บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1396 พลังภพอดีต
บทที่ 1396 พลังภพอดีต
หุ่นเชิดศึกภพอดีตนั้นเก่งกล้าสามารถอย่างน่าเหลือเชื่อ!
ท่ามกลางแสงสีเลือดและรอยแยกมิติที่ปกคลุมฟ้า มันถือหอกโลหิตไว้ด้วยท่าทางน่ากลัว ทุกการโจมตีมาพร้อมกับแสงเรืองสีโลหิต ที่เต็มไปด้วยพลังงานเลือดกรุ่นร้อน เหมือนราชันโลหิตแห่งแดนชำระเจ้าของกลิ่นอายดุดัน
ตู้ม!
แค่การโจมตีธรรมดาก็สามารถถล่มฟ้าให้แหลกเป็นเสี่ยง มีพลานุภาพมหาศาล
ทำให้หลิงชิงอู๋ถึงกับเผยสีหน้าเคร่งขรึม กระทั่งนางยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
แต่พอมองไปทางเฉินซี เขากลับสามารถต่อกรกับหุ่นเชิดศึกได้อย่างสูสี!
การต่อสู้ของทั้งสองนั้นซัดท่าปะทะกันนับพันกระบวนท่าในพริบตา เหมือนสายฟ้ากำลังซัดใส่กัน ทุกการปะทะปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างจ้าพร่างพราวบนฟ้ามืด
นับเป็นการต่อสู้ขั้นสุดของเซียนปราชญ์โดยแท้!
“กงล้อโลหิต สะบั้น!” หุ่นเชิดศึกตะโกนขึ้น หอกโลหิตพลันพุ่งกรีดอากาศออกไปพร้อมกับกลิ่นอายฆ่าฟัน เหตุการณ์หอกสีโลหิตกระจายเต็มฟ้าดิน ก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นกงล้อโลหิตห่มฟ้าแล้วซัดลงใส่เฉินซี
นัยน์ตาคมปลาบส่องประกายเมื่อรับมือกันโจมตีนี้ ร่างสูงใหญ่แผ่แสงเรืองรอง จากนั้นพายุโหมกระหน่ำจำนวนมากที่พุ่งขึ้นฟ้าก็กลั่นขึ้นรูป มันผสานเข้ากับกระบี่นภาม่วงในมือเขา ก่อนจะซัดลงมา
มองจากไกล ๆ ก็คล้ายกับลมและสายฟ้าโบราณผสานเข้ากับกระบี่ของเฉินซี อำนาจหมายทำลายล้างโลกา!
“ระเบิด!” เฉินซีคำรามลั่น สายฟ้าและพายุลั่นครืน ก่อนพุ่งออกจากกระบี่นภาม่วงจนใต้หล้าสลาย ทำลายห้วงมิติ และซัดท้องนภาจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ตู้ม!
กระบี่ปะทะเข้ากับหอก เกิดเป็นแสงสว่างจ้าดีดออกมารอบทิศทาง เต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง ฟ้าดินโหยหวน คร่ำครวญ ใกล้จะแตกสลายเต็มที
เหตุการณ์นี้ทำให้หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังขนลุกซู่ พวกเขากระโดดหลบพลังที่ดีดออกมาจากแรงปะทะ หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก ก็คงกลายเป็นภัยครั้งใหญ่ได้ทีเดียว
เคราะห์ดีที่ไม่นานมันก็สงบลง
เพราะตอนนี้เฉินซีมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหุ่นเชิดศึก ก่อนจะเงื้อกระบี่ขึ้นโจมตี มันมาพร้อมกับแรงลมและสายฟ้าที่ทำลายหุ่นเชิดศึกได้ในกระบวนท่าเดียว
ตู้ม!
หุ่นเชิดศึกภพอดีตแตกสลายเหมือนหุ่นแก้ว กลายเป็นหยาดเลือดกระจายไปทั่วฟ้า
ตอนนี้หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังถึงได้ถอนหายใจโล่งอกออกมา
ทว่าฉินซียังคงยืนอยู่กลางอากาศพร้อมกระบี่นภาม่วงในมือ ผมสีดำขลับพลิ้วไสว หว่างคิ้วยังคงความเคร่งเครียดเอาไว้ สายตาเย็นชาดั่งสายฟ้าเยือกเย็น จ้องกองเลือดที่ลอยอยู่ไกล ๆ ไม่วางตา
การโจมตีเมื่อครู่เหมือนจะจัดการหุ่นเชิดไปได้แล้ว แต่ชายหนุ่มรู้ว่าอีกไม่นานมันก็คงคืนชีพขึ้นมาจากกองเลือดนั้น อีกทั้งยังจะแกร่งขึ้นกว่าเดิมด้วย!
เรื่องนี้เขาตรวจจากในแผ่นหยกมาแล้ว ดังนั้นมันต้องเกิดขึ้นแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เฉินซีจึงไม่คิดว่ากระบวนท่าเมื่อครู่จะสามารถจัดการศัตรูได้อย่างอยู่หมัด
ฟึบ! ฟึบ!
และแน่นอนว่าในช่วงระยะไม่กี่ลมหายใจ หุ่นเชิดศึกภพอดีตก็ก่อร่างขึ้นมาจากกองเลือดอีกครั้ง ทั่วร่างมันเต็มไปด้วยแสงสีเลือดส่องเรือง ตาแดงก่ำสีแดงจัดไร้อารมณ์ดูเยือกเย็น อีกทั้งกลิ่นอายยังทรงพลังกว่าเดิม!
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เฉินซีคงได้แพ้แน่…” เห็นดังนั้น เยี่ยถังที่เพิ่งรู้สึกวางใจไปก็อยู่ไม่สุขอีกครั้ง ความเป็นห่วงฉายชัดอยู่บนใบหน้า ก่อนหน้านี้หุ่นเชิดศึกภพอดีตก็แกร่งอยู่แล้ว ตอนนี้ยังแกร่งขึ้นกว่าเดิม หากปล่อยให้เป็นแบบนี้แล้วเฉินซีจะมีโอกาสชนะได้อย่างไร?
“ทำไมเราไม่… ลองโจมตีมันพร้อมกันล่ะ?” หลิงชิงอู๋พลันเสนอขึ้นมาอย่างใจกล้า
แต่พูดจบ เยี่ยถังก็ปัดมันทิ้งทันที “หากทำไป ถึงเอาชนะหุ่นเชิดศึกภพอดีตได้ แต่ก็เอามรดกจักรพรรดิเต๋ามาไม่ได้!”
“หรือเราต้องปล่อยให้เป็นเช่นนี้โดยทำอะไรไม่ได้ต่อไปอย่างนั้นหรือ?” หลิงชิงอู๋ขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยเสียงไม่พอใจเล็กน้อยขึ้น
เยี่ยถังสูดลมหายใจเข้าลึก “ตอนนี้เราทำได้แค่นี้ ข้าเชื่อว่าเฉินซีคงรู้ความหนักเบาของสถานการณ์แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะหาจุดอ่อนของหุ่นเชิดศึกภพอดีตอยู่ก็ได้!”
…
เป็นอย่างที่เยี่ยถังว่าไว้ เฉินซีกำลังมองหาจุดอ่อนของหุ่นเชิดศึกอยู่จริง ๆ
ใช้วิธีการธรรมดาสังหารมันคงไม่สามารถกำจัดมันได้โดยสมบูรณ์แน่ เพราะกองเลือดนั่นเต็มไปด้วยพลัง ‘ภพอดีต’ ดังนั้นทุกครั้งที่มันฟื้นคืนชีพใหม่ ก็จะทำให้แกร่งขึ้นอีกเล็กน้อย
หากยังปล่อยไว้ สู้ต่อไปก็ไร้ความหมาย ยอมพ่ายแพ้โดยเร็วยังดีเสียกว่า
แต่เท่าที่เฉินซีรู้ ในเมื่อบ่อเลือดภพอดีตเป็นการทดสอบ อย่างไรก็ต้องมีวิธีเอาชนะหุ่นเชิดศึกได้แน่
ไม่แน่ว่าอาจจะผ่านได้ง่ายขึ้นหากข้าหาวิธีนั้นพบก็ได้
น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้เฉินซียังไม่พบเบาะแสเลยสักนิด
ตอนเขาสู้หุ่นเชิดศึกก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ทำลายมันในคราวเดียว แต่สู้ไป พลางประเมินโครงสร้างและลักษณะของหุ่นเชิดศึกไปด้วย
วิธีเช่นนี้ย่อมมาจากมรดกของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ คัมภีร์จักรพรรดิแห่งการควบคุม มันบันทึกวิธีการสร้างจิตวิญญาณหุ่นเชิดศึกไว้ ซึ่งก็มีวิธีอยู่หลายหมื่นวิธี
แต่ไม่ว่าเฉินซีจะดูอย่างไร ก็หาที่เหมือนกับหุ่นเชิดศึกภพอดีตตรงหน้าไม่ได้เลย ตอนนี้จึงยังหาวิธีรับมือกับมันไม่ได้
หากข้าอยากเอาชนะมันให้ได้ คงต้องเริ่มจากพลังภพอดีต… สุดท้ายเฉินซีจึงหันไปสนใจพลังภพอดีต
ภพอดีตคืออะไร?
มันคือการเกิดใหม่หลังจากตาย เป็นวงจรที่ไร้จุดสิ้นสุด!
พลังเช่นนี้เป็นพลังที่ท้าทายสวรรค์นัก ไม่แปลกเลยที่ต้องสกัดไม่ให้พลังเต๋าแห่งสวรรค์เข้ามาที่นี่ ไม่เช่นนั้นหากเต๋าแห่งสวรรค์รู้ถึงพลังนี้เข้า มันคงทำลายสิ้นเป็นแน่
ตู้ม!
ในขณะที่เฉินซีกำลังประเมินข้อมูลด้วยความรวดเร็ว หุ่นเชิดศึกที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งก็พุ่งเข้าใส่ หอกโลหิตพุ่งผ่านฟ้า มาพร้อมกับคลื่นพลังที่รุนแรงจนห้วงอากาศแตกสลาย
อึดใจต่อมา ทั้งสองก็เข้าปะทะกันอีกครั้ง ต่างรุดหน้าเข้าใส่กัน เข้าห้ำหั่นดุดันขึ้นทุกครั้งครา ท่ามกลางการต่อสู้นองเลือดนี้ พลันเกิดแสงสว่างจ้าดีดขึ้นฟ้า ก่อนจะโปรยเป็นฝนแสงลงมาดูหน้าตื่นตาและตกตะลึงยิ่ง
เฉินซีต้องขอยอมรับเลยว่าศัตรูที่เผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้แกร่งแบบหาที่เปรียบไม่ได้ หากเขาไม่เคยเอาชนะจอมกระบี่ในสุสานแห่งราชันนิรันดร์และขึ้นสู่ขอบเขตเซียนกระบี่ขั้นสมบูรณ์มาแล้ว และหากไม่ได้ผสานเบญจธาตุ พายุ ไท่จี๋ ซากดารา และตราศักดิ์สิทธิ์เกิดดับในทางเดินดาวหางแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคงได้เสียเปรียบหุ่นเชิดศึกไปแล้ว
แต่ตอนนี้ แม้พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดศึกหลังเกิดใหม่จะแข็งแกร่งขึ้น แต่เฉินซีก็มั่นใจว่าเขามีกำลังพอจะสังหารมันได้ ปัญหาเดียวคือจะกำจัดมันทิ้งโดยไม่ให้มันฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร
“ฆ่า!” เป็นตอนนั้นเองที่หุ่นเชิดศึกภพอดีตพลันตะโกนลั่นจนฟ้าดินสะเทือน ทั่วร่างคละเคล้าไปด้วยแก่นโลหิตที่กำจายไปทั่ว
เฉินซีที่อยู่ในการต่อสู้ยิ่งไม่ต้องกล่าว กระทั่งใจของหลิงชิงอู๋และเยี่ยถังที่อยู่ห่างไปไกลยังสะท้าน อ้าปากสูดลมหายใจเข้าไม่หยุด ทั่วร่างสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่บีบคั้นลงมา ทำให้มีสีหน้าหนักหน่วงกันทุกคน
กระทั่งเซียนปราชญ์ชั้นนำของฝ่ายในอย่างเนี่ยซิงเจิน และกู่เยวหรูยังถูกพลังสูงส่งเช่นนี้กดดันเอาได้
มันทรงพลังมากจริง ๆ!
เท่าที่พวกเขารู้มา คู่ต่อสู้ในบ่อเลือดภพอดีตน่าจะเป็นอสูรภพอดีต ไม่ควรจะเป็นตัวตนน่ากลัวอย่างหุ่นเชิดศึกภพอดีตเช่นนี้
อาจรู้สึกว่าเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ระดับอันตรายนั้นแตกต่างราวฟ้ากับดิน!
ในจังหวะนั้น เฉินซีจึงไม่กล้ายั้งมืออีกต่อไป เขาคำรามออกมาพร้อมกับกระบี่นภาม่วงที่เหินขึ้นกลางอากาศ เกิดเป็นชั้นดาราหลากหลาย แต่ละดวงแผ่แสงเรืองสีเงินกะพริบระยิบระยับ เผยให้เห็นภาพแห่งการทำลายล้างอันน่าเกรงขาม
ท่ากระบี่นี้มีอำนาจแห่ง ‘ซากดารา’ อยู่!
มันคืออำนาจแห่งตราศักดิ์สิทธิ์แห่งซากดาราที่ผสานรวมเข้ากับปราชญ์เต๋าของเขาได้อย่างสมบูรณ์ แค่ท่ากระบี่เดียว หมู่ดวงดาราทั้งหลายก็ถูกทำลาย คล้ายกับถูกหลุมดำดูดเข้าไปไม่รู้จบ หมายทำลายล้างทุกสิ่งอย่างในใต้หล้าจนไม่เหลือสิ่งใด
ครืน!
ทั่วฟ้าดินตกอยู่ในความโกลาหล!
ภายใต้แรงซัดของท่ากระบี่มหาประลัยนี้ หุ่นเชิดศึกภพอดีตก็ถูกสังหารไปอีกครั้ง!
นี่จะเป็นครั้งที่สองที่เขาเอาชนะหุ่นเชิดศึกมาได้ เฉินซีก็ยังคงสีหน้าเคร่งเครียดไว้ ในใจยังคงรู้สึกหนักอึ้ง เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างสมบูรณ์
เช่นนี้ไม่นานหุ่นเชิดศึกก็จะฟื้นคืนชีพไปเรื่อย และก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นได้อีก!
เป็นไปดังคาด ไม่นานหุ่นเชิดศึกภพอดีตก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้แสงสีเลือดที่เรืองออกจากร่างหุ่นเชิดศึกถูกกักไว้ในกายมันแทน เหมือนกับสวมเกราะสีแดง ทั่วร่างสะท้อนแสงเรืองเหมือนโลหะสีแดงออกมา ใบหน้ามันปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีแดง เห็นเพียงนัยน์ตาแดงก่ำเท่านั้น แม้ไม่ได้ดูดุร้าย แต่ก็ให้สัมผัสความงามอันน่าสะพรึงกลัวและเยือกเย็นแทน
หากมองมาจากที่ไกล แม้แสงเรืองสีแดงจะถูกกักไว้ในร่าง แต่กลิ่นอายกลับยิ่งดุดันกว่าเดิม เหมือนภูเขาไฟที่สั่งสมความร้อนมานานนับปี พร้อมจะระเบิดทำลายทุกสิ่งอย่างในอีกไม่กี่อึดใจ!
“รับหมัดนี้ไปซะ!” หุ่นเชิดศึกภพอดีตไม่ได้ใช้หอกโลหิตอีกต่อไป แต่หมัดของมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าเกรงขามคล้ายกับมังกรโลหิตที่กรีดผ่านฟ้ามาด้วยพลังมหาศาล
ทันทีที่มันออกมา ฟ้าดินก็กลับตาลปัตร ใต้หล้าเต็มไปด้วยสีแดงฉานของเลือด
รับมือยากจริง! เฉินซีกัดฟันแน่นแล้วไม่คิดอะไรอีก ชายหนุ่มแวบร่างขึ้นฟ้าก่อนเหวี่ยงกระบี่นภาม่วงสร้างกำแพงกระบี่ลอยฟ้าขึ้นมา
กำแพงกระบี่มีลักษณะกลมเกลี้ยงและโปร่งแสง ครึ่งหนึ่งสีดำเหมือนฟ้ามืดยามราตรี อีกครึ่งสีขาวสว่างเหมือนกลางวัน หยินหยางตัดกันอยู่ภายใน ปลดปล่อยกลิ่นอายสง่างามดุดันออกมา
นี่คืออำนาจแห่งตราศักดิ์สิทธิ์ไท่จี๋!
มันมีกฎมหาเต๋าหยิน หยาง แสง และความมืดอยู่ ทั้งยังมีพลังแห่งการทำลายล้างอย่างการชำระล้างและการพิพากษาอยู่ด้วย
ครืน!
แค่การปะทะครั้งแรกก็เกิดพลังผันผวนดีดออกมาทันใด ตะวันจันทราหม่นแสงลงทันควัน ทำให้ใต้หล้ามืดมิดลงในพริบตา เสียงลั่นครืนดังสนั่นหู เป็นเสียงคล้ายมารร่ำไห้ ทวยเทพร้องครวญด้วยความเศร้าโศก ทั้งโลหิตและสายฟ้าสอดผสาน แสงกระบี่ปะทุพลัง อีกทั้งกระแสพลังแห่งกฎมากมายยังเข้าปะทะกันละลานตา
ใช้คำว่าน่าเกรงขามยังน้อยไป!
พริบตานั้น หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังก็รู้สึกแขนขาตื้อชาไปหมด หากพวกเขาสองคนต้องไปสู้อย่างเฉินซี คงได้ถูกพลังเมื่อครู่ทำลายล้างหายไปแล้วเป็นแน่!
ท่ามกลางแสงจ้าที่สาดส่องบนท้องฟ้า เงาร่างของเฉินซีและหุ่นเชิดศึกเคลื่อนออกจากกัน
เฉินซีกระอักเลือด ใบหน้าซีดขาวอยู่เล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บนับตั้งแต่เริ่มต่อสู้มา แต่ก็ไม่นับว่าบาดเจ็บสาหัสเท่าใดนัก
ส่วนเกราะสีแดงเลือดของหุ่นเชิดศึกนั้นก็เสียหาย มีเลือดซึมออกมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ามันบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีครั้งนี้เช่นกัน
มันแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เลย หากเป็นหุ่นเชิดศึกตัวก่อน ท่าเมื่อครู่ก็คงสังหารมันได้แล้ว… เฉินซีปาดเลือดที่มุมปากทิ้ง หว่างคิ้วเผยแววเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม