บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 133 ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ
บทที่ 133 ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ!
บทที่ 133 ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ!
อายุสิบห้าปี!
ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นเจ็ดดารา!
การฝึกฝนในเต๋าแห่งการต่อสู้ที่ขอบเขตเต๋าแห่งการรู้แจ้ง!
ในตอนนี้ ไม่ใช่แค่ต้วนมู่เจ๋อที่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก แม้แต่ตู้ชิงซีและซ่งหลินต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจและมองไปที่เฉินฮ่าวด้วยสายตาแปลก ๆ
ตัวประหลาด!
แค่คนพี่ก็แข็งแกร่งจนไม่อาจยอมรับได้อยู่แล้ว แต่คนน้องกลับน่ากลัวไม่ยิ่งหย่อนกันเลย โลกใบนี้ช่างไม่ยุติธรรมจริง ๆ !
ไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มสามคนของตู้ชิงซี แม้แต่เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ในใจ เขาเพิ่งได้เจอเฉินฮ่าวเมื่อครึ่งเดือนก่อน ในขณะนั้น ปราณแท้ของเฉินฮ่าวถูกปิดผนึก ร่างกายของเขาได้รับความเสียหาย และรูปลักษณ์ที่น่าสังเวชนั้นทำให้หัวใจของเฉินซีต้องเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพียงผ่านไปไม่กี่วันตั้งแต่ตอนนั้น การบ่มเพาะของน้องชายเขากลับบรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นเจ็ดดาราแล้ว?
“เฉินซี เต๋าแห่งกระบี่เที่ยงธรรมที่น้องชายของเจ้าฝึกฝนอยู่นั้นมาจากสายเลือดของราชาปราชญ์ในยุคบรรพกาล อานุภาพของกระบี่นั้นกว้างใหญ่ เปี่ยมด้วยพลังอำนาจและชอบธรรม มันเป็นเต๋ากระบี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก! ในแง่ของพลัง มันเทียบเท่ากับเต๋ากระบี่แห่งแดนนิพพานที่ข้ามีในตอนนี้ และมันก็ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง” หลิงไป๋อุทานด้วยความชื่นชมผ่านกระแสปราณ
“ก็แสดงว่าเฉินฮ่าวนั้นทรงพลังมาก…” ทันใดนั้นความภูมิใจก็เกิดขึ้นในใจของเฉินซีขณะที่เขารู้สึกว่าราคาที่ได้จ่ายไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นคุ้มค่าแล้ว
แกร๊ง ! แกร๊ง ! แกร๊ง !
ในขณะนี้เองที่เสียงระฆังดังขึ้นอย่างช้า ๆ และหลังจากที่ดังต่อเนื่องถึงสามครั้ง มันก็หยุดลงอย่างฉับพลัน เสียงที่ยังหลงเหลืออยู่ลอยล่องไปในอากาศ มีพลังที่ทำให้หัวใจของผู้คนสงบลง และบริเวณโดยรอบของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์จำลองก็เงียบลงในทันที มันเงียบสนิทจนถึงจุดที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่น
บนแท่นหยก หลิงคงจื่อ ประมุขของนิกายกระบี่เมฆาพเนจรผู้ซึ่งสวมเสื้อผ้าสีฟ้าลุกยืนขึ้น สายตาของเขากวาดออกไปทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกเขาจ้องมองอยู่จึงไม่กล้าสบตา และการกระทำเช่นนี้เองเผยให้เห็นถึงการบ่มเพาะที่ลึกซึ้งของหลิงคงจื่อ
“งานเทียบอันดับมังกรซ่อนเป็นโอกาสครั้งใหญ่ของโลกแห่งการบ่มเพาะในดินแดนทางใต้ของเรา ข้าคิดว่าศิษย์ทุกคนต่างก็รู้ในกฎเกณฑ์อยู่แล้ว ข้าเพียงหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะดึงเอาความสามารถที่แท้จริงของเจ้าออกมาภายในการทดสอบและห้ามแสร้งอ่อนแอเป็นอันขาด อีกทั้ง รางวัลมากมายที่มอบให้โดยนิกาย สำนัก และตระกูลต่าง ๆ จะมอบให้กับคนหนุ่มสาวที่กล้าหาญและเฉลียวฉลาดเพียงเท่านั้น เอาล่ะ เริ่มการทดสอบได้!”
หลังจากการประกาศนี้ ผู้นำทั้ง 17 ของขุมพลังต่าง ๆ ก็ยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและหันหน้าไปทางเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ พวกเขากำลังประสานมือด้วยท่าทางต่าง ๆ เพื่อสร้างเคล็ดวิชามากมายโดยพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพวกเขาก็ซัดมันออกไปราวกับน้ำตกที่มีสีแดงเข้ม สีน้ำเงิน สีฟ้า และสีดำ เคล็ดวิชาอันล้ำลึกต่าง ๆ ชักนำพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ใจต้องสั่นไหวขณะพุ่งเข้าสู่ประตูเจดีย์บำเพ็ญทุกข์จำลอง
ตูม!
ประตูโบราณที่ปิดสนิทค่อย ๆ เปิดออก กระแสพลังห้าสีที่แตกต่างกันอยู่ภายในนั้น ดูเหมือนจะเป็นวังวนที่อาบไปด้วยเงาเหมือนฝัน และไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีสิ่งใดอยู่ข้างใน
“ศิษย์ที่เข้าร่วมการแข่งขัน จงรีบเข้าไปซะ!” หลิงคงจื่อตะโกนออกมาราวกับระเบิดในทันที
ฟุ่บ!
ในขณะหลิงคงจื่อเพิ่งกล่าวจบ ชายหนุ่มที่สวมชุดสีน้ำเงินซึ่งคลุมด้วยชั้นของม่านน้ำก็เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็ไม่ยินยอมที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พวกเขากลายเป็นเปลวเพลิงที่ลุกโชน บางคนก็มีประกายกระบี่ปกป้องร่างกายของพวกเขา หรือใช้ทักษะเหาะเหินต่าง ๆ ขณะพุ่งผ่านประตูเข้าไปราวกับกระแสน้ำ
ผู้ที่กล้าเป็นผู้นำเข้าสู่เจดีย์บำเพ็ญทุกข์ล้วนเป็นผู้ที่มีความมั่นใจในพลังของตนเอง
ภายในฝูงชนมีเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังออกมาอยู่เสมอ
“อ๊ะ นั้นมันชิวเลิ่งนิ! กระบี่ไร้ลักษณ์ ชิวเลิ่ง!”
“ดูนั้น! รีบมาดูเร็วเข้า! นั่นคือ เฟยเหลิงชุยแห่งนิกายกระบี่เมฆาพเนจร เทพธิดาที่อยู่ในใจของข้า!”
“อ่าา! หลัวซิ่ว! คนผู้นี้ไม่ได้ไปที่แดนรกร้างอันนองเลือดเพื่อฝึกฝนหรอกหรือ? เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย!”
…
บุคคลรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นปรากฏขึ้นทีละคน ทำให้บรรยากาศถึงจุดสุดยอดเล็กน้อย เมื่อพวกเขาได้ยินการสนทนาเหล่านี้ เหล่าผู้นำบนแท่นหยกก็เผยรอยยิ้มออกมา เนื่องจากบุคคลที่โดดเด่นเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากนิกาย สำนักและตระกูลของพวกเขาเอง
“ท่านพี่เราเข้าไปกันเถอะ” เฉินฮ่าวกำลังลุกเป็นไฟด้วยความกระตือรือร้น
“ตกลง!” เฉินซีพยักหน้า
“เฉินซี ชั้นแปดทิศนั้นกว้างใหญ่มาก มีระยะทางทั้งหมด 2,500 ลี้ ทุกคนจะถูกพาไปยังที่ต่างๆ ด้วยพลังของเจดีย์หลังจากเข้ามา เจ้าต้องระมัดระวังตัวด้วย” ตู้ชิงซี กล่าวอย่างรวดเร็ว
เฉินซีที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นี่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะถูกแยกจากเฉินฮ่าวหลังจากเข้ามาหรอกหรือ?
เฉินฮ่าวเงยหน้าขึ้นขณะที่เขากล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ต้องกังวล ท่านพี่ ข้าจะไปหาท่านในทันทีหลังจากที่เข้ามาแล้ว ระยะทางเพียง 2,500 ลี้ ข้ามั่นใจว่าจะหาเจออย่างแน่นอน”
“พวกเราคงทำได้เพียงเช่นนี้” เฉินซี เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ตู้ชิงซีและคนอื่น ๆ “พวกเจ้าระวังตัวด้วย”
“เอาล่ะ ถ้าตัวต่อตัวใครจะไปกลัว แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม แต่พวกเราก็มีพี่น้องร่วมสกุลมากมายที่อยู่เบื้องหลัง พวกโง่เขลาคนไหนกันจะกล้าร่วมหัวโจมตีเรา? ถ้าอย่างนั้นข้าจะก้าวไปก่อนละ” ต้วนมู่เจ๋อหัวเราะอย่างเหยียดหยาม จากนั้นกุมมือของเขาก่อนจะเดินนำไปที่ประตูภูเจดีย์
ตู้ชิงซีส่ายหัวขณะที่กล่าวว่า “เจ้าคนนี้อารมณ์ไม่ดีจริงๆ ไปด้วยกันเถอะ ยิ่งมีคนเข้าไปเยอะก็ยิ่งอันตราย”
กลุ่มของเฉินซี พุ่งไปที่ประตูเจดีย์และเข้าไปทันที
——
“คุณหนู พวกมันเข้าไปแล้ว” ศิษย์ของตระกูลซูกล่าว
“อืม เตรียมลงมือกันได้เลย” สายตาของซูเจียวกวาดผ่านศิษย์ของตระกูลซูทั้ง 132 คนที่อยู่รอบ ๆ และกล่าวอย่างช้า ๆ ผ่านกระแสปราณว่า “พวกเจ้าทุกคนคือเสาหลักของตระกูลซูของข้าที่มีอนาคตที่ไร้ขอบเขต เมื่อพวกเจ้าทั้งหมดเข้าไปแล้ว อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด จงจำไว้ว่าให้ทำตามที่ได้ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เจ้าเข้าไปในเจดีย์แล้ว ให้ใช้ไข่มุกกระซิบดวงจิตเป็นวิธีการสื่อสารเพื่อประสานกับข้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเราจะฆ่าเฉินซีและเฉินฮ่าวด้วยกัน!”
“ขอรับ!” เหล่าศิษย์ของตระกูลซูรับคำสั่งด้วยความเคารพ
ซูเจียวพยักหน้ากับตัวเอง เพื่อประโยชน์ในการทำลายล้าง เฉินซี และ เฉินฮ่าว ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ครั้งนี้ ได้ระดมศิษย์ระดับสูงเกือบทั้งหมดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดยังได้รับสมบัติไสยเวทระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดอีกด้วย หากพวกเขารวมมือกันแล้วยังไม่อาจฆ่าเฉินซีได้ สวรรค์ก็คงมืดบอดจริงๆ
“อ๊า จริงสิ ซูถ่งสิ่งที่ข้าขอให้เจ้าไปทำเป็นเช่นไรบ้าง” จู่ ๆ ซูเจียวก็นึกอะไรบางอย่างออกและถามชายหนุ่มร่างผอมสูงที่อยู่เคียงข้างนาง
“อย่ากังวลไปเลยคุณหนู ข้าได้ส่งข่าวการเสียชีวิตของ ไช่เล่อเทียน, อวี้ฮ่าวไป๋, ฉางปิน และ มู่หลงเว่ย ไปยัง พระราชวังข่ายดารา, สำนักเมฆาอนันต์, ตระกูลฉางและ สำนักพฤกษ์ครามแล้ว
นอกจากสำนักพฤกษ์คราม ขุมพลังอื่น ๆ ทั้งหมดได้ตกลงร่วมกันว่า พวกเขาจะส่งศิษย์มาช่วยตระกูลของซูของเราในระหว่างงานเทียบอันดับมังกรซ่อนในครั้งนี้” ซูถ่งยิ้มขณะที่เงาที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในแววตาของเขา “คราวนี้ไม่ว่าเฉินซีจะเป็นคนฆ่าพวกเขาหรือไม่ก็ตาม ขุมพลังเหล่านี้ก็ถือว่ามันเป็นศัตรูไปแล้ว และอ่างน้ำสกปรกนี้ก็ถูกสาดใส่เฉินซีอย่างสมบูรณ์”
“เจ้าทำได้ดีมาก” ซูเจียวชมเชย จากนั้นดูเหมือนนางกำลังครุ่นคิดขณะที่กล่าวว่า “แต่ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าไช่เล่อเทียนและคนอื่น ๆ จะถูกฆ่าโดยเฉินซีจริง ๆ หรือ? ช่างน่าเสียดายที่ส่วนลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้นั้นอันตรายเกินกว่าที่เราจะสามารถตรวจสอบและยืนยันได้ มิฉะนั้น ถ้าเราสามารถหาหลักฐานและส่งไปยังขุมพลังเหล่านี้ได้ เฉินซีคงตายไปแล้วเป็นพัน ๆ ครั้ง”
“เอาล่ะ เข้าไปกันเถอะ” ซูเจียวไม่ได้กล่าวอะไรต่อไปอีก และชักนำเหล่าศิษย์ที่เป็นเหมือนมวลเมฆสีดำเข้าประตูเจดีย์ไป
เมื่อซู่เจินเทียนเห็นพวกซูเจียวเข้าประตูไป เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคาดหวังเล็กน้อย คราวนี้เฉินซีและ เฉินฮ่าว คงไม่อาจรอดพ้นจากหายนะไปได้ใช่ไหม?
“ท่านพี่ซู ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ” เสียงที่ชัดเจนและอบอุ่นดังขึ้น
ซูเจิ่นเทียนหันกลับไปมอง เขาเห็นว่าเป็น หลิงคงจื่อประมุขของนิกายกระบี่เมฆาพเนจรที่กล่าวกับเขา และสีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่กล่าวว่า “ข้ากำลังคิดว่าขุมพลังใดที่จะได้รับอันดับหนึ่งในงานเทียบอันดับมังกรซ่อนในครั้งนี้”
หลิงคงจื่อยิ้มและดูเหมือนว่าเขากล่าวโดยไม่ตั้งใจ “มีหนุ่มสาวที่โดดเด่นจำนวนมากได้เข้าร่วมงานเทียบอันดับมังกรซ่อนในครั้งนี้ และเต็มไปด้วยตัวแปรต่าง ๆ มากมาย บางทีมันอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายของท่านและข้าก็ได้”
ฮืม? สหายเก่าคนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ซู่เจินเทียนรู้สึกตกตะลึง เมื่อเขาต้องการที่จะเข้าใจมันไปอีกขั้น เขากลับสังเกตว่าหลิงคงจื่อได้หันกลับไปแล้วและเงยหน้าขึ้นมองไปยังพื้นผิวของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์
ในขณะนี้ ศิษย์กว่าหมื่นคนที่เข้าร่วมในงานเทียบอันดับมังกรซ่อนได้เข้าไปในเจดีย์แล้ว และประตูที่มีแสงหลากสีส่องออกมาก็ได้ปิดสนิทลง ผู้คนที่อยู่ที่นั่นไม่ได้จากไป แต่กลับเงยหน้าขึ้นและมองไปยังพื้นผิวของเจดีย์เหมือนหลิงคงจื่อ
บนพื้นผิวของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ที่สูงยิ่งยวดและกว้างราวสองหมู่ จู่ ๆ ก็มีลำแสงที่ไหลอย่างไร้ขอบเขตปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันและมันดูเหมือนระลอกคลื่นขณะที่ก่อตัวเป็นม่านจำนวนมากในทันที ภายในม่านนั้นมีภูเขา แม่น้ำ ช่องเขา ป่าไม้… ภาพทั้งหมดเสมือนจริงราวกับว่ามันอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมและชัดเจนเป็นอย่างมาก
ตัวเลขมากมายปรากฏขึ้นบนม่านเหล่านี้ ทันทีที่เหล่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันร่อนสู่พื้น ก็พุ่งเข้าหาบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวังเพื่อหาจุดที่ปลอดภัยในการปกปิดตัวเอง และพวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะมีประสบการณ์และระแวดระวังเป็นอย่างมาก
ปรากฎว่าพื้นผิวของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์สามารถแสดงให้เห็นถึงผู้บ่มเพาะทุกคนที่เข้ามาในเจดีย์เพื่อเข้าร่วมในงานเทียบอันดับมังกรซ่อน!
——
เมื่อเพิ่งก้าวผ่านประตูไป เฉินซีรู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ปกคลุมเขา จากนั้นวิสัยทัศน์ของเขาก็มืดลงและเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายไปในทันที เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่จู่ ๆ ร่างของเขาก็หล่นลงอย่างกระทันหัน และเมื่อลืมตาขึ้น เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าแม่น้ำแล้ว
แม่น้ำนี้มีความกว้าง 120 จั้ง น้ำในแม่น้ำใสและไหลเชี่ยว และคดเคี้ยวไปมาตามกระแสน้ำ มันส่งเสียงดังกึกก้องจากคลื่นที่กระทบกันขณะที่พวกมันกระเพื่อม ซึ่งมันช่างงดงามเหลือเกิน ส่วนอีกฝั่งของแม่น้ำกลับเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้า
เฉินซีกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วเห็นว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ในระยะสิบลี้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ถีบปลายเท้าอย่างรุนแรงและทะยานอย่างรวดเร็ว ราวกับลมกระโชกไปทางป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ
ป่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยในการปกปิดร่องรอย ป่าแห่งนี้กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่ทราบว่าครอบคลุมพื้นที่เท่าใด แม้ว่าเฉินซีจะต้องต่อสู้ในป่า แต่เขาก็ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
เพราะตอนที่เขาอยู่ในเมืองหมอกสน ครั้งหนึ่งเขาเคยติดตามจื้อวี๋ไปฝึกฝนในป่าของแดนเถื่อนตอนใต้ เขาได้พบสัตว์อสูรที่แปลกประหลาดและดุร้ายอย่างมากมาย อีกทั้ง ยังมีสัตว์อสูรหลายชนิดที่เชี่ยวชาญในการซ่อนเร้นได้ลอบโจมตีเขาอยู่เสมอ การต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ได้ทำให้เฉินซีได้รับประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ซึ่งทำให้เขามีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ในป่าเป็นอย่างยิ่ง
หากเหาะเหินอยู่กลางอากาศจะทำให้สะดุดตาเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้ว ชั้นแปดทิศของเจดีย์บำเพ็ญทุกข์นั้นมีขนาดเพียงหมื่นลี้เท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ ได้มีผู้บ่มเพาะมากกว่าหมื่นคนเข้ามาอย่างคับคั่ง จึงเป็นไปได้ว่าผู้บ่มเพาะเหล่านี้จะอยู่ทุกซอกทุกมุม ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่เขลา ก็ไม่ได้มีผู้ใดเลือกที่จะเหาะเหินอยู่กลางอากาศ เพราะมันจะทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน และบั้นปลายของคนผู้นั้นคงจะน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง
ฟุ่บ!
เพียงชั่วพริบตาเฉินซีก็มาถึงอีกฝั่งของแม่น้ำแล้ว ทันทีที่เขาเข้าไปในป่าและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า เขากลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงหันศรีษะไปมองด้านข้างของแม่น้ำที่อยู่ข้างหลังเขา ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำราวสี่จั้ง และนอกจากนั้น ในอีกด้านหนึ่งก็มีร่างอีกสี่ร่างปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่เช่นเดียวกับเฉินซี
“นี่มันที่ไหนกัน?”
“อ๊ะ! นายน้อย!”
“นายน้อย? ฮ่า ๆ ! เซี่ยเฟิง เซี่ยเหิง เซี่ยซาน โชคของเราช่างดีนัก! พวกเราถูกเคลื่อนย้ายมาพร้อมกับนายน้อย” ทั้งห้าคนนี้สวมชุดสีเขียวเข้ม และเมื่อพวกเขามองหน้ากัน ต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มที่มีร่างกำยำ ซึ่งคือนายน้อยของพวกเขา เซี่ยจ้าน!
“ฮ่า ฮ่า! ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้! การที่ได้เจอพวกเจ้าในครั้งนี้ ทำให้พวกเราสามารถบุกตะลุยไปด้วยกันและยังเพิ่มความมั่นใจที่จะยืนหยัดจนถึงที่สุดอีกด้วย” เซี่ยจ้านหัวเราะเสียงดังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าทุกคนจะต้องไสหัวออกไปในวันนี้” ในขณะนี้เอง เฉินซีเดินออกมาจากป่าอย่างสบาย ๆ และมีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่เขามองไปที่เซี่ยจ้าน