บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1370 กลับคืนสู่สำนัก
บทที่ 1370 กลับคืนสู่สำนัก
สำหรับศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า พวกเขาต่างเป็นผู้สืบทอดของกองกำลังชั้นนำต่าง ๆ ในภพเซียน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองคนบาป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความอาวุโสในตระกูลต่ำเกินไป ข้อมูลที่ได้รับส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของเรื่องราวทั้งหมดเท่านั้น
แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะยืนยันว่า เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเฉินซีอย่างแน่นอน
เฉินซีเป็นศิษย์สายในที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และเปี่ยมไปด้วยวีรกรรมอันรุ่งโรจน์ ไม่ว่าจะเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบเข้าสำนักศึกษา ซ่อมแซมหม้อศักดิ์สิทธิ์เก้าลึกล้ำ ขึ้นสู่หนึ่งในสิบอันดับแรกของเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์ของฝ่ายนอก เป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบของฝ่ายใน และขึ้นสู่อันดับหนึ่งในเทียบอันดับทองคำตราดาราม่วง และคว้าชัยในการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนัก…
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ็ดสิบสองด่านของแดนเซียนสวรรค์มายา เขาได้ทำลายสถิติถึงสองครั้ง และมันยังคงดำรงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิติของเขาได้
วีรกรรมอันรุ่งโรจน์ต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้เฉินซีกลายเป็นดวงดาวที่ส่องประกายสุกใสที่สุดในสำนัก และมีชื่อเสียงไปทั่วปฐพีจนกลายเป็นหนึ่งในเจ็ดสุริยันอันเจิดจ้าที่ได้รับการยอมรับจากมวลชนในภพเซียน
เมื่อร่วมกับการตายของจั่วชิวคง ความก้าวหน้าของเฉินซีที่บรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์ จึงถือได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในห้าสุริยันอันเจิดจ้าแห่งภพเซียน
ท้ายที่สุดแล้ว สุริยันที่เจิดจ้าเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ และผู้ที่เหนือกว่าขอบเขตเซียนทองคำก็ได้เข้าสู่การแสวงหาความเป็นเทพแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อันที่จริงเฉินซีอาจร่วมมือกับราชันเซียนทั้งหก และไม่ใช่แค่การฆ่าจั่วชิวคง ทายาทของตระกูลจั่วชิวเท่านั้น เขายังสังหารราชันเซียนจากตระกูลจั่วชิวอีกด้วย ข่าวนี้ได้แพร่ออกไปทั่วฟ้าดิน มันผลักดันชื่อเสียงของเฉินซีให้สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ส่งผลให้ภพเซียนสั่นสะเทือน!
จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ ทุกคนล้วนพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงชื่อของเฉินซีมักปรากฏในหัวข้อต่าง ๆ เหล่านี้เช่นกัน
คิ้วของเฉินซีขมวดเข้าหาแน่น เขาไม่เคยคิดเลยว่าข่าวจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเพียงนี้ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะซ่อนตัวอยู่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า แต่ตระกูลจั่วชิวก็คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่
“ช่างเป็นปัญหาจริง ๆ!” เฉินซีถอนหายใจ ไม่ใช่เพราะแค่ตระกูลจั่วชิวกล้าต่อต้านตนอย่างเปิดเผยในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และอาจเป็นเพราะเขาจะต้องระวังตัวมากขึ้นหากคิดที่จะออกไปนอกสำนักศึกษา
ด้วยตอนนี้ แม้แต่นิกายอำนาจเทวะอาจถือว่าเขาเป็นดั่งเสี้ยนหนามในใจแล้ว!
ท้ายที่สุด เขาได้ทำลายแผนการของนิกายอำนาจเทวะในภูมิภาคบรรลุเทพอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งกว่านั้น ยังต้องกลับไปมือเปล่าโดยที่ไม่ได้รับผลวิญญาณเต๋าเลยสักลูก ดังนั้นความเกลียดชังนี้จึงไม่น้อยเลย
ดูเหมือนว่าข้าควรจะนอนอยู่เฉย ๆ ในสำนักไปก่อน… เฉินซีตัดสินใจในใจทันที มันช่วยไม่ได้ ตอนนี้ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างตนกับตระกูลจั่วชิวและนิกายอำนาจเทวะก็มาถึงสภาวะที่รุนแรง หากเขาก้าวออกจากสำนักเมื่อใด คนพวกนั้นจะคว้าโอกาสนี้อย่างแน่นอน
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเก็บตัวอยู่เฉย ๆ ในสำนักไปสักพัก…”
“ศิษย์พี่เฉินซี!”
“ศิษย์พี่เฉินซีกลับมาแล้ว!”
“เร็วเข้า! รีบถามศิษย์พี่เฉินซีว่าการต่อสู้ในเมืองคนบาปนั้นเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่!”
เมื่อเห็นเฉินซีปรากฏตัว ภายในสำนักก็บังเกิดความโกลาหลในหมู่ศิษย์ทันที แววตาของทุกคนดูเปล่งประกายแวววับขณะที่พุ่งเข้าหาเฉินซีอย่างต่อเนื่อง
ศิษย์หญิงรูปงามบางคนถึงกับร้องออกมาอย่างชื่นชมในตัวชายหนุ่ม ซึ่งทั้งหมดต่างพากันตะโกนชื่อของเฉินซี และที่เสียงดังก้องก็แสดงให้เห็นถึงความรักที่มีอย่างเปี่ยมล้น
ณ เวลานี้ บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความวุ่นวาย เฉินซีตกใจจนไม่กล้ากล่าวคำทักทายผู้ใด ก่อนที่เขาจะหนีไปโดยไม่ได้สนใจที่จะรักษาท่าทีที่สุภาพไว้
ถ้าถูกจับตัวได้คงเป็นปัญหาแน่
ในวันนี้ ทั้งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าต่างรู้แล้วว่าเฉินซีกลับมาถึงสำนักแล้ว ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เหล่าศิษย์และอาจารย์ต่างมุ่งหน้าไปยังห้องกระบี่เพื่อเยี่ยมเฉินซี จนกระทั่วเวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่น แต่ก็ยังไม่มีใครโชคดีได้พบเขาเลย
ในท้ายที่สุด เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายในฉือฉางเซิง ผู้มีฉายาว่า เฒ่าปีศาจฉือ ได้ก้าวออกมาและหยุดสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้
“กลับมาก็สร้างความวุ่นวายเลยหรือ มันใช่หน้าที่ข้าต้องมาเก็บกวาดให้เจ้าหรือ เจ้าสารเลวน้อย ช่างเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ข้าปวดหัวจริง ๆ…”
ฉือฉางเซิงถอนหายใจปลดปลงเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
อาจารย์คนอื่น ๆ ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เช่น หัวหน้าอาจารย์ฝ่ายใน เซวียนหยวนพัวจวิน และหวังต้าวหลู อาจารย์ใหญ่โจวจื่อหลีจากฝ่ายนอก อาจารย์ใหญ่ฝ่ายสงวนโอสถเสิ่นฮ่าวเทียน และคนอื่น ๆ อีกมากมาย
…
“เฉินซี เนื้อปลานี้ไม่เลวเลย มันสดใหม่มาก”
“ข้าคิดว่าเอ็นของอสรพิษฮั่วนี้ก็ไม่เลว เนื้อกรอบนัก”
อาวู้! อาวู้!
ภายในห้องกระบี่ เฉินซีปรุงอาหารมามากมายจนเต็มพื้น วัตถุดิบล้วนมาจาก ‘อาหารทะเล’ ต่าง ๆ ในทะเลอนันตรา ทุก ๆ อย่างเป็นวัตถุดิบเซียนอันล้ำค่าซึ่งหาได้ยากในโลกและประเมินค่าไม่ได้ แต่ตอนนี้ พวกมันถูกปรุงเป็นอาหารอันโอชะให้หลิงไป๋ อาหมาน ไป๋คุยและชิงชิง ทำให้พวกเขายิ้มกว้างระหว่างที่กินอย่างมีความสุข
ที่ผ่านมา เจ้าตัวน้อยทั้งสี่ไม่เปลี่ยวเหงาเลยสักนิด พวกเขาวิ่งเล่นไปทั่วสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าตลอดทั้งวัน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มรสอาหารฝีมือเฉินซีอีกต่อไป
ตอนนี้เมื่อเฉินซีกลับมา ในที่สุดทั้งสี่จึงดีใจมากเป็นพิเศษ
“ข้าไม่คิดเลยว่า ประสบการณ์ของเจ้าในซากโบราณสถานแรกกำเนิดจะเต็มไปด้วยเหตุการณ์พลิกผันมากมายขนาดนี้ ถ้าข้ารู้ ข้าคงไปกับเจ้าด้วย” อาซิ่วอยู่ในชุดสีเขียว ผมสีดำสนิทที่งดงามถูกปล่อยหลวม ๆ อยู่บนไหล่ นางนั่งกอดเข่าเคียงข้างเฉินซี พลางยิ้มขณะมองดูเจ้าตัวน้อยทั้งสี่กำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาหารและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
นางกลับมาจากนอกสำนักพร้อมกับสมาชิกของพันธมิตรดาราเมื่อไม่กี่วันก่อน และนางก็รีบมาทันทีที่รู้ว่าเฉินซีได้กลับมาแล้ว
นอกจากนางแล้ว เหลียงเริ่น กู่เยวหมิง และเซวียนหยวนอวิ่นก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
หลังจากที่ถามไถ่กันสักพัก ในที่สุดพวกเขาก็ทราบจากเฉินซีว่า ชายหนุ่มได้มุ่งหน้าไปยังซากโบราณสถานแรกกำเนิดและเดินทางผ่านภูมิภาคบรรลุเทพ ซึ่งเต็มไปด้วยเหตุการณ์พลิกผันมากมาย ทำให้พวกเขาต้องอุทานด้วยความประหลาดใจซ้ำ ๆ ทั้งยังรู้สึกปรารถนาที่จะสัมผัสด้วยตนเอง
แน่นอนว่าเฉินซีก็ปกปิดอีกหลายเรื่อง เช่นกระบี่เต๋าวิบัติ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก เนตรทัณฑ์สวรรค์ เทียบอันดับเทวาและความลับอื่น ๆ อีกมากมาย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันมันกับสหาย แต่ความลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไป หลายคนเกี่ยวข้องกับนิกายอำนาจเทวะ และเขาไม่ต้องการให้อาซิ่วและคนอื่น ๆ ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้
เพราะถึงอย่างไร พลังของพวกเขาก็ยังนับว่าอ่อนแอเมื่อเทียบกับราชันเซียน และยิ่งพวกเขารู้มากเท่าไร มันก็ยิ่งแย่สำหรับพวกเขา
“พลิกผัน? ข้าน่ะเป็นภาระของพวกเขามากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะการปกป้องของราชันเซียนรัตติกาลและคนอื่น ๆ ข้าคงไม่รอดแม้ว่าจะมีเก้าชีวิตก็ตาม” เมื่อเห็นความปรารถนาและความอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าของอาซิ่ว เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะไหวไหล่ก่อนจะเยาะเย้ยตัวเอง
สิ่งที่เขากล่าวไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะภูมิภาคบรรลุเทพไม่ใช่สถานที่ที่เซียนปราชญ์สามารถก้าวเข้าไปได้เลย
อาซิ่วและคนอื่น ๆ ตระหนักดีถึงเรื่องนี้เช่นกัน และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาชื่นชมเฉินซีจากใจจริง เพราะไม่มีผู้โชคดีคนใดในภพเซียนที่สามารถก้าวเข้าสู่ภูมิภาคบรรลุเทพได้!
อีกทั้งเฉินซียังมาพร้อมกับราชันเซียนมากมาย แล้วจะไม่ให้พวกเขาอิจฉาได้อย่างไร
“ใช่แล้ว ราชันเซียนรัตติกาลมีหน้าตาเป็นอย่างไร? เป็นชายหรือหญิง?” อาซิ่วถามอย่างสงสัย
คนอื่น ๆ เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพราะราชันเซียนรัตติกาลเป็นตัวตนลึกลับที่สุดในหมู่ราชันเซียน ดังนั้นจะไม่มีใครสงสัยได้อย่างไร
“ผู้หญิง” เฉินซีตอบ
“ฮึ่ม! ข้าคิดอยู่แล้ว” ดูเหมือนว่าอาซิ่วจะนึกถึงอะไรบางอย่าง ทำให้นางย่นจมูกก่อนจะฮึดฮัดไม่พอใจ จากนั้นดวงตาสีดำสนิทและกลมโตของนางก็กลอกไปมาขณะจ้องมองเฉินซี “นางเกี้ยวเจ้าหรือ”
“เกี้ยว?” เหลียงเริ่น กู่เยวหมิงและคนอื่น ๆ เบิกตากว้างทันที ทั้งยังรู้สึกงุนงง นางบอกว่าจริง ๆ แล้ว ราชันเซียนรัตติกาลเกี้ยวเฉินซีหรือ? คำพูดคำจาของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเซวียนหยวนคนนี้ช่างน่าไร้ความเกรงกลัวจริง ๆ…
เฉินซีรู้สึกกระอักกระอ่วนจนกล่าวไม่ออกเช่นกัน จึงรีบกล่าวว่า “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นหรอก เราเพิ่งร่วมมือกันเพียงครั้งเดียว แล้วนางเป็นถึงราชันเซียน นางจะชอบข้าได้อย่างไร?”
เหลียงเริ่นและคนอื่น ๆ พยักหน้าช้า ๆ และเห็นด้วยกับสิ่งที่เฉินซีกล่าว
มีเพียงอาซิ่วเท่านั้นที่เอียงศีรษะและคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่นไม่เสมอไป ไม่ว่านางจะเป็นราชันเซียนหรือคนธรรมดาสามัญ แต่สุดท้ายแล้วนางก็เป็นผู้หญิง ตราบใดที่ได้คลุกคลีกับเจ้า แล้วนางจะไม่รู้สึกสนใจในตัวเจ้าได้อย่างไร?”
ทันทีที่สิ้นคำกล่าว มันทำให้เหลียงเริ่นและคนอื่น ๆ รู้สึกกล่าวไม่ออกทันที คุณหนูใหญ่ผู้นี้เพ้อเจ้อจริง ๆ! เฉินซีจะมีเสน่ห์มากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?
“นั่นคือราชันเซียนที่ได้เห็นชีวิตและความตายมานับไม่ถ้วน! แล้วนางจะตกหลุมรักเขาง่าย ๆ ได้อย่างไร?”
เฉินซีตกใจกับความคิดของอาซิ่วเช่นกัน ได้แต่อ้าปากแต่ไม่รู้จะกล่าวอะไร
ดูเหมือนอาซิ่วจะไม่สนใจ นางเท้าคาง และยังจมอยู่กับการครุ่นคิด “มันไม่ปกติ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าสองคนไม่ปกติแน่นอน…”
เฉินซีนวดขมับ
แน่นอนว่าทันทีที่กล่าวถึงพันธมิตรดารา ความสนใจของอาซิ่วก็ถูกดึงออกไป จิตใจของนางปลอดโปร่ง ดวงตาเปล่งประกายสดใส นางกล่าวอย่างมีความสุขและเล่าสถานการณ์ของพันธมิตรดาราที่ผ่านมา
เฉินซีกลายเป็นบุคคลที่สามารถแข่งขันเทียบเคียงหลิงชิงอู๋ และเยี่ยถังได้ พันธมิตรดาราจึงแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับก้อนหิมะที่กลิ้งลงจากยอดเขา มีศิษย์สายนอกมากกว่าสองร้อยคน และศิษย์สายในมากกว่าร้อยคน ซึ่งในแง่ของกองกำลัง มันก็เพียงพอที่จะต่อกรกับสมาคมต่าง ๆ ในสำนักแล้ว
ตัวอย่างเช่น สมาคมเซวียนหยวนและสมาคมจั่วชิวที่มีสมาชิกเพียงสามร้อยกว่าคนในขณะนี้
…ซึ่งท่ามกลางศิษย์สายในแปดร้อยคนที่มีการบ่มเพาะขอบเขตทองคำ มีสมาคมศิษย์เพียงไม่กี่สิบแห่งเท่านั้น
ดังนั้นพันธมิตรดาราจึงสามารถหยัดยืนอย่างภาคภูมิ ที่สามารถพัฒนาไปถึงขั้นดังกล่าวได้ภายในเวลาไม่กี่ปี!
ความดีความชอบนี้ย่อมเป็นของอาซิ่ว
ถึงขั้นที่อาจกล่าวได้ว่า พันธมิตรดาราไม่มีทางพัฒนาไปถึงระดับนั้นได้ หากปราศจากอาซิ่ว
ที่สำคัญที่สุดคือ สมาชิกทุกคนที่รวมตัวกันในพันธมิตรดาราได้ผ่านการคัดเลือกและการทดสอบอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีสายลับหลุดรอดเข้ามาในพันธมิตรดาราอย่างแน่นอน
ส่วนผู้ที่ด้อยฝีมือ…
ใครก็ตามที่สามารถผ่านการทดสอบมากมายเพื่อเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า จะเป็นเศษขยะได้อย่างไร?
สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเป็นสถานที่ที่บุคคลชั้นนำของคนรุ่นใหม่ของภพเซียนมารวมตัวกัน ไม่ต้องกล่าวถึงขยะ แม้แต่ผู้บ่มเพาะธรรมดา ๆ ก็ไม่มีสักคน!