บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1404 เจตนาร้ายแอบแฝง
บทที่ 1404 เจตนาร้ายแอบแฝง
เมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของเฉินซี หลิงไป๋ก็กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขา พร้อมกับถอนหายใจฮึดฮัด “นี่คือราคาที่ต้องจ่าย มันเป็นความผิดของเจ้า ที่ไม่ยอมพาเราไปด้วย”
ไป๋คุยแปลงร่างเป็นดวงแสงสีขาวที่พุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของเฉินซี และถูหัวปุกปุยเข้ากับหน้าอกอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน ราวกับกำลังบอกว่า ‘เอาหน่า เอาหน่า อย่าได้โกรธเลย’
ชิงชิงก็เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรูปร่างของมันใหญ่เกินไปหน่อย มันจึงทำได้เพียงตวัดหางสีขาวหิมะขึ้นลง ราวกับกำลังปลอบใจเฉินซี
อาหมานกลับตรงไปตรงมาที่สุด มันสวมกอดและทุบหลังเฉินซีตุบตับ ขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “เฉินซี ข้าอยากกินอาหารที่เจ้าทำ!”
ทันทีที่สิ้นคำนี้ ดวงตาของเจ้าตัวน้อยทั้งสามก็สว่างวาบพร้อมกัน
เฉินซียิ้มอย่างขมขื่น “แต่สำหรับข้า ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้คิดถึงข้าเลย พวกเจ้าเพียงแค่อยากกินอาหารที่ข้าทำ”
หลังจากนั้น เฉินซีก็ทราบเหตุผลที่หลิงไป่และคนอื่น ๆ มาในครั้งนี้ ก็เพราะพวกเขาได้รับการไหว้วานจากอาซิ่ว ให้มาเรียกตัวไปยังโถงพันธมิตรดารา
เหตุผลนั้นธรรมดามาก นับตั้งแต่ก่อตั้งพันธมิตรดาราขึ้นมา เฉินซีซึ่งเป็นแกนนำของพันธมิตรดารา กลับเคยโผล่หน้าไปเพียงครั้งเดียว ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ไม่เคยพบเขามาก่อน ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องปกติหากเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อนานวันเข้า ก็ย่อมเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากที่ทราบเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว เฉินซีก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจว่าจะเดินทางไปยังโถงพันธมิตรดาราก่อน แล้วจึงค่อยไปหาจั่วชิวไท่อู่
…
โถงพันธมิตรดาราไม่ได้อยู่ภายในเขตฝ่ายใน แต่อยู่ที่ด้านข้างของภูเขาในเขตฝ่ายนอก
เนื่องจากสมาชิกปัจจุบันของพันธมิตรดาราส่วนใหญ่เป็นศิษย์สายนอก ในขณะที่ศิษย์สายในมีเพียงหนึ่งในสาม ดังนั้นเพื่อความสะดวก จึงได้สร้างโถงพันธมิตรดาราไว้ที่เขตฝ่ายนอก
อันที่จริง ไม่ใช่แค่พันธมิตรดาราเท่านั้น แต่สมาคมศิษย์ทั้งหมดภายในสำนักก็เลือกที่จะสร้างฐานที่เขตฝ่ายนอก เพื่อความสะดวกสบาย
ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ท้องฟ้าสดใส อากาศสดชื่น มวลเมฆบนท้องฟ้าล่องลอยอ้อยอิ่ง
ณ เวลานี้ โถงพันธมิตรดารานั่นเต็มไปด้วยผู้คน และนอกเหนือจากสมาชิกสิบกว่าคนที่ออกไปฝึกฝนที่นอกสำนัก สมาชิกคนอื่น ๆ ทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นี่แล้ว
ปัจจุบัน พันธมิตรดาราดูเหมือนจะกลายเป็นสมาคมศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในสำนัก มีศิษย์สายในหนึ่งร้อยห้าสิบสามคน และศิษย์สายนอกสามร้อยยี่สิบคน ในแง่ของกองกำลัง มันเพียงพอที่จะต่อกรกับสมาคมศิษย์อื่น ๆ ในสำนัก และถึงขั้นที่เหนือกว่าด้วยซ้ำ
ยกตัวอย่างเช่น สมาคมศิษย์ชั้นนำอย่างสมาคมจั่วชิวและสมาคมเซวียนหยวน ปัจจุบันมีสมาชิกเพียงสามร้อยกว่าคนเท่านั้น
แม้จำนวนสมาชิกของพวกเขาจะดูเหมือนน้อย แต่มีศิษย์สายในเพียงแปดร้อยคนที่บรรลุขอบเขตเซียนทองคำ และมีราวสามร้อยกว่าคนที่บรรลุขอบเขตเซียนปราชญ์
และสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามีสมาคมศิษย์ทั้งหมดสามสิบสองแห่ง ดังนั้นการที่พันธมิตรดารามีศิษย์สายในมากกว่าร้อยห้าสิบคน จึงถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งไม่น้อย
โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่เฉินซีได้รับมรดกของจักรพรรดิเต๋า และขึ้นสู่อันดับหนึ่งของเทียบอันดับปราชญ์ดาราสวรรค์ ส่งผลให้เกิดความเกิดปั่นป่วนครั้งใหญ่ไปทั้งสำนัก ดังนั้นจึงมีศิษย์มาเข้าร่วมกับพันธมิตรดาราอย่างล้นหลาม ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ พันธมิตรดาราจะกลายเป็นสมาคมศิษย์ที่ใหญ่ที่สุดในสำนัก
แน่นอนว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะการเติบโตของพันธมิตรดาราได้กระตุ้นความหวาดกลัวให้กับสมาคมศิษย์อื่น ๆ ถึงขนาดที่สมาคมศิษย์บางแห่งถึงกับกล่าวว่าจะสั่งสอนพันธมิตรดารา ด้วยบทเรียนอันดุเดือด
แต่การต่อสู้ดังกล่าวก็ถือไม่ได้เกินไปนัก แม้จะมีความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรดาราและสมาคมศิษย์อื่น ๆ แต่ก็ไม่มีสมาคมไหนที่กล้าต่อสู้กับพันธมิตรดาราอย่างเต็มที่
ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะพันธมิตรดารามีเฉินซี!
แค่ชื่อของเฉินซีก็เพียงพอที่จะยับยั้งสมาคมศิษย์จำนวนมาก ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะหาเรื่องกับพันธมิตรดาราอย่างบุ่มบ่าม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ว่าแท้จริงแล้วพันธมิตรดารานั้นก่อตั้งองค์หญิงน้อยของตระกูลเซวียนหยวนโดยใช้ชื่อของเฉินซี ซึ่งตัวเฉินซีก็ไม่เคยสนใจในพันธมิตรดาราเลย มิฉะนั้น ทำไมเฉินซีถึงไม่เคยปรากฏตัวภายในพันธมิตรดาราเลยสักครั้งเดียว?
ซึ่งข่าวลือนี้จะแพร่กระจายไปถึงหูของสมาชิกพันธมิตรดาราทุกคน ทำให้สมาชิกหลายคนเกิดเคลือบแคลงใจไม่น้อย
บางคนเริ่มตั้งคำถามกับอาซิ่ว เกี่ยวกับความจริงของข่าวลือเหล่านี้ และหากนางไม่ให้คำตอบที่น่าพอใจ พวกเขาก็จะถอนตัวออกจากพันธมิตรดารา ทำให้อาซิ่วตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง
นางตระหนักดีว่า หากปัญหานี้ยังไม่ถูกคลี่คลายในเร็ววัน มันจะทำให้พันธมิตรดาราต้องล่มสลาย เนื่องจากสมาชิกของพันธมิตรดาราส่วนใหญ่ เข้าร่วมเพราะชื่อเสียงของเฉินซี แม้นางจะจัดการพันธมิตรดาราแทนเฉินซี แต่นางก็ไม่ได้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเช่นที่ชายหนุ่มครอบครอง
เช่นเดียวกับตอนนี้ สมาชิกของพันธมิตรดาราหลายคนได้รวมตัวกันภายในโถงพันธมิตรดารา และกล่าวว่าจะถอนตัว ถ้าอาซิ่วไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนแก่พวกเขา
อาจกล่าวได้ว่า ความขัดแย้งนี้ใกล้จะปะทุเต็มที
“ศิษย์พี่เซวียนหยวน เราไม่มีเจตนาที่จะสร้างปัญหา ดังนั้นโปรดให้คำตอบโดยเร็วเถิด เพราะทุกคนต่างเข้าร่วมก็เพราะศิษย์พี่เฉินซี แต่หลังจากอยู่ในพันธมิตรดารามาเป็นเวลานาน ก็ยังไม่เคยเห็นศิษย์พี่เฉินซีเลยสักครั้ง มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?”
ภายในโถงพันธมิตรดารา ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและมั่นใจ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอาซิ่ว ผู้เป็นองค์หญิงน้อยของตระกูลเซวียนหยวน แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังไม่ปกปิดความไม่พอใจ ราวกับเปี่ยมด้วยความชอบธรรมอันแรงกล้า
คนผู้นี้มีนามว่าหวังจือเป่ย เป็นศิษย์สายในขอบเขตเซียนทองคำ มีชื่อเสียงค่อนข้างมากในหมู่ศิษย์ ดังนั้นสมาชิกหลายคนจึงโห่ร้องเห็นพ้องกับเขา
“แม่นางเซวียนหยวน เราเข้าร่วมพันธมิตรดาราของศิษย์พี่เฉินซี ไม่ใช่พันธมิตรดาราของตระกูลเซวียนหยวน!”
“ถ้าเจ้าไม่ให้คำตอบกับเราในวันนี้ เราจะไม่สร้างปัญหา แต่เราจะถอนตัวออกจากพันธมิตรดาราทันที ดังนั้นโปรดพิจารณาใหม่อีกครั้ง”
“ใช่แล้ว เรื่องนี้ต้องได้คำตอบ”
เสียงโห่ร้องเหล่านี้ ทำให้สมาชิกพันธมิตรดาราหลายคนลังเล พูดตามตรง พวกเขาก็สงสัยเช่นกัน จึงได้มารวมตัวกันตามคำเรียกของหวังจือเป่ย
อาซิ่วยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มตามปกติ ดูสงบและไม่แยแส ไม่ว่านางจะควบคุมอารมณ์อย่างไร แต่ดวงตาที่สุกใสก็แสดงถึงความขุ่นเคืองอย่างปิดไม่มิด
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสาเหตุที่เกิดสถานการณ์ดังกล่าวในวันนี้ เป็นเพราะหวังจือเป่ยและสหายของเขา
หากวันนี้นางไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม ชื่อเสียงของพันธมิตรดาราจะต้องเสียหายอย่างใหญ่หลวง และคงกลายเป็นตัวตลกของสำนัก ซึ่งอาจถึงขั้นล่มสลายด้วยซ้ำ
ดังนั้นไม่ว่านางจะโมโหสักเพียงใด แต่อาซิ่วก็ทำได้แค่อดทนเท่านั้น
“เจ้าว่าอะไรนะหวังจือเป่ย? พวกเจ้าตั้งใจจะบีบบังคับพันธมิตรดาราด้วยกำลัง? แล้วกฎของพันธมิตรดาราล่ะ? หรือพวกเจ้าลืมกฎไปแล้ว?”
อาซิ่วทำได้เพียงอดทนเท่านั้น แต่เหลียงเริ่นไม่ใช่ เขาจึงตวาดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวทันที เพราะเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายของหวังจือเป่ยได้อย่างชัดเจน คนพวกนี้ต้องการเห็นพันธมิตรดาราแตกสลายโดยเร็วที่สุด!
“เราไม่ได้พยายามที่จะเข้าควบคุม และเราไม่เคยเพิกเฉยต่อกฎ แต่เพื่อยืนยันว่าพันธมิตรดารานี้เป็นของตระกูลเซวียนหยวนหรือของศิษย์พี่เฉินซีกันแน่!”
สีหน้าของหวังจือเป่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่คำพูดของเขาปลุกปั่นอย่างมาก
อาซิ่วเริ่มหัวเราะด้วยความโกรธจัดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ข้าไม่เคยสังเกตเลยว่าหวังจือเป่ยจะมีบุคลิกที่หนักแน่นและแน่วแน่เช่นนี้ ทั้งยังเทิดทูนเฉินซีอย่างสุดใจ!”
คนเหล่านี้เอ่ยถึงชื่อของเฉินซีซ้ำ ๆ แสดงความภักดีอย่างไม่มีใครเทียบได้ แต่ใครจะรู้ว่ามีเจตนาใดซุกซ่อนอยู่ในใจของพวกเขา โดนเฉพาะเหตุการณ์ในวันนี้มีพิรุธเกินไป อาซิ่วจึงสงสัยว่าอาจมีใครบางคนจ้างให้หวังจือเป่ยมาปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย และทำลายความน่าเชื่อถือของพันธมิตรดารา
เพราะพันธมิตรดาราเติบโตเร็วเกินไป จึงไม่แปลกที่สมาคมอื่น ๆ จะคิดปราบปราม
“ศิษย์พี่เซวียนหยวน คำพูดเหล่านั้นถูกต้องแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะศิษย์พี่เฉินซี พวกเราจะคงไม่เข้าร่วมพันธมิตรดารา หากไม่เชื่อ ก็ถามคนอื่น ๆ ดูสิ!” หวังจือเป่ยไม่ได้ขุ่นเคืองกับการเหน็บแนมของอาซิ่ว และยังมีท่าทางที่เต็มไปด้วยความรู้สึกชอบธรรมอันแรงกล้า
“ใช่แล้ว คำพูดของศิษย์พี่หวังได้พูดแทนความคิดของเราแล้ว”
“ศิษย์พี่เซวียนหยวน โปรดให้คำตอบแก่เราด้วย!”
“ข้าเห็นด้วยกับความคิดของศิษย์พี่หวังจือเป่ย”
เสียงยืนยันดังระงม ทำให้สถานการณ์ในห้องโถงยิ่งวุ่นวายมากขึ้น สมาชิกหลายคนของพันธมิตรดาราเริ่มกระสับกระส่าย สถานการณ์ตอนนี้แทบจะหลุดจากการควบคุมของอาซิ่วแล้ว
อาซิ่วกัดฟันด้วยความเกลียดชัง หวังจือเป่ยช่างสารเลวยิ่งนัก วันนั้นข้าไม่ควรรับเขาเข้าร่วมพันธมิตรดาราเลย!
“ตกลง! ตามที่เจ้าต้องการ เฉินซีจะมาที่นี่ในเร็ว ๆ นี้ เมื่อถึงตอนนั้น ขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าจะยังเต็มไปด้วยความภักดีอันแรงกล้าอีกหรือไม่!” อาซิ่วหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวช้า ๆ
ดวงตาของหวังจือเป่ยหรี่ลง จากนั้นเขาก็เยาะเย้ย “เรายังต้องรออีกหรือ? เรารอมานานเท่าไหร่แล้ว? ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้รับคำตอบ หรือว่าศิษย์พี่เซวียนหยวนตั้งใจที่จะหลอกลวงพวกเราอีก?”
ก่อนที่อาซิ่วจะทันได้กล่าว เขาก็เอ่ยขัดเสียก่อน “แม่นางเซวียนหยวน ข้าจะถามในนามของทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย พันธมิตรดาราเป็นของใครกันแน่? หากเจ้าไม่สามารถให้คำตอบเราได้ ก็อย่าโทษเราที่ถอนตัวจากพันธมิตรดารา!”
“ใช่แล้ว! ถอนตัวออกจากพันธมิตรดารา!”
“ถอนตัวออกจากพันธมิตรดารา!”
สหายของหวังจือเป่ยที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนอีกครั้ง และทำให้สมาชิกคนอื่นที่ยังลังเลเริ่มหวั่นไหว หากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้ แม้ว่าเฉินซีจะมาถึง ก็อาจจะกอบกู้สถานการณ์ไม่ได้
“ตกลง! ข้ายอมรับการถอนตัวของเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พันธมิตรดาราจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าทุกคนอีกต่อไป!” ทันใดนั้น จู่ ๆ เสียงเย็นชาก็ดังก้องในห้องโถง มันเหมือนกับท่วงทำนองของมหาเต๋า และกลบเสียงในห้องโถงจนเงียบสนิท
ท่ามกลางความเงียบงัน ร่างสูงโปร่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศและยืนอยู่ข้าง ๆ อาซิ่ว เขาสวมเสื้อผ้าสีเขียว มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา มีท่าทางสุขุมเหนือธรรมดา
เฉินซี!
เมื่อเห็นเฉินซีปรากฏตัว สมาชิกส่วนใหญ่ของพันธมิตรดาราก็โล่งใจ และประหลาดใจในเวลาเดียวกัน
โดยเฉพาะอาซิ่ว เหลียงเริ่น กู่เยวหมิง เซวียนหยวนอวิ่น และคนอื่น ๆ ที่ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในบรรดาผู้คนที่อยู่ตอนนี้ มีเพียงใบหน้าของหวังจือเป่ยและสหายของเขาเท่านั้นที่กลายเป็นเคร่งขรึม!