บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1343 ข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณ
บทที่ 1343 ข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณ
ศิลารากฐานมหาเต๋า
นี่คือชื่อที่สืออวี๋และคนอื่น ๆ เรียกถนนศิลาที่อยู่ตรงหน้า
ตามตำนาน มีข่าวลือว่าถนนนี้มีข้อจำกัดทวยเทพอยู่ถึงสามสิบหกชั้น และข้อจำกัดทุกประการต่างแฝงจิตสังหารและอันตรายที่แตกต่างกันเอาไว้ ซึ่งยากต่อการเอาชนะอย่างยิ่ง
ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงตอนนี้ ราชันเซียนจำนวนนับไม่ถ้วนได้ก้าวเท้าไปตามเส้นทางนี้ แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เดินผ่านไปได้ ในขณะที่ส่วนที่เหลือล้วนตกตายอยู่ที่นี่
พวกเขาตกอยู่ในข้อจำกัดและติดอยู่ภายในนั้นทั้งเป็น หรือไม่ก็ถูกข้อจำกัดบดขยี้จนตาย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานที่แห่งนี้จะอันตรายเพียงใด มันก็ยังไม่สามารถหยุดเหล่าราชันเซียนไม่ให้ก้าวเข้ามาได้ เพราะเทวาคารบรรลุเทพนั้นอยู่ที่ปลายสุดของถนนศิลาเส้นนี้
บนเทวาคารบรรลุเทพ ก็ได้ซ่อนเคล็ดลับในการบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพไว้!
เฉินซีไม่ได้รับรู้เรื่องนี้แต่อย่างใด
คำถามนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในใจของเขา ขณะมองไปยังทางเดินหิน
สิ่งที่เขาเพิ่งประสบภายใต้ข้อจำกัดราชันยุทธ์ก่อนหน้านี้ น่าเหลือเชื่อเกินไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ไม่เพียงทำให้มองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของข้อจำกัดราชันยุทธ์เท่านั้น แต่ยังทำให้ได้รับผลประโยชน์พิเศษมากมายอีกด้วย
ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่ถึงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เขาก็ควบรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งนิจกาล ตราศักดิ์สิทธิ์ไท่จี๋ และตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับได้สำเร็จ!
ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละอันยังเป็นตราศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่หายากอย่างยิ่งอีกด้วย
เช่น ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งนิจกาลนั้นที่มีความลึกลับของมหาเต๋าหายากอย่าง นิรันดร์ รังสรรค์ และกลืนกินอยู่
หรือ ตราศักดิ์สิทธิ์ไท่จี๋ที่บรรจุกฎของมหาเต๋าแห่งแสง ความมืดกับหยินและหยางไว้
หากจะกล่าวว่าตราศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเกือบทำให้เฉินซีสติหลุดไปแล้ว ดังนั้นก็พูดได้ว่า ตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับนี้ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าจริง ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ตราศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกควบแน่นมาจากกฎมหาเต๋าแห่งโลกใต้พิภพ มหาเต๋าแห่งปารมิตา และการลืมเลือน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับความลึกซึ้งของการเกิดใหม่ เดิมทีเฉินซีไม่ได้ตั้งใจจะใช้กฎมหาเต๋าทั้งสองนี้เลย แต่ใครจะคิดกันว่า ยามนี้เขากลับบังเอิญควบรวมพวกมันได้สำเร็จ
สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีรู้สึกสบายใจก็คือเขาไม่ได้เข้าใจมหาเต๋าแห่งจุดจบ มิฉะนั้นหากมันควบแน่นไปด้วย มันย่อมเปล่งรัศมีของ ‘สังสารวัฏ’ ออกมาอย่างแน่นอน นั่นเป็นข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมเกินจินตนาการ
นอกจากนี้ พลังของยันต์อักขระในข้อจำกัดราชันยุทธ์เองก็ทำให้เฉินซีตกใจเช่นกัน พวกมันทำให้เฉินซีมองเห็นและเข้าใจวิธีการ ‘หลอมรวมเต๋า’ ที่สามารถเข้าใจได้เมื่อเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์เท่านั้น
เฉินซีมั่นใจมากว่าเมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์แล้ว เขาจะสามารถหลอมรวมเต๋าได้อย่างราบรื่นโดยอาศัยความเข้าใจที่ได้รับที่นี่ ทำให้สร้างกฎปราชญ์เต๋าของตนเองได้
ทั้งหมดนี้เกิดจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก!
สิ่งนี้ยังทำให้เฉินซีตระหนักได้มากยิ่งขึ้นว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนี้ ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับภูมิภาคบรรลุเทพอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ชิ้นส่วนแผนภาพจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องจนทำให้เขาประหลาดใจเช่นนี้
“น่าแปลก ข้อจำกัดราชันยุทธ์จัดการง่ายเช่นนี้เลยหรือ? เดิมทีข้าคิดว่า แม้เราสี่คนจะร่วมมือกันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการมันลงในระยะเวลาสั้น ๆ แต่มันกลับง่ายดายยิ่งนัก” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์กล่าวเสียงดังอย่างสับสน
“ไม่ดีหรือที่ข้อกำจัดราชันยุทธ์อ่อนแอ?” เตียนเตี้ยนอดไม่ได้ที่จะกลอกตา
ที่จริงแล้ว นางเองก็รู้สึกว่ามันแปลกเช่นกัน ตอนที่พวกเขาสังหารราชันยุทธ์ในสนามรบโบราณเมื่อครู่ มันง่ายดายเกินไปจริง ๆ ราวกับความแข็งแกร่งของราชันยุทธ์ถูกดึงออกไปจนหมด เหลือเพียงเปลือกนอกเท่านั้น
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเฉินซีก็สั่นไหว และหันมาครุ่นคิดกับตัวเอง ‘เนื่องจากทุกสิ่งในสนามรบโบราณถูกสร้างขึ้นจากข้อจำกัดของทวยเทพ เช่นนั้นราชันยุทธ์ย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น หรือเป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากดึงยันต์อักขระเข้าสู่ร่างกายของข้า ทำให้ความแข็งแกร่งของราชันยุทธ์พวกนั้นอ่อนแอลง?’
แม้จะไม่สามารถยืนยันข้อสงสัยนี้ได้ แต่เขาก็รู้สึกได้ราง ๆ ว่าเรื่องนี้คือความจริง
“เอาละ ๆ เรารีบออกเดินทางกันเถอะ” สืออวี๋พูดในขณะที่สีหน้าเริ่มจริงจัง เขาครอบทุกคนด้วยศิลาเบญจรงค์ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนทางเดินหิน
มันดูเหมือนจะเป็นขั้นตอนง่าย ๆ แต่ความจริงแล้วมันกลับให้ความรู้สึกเหมือนข้ามพื้นที่มากมายไปในชั่วพริบตา สวรรค์และปฐพีสับเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว
ลมที่โหมกระหน่ำส่งเสียงกรีดร้องอย่างรุนแรง ในขณะที่คลื่นพายุซัดสาดเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด
โครม!
คลื่นน้ำทะเลเหม็นหืนคลื่นคาว ลูกแล้วลูกเล่ากลายเป็นคลื่นพายุที่ซัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
นี่คือทะเลไร้ขอบเขต ลมหนาวเสียดกระดูกพัดผ่านผิวทะเลสีดำ เลือดสีแดงเข้มที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตกำลังลอยปนอยู่ในน้ำทะเลหนาแน่นจนสามารถเห็นได้
ทันทีที่สืออวี๋และคนอื่น ๆ ปรากฏตัว เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังสะเทือนสวรรค์ก็ปะทุขึ้นจากทะเลอันห่างไกล ราวกับฟ้าร้องคำรามที่สะท้อนไปทุกทิศทาง
งูเก้าหัวจำนวนมากดุจภูเขาสูงตระหง่านพุ่งขึ้นมาจากทะเล ร่างกายของพวกมันประหนึ่งแผ่นดินทรงประหลาด บิดเบี้ยวพันกันไปมาลอยอยู่บนคลื่นทะเล ทั้งยังเต็มไปด้วยรัศมีชั่วร้ายที่น่าหวาดกลัวและกระหายเลือด
นอกจากนี้ ที่ปลายสุดของกลุ่มงูเก้าหัว มีร่างสูงกว่าร้อยจั้งปลดปล่อยรัศมีที่สะพรึงอย่างยิ่งออกมา ผิวหนังของมันเป็นสีเขียวเข้มและมีเกล็ดปกคลุมไปทั่ว มันมีหัวงูขนาดมหึมาและดวงตาสีแดงเลือดที่ส่องแสงสว่างไปทั่วราวกับโคมไฟ
ข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณ!
อสรพิษเก้าเศียร!
มหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณ!
ทันใดนั้น สีหน้าของสืออวี๋และคนอื่น ๆ ก็เคร่งเครียดขึ้นฉับพลัน
เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วอยู่แล้ว ว่างูเก้าหัวนั้นเป็นสัตว์บรรพกาลที่เข้าใจพลังของมหาเต๋าทั้งเก้าแต่กำเนิด พวกมันสามารถควบคุมลม สายฟ้า น้ำ และเมฆา ทั้งยังมีความศักดิ์สิทธิ์ที่แทบจะไร้ที่ติ
ในปัจจุบัน แม้ว่างูเก้าหัวที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งระดับขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น แต่พวกมันก็ฆ่าได้ยากยิ่งกว่ากองทัพนักรบสัมฤทธิ์ของข้อจำกัดราชันยุทธ์เสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณ มันนับเป็นตัวประหลาดในหมู่เทพอสูร ในช่วงยุคเริ่มต้นของโลก เมื่อความวุ่นวายแยกภพออกจากกัน มันได้ถูกเรียกขานว่า จิตวิญญาณของจ้าววิญญาณบรรพบุรุษ ถึงว่ามันจะเป็นเพียงสายพันธุ์กลายพันธุ์ ทว่าแม้กระทั่งเทพบรรพกาลก็ยังกลัวความแข็งแกร่งของมัน!
“บ้าเอ๊ย! ข้อจำกัดของทวยเทพในตำหนักบรรลุเทพ กลายเป็นสิ่งผิดปกติขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมตัวตนอย่างมหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณถึงได้อยู่ที่นี่? นี่เป็นเพียงข้อจำกัดของทวยเทพขั้นที่สองเองนะ!” มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์สบถสาปแช่งด้วยสีหน้าน่าเกลียด
“มันไม่ควรปรากฏที่นี่จริง ๆ ตามบันทึกในอดีต ต้องเป็นเพียงลูกหลานของมหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณ ที่จะปรากฏตัวในข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณนี้” การแสดงออกของเซียงหลิวหลีเองก็ดูน่าเกลียดขึ้นเช่นกัน
“สิ่งที่ข้ากังวลคือ หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้อจำกัดของทวยเทพก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และเราอาจจะฝ่าฟันผ่านไปได้อีกเพียงบางส่วนเท่านั้น…” เตียนเตี้ยนพูดด้วยสีหน้าหนักใจ จนอดไม่ได้ที่จะเงียบลงและไม่พูดอะไรอีก
แต่ทุกคนก็เข้าใจสิ่งที่นางต้องการจะสื่อ
ความจริงที่ว่า นี่เป็นเพียงข้อจำกัดของทวยเทพขั้นที่สอง แต่มหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณกลับปรากฏตัวขึ้น แล้วข้อจำกัดหลังจากนี้เล่า? พวกเขาจะทำอย่างไรถ้าสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้ปรากฏขึ้นมาแทนตัวตนที่ควรปรากฏแต่แรก?
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มาสังหารมันลงก่อนเถิด แม้เวลาสำหรับข้อจำกัดของทวยเทพขั้นสองนี้จะเพิ่มเป็นสองเท่าจากข้อจำกัดขั้นแรก แต่เราไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด… ในการสังหาร มหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณ!” สืออวี๋หายใจเข้าลึก ๆ ระงับความประหลาดใจและความสับสน หว่างคิ้วก็เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดจริงจัง
“นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่เราทำได้!”
“ลงมือ!”
คนอื่น ๆ ที่ลังเลก็ตัดสินใจทันที
โครม! โครม!
สืออวี๋นำพวกเขาทั้งหมดพุ่งเข้าหาตัวตนที่อยู่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ทะเลสีดำทั้งหมดเต็มไปด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขตอีกครั้ง ในขณะที่สมบัติอมตะต่าง ๆ ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ปล่อยความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวจนสั่นสะเทือนสวรรค์ออกมา
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า ทันทีที่เฉินซีก้าวเข้าสู่ข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณ เขาก็ตกอยู่ในสภาพแปลกประหลาดเช่นก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากกำลังสั่น!
อสรพิษเก้าเศียร มหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณ สวรรค์ ผืนดิน ท้องทะเล… โลกทั้งใบเบื้องหน้าถูกเปลี่ยนไปเป็นอักขระยันต์ประหลาด คลุมเครือ และลึกลับมากมาย
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ ฉาก ‘หลอมรวมเต๋า’ ไม่ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเฉินซี แต่มันสร้างพลังที่เริ่มกลืนกินพลังที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง!
โอม~ โอม~
ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากยังคงส่งเสียงออกมาอย่างต่อเนื่อง และอักขระมากมายก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเฉินซี
ไม่นานนัก ก่อนที่เขาตระหนักว่าความเชี่ยวชาญในตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ ได้บรรลุถึงสภาวะสมบูรณ์แล้ว และไม่อาจขัดเกลาเพิ่มได้อีกต่อไป!
นั่นหมายความว่า ยามนี้เขาสามารถควบคุมพลังอันยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ในตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุได้อย่างสมบูรณ์!
ทั้งหมดนี้อาจดูเรียบง่าย แต่จริง ๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงมากเกินไปที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ทำให้เฉินซีไม่มีเวลาที่จะเข้าใจในรายละเอียดมากนัก
ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนกับในข้อจำกัดราชันยุทธ์ ราวกับภาพฝัน ทำให้เฉินซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ จนได้แต่ยืนตะลึงในจุดนั้นราวกับว่าถูกครอบงำ
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีโอกาสแปลกใจหรือรู้สึกประหลาดใจเลยด้วยซ้ำ
ในทันทีที่เฉินซีเชี่ยวชาญตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ เสียงที่ดูประหลาดใจก็ดังก้องขึ้นในหู
“เกิดอะไรขึ้น?”
“อ่อนแอ! อ่อนแอเกินไปจริง ๆ!”
“เพียงไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา แต่ข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณนี้กลับดูจะอ่อนแอลงอย่างมาก…”
พร้อมกับเสียงสนทนานี้ เฉินซีก็กลับมามีสติทันที เขากลับมาที่ทางเดินหินอีกครั้ง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป!
ตั้งแต่ต้นจนจบผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูปด้วยซ้ำ
จนถึงตอนนี้สืออวี๋และคนอื่น ๆ ยังไม่กล้าเชื่อเลยว่า พวกเขาจะสามารถสังหารมหาเทพอสูรอสรพิษจ้าววิญญาณลงได้อย่างง่ายดาย และผ่านข้อจำกัดขั้นสองของทวยเทพมาจริง ๆ
เกิดอะไรขึ้น?
สืออวี๋และคนอื่น ๆ ไม่ได้รีบเร่งที่จะก้าวไปข้างหน้า และเริ่มไตร่ตรองอย่างรอบคอบแทน เพราะเรื่องนี้แปลกเกินไป จนทำให้เกิดความกังวลในใจเล็กน้อย
มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่รู้ว่า ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ทว่าเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ทั้งสี่คนฟังอย่างไร
หรือจะบอกว่าข้อจำกัดอสรพิษจ้าววิญญาณนั้นอ่อนแอลง เพราะเขาอยู่เพียงขอบเขตเซียนทองคำ?
ขืนพูดออกไปมีหวังพวกเขาคงคิดว่าข้าวิปลาสแน่…
ดังนั้นในขณะนี้ เฉินซีจึงทำได้เพียงมองดูอย่างไม่ใส่ใจและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างเงียบ ๆ
ในเวลาเดียวกัน ซุ่ยเหรินถิงและเจี้ยงหลิงเซียว ก็ก้าวออกมาจากข้อจำกัดของทวยเทพขั้นที่สามสิบสี่ร่างทั้งสองอยู่ในสภาพที่น่าอายเล็กน้อย สีหน้าเองก็ดูซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าเพิ่งประสบกับการต่อสู้ที่ยากลำบากมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเดินออกจากข้อจำกัด ทั้งคู่ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ความผ่อนคลายปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาเลือนราง
“ศิษย์น้องเจี้ยง รีบฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเจ้าเถิด เราต้องผ่านข้อจำกัดอีกเพียงสองข้อเท่านั้นแล้วเราจะเป็นคนแรกที่ไปถึงเทวาคารบรรลุเทพ เมื่อถึงเวลานั้นทักษะลับในการบรรลุเต๋าและกลายเป็นเทพก็จะเป็นของเรา!”
ซุ่ยเหรินถิงหันกลับไปมองปลายทางเดินหินที่อยู่ไกล ๆ ด้วยสายตาเย็นชา “ส่วนคนอื่น ๆ ฮึ่ม! พวกมันจะไม่ได้ออกจากภูมิภาคบรรลุเทพนี้… ไปแบบยังมีชีวิต!”