บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1314 พละกำลังของเฉินซี
บทที่ 1314 พละกำลังของเฉินซี
ทัณฑ์ก่อตัวจากความวิบัติและเข้ากลืนกินเฉินซีจนสิ้น!
เมื่อเห็นฉากเหตุการณ์อันน่าสะพรึง ศิษย์ทั้งหลายต่างตกตะลึง โดยหัวใจของพวกเขาแทบกระดอนมาจุกที่ลำคอ
พลังของเต๋าแห่งทัณฑ์อำนาจเทวะนี้น่าสะพรึงเกินไป หากหายนะแท้จริงก่อเกิด ย่อมมิอาจหลีกเลี่ยงได้!
“มิอาจหลีกเลี่ยงหรือ?”
เหนือหมู่เมฆมงคล สีหน้าไม่ทุกข์ร้อนของเยี่ยถังถูกแทนที่ด้วยความจริงจัง ด้วยพละกำลังของเขา ย่อมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นฉากนี้
แม้แต่เขายังต้องตั้งคำถามหากเป็นตนที่อยู่ตรงนั้น คงเป็นการยากที่จะหลบหนีได้
“เฉินซี… จะปลอดภัยหรือไม่?”
จ้าวเมิ่งหลีผู้อยู่ข้างเคียงวิตกกังวลขณะจับจ้องสนามประลองด้วยดวงตากระจ่างชัด แต่น่าเสียดายที่นางมองเห็นเพียงมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์สีดำ ไม่อาจมองเห็นร่างของเฉินซีได้
“ผู้ชนะยังไม่ถูกตัดสิน พวกเรารอดูอีกสักหน่อยเถอะ หากชีวิตของเฉินซีตกอยู่ในอันตรายจริง เขาจะต้องถูกย้ายออกไปจากสนามประลองอย่างแน่นอน”
ในยามนี้ เจิ่นลู่ดูสงบ แต่ข้อนิ้วกลับกำเข้าหากันแน่น แสดงให้เห็นว่าภายในหาได้สงบเหมือนที่แสดงออกไม่
ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น อาจารย์และศิษย์ทั้งหลายของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าในยามนี้ต่างตกอยู่ในความรู้สึกไม่สบายใจ บางคนถึงขั้นไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริง ๆ
หากเฉินซีแพ้ ผู้ชนะในการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนักถือจะตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น…
วิตก
กระวนกระวาย
ไม่สบายใจ
อารมณ์ทั้งหลายถูกสะกดไว้จนกลายเป็นความเงียบงัน ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกจนสีหน้าดูน่าเกลียด
ส่วนทางด้านสำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล ทั้งศิษย์อาจารย์ต่างประหลาดใจ ยินดีและตื่นเต้น… ในที่สุดพวกเขาก็จะจัดการสารเลวคนนี้ได้แล้วใช่หรือไม่?
ก่อนหน้านี้เฉินซีจัดการเหยียนอวิ๋น อวี่ซิวสุ่ย หวังเซวี่ยชง และคนอื่น ๆ ทำให้พวกเขาต่างเต็มไปด้วยโทสะคุกรุ่นภายใน พอตอนนี้เห็นว่าเฉินซีจอมอวดดีถูกกำราบในท้ายที่สุด แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้นและภาคภูมิได้อย่างไร?
…
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปล่อยให้เขาถูกกำจัดได้โดยง่ายหรอก!”
บนสนามประลอง เซียวเชียนซุ่ยผู้เต็มไปด้วยรัศมีทัณฑ์สวรรค์ที่ก่อตัวจากความวิบัติพลันเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วหัวเราะลั่น มันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของผู้มีชัย
คำพูดของเขาทำให้อาจารย์และศิษย์ทั้งหลายของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าสะดุ้งเฮือก จนสีหน้าพวกเขากลับมาน่าเกลียดอีกครา
เซียวเชียนซุ่ยผู้นี้มีนิสัยเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับคนวิปลาส หากเฉินซีเสียท่าจริง เขาอาจถูกทรมานจนอยู่ไม่สู้ตายแน่!
“เจ้าสารเลวจากอำนาจเทวะ! เขากล้าทำตัวภาคภูมิเช่นนี้ หากเฉินซีเป็นอะไรไป การถกวิถีเต๋าจบลงเมื่อไหร่ เจ้าเจอดีแน่!” ตอนนี้หวังต้าวหลูเดือดดาลจนสีหน้าซีดเซียวพลางกัดฟันแน่น
เขารู้สึกรังเกียจการกระทำของเซียวเชียนซุ่ยยิ่งนัก ส่งผลให้สามารถสังเกตความโกรธเกรี้ยวในแววตาได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นอาจารย์และศิษย์ทั้งหลายของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามีท่าทีเช่นนี้ เซียวเชียนซุ่ยก็ยิ่งภาคภูมิและมีความสุข จนหัวเราะออกมาดังลั่น
และเมื่อคิดถึงวิธีที่จะทรมานเฉินซีซึ่งเป็นตัวตนไร้เทียมทานที่มีชื่อเสียงทั่วหล้าต่อหน้าทุกคน เซียวเชียนซุ่ยก็ตื่นเต้นจนทั่วร่างสั่นสะท้าน แก้มที่ตอบและเย็นชาก็เต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อ
ทว่าเพียงเสี้ยวลมหายใจต่อมา เสียงหัวเราะของเขาก็หายไปทันที
เพราะเบื้องหน้าของเขา สายฟ้าลงทัณฑ์ที่กลืนกินเฉินซีกลับแยกออกเป็นสองฝั่งอย่างเงียบงัน
จากนั้น ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาของเฉินซีก็ปรากฏขึ้น ชายหนุ่มสวมชุดหรูหรา สีหน้าสงบ ผมยาวสีดำพัดปลิวไสว ผิวเนียนกระจ่าง และไร้รอยขีดข่วน!
ดวงตาของเซียวเชียนซุ่ยเบิกกว้างราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขามองเบื้องหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อแล้วเอ่ยเสียงหลง “จะ จะ… เจ้า… ทำไม?!”
ในเวลาเดียวกัน เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขาทั้งหลายต่างแข็งทื่อราวกับเห็นปาฏิหาริย์บังเกิดตรงหน้าจนหายใจติดขัด สภาพจิตใจปั่นป่วนถึงขีดสุด
ก่อนหน้านี้ พวกเขาวิตกกังวลเกี่ยวกับโชคชะตาของเฉินซี
ตอนนี้เฉินซีปรากฏตรงหน้าในสภาพสมบูรณ์ โดยไร้ซึ่งบาดแผลแม้แต่น้อย!
ผลลัพธ์นี้ทำให้อารมณ์ของพวกเขายิ่งผันผวน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับถูกทรมานจนถึงจุดที่จะหยุดหายใจ แต่โดยรวมแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ประหลาดใจอย่างมาก
ส่วนสำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาลต่างไม่อยากเชื่อและตกตะลึงเช่นกัน อารมณ์ตื่นเต้นและอิ่มเอมใจก่อนหน้าพลันมลายหายสิ้น
“ปะ… เป็นไปได้อย่างไร! เจ้าสารเลวคนนั้นมันทำได้อย่างไร?” ศิษย์จากสำนักศึกษาระทมสันต์แผดเสียงออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้
เพียงหนึ่งประโยคก็กระตุ้นโทสะของอาจารย์และศิษย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าทั้งหลายทันที
“สารเลว! พูดเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“บัดซบ รอให้การถกวิถีเต๋าจบก่อนเถอะ ข้าจะช่วยแก้ปากเน่าเสียให้กับสารเลวเช่นเจ้าเอง!”
“เจ้าถึงกับกล้าต่อว่าศิษย์พี่เฉินซีในอาณาเขตของพวกข้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เจ้าคนสารเลว รอข้าก่อนเถอะ!”
ศิษย์จากสำนักศึกษาระทมสันต์ถูกต่อว่าจนสีหน้าอัปลักษณ์และเดือดดาลทันที แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ ช่วยไม่ได้ การสร้างโทสะแก่คนของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยไร้รอยขีดข่วน
…
“เจ้าทำได้แค่นี้เองหรือ?”
บนสนามประลอง เฉินซีเผยรอยยิ้มเยาะออกมาขณะเงยหน้ามองเซียวเชียนซุ่ย ปลายนิ้วสีขาวราบเรียบมีสายฟ้าลงทัณฑ์เกาะกุมเคล้าคลอเคลีย แต่กลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เซียวเชียนซุ่ยได้สติกลับคืนมา แต่เรื่องตรงหน้านั้นยากที่จะเชื่อ เฉินซีสามารถรอดจากความวิบัติโดยไร้รอยขีดข่วนได้อย่างไร?
เฉินซีย่อมไม่บอกว่าตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะ ตนครอบครองชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ทำให้ชะตาถูกบดบังด้วยความลับสวรรค์ จนถูกมองว่าเป็น ‘สิ่งแปลกปลอม’ สำหรับเต๋าแห่งสวรรค์แม้กระทั่งยามก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ขอบเขตเซียนปฐพี เขาไม่มีทางเลือกนอกจากบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับอย่าง ‘ธรรมเทพไร้ขอบเขต’ ซึ่งได้รับมาจากชั้นบนสุดของเจดีย์ต้าเหยี่ยนแห่งพิภพยันต์อักขระเพื่อปกปิดกลิ่นอายทั่วทั้งร่างกาย
กล่าวได้ว่าเฉินซีไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งภัยพิบัติในร่างกาย หาไม่แล้วเขาคงตายไปนานแล้ว จะมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร?
และด้วยผลจากธรรมเทพไร้ขอบเขต มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์สีดำจะทำร้ายเขาได้อย่างไร?
“นี่มันเป็นไปไม่ได้! ข้าไม่เชื่อ!”
ทันใดนั้น เซียวเชียนซุ่ยเงยหน้ามองท้องนภาแล้วแผดเสียงคำราม กลิ่นอายแห่งความวิบัติก่อตัวขึ้นทั่วร่างก่อนจะทะยานออกจากกระบี่เซียนสังหารเทพ กลายเป็นสายฟ้าสีดำจำนวนมหาศาลฟาดลงมาอย่างรุนแรงอีกครา
ครั้งนี้เฉินซีไม่ออมมืออีกต่อไป
ฟ่าว!
ปราณกระบี่วูบไหวในอากาศธาตุ ก่อนสายลมและสายฟ้าจะปรากฏ
มันคือตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุ!
นี่คือกระบี่ที่ผสานระหว่าง ‘กระบี่แห่งวายุ’ กับ ‘กระบี่แห่งอสนี’ จากยันต์เทวะอนันต์ มันถูกหล่อหลอมโดยตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งวายุและอสนี ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือสูงสุดจากขอบเขตเซียนกระบี่ พลังดังกล่าวแก่กล้าประหนึ่งพายุที่สร้างความตกตะลึงทั่วสวรรค์ทั้งเก้า!
ตู้ม!
สายฟ้าลงทัณฑ์ทั้งหลายถูกบดขยี้ ร่างของเซียวเชียนซุ่ยถูกผลักออกไปอย่างรุนแรงประหนึ่งว่าวที่ป่านขาด เขาถึงขั้นกระอักโลหิตออกมา
การโจมตีนี้น่าสะพรึง พลังของวายุและอัสนีกวาดผ่านหมู่เมฆอยู่โดยรอบ!
ผู้ชมทั้งหลายต่างตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เรียกได้ว่าพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ!
“เจ้า… เจ้า… ปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้หรือ?”
เซียวเชียนซุ่ยยืนนิ่งขณะร่องรอยความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าซีดเผือด
“เจ้าเพิ่งรู้หรือ?”
เฉินซีในตอนนี้คล้ายกับสงบยิ่ง เขาไม่ทำการรุกคืบต่อขณะเอ่ยคำ “ถูกต้อง ข้าแค่อยากเห็นว่าเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดวิชาใดมาจากที่นั่น น่าเสียดายที่มันดูอ่อนด้อยยิ่งนัก”
หมายความว่าอย่างไร?
แม้เฉินซีไม่เอ่ยตามตรง แต่เซียวเชียนซุ่ยเข้าใจแจ่มแจ้งว่าอีกฝ่ายกำลังเอ่ยถึงนิกายอำนาจเทวะ จึงเป็นการยากที่เขาจะสงบใจลงได้ สีหน้ายิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
เมื่อทุกคนรอบสนามประลองได้ฟังคำของเฉินซี พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เมื่อครู่… เฉินซียังออมกำลังเอาไว้อีกหรือ? สิ่งที่เขาทำเป็นเพียงทดสอบความสามารถของเซียวเชียนซุ่ยอย่างนั้นหรือ?
“ศิษย์น้องเฉินซีช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! ฮ่าฮ่าฮ่า…” เยี่ยถังผู้อยู่เหนือเมฆมงคลหัวเราะเสียงดังลั่น
เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นตัวประหลาดที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้!
ทุกคนทั้งตกตะลึงและประหลาดใจ
“เหอะ! ช่างเป็นคำพูดที่อวดดีเสียจริง!”
ขณะมองเฉินซีผู้มีท่าทีสงบนิ่ง เซียวเชียนซุ่ยก็รู้สึกว้าวุ่นอยู่ภายใน เขาไม่กล้าลังเลอีกต่อไป พุ่งเข้าโจมตีใส่เฉินซีอีกครั้ง
เขาทุ่มสุดกำลัง ทำให้ปราณกระบี่ทั่วท้องนภากลายเป็นสายฟ้าลงทัณฑ์ขนาดใหญ่น่าตกตะลึง ส่งผลให้ฟ้าดินมืดมิด ตะวันจันทราสูญสิ้นแสงสว่าง
ฟ่าว!
ทว่าเฉินซียังคงยืนนิ่งขณะฟาดฟันกระบี่ออกไปแผ่วเบา โดยหยินหยางหลอมรวมในปราณกระบี่ สีดำและสีขาวผสมปนเป มันคือดาบที่เกิดจากการหล่อหลอมของสองมรดกสูงสุดอย่าง ‘กระบี่แห่งหยิน’ และ ‘กระบี่แห่งหยาง’ จากยันต์เทวะอนันต์!
ดาบเล่มนี้เจิดจ้ากว้างใหญ่ คล้ายกับแบ่งแยกฟ้าดิน สีดำและสีขาว ความดีและความชั่ว รุ่งอรุณและราตรีกาล ก่อนจะฟื้นฟูดาราจักรอันแจ่มชัดให้กับโลก!
ตู้ม!
หลังเกิดการปะทะสะเทือนฟ้าดิน เซียวเชียนซุ่ยเป็นฝ่ายปราชัยอีกครั้ง เขาซวนเซแล้วกระอักโลหิตออกมา ร่างกระเด็นอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากเฉินซีเป็นหนที่สอง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความสับสน และความไม่อยากเชื่อ
เหล่าผู้ชมตกตะลึงเช่นกัน พลังต่อสู้ที่เฉินซีสำแดงทั้งก่อนและหลังแตกต่างกันจนแทบจะเป็นคนละคน!
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมั่นใจว่าสิ่งที่เฉินซีเอ่ยก่อนหน้านี้อาจจะเป็นความจริง ส่วนสาเหตุที่ทำไมเซียวเชียนซุ่ยสามารถยืนหยัดได้ก่อนหน้านี้ ก็เพราะเฉินซีไม่ได้ทุ่มสุดกำลัง!
เฉินซีผู้อยู่บนสนามประลองมีสีหน้าเฉยชาขณะเอ่ยประโยคซ้ำอีกครั้ง “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ใช่ศิษย์สายตรงสินะ หาไม่แล้วจะอ่อนแอเพียงนี้ได้อย่างไร”
สาเหตุที่เอ่ยเช่นนั้นก็เรียบง่ายนัก ในความเห็นของเขา ตนคือศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดของเขาเทพพยากรณ์ แต่อีกฝ่ายถึงกับแย่ยิ่งกว่า จึงไม่มีทางจะเป็นศิษย์สายตรงจากนิกายอำนาจเทวะได้ เพราะหนึ่งในสามนิกายสูงสุดของภพทั้งสาม ศิษย์สายตรงจากนิกายอำนาจเทวะไม่น่าจะอ่อนแอเช่นนี้
สิ้นคำ แก้มยาวตอบของเซียวเชียนซุ่ยกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ประหนึ่งหัวใจถูกคำพูดเหล่านั้นทิ่มแทง ทำให้สีหน้ายิ่งหมองหม่นยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าคนสารเลว ปากดีนัก! เอาชนะข้าให้ได้ก่อนเถอะ!”
สิ้นคำ เซียวเชียนซุ่ยก็หายไปอีกครั้ง
เพียงพริบตา สายฟ้าลงทัณฑ์ก็ปรากฏบนสนามประลองอีกครั้ง พลังของมันยิ่งน่าสะพรึงทบทวี
ถึงกระนั้นเฉินซีกลับหงุดหงิดเล็กน้อย ด้วยประกายเย็นเยือกจากกระบี่ ตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุก็กระจายออกกลายเป็นร่องรอยของไอเย็นเยือกน่าขนลุก ทันใดนั้นมันก็หายไปจากอากาศธาตุ
ตู้ม!
พริบตาต่อมา เสียงคำรามไร้ที่สิ้นสุดดังก้องในสนามประลอง สายฟ้าลงทัณฑ์น่าสะพรึงถูกบดขยี้ทีละน้อยในการโจมตีเพียงครั้งเดียว จากนั้นปราณกระบี่ที่มิอาจทำลายได้ก็เคลื่อนตาม ราวกับสามารถทำให้กระบี่ทั้งหลายยอมจำนนด้วยพลังสูงสุด!
สีหน้าของเซียวเชียนซุ่ยพลันแปรเปลี่ยน แต่เขาไม่มีเวลาหลบเลี่ยง จึงทำได้เพียงฝืนต้านมันเอาไว้ จากนั้นทั่วร่างก็เหมือนถูกมังกรบรรพกาลถาโถมเข้าใส่
กร๊อบ! กร๊อบ!
ภายใต้สายตาหวาดกลัวของผู้คน กระดูกทุกท่อนในร่างพลันระเบิดในทันที โลหิตไหลอาบไปทั่ว ใบหน้ายับเยินด้วยผลจากพลังมหาศาลจนแม้แต่มารดาก็ไม่อาจจำใบหน้าได้!