บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1378 ทำลายกระบี่
บทที่ 1378 ทำลายกระบี่
โถงแต้มดารา แท่นประมูล
มันคือแท่นที่ยาวปกคลุมพื้นที่ร้อยจั้ง เต็มไปด้วยกฎหลากหลายชั้นคละเคล้าด้วยความศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเฉินซีและชิงเยี่ยมาถึง ก็เห็นทั้งขุมทรัพย์อมตะ สมบัติล้ำค่า สมบัติอมตะ สมุนไพรอมตะ และสมบัติอื่น ๆ มากมายหลายอย่างลอยอยู่เหนือแท่น พวกมันมีหลากหลายสี ลอยเรียงรายกันหลากหลายอย่าง ดูงดงามไม่ใช่น้อย
เมื่อตั้งใจดูให้ดี สมบัติเหล่านี้ล้วนอยู่ภายในฟองสีใสที่เปล่งแสงเรืองคล้ายแดนฝัน
สายตาอันเฉียบแหลมสังเกตเห็นว่า แม้ว่าสมบัติที่ลอยอยู่เหนือแท่นจะมีคุณภาพหลากหลาย แต่ทุกชิ้นก็เป็นของหายาก นับเป็นสมบัติล้ำค่ามากทีเดียว
ชิงเยี่ยชี้ไปที่แท่นแล้วอธิบายว่า “ศิษย์พี่เฉินซี สมบัติทุกชิ้นเหนือแท่นนี้ท่านสามารถเสนอราคาได้ กฎเกณฑ์ก็ไม่ยาก พอเลือกสมบัติได้แล้ว ก็ใช้ญาณมหาเทวะอมตะแผ่เข้าไปเสนอราคาที่ท่านพร้อมจ่าย พอหมดเวลา คนที่ให้ราคาสูงสุดก็จะได้รับสมบัติไป”
“แล้วศิษย์โถงแต้มดาราก็จะส่งสมบัติชิ้นนั้นให้ผู้ชนะ การจ่ายแต้มดาราเพื่อซื้อสมบัติก็ง่ายมาก สามารถทำผ่านตราดาราม่วงได้เลย”
“อ๋อใช่แล้ว แสงที่ปกคลุมรอบสมบัติทุกชิ้นเรียกว่าโดมแสงสมบัติ เป็นพลังแห่งกฎที่ป้องกันไม่ให้ใครมาขโมยของไปได้ เป็นของที่มหัศจรรย์มากทีเดียว ได้ยินว่าท่านเจ้าสำนักเป็นคนสร้างกฎเหล่านี้ขึ้นมาด้วยตนเองเลย”
พูดถึงตรงนี้ ชิงเยี่ยจึงยิ้มแล้วกล่าว “ศิษย์พี่ หากท่านอยากนำสมบัติมาให้คนประมูล ท่านก็ใช้แต้มดาราซื้อโดมแสงสมบัติมาสักหน่อย จากนั้นก็ตั้งราคาเริ่มต้นและวันสิ้นสุดก็เป็นอันเรียบร้อย”
เฉินซีได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลกใจ เขาพยายามใช้ญาณมหาเทวะอมตะสอดส่องเข้าโดมแสงสมบัติ ภายในจิตใจพลันมีข้อมูลเรียงเป็นแถวปรากฏขึ้นมาทันใด
รากวิญญาณเหมันต์ วัตถุดิบเซียนขั้นสูงหายาก
เสนอราคาสูงสุด: สามแสนเจ็ดหมื่นแต้มดารา
เสนอราคาเพิ่มอย่างน้อย: หนึ่งหมื่นแต้มดารา
ระยะเวลา: หนึ่งเดือน เหลืออีกเพียงสิบเอ็ดวันเท่านั้น
เจ้าของ: ศิษย์สายใน เฝิงเป่า
“น่าสนใจดีนี่” เฉินซียิ้ม วิธีเช่นนี้แปลกใหม่ สามารถนำของหายากหรือสมบัติมาขายในราคาดีได้
“ซื้อโดมแสงสมบัติต้องใช้กี่แต้มดาราหรือ?” เฉินซีถาม
เฉินซียืนคิดเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปหาโต๊ะด้านข้างแท่นพร้อมกับชิงเยี่ย ตรงนั้นมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ มีหน้าที่ดูแลโดมแสงสมบัติ
“ผู้อาวุโส ข้าต้องการโดมแสงสมบัติ” เฉินซีเอ่ย
“ต้องการเท่าไหร่?” ชายชราจิบชาเซียนแล้วก็ถามเสียงสบาย ๆ
“ห้าร้อยชิ้น” เฉินซีตอบเสียงสบายเช่นกัน
แค่ก!
ชายชราพ่นชาในปากออกมาแล้วมองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึง “ห้าร้อยหรือ?”
เขาทำหน้าที่ตรงนี้มาก็หลายปี แต่ไม่เคยเห็นใครซื้อโดมแสงสมบัติห้าร้อยชิ้นมาก่อน แม้แต่ละชิ้นจะมีราคาแค่หนึ่งร้อยแต้มดารา แต่นอกจากเอาไว้ใช้บนแท่นประมูลมันก็ไม่มีประโยชน์อื่นอีก
เฉินซีพยักหน้า
ชายชรามุ่นคิ้ว เห็นได้ชัดว่าจำเฉินซีไม่ได้ จึงเตือนอีกฝ่ายว่า “ไอ้หนุ่ม สมบัติที่สามารถนำขึ้นแท่นเสนอราคาได้ล้วนเป็นขุมทรัพย์อมตะล้ำค่า หากเอาสมบัติธรรมดาขึ้นไปคงจะขาดทุนย่อยยับ เพราะอย่างไรสามในสิบส่วนของราคาสุดท้ายก็จะต้องจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมของสมบัติแต่ละชิ้นด้วย”
เฉินซียิ้ม “ผู้อาวุโส ข้ารู้เรื่องนั้นดี”
ชายชรายังอยากเตือนอีกสองสามคำ แต่กลับมีคนเอ่ยแทรกขึ้นมา “อาจารย์เหลียว สมบัติที่ศิษย์พี่เฉินซีนำมาขายจะเป็นสมบัติธรรมดาได้อย่างไร? รีบมอบโดมแสงสมบัติให้เขาเถอะ เรากำลังรอดูอยู่ว่าศิษย์พี่เฉินซีได้สมบัติล้ำค่าอะไรมาบ้าง!”
ชายชราจึงเข้าใจ แล้วหันมองเฉินซีด้วยความประหลาดใจ “เจ้าก็คือเฉินซีนี่เอง เจ้าหนุ่ม เจ้านี้ไม่ธรรมดาจริงเชียว”
พูดจบเขาก็พลิกฝ่ามือหยิบกล่องหยกออกมา
ภายในนั้นคือไข่มุกสีเขียวอ่อนทรงกลมเกลี้ยง ผิวเรียบลื่นเหมือนหยก ขนาดเท่าเม็ดข้าว กองพะเนินรวมกันอยู่ พวกมันแผ่กลิ่นอายพลังของกฎออกมา
ไข่มุกเหล่านี้ก็คือโดมแสงสมบัติ ซึ่งมีขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวเท่านั้น แต่เมื่อใช้กับขุมทรัพย์อมตะ มันก็จะขยายขนาดขึ้นมาคลุมสมบัติเอาไว้ เป็นของที่วิเศษไม่ใช่น้อย
เฉินซีจ่ายห้าหมื่นแต้มดารา ซื้อโดมแสงสมบัติมาห้าร้อยชิ้น จากนั้นก็ไม่ลังเล ใช้โดมแสงสมบัติกับวัตถุดิบเซียนหายากทั้งหลายที่ตนเองมีทันที จากนั้นเขาก็ติดราคาและระยะเวลา ซึ่งชายหนุ่มได้คิดเอาไว้นานแล้ว
จากนั้นเขาก็เดินไปยังแท่นประมูล
ตอนนี้ ทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์โดยรอบแท่นประมูลพากันเงยหน้ามอง ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเฉินซีอยากซื้อโดมแสงสมบัติถึงห้าร้อยชิ้น พวกเขาจึงตั้งตารอดูว่าคนผู้นี้จะเอาสมบัติล้ำค่าชิ้นใดขึ้นประมูลบ้าง
เพราะอย่างไรชื่อเสียงของเฉินซีภายในสำนักศึกษาก็ไม่ใช่เล่น ๆ เป็นเหมือนดารากระจ่างท่ามกลางเหล่าศิษย์ สมบัติที่คนเช่นนั้นเอาขึ้นประมูลจะธรรมดาได้หรือ?
เฉินซีได้แต่หัวเราะ หลังจากโยนโดมแสงสมบัติห้าร้อยชิ้นขึ้นแท่นประมูลแล้ว เขาก็จากไปพร้อมกับชิงเยี่ย
“สวรรค์โปรด! เฉินซีหาสมบัติมาได้ห้าร้อยชิ้นจริง ๆ!”
“เร็วเข้า! เร็วเข้า! รีบหน่อย! ขอข้าดูหน่อยว่ามีสมบัติอะไรบ้าง ขอดูหน่อยว่าเสนอราคาไปจะคุ้มหรือไม่”
“หึ! เขาของอสูรโบราณ วัวกุย! มุกอสรพิษฮั่ว! จิตวิญญาณถาวอู้!”
“รีบมาดูนี่เร็ว! สวรรค์โปรด! นี่มันดอกจุติเก้าปีศาจจากสมรภูมินอกพิภพ! หนังและกระดูกของคชสารหยก! เหล็กแสงสวรรค์เลือดมังกร! ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาในสามภพไม่ได้!”
“อาเฉิง รีบไปแจ้งศิษย์พี่เสวี่ยอวิ๋นเร็ว! มีคนเอาผงคืนวิญญาณเหมันต์ใต้พิภพที่เขาหามานานหลายปีมาขึ้นประมูลแล้ว!”
“ฮ่า ๆ! กำลังกังวลเลยว่าต้องไปสมรภูมินอกพิภพ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเหล็กมหาหยินเกล็ดกระดูกที่นี่! วัตถุดิบเซียนชิ้นนี้เป็นของข้าแล้ว!”
…
เมื่อเฉินซีและชิงเยี่ยออกไปแล้ว พื้นที่รอบแท่นประมูลก็เต็มไปด้วยเสียงคึกคักของหมู่คน เสียงร้องตกใจเต็มไปหมด หลายคนรีบแจ้งสหายตนให้มาเสนอราคา ด้วยเกรงว่าจะช้าไป
ถึงขนาดที่ศิษย์หลายคนไม่อาจยับยั้งตน เริ่มเสนอราคากันแล้ว ทำให้บรรยากาศดูร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง
สาเหตุเพราะสมบัติห้าร้อยชิ้นที่เฉินซีนำมาประมูลนั้นมาจากทะเลอนันตราและสมรภูมินอกพิภพ เป็นของหายากในสามภพ อีกทั้งทุกชิ้นยังหายากแล้วมีความล้ำค่ามาก ทั้งยังให้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา
ด้วยเหตุนี้มันจึงกลายเป็นที่สนใจของผู้คนทันที
จริง ๆ แล้วหากลองคิดดูก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร วัตถุดิบเซียนหายากเหล่านั้นมาจากทะเลอนันตรา เป็นสิ่งที่เตียนเตี้ยนเก็บมาให้เฉินซี ด้วยความรู้และประสบการณ์ของนางที่เป็นราชันเซียน มีหรือจะเป็นวัตถุดิบเซียนธรรมดาได้?
“เจ้าพวกนั้นเสียสติไปแล้วหรือ?” เมื่อเห็นบรรยากาศร้อนแรงตรงจุดนั้น ศิษย์และอาจารย์ที่มุมอื่นภายในโถงแต้มดาราก็มุ่นคิ้วแน่น แต่พอมาดูที่แท่นประมูล ทั่วร่างพลันสั่นสะท้าน หลายคนเต็มไปด้วยความยินดี
แน่นอนว่ายังมีอีกหลายคนที่มาเพื่อชมความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว
…
“ศิษย์พี่เฉินซี ข้าสังเกตเห็นว่าวัตถุดิบเซียนทั้งหมดเป็นของหายาก ท่านขายพวกมันลงได้อย่างไร?” หลังจากเดินออกมาแล้ว ชิงเยี่ยจึงถามขึ้น
“ของพวกนั้นส่วนมากไร้ประโยชน์กับข้า เก็บไว้ข้าก็ไม่ได้อะไร ส่วนวัตถุดิบเซียนที่มีประโยชน์ข้าก็ไม่ขาย” เฉินซีตอบเสียงสบาย
ชิงเยี่ยอึ้งไป ในสายตาของศิษย์พี่เฉินซี วัตถุดิบเซียนที่แสนล้ำค่าในสายตาของผู้อื่นกลายเป็นของไร้ประโยชน์ไปเสียแล้ว เช่นนั้นวัตถุดิบเซียนที่เขามีมันจะล้ำค่าเพียงใดกัน?
“ศิษย์น้องชิงเยี่ย ข้ามีสมุนไพรอมตะและวัตถุดิบเซียนที่น่าจะเหมาะกับขอบเขตเซียนทองคำอยู่ เจ้ารับไว้เถอะ ข้าจะปล่อยให้เจ้าเดินมากับข้าเปล่า ๆ ได้อย่างไร” เฉินซีหยิบกระเป๋าเก็บของออกมายื่นให้ ไม่ยอมให้ชิงเยี่ยมีจังหวะปฏิเสธ
“ศิษย์พี่เฉินซี ข… ข้า…” ชิงเยี่ยได้รับของขวัญกะทันหันก็ตกใจ ถึงกับพูดตะกุกตะกักอยู่สักพักเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไร
“ในเมื่อข้าให้ก็รับไว้เถอะ ไม่ต้องมากพิธีหรอก” เฉินซีตบไหล่อีกฝ่ายแล้วหัวเราะ เขารู้ดีว่า ถึงแม้ชิงเยี่ยจะดูเป็นคนเก็บตัวและขี้อาย แต่ก็เข้าใจความลึกล้ำแห่งห้วงมิติ มีหรือที่ชิงเยี่ยจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง?
“อืม ตามที่ศิษย์พี่ว่า” ชิงเยี่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่ในใจกลับคิดว่า แย่แล้ว อาจารย์สอนไว้ว่าอย่าติดหนี้บุญคุณผู้อื่น แต่ข้าจะปฏิเสธศิษย์พี่เฉินซีได้อย่างไรกัน? โชคดีที่เป็นศิษย์พี่เฉินซี ติดค้างเขาไว้ก็คงไม่เป็นไร…
ดูท่าฉือฉางเซิงจะรู้นิสัยศิษย์ตนดี แม้ว่าชิงเยี่ยจะเป็นคนเก็บตัวและขี้อาย แต่ก็เป็นคนซื่อสัตย์ ให้ความสำคัญกับมิตรสหายมาก ดังนั้นฉือฉางเซิงจึงสอนชิงเยี่ยว่าอย่าไปติดค้างใครเว้นเสียแต่เลี้ยงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนนิสัยเช่นเขาคงได้ทำงานให้คนอื่นจนตายแน่
โชคร้ายที่ฉือฉางเซิงไม่เคยคิดฝันว่าชิงเยี่ยในตอนนี้จะติดค้างบุญคุณเฉินซีเข้าแล้ว
แต่แน่นอนว่าเฉินซีไม่ได้คิดถึงเรื่องเช่นนี้ อย่างไรมันก็เป็นนิสัยของชิงเยี่ยเองที่มักจะให้ความสำคัญกับมิตรสหายตนเองเหนือสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว
…
หลังจากบอกลาชิงเยี่ย เฉินซีก็ตรงกลับห้องกระบี่
โครม! โครม! โครม!
เมื่อกลับมา ชายหนุ่มก็นำกระบี่เซียนบงกชครามออกมา ก่อนจะยกผนึกเทวศสวรรค์กระแทกใส่กระบี่เซียนบงกชครามหลายต่อหลายครั้ง เกิดเป็นเสียงดังโครมครามสนั่นไปทั่ว
หากมองดูดี ๆ แม้ท่าที่เฉินซีใช้เหวี่ยงผนึกเทวศสวรรค์จะดูรุนแรง แต่ก็ดูระมัดระวังยิ่ง เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะทำลายกระบี่เซียนบงกชครามให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทั้งหมด
หากชิงเยี่ยมาเห็นเข้า คงได้เบิกตากว้างจนแทบถลน เพราะมันเป็นสมบัติมูลค่าสามสิบล้านแต้มดาราที่มาจากกลีบบงกชครามชำระโลกาโบราณสามสิบหกกลีบ แม้จะเสียหายหนักหนาแค่ไหน ก็ยังมีอำนาจเทียบเท่าได้กับสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษขั้นสุด!
แต่ตอนนี้ขุมทรัพย์อมตะในตำนานกลับถูกทุบไม่ยั้งและไร้ความเสียดายใด ๆ ไม่ว่าใครได้เห็นก็คงต้องปวดใจทั้งนั้น
เปรี๊ยะ!
ชายหนุ่มหยุดมือทันที ตอนนี้เขาเริ่มหอบหายใจแล้ว แต่มันก็ช่วยไม่ได้ แม้ว่ากระบี่เซียนบงกชครามจะเสียหายหนัก แต่ก็ยังมีพลังเทียบเท่าสมบัติอมตะระดับวีรบุรุษขั้นสุดชิ้นหนึ่ง กว่าจะทำเช่นนี้ได้เขาจึงต้องออกแรงไปมาก
จากนั้น เฉินซีก็ตั้งสมาธิแล้วจ้องกระบี่นิ่ง
ตอนนี้รอยแตกจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนใยแมงมุมปรากฏอยู่บนตัวกระบี่เซียนบงกชครามยาวสามฉื่อ อีกทั้งมันยังหม่นแสงลง คล้ายสูญเสียพลังไปทั้งหมด ใกล้จะกลายเป็นขยะชิ้นหนึ่งแล้ว
ทว่าสิ่งที่เฉินซีสนใจไม่ใช่เรื่องนั้น ตอนนี้ทั้งจิตใจและความรู้สึกนึกคิดจดจ่ออยู่กับแสงสีเขียวที่เล็ดลอดออกมาจากรอยแตกบนตัวกระบี่ต่างหาก
มันเป็นแสงสีเขียวโปร่งแสงที่แสนบริสุทธิ์ แผ่กลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์ออกมา
พริบตานั้น เฉินซีดวงตาเป็นประกาย ในใจรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้จริง ๆ ใครจะไปคิดว่าสมบัติล้ำค่าเช่นนี้จะถูกหล่อเลี้ยงอยู่ภายในกระบี่เซียนบงกชครามได้?