บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1316 เจ้าสำนัก
บทที่ 1316 เจ้าสำนัก
พระราชวังที่สวยงามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นที่ใจกลางภูเขา ที่สุดปลายเส้นทางที่คดเคี้ยวนั่นนำไปสู่สถานที่อันเงียบสงบ
หลังจากเดินเข้าไป ทิวทัศน์ตรงหน้าพลันสว่างวาบด้วยประกายระยิบระยับของสมบัติที่เบ่งบานและส่องสว่างไปทั่วบริเวณ แต่ที่น่าแปลกใจ มันเป็นห้องโถงที่มีขนาดมโหฬาร ซึ่งภายในห้องโถงนั้นมีชั้นที่วางผลึกแก้วเรียงรายกันเป็นแถว และมีกองสมบัติล้ำค่ามากมายวางอยู่บนชั้น
สมบัติอมตะ
สมุนไพรอมตะ
เคล็ดวิชาลับ
ผังค่ายกล
…
มันเรียบง่ายและมีทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต่างกับการเดินเข้าไปในคลังขุมทรัพย์เซียน
นี่คือโถงแต้มดารา!
แต้มดาราที่เหล่าศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้รับ มันสามารถนำมาแลกเปลี่ยนได้ที่นี่
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้เข้ามาที่โถงแต้มดาราแห่งนี้ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป ดวงตาก็เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับของสมบัติต่าง ๆ และทุก ๆ ที่ที่สายตากวาดผ่าน มันก็เต็มไปด้วยสมบัติอันล้ำค่ามากมาย ทำให้รู้สึกงุนงงและประหลาดใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
ในขณะนี้ ศิษย์มากมายได้มารวมตัวกันที่โถงแต้มดารา ดังนั้นบรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ และพวกเขาส่วนใหญ่ต่างพากันเลือกสมบัติที่ตนชื่นชอบ
หวังต้าวหลูเดินนำเฉินซีเข้าไปในห้องโถง แต่ไม่แวะหยุดดูสิ่งใด เขากลับเดินผ่านเลยไปยังชั้นสี่
ในระหว่างนี้ เฉินซีสังเกตเห็นว่า ยิ่งขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ คุณภาพของสมบัติอมตะที่ถูกเก็บไว้บนนั้นก็จะยิ่งมีค่าและหายากมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวอย่างเช่น สมบัติอมตะส่วนใหญ่ในชั้นแรกอยู่ที่ระดับวิญญาณทมิฬ ซึ่งเหมาะกับศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตเซียนลึกลับ
ชั้นสอง คือสมบัติอมตะระดับจักรวาล มันสามารถตอบสนองความต้องการของเซียนทองคำได้
ชั้นสามมีเพียงสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษเท่านั้น และไม่ใช่แค่เซียนทองคำ แม้แต่เซียนปราชญ์ก็สามารถค้นหาสมบัติที่พวกเขาต้องการได้จากที่นี่
และที่ชั้นสี่…
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าใครต้องการแลกเปลี่ยนแต้มดารากับสมบัติที่แสดงอยู่บนชั้นสี่ นอกจากแต้มดาราแล้ว มันยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมบางประการ และหากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ แม้ว่าจะมีแต้มดาราเพียงพอ คนผู้นั้นก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีนึกถึงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ตนใฝ่ฝันอยู่ในใจ ซึ่งแน่นอนว่า มันก็มีเงื่อนไขเพิ่มเติม คือต้องได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋าภายในแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า!
…
ชั้นสี่ของโถงแต้มดารานั่นใหญ่โตและกว้างขวาง เมื่อเฉินซีมาถึง ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอากาศเต็มไปด้วยข้อจำกัดโบราณอันน่าสะพรึงกลัวอยู่เป็นชั้น ๆ
ด้วยความรู้ของเฉินซีที่มีต่อเต๋าแห่งยันต์อักขระ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว เพราะตระหนักดีว่าถ้าเผลอทำอะไรผิดแผกที่นี่ เขาคงถูกทำลายล้างในทันที
ห้องโถงนั้นเงียบสงัด และมีเพียงชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตรงมุมของห้องโถง เขามีท่าทางสงบและสุขุม ในมือถือคัมภีร์โบราณที่จารึกไว้บนหยกพลางอ่านอย่างระมัดระวัง โดยที่มืออีกข้างกำลังเล่นหมากล้อมบนโต๊ะด้วยนิ้วทั้งสอง กำลังเพลิดเพลินไปกับตัวเองอย่างแท้จริง
ชายคนนั้นมีรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดา ผิวขาวผ่อง ท่วงท่าสงบ และสง่างาม แต่ที่หว่างคิ้วกลับมีกลิ่นอายของอายุและประสบการณ์ ราวกับผ่านวันเดือนปีมามากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อมองจากระยะไกล เฉินซีรู้สึกราวกับไม่ได้กำลังมองสิ่งมีชีวิต แต่เป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่กว้างใหญ่และลึกล้ำอย่างไร้ขอบเขต
ความรู้สึกเช่นนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเกินไป และทำให้เฉินซีเคารพอย่างอดไม่ได้
นี่ต้องเป็นผู้อาวุโสของสำนักที่มีพลังฝีมือไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ดวงตาของเฉินซีเพ่งมองออกไป พลันตัดสินได้ทันทีว่า ถึงแม้คนผู้นี้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนชายหนุ่ม แต่กลับมีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่กว้างใหญ่ ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนหนุ่มสาวทั่วไปจะครอบครองได้
เมื่อเทียบกัน มันถึงขั้นที่แม้แต่หวังต้าวหลูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังดูด้อยกว่า!
เขาเป็นใครกัน?
ความสงสัยได้ผุดในใจของเฉินซี ทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้องโถง ชายคนนี้ก็ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมา ไม่สังเกตเห็นผู้ใด
อย่างไรก็ตาม หวังต้าวหลูก็ไม่คิดที่จะแนะนำชายผู้นั้น เขาพาเฉินซีมุ่งไปที่ชั้นวางสมบัติทันที
“ดูสิ นี่คือรางวัลที่เจ้าจะได้รับ”
มีเพียงสมบัติชิ้นเดียวที่แสดงอยู่บนชั้น และมันเป็นชิ้นส่วนที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ มีขนาดเพียงฝ่ามือ มันถูกปิดผนึกไว้ในกล่องหยก และเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คลุมเครือ
ป้ายที่หน้ากล่องหยก จารึกคำว่า ‘ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล’ เงื่อนไข : แต้มดารา หนึ่งร้อยหกสิบล้านแต้ม!
เฉินซีตกตะลึง ทั้งยังประหลาดใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลังจากที่สามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศในการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนักแล้ว เขาจะได้รับรางวัลล้ำค่าเช่นนี้!
ที่สำคัญที่สุด นี่คือสมบัติที่เขาใฝ่ฝันถึง!
หรือว่าสำนักจะรู้ว่าข้าหมายตาสิ่งนี่?
เฉินซีรีบไตร่ครองอย่างอดไม่ได้
“ประสิทธิภาพของสมบัตินี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และมันมีประโยชน์อย่างน่ามหาศาล แม้ตัวข้าจะอยากได้มันก็ตาม แต่น่าเสียดายตามกฎของสำนัก มีเพียงผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้รับสมบัติชิ้นนี้”
ในขณะนี้ เมื่อหวังต้าวหลูมองไปที่ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหล ใบหน้าปรากฏร่องรอยของความอิจฉาที่ไม่อาจปกปิดได้ เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มีการบ่มเพาะในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นอย่างเขา ก็ยังถูกดึงดูดโดยสมบัตินี้เช่นกัน
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างลังเล “ผู้อาวุโส ถ้าข้าต้องการสมบัติชิ้นนี้ ข้าคงไม่ต้องจ่ายแต้มดาราหนึ่งร้อยหกสิบล้านแต้ม ใช่หรือไม่?”
หวังต้าวหลูอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ย่อมไม่”
ในขณะที่กล่าว หวังต้าวหลูก็สะบัดแขนเสื้อ บังเกิดแสงที่เปล่งประกาย และดึงชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลพร้อมกับกล่องหยกออกมา จากนั้นก็ส่งมันให้เฉินซี “เจ้ากำลังจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ในไม่ช้า ชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลนี้ มีกลิ่นอายของแก่นแท้ของมหาเต๋า ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่าในยามที่บรรลุขอบเขต เจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในเซียนปราชญ์โดยกำเนิดอย่างแน่นอน”
เฉินซีรีบรับมันด้วยทั้งสองมือ จากนั้นจึงถามว่า “กลิ่นอายของแก่นแท้มหาเต๋าหรือ?”
“มันมากกว่านั้น” หวังต้าวหลูส่ายศีรษะ “นั่นเป็นเพียงหนึ่งในวิธีใช้งานที่ยอดเยี่ยมของสมบัตินี้ ซึ่งเจ้าจะเข้าใจถึงประโยชน์ของมัน หลังจากที่เจ้าขัดเกลาและดูดซับมันแล้ว”
เฉินซีพยักหน้าแล้วเก็บกล่องหยกอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มได้รับพลังแก่นแท้ของมหาเต๋ามาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลเพื่อบ่มเพาะ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดจะใช้มันกับตัวเอง และตั้งใจจะมอบมันให้กับหม้อใบจิ๋วแทน
“หลังจากที่เจ้าจากไปแล้ว จงบ่มเพาะอย่างเหมาะสม เพราะแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าจะเปิดในอีกไม่ถึงสามปีนับจากนี้ หากเจ้าสามารถบรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ได้ในช่วงเวลานี้ ผลประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับก็จะมากขึ้น” หวังต้าวหลูยิ้มแล้วกล่าวให้กำลังใจเฉินซี จากนั้นจึงพาอีกฝ่ายออกไป
ในระหว่างที่กลับ เฉินซีเหลือบมองไปที่ชายที่นั่งตรงมุมห้องโถงอย่างอดไม่ได้ เพราะเขายังคงรู้สึกว่า แม้ชายผู้นั้นจะดูเหมือนกำลังอ่านคัมภีร์พร้อมกับเล่นหมากล้อม แต่แท้จริงแล้ว กลับคอยสังเกตตนมาโดยตลอดตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาในห้องโถง
นี่เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
เมื่อพวกเขาออกจากโถงแต้มดารา เฉินซีก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงถามหวังต้าวหลูด้วยเสียงแผ่วเบา “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสที่อยู่บนชั้นสี่คือผู้ใดกัน?”
ดูเหมือนหวังต้าวหลูจะคาดการณ์ว่าเฉินซีจะต้องถามคำถามนี้ รอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายอันลึกซึ้งก็ปรากฏที่มุมปากราง ๆ “ ในอนาคตเจ้าจะรู้เอง”
เฉินซีแทบไม่อาจห้ามตัวเองจากการกลอกตาได้ …ตาเฒ่าเหล่านี้ชอบทำให้ผู้อื่นสงสัยจริง ๆ!
อันที่จริง เขามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ยังไม่กล้ายืนยันเท่านั้น
…
หลังจากที่เฉินซีและหวังต้าวหลูจากไป ชายหนุ่มที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ที่มุมของห้องโถงบนชั้นสี่ จู่ ๆ ก็พลันยิ้มกว้างและวางคัมภีร์หยกสีเขียวอ่อนในมือลง
บนโต๊ะมีกระดานหมากล้อมวางอยู่ มันเก่าแก่และอบอวลไปด้วยแสงของดาวที่เย็นเฉียบ
อย่างไรก็ตาม มันกลับดูไม่เหมือนกระดานหมากล้อม เนื่องจากบนกระดานไม่มีเส้นแนวนอนและแนวตั้งตัดกัน มีเพียงดวงดาวอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เมื่อมองเข้าไป ก็เหมือนกับสามารถมองเห็นเส้นทางที่นำไปสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวในจักรวาลได้
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ชายหนุ่มสะบัดแขนเสื้อ นิ้วชี้ขยับไปมาบนกระดานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับหยาดฝนที่ตกกระทบ และดังก้องกังวานด้วยเสียงอันทรงพลังที่เปี่ยมด้วยพลังสังหาร
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความผันผวนอันแปลกประหลาดก็สั่นสะเทือนไปรอบ ๆ จากนั้นร่างของวิหคอมตะที่แท้จริงและมังกรเขียวก็ปรากฏบนกระดาน พวกมันแหวกว่ายไปมาบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พร้อมกับพลังอำนาจสูงสุด
“เข้ามา” ชายหนุ่มกล่าวอย่างใจเย็น
ในเวลาต่อมา เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วเก็บกระดานออกไป
ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าดังก้องมาจากทางเข้าของห้องโถงชั้นสี่
“ท่านเจ้าสำนัก เราสามารถยืนยันได้อย่างคร่าว ๆ ว่า สำนึกศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล ล้วนเป็นเบี้ยของนิกายอำนาจเทวะ เราควร…” ผู้ที่มาถึงมีรูปร่างผอมเพรียว ผมสีขาวกระเซอะกระเซิง รอยย่นปกคลุมใบหน้า และเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่โหดเหี้ยม เขาคือฉือฉางเซิง อาจารย์ใหญ่ของฝ่ายใน ทว่าในขณะนี้ ชายชราได้ควบคุมกลิ่นอายโหดเหี้ยมของตนไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ
เหตุผลนั้นง่ายมาก มีเพียงคนเดียวในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าที่สามารถทำให้ฉือฉางเซิงมีท่าทีดังกล่าวได้ เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่อยู่หลังโต๊ะคือเจ้าสำนักของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า!
แม้จะเรียกคนผู้นี้ว่าชายหนุ่ม แต่ก็เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ ก็จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความอาวุโสและประสบการณ์อันมากมาย
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพวกมันเป็นเพียงเบี้ย แล้วไยต้องพรากชีวิตของพวกมันด้วย? ปล่อยพวกมันไปเถิด” ชายผู้นั้นกล่าวอย่างสบาย ๆ ก่อนที่จะหยิบคัมภีร์หยกสีเขียวอ่อนขึ้นมา และอ่านมันอีกครั้ง
ฉือฉางเซิงตกตะลึง จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “มันคงน่าเสียดายแย่ ถ้าเราไม่ฆ่าพวกมันซะ”
“ถ้าเราฆ่าพวกมัน ภพเซียนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บางที นั่นอาจเป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนิกายอำนาจเทวะ ดังนั้นจงอดทนไว้ แล้วรอข่าวจากซากโบราณสถานแรกกำเนิด” ชายหนุ่มกล่าวเบา ๆ ดวงตาลึกและมืดมน ราวกับมีแม่น้ำแห่งดวงดาวกำลังไหลเอื่อยอย่างไม่สิ้นสุดภายในนั้น
“ซากโบราณสถานแรกกำเนิด…” ดวงตาของฉือฉางเซิงส่องประกาย และดูคันไม้คันมืออย่างมาก “เราควรสอดมือเข้าไปหรือไม่?”
“ความทุกข์ยากนั่นมีมากมาย อย่าไปจะดีกว่า” จู่ ๆ ชายหนุ่มก็วางคัมภีร์หยกในมือลง จากนั้นก็เงียบเป็นเวลานาน แล้วจึงกล่าวว่า “นั่นคือสถานที่ที่กลียุคของทั้งสามภพจะเริ่มต้นขึ้น หากไปที่นั่นในเวลานี้ แม้แต่ผู้เป็นราชันเซียนก็อาจพินาศ…”
…
ภายในห้องกระบี่
หลังจากที่เฉินซีกลับมา ก็แทบรอไม่ไหวที่จะบอกข่าวดีกับหม้อใบจิ๋ว และมอบชิ้นส่วนแก่นแท้โกลาหลให้นาง อย่างไรก็ตาม เขากลับต้องผิดหวัง เพราะหม้อใบจิ๋วกำลังพาร่างอวตารไปบ่มเพาะเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก และไม่มีเวลาที่จะมาพบกับเขาแม้แต่น้อย
“ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ…” เฉินซีสามารถสัมผัสถึงสถานะในการบ่มเพาะของร่างอวตารได้ และมันไม่ใช่แค่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่าน่ากลัวเพียงอย่างเดียว!
ณ ปัจจุบัน ข้าได้บรรลุขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงแล้ว และหญิงสาวลึกลับที่ชื่อเตียนเตี้ยนคนนั้น อาจจะมาหาข้าภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ในยามนั้น ถ้าข้าได้รับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก มันคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และเข้าสู่การไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง