร็วและรวบรัด
“ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เอง” เฉินซีเผยรอยยิ้ม จากนั้นก็ส่ายศีรษะ “ข้าจะไปเยี่ยมบรรพบุรุษของเจ้าเมื่อมีเวลา สำหรับการขอบคุณนั้น หาได้จำเป็นไม่ มันไม่ได้สลักสำคัญอะไร”
ที่เฉินซีกล่าวเช่นนี้ เพราะเขาจำได้ว่าตนยังขาดปีกวิหคอมตะในการหลอมสร้างพัดเทพอัคคีอันเลื่องชื่อในยุคบรรพกาล หากต้องการทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ มีแต่ต้องไปเยี่ยม ‘วิหคอมตะเฒ่า’ จ้าวไท่ฉือ
“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปแจ้งท่านบรรพบุรุษให้ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว” จ้าวเมิ่งหลี ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากมองเฉินซี นางก็ยับยั้งใจตัวเองทันที แล้วเพียงพยักหน้า ก่อนจะหันหลังเปลี่ยนเป็นลำแสงเพลิงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ดูเหมือนนางจะอยากกล่าวอะไรบางอย่าง?” เฉินซีขมวดคิ้ว จากนั้นก็ส่ายศีรษะ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโถง ในขณะนี้สิ่งที่เขาต้องการคือข่าวทุกอย่างที่เกี่ยวกับการตายของมารบงกชเท่านั้น
พื้นที่ภายในหอความลับเซียนมีขนาดใหญ่มาก และมีม่านแสงเรียงเป็นแถวห้อยลงมาจากด้านบนของห้องโถง ม่านแสงทุกอันแสดงถึงข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป เมื่อมองไปรอบ ๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนหลงเข้าไปในทะเลข้อมูล นับว่าเป็นภาพที่ตระการตาอย่างยิ่ง
ในขณะนี้ มีร่างมากมายเดินขวักไขว่ในห้องโถง ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ของสำนัก แต่ก็ไม่ขาดเหล่าอาจารย์เช่นกัน มันจึงค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ
อันที่จริง มีสถานที่ไม่เกินสามแห่งที่คึกคักที่สุดในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า สถานที่แรกคือ ภูเขาภารกิจ ซึ่งเป็นสถานที่ที่รับงานต่าง ๆ อย่างที่สองคือโถงแต้มดารา ที่แลกเปลี่ยนแต้มดารากับสมบัติอมตะและสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ
สถานที่สุดท้ายคือ หอความลับเซียน และเป็นสถานที่ใคร ๆ ก็สามารถค้นหาข้อมูลของทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสี่พันเก้าร้อยทวีปของภพเซียน
เมื่อเฉินซีมาถึงที่นี่ ก็กวาดสายตาไปโดยรอบ ก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังส่วนลึกของทางเดิน ชายหนุ่มเดินเลี้ยวไปตามทางคดเคี้ยว ก่อนจะมาถึงม่านแสงอันหนึ่งในที่สุด
ม่านแสงนี้แสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทวีปเซียนสายหมอก
“โอ้! ศิษย์พี่เฉินซี เป็นท่านเอง!” มีโต๊ะวางอยู่ที่ด้านข้างของม่านแสง และชายหนุ่มในชุดสีเหลืองนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ เมื่อเห็นเฉินซีเข้ามาใกล้ เขาก็ยืนขึ้นทันทีและร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
เฉินซีตกตะลึง เขาจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นหนึ่งในศิษย์ใหม่ที่เข้าเรียนพร้อมตน
“ศิษย์พี่เฉินซี ข้าชื่อเสวี่ยเจิ้น ข้าพยายามเข้าร่วมพันธมิตรดาราอยู่สองสามครั้ง แต่โชคไม่ดีที่ข้าถูกจำกัดด้วยพละกำลังที่ไม่เพียงพอ ตอนนี้ข้ากำลังทำงานในหอความลับเซียนเพื่อรับแต้มดารา” ชายหนุ่มชุดเหลืองกล่าวอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องเสวี่ยเจิ้นนี่เอง” เฉินซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่ ท่านกำลังมองหาข้อมูลอะไรอยู่หรือ?” เสวี่ยเจิ้นกล่าวด้วยความตื่นเต้น สายตาที่จ้องมองมาพลุ่งพล่านไปด้วยความชื่นชม และดูเหมือนคนผู้นี้ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้ติดตามเคียงข้างเฉินซีแล้ว
“ข้าต้องการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภูเขาหมอกเซียน” เฉินซีบอกจุดประสงค์ของตนทันที
“โปรดรอสักครู่” เสวี่ยเจิ้นดึงตราคำสั่งโบราณออกมา จากนั้นสร้างผนึกบางอย่าง ก่อนจะเหวี่ยงมันไปทางม่านแสง ม่านแสงพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงทันที แล้วแสดงข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกี่ยวข้องกับภูเขาหมอกเซียนอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังของข้อมูลทุกชิ้นเหล่านี้ ยังระบุจำนวนแต้มดาราที่จำเป็นต้องจ่าย
ทว่าเฉินซีกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากกวาดสายตาผ่านพวกมัน เพราะหัวข้อของข้อมูลเหล่านี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับ ‘การต่อสู้’ เลย ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสนใจที่จะใช้แต้มดารากับพวกมัน
“หรือว่าผู้อาวุโสมารบงกชจะบุกนิกายอำนาจเทวะ?” เฉินซีขมวดคิ้ว เพราะหากเป็นเช่นนี้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะได้รับ
เสวี่ยเจิ้นรีบถาม “ศิษย์พี่เฉินซี เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าข้อมูลที่ท่านต้องการไม่ได้อยู่ในนี้”
เฉินซีพยักหน้า “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเจ้า ศิษย์น้อง ข้าจะไปดูรอบ ๆ”
เสวี่ยเจิ้นตกตะลึงและลังเลที่จะกล่าว แต่หลังจากนั้น สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดด้วยแสงสีแดงเข้มที่ปรากฏบนม่านแสง มันเป็นข้อมูลชิ้นหนึ่ง แต่กลับเป็นสีแดงเข้ม แสดงว่าข้อมูลชิ้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งและเป็นความลับ มีเพียงผู้อาวุโสบางคนในสำนักเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการดูความลับดังกล่าว!
“ภูเขาหมอกเซียนถูกทำลายล้าง…” เสวี่ยเจิ้นอ้าปากค้างทันทีที่เห็นชื่อหัวข้อ เขารีบเอื้อมมือจับแขนเอ่ยรั้งเฉินซีทันที
“ศิษย์พี่เฉินซี โปรดรอสักครู่”
เฉินซีหันกลับมา จากนั้นเสวี่ยเจิ้นก็กล่าวอย่างรวดเร็ว “ข้อมูลลับชิ้นใหม่เพิ่งปรากฏ หัวข้อคือ ภูเขาหมอกเซียนถูกทำลายล้าง…”
“อะไรนะ!?” เฉินซีตกตะลึง รีบพุ่งกลับไปยืนต่อหน้าม่านแสงนั้น เขามุ่งความสนใจไปที่มัน และแน่นอนว่าเห็นข้อมูลชิ้นหนึ่งที่มีสีแดงเข้มเด่นหราอยู่บนนั้น
“ภูเขาหมอกเซียนถูกทำลายล้าง… เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสมารบงกช?” เฉินซีตกตะลึงในใจ เขากำลังจะตรวจสอบข้อมูลนี้ แต่กลับพบว่าตนไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
“ศิษย์พี่เฉินซี ข้อมูลนี้มีไว้สำหรับผู้อาวุโสของสำนัก ไม่ว่าศิษย์คนใดก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะดูมัน” เสวี่ยเจิ้นรีบอธิบาย
คิ้วของเฉินซีขมวดเข้าหากันทันที ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว …มีเพียงผู้อาวุโสบางคนของสำนักเท่านั้นหรือ? ดูเหมือนว่าข้อมูลชิ้นนี้จะเป็นความลับอย่างยิ่ง…
ไม่ได้การแล้ว!
ข้าต้องรู้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!