บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1417 ฐานะที่เปลี่ยนไป
บทที่ 1417 ฐานะที่เปลี่ยนไป
เมื่อเห็นบุรุษแปลกหน้ายิ้ม เฉินเป่าเปาพลันรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนถูกดูหมิ่น จึงเงื้อกำปั้นเล็ก ๆ ขึ้น ก่อนจะชกไปที่ใบหน้าของเฉินซี
ฟึ่บ!
หมัดนี้ทำให้เกิดลมกระโชกแรงจริง ๆ
เฉินซียังคงยิ้มแย้ม ในขณะที่เขาคว้าหมัดเล็ก ๆ ของเฉินเป่าเปาไว้ จากนั้นก็อุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะตีก้นน้อย ๆ นั่นอย่างมันเขี้ยว พลางดุด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เด็กอะไรกันนี่! กล้าหาญไม่เบาเลย!”
“ปล่อยข้านะ! เจ้ากล้าตีก้นข้าได้อย่างไร! ถ้าท่านแม่รู้เรื่องนี้ นางตัดมือเจ้าแน่!”
เฉินเป่าเปาร้องไห้เสียงดัง ขาสั้นป้อมเตะปัดป่ายไปรอบ ๆ ในอ้อมแขนของเฉินซี
“มารดาของเจ้าน่ากลัวมากเลยหรือ?” เฉินซีถามพลางยิ้ม
“ฮึ่ม! แน่นอน! ทุกครั้งที่ท่านพ่อตีข้า ตราบใดที่ท่านแม่ถลึงตาใส่ เขาจะกลัวจนต้องขอโทษท่านแม่เลยละ” เมื่อกล่าวถึงมารดา ใบหน้าเล็ก ๆ ของเฉินเป่าเปาก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แม้แต่ดวงตาก็โค้งหยี จนดูเหมือนจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่ง
เฉินซีตกตะลึง จากนั้นก็หันกลับไปมอง เขาเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณห้าหกขวบสวมชุดสีเหลืองอ่อนปักลายดอกไม้กำลังเดินมา
ดวงตาของเด็กหญิงกลมโตสุกใส ริมฝีปากแดงระเรื่อ จมูกประณีต คิ้วดำหมึกงดงาม และผิวขาวยิ่งกว่าหิมะ ที่หว่างคิ้วเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเงียบสงบ ราวกับเทพธิดาตัวน้อย
“เฉินเป่าเปา เหตุใดเจ้าต้องวิ่งหนีด้วย?!” ทันใดนั้นเด็กหญิงก็สังเกตเห็นเฉินซี แต่ท่าทางของนางกลับนิ่งสงบ ดวงตาสุกใสไม่ได้ละจากเฉินเป่าเปาเลย เสียงของนางชัดเจนและไพเราะน่าฟัง ทั้งยังนิ่งสงบเหมือนท่าทางของนาง
เมื่อมองจากระยะไกล การกระทำของเด็กหญิงคนนี้ช่างอ่อนโยนเรียบร้อยราวกับกล้วยไม้แสนสง่า ท่าทีนิ่งสงบและสุขุมทำให้เฉินซีตกตะลึงในใจ ทั้งยังรู้คุ้นเคยเล็กน้อย
“ข้า… ข้าไม่ได้หนีสักหน่อย!” เมื่อเห็นเด็กหญิงคนนี้ เฉินเป่าเปาก็เหมือนกับหนูเจอแมว พลางเม้มริมฝีปากพลางกล่าวพึมพำ และดูเหมือนจะขาดความมั่นใจเล็กน้อย พลางดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนของเฉินซี
“ปล่อยสิ! มิฉะนั้นท่านแม่จะตัดมือเจ้าจริง ๆ แน่!” เมื่อเฉินเป่าเปาสู้แรงไม่ได้ ก็ได้แต่น้ำตาอาบสองแก้มใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อ
“เช่นนั้นก็บอกข้าก่อน ว่าบิดาของเจ้าคือผู้ใด?” เฉินซีคลี่ยิ้ม
“ข้าขอตายดีกว่ายอมจำนน!” เฉินเป่าเปาโกรธจนตะโกนเสียงดัง ทิ้งศักดิ์ศรีของตนเอง และขอความช่วยเหลือจากเด็กหญิง “พี่อวิ๋นอวิ๋นช่วยข้าเร็ว คนนี้เป็นคนไม่ดี เขาเข้าไปในโถงบรรพบุรุษของเราด้วย!”
ทันใดนั้นดวงตาของเด็กหญิงก็เย็นเยียบ ตอนนี้นางรู้แล้วว่า คนที่อุ้มน้องชายของนางไม่ใช่คนในตระกูลเฉิน เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้ตระกูลเฉินมีสมาชิกในตระกูลมากเกินไป แค่ยามหรือคนรับใช้ก็รวมกันไม่ต่ำกว่าหมื่นคน แล้วเด็กอย่างนางจะจำคนมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?
เดิมทีนางคิดว่าเฉินซีเป็นองครักษ์คนใหม่ที่คอยอยู่ข้างกายเฉินเป่าเปา แต่เมื่อได้ยินว่าคนผู้นี้กล้าบุกรุกเข้าไปในโถงบรรพบุรุษ ความระแวดระวังก็พุ่งทะลุเพดาน “เจ้าเป็นใคร?”
ชิ้ง!
สิ้นเสียงพูด นางก็ชักกระบี่สั้นออกมา การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วและหมดจด เห็นได้ชัดว่านางฝึกฝนและขัดเกลามันครั้งแล้วครั้งเล่า
“ข้า…” เฉินซีเพิ่งอ้าปาก ทว่าประกายกระบี่พร่างพรายก็พุ่งเข้ามาในระยะสายตาแล้ว
ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่โจมตี แต่ประกายกระบี่นี้โผล่ขึ้นมาจากอากาศ และมันเปล่งประกายอย่างไร้เทียบเทียม มันเปี่ยมด้วยพลังงานของเต๋ารู้แจ้งที่ดุร้ายและอำมหิตอย่างที่สุด
ไม่เลว! ไม่เลว! อีกไม่กี่ก้าวก็จะบรรลุถึงระดับแนวทางใจหลอมรวมกระบี่แล้ว
เฉินซีชื่นชมในใจ พลางทะยานวูบหนึ่ง และหลบเลี่ยงการโจมตีนี้
ตู้ม!
รอยแยกที่ลึกสุดหยั่งปรากฏบนพื้น และปราณกระบี่เล็ก ๆ นี้ก็ฟันผ่านพื้นราวกับฟันเต้าหู้ มันเป็นภาพที่ค่อนข้างน่าทึ่ง
ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็มองเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนี้อย่างชัดเจน เป็นโฉมสะคราญ มีผมสีดำขดเป็นมวย เผยให้เห็นใบหน้างดงาม นางมีคิ้วสีดำหมึก ริมฝีปากสีแดงเข้ม ประกอบกับสวมชุดสีแดงเพลิงที่ทำให้นางดูสง่างาม
“ท่านแม่!” เฉินเป่าเปาร้องเสียงดัง เมื่อเห็นหญิงงามปรากฏตัว
ที่แท้ สตรีผู้นี้เป็นมารดาของเจ้าหนูนี่เอง
“เจ้าเป็นใคร!? ถึงกล้าบุกรุกตระกูลเฉินของเราเช่นนี้! รีบปล่อยบุตรชายของข้าซะ มิฉะนั้นวันนี้เจ้าจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่!” หญิงงามมีใบหน้าเย็นยะเยือก ขณะจ้องบุรุษแปลกหน้าอย่างเย็นชา หว่างคิ้วปรากฏร่องรอยหนักใจเล็กน้อย
ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้ไม่ใช่คนของตระกูลเฉินอย่างแน่นอน แต่กลับสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดภายในตระกูลได้มาถึงโถงบรรพบุรุษได้อย่างไร้สุ้มเสียง ดังนั้นฝีมือของคนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
สิ่งที่ทำให้ใจของนางว้าวุ่นที่สุด คือบุตรชายยังอยู่ในอ้อมแขนของชายคนนี้! ทำให้นางลังเล และไม่กล้าวู่ว่าม เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายพลั้งมือทำร้ายบุตรชายของนาง
“ท่านป้า มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ได้ดูแลเป่าเปาให้ดี และ…” เด็กหญิงที่เป็นเหมือนเทพธิดาน้อย ก้มศีรษะลงและขอโทษเสียงเบา
“อวิ๋นอวิ๋น ไม่จำเป็นต้องกล่าวใด ๆ รีบมายืนข้างหลังข้าเร็ว” หญิงงามผู้นั้นรีบยกมือขึ้น และยืนขวางหน้าเด็กหญิงตัวน้อย จากนั้นจ้องมองเฉินซีด้วยสายตาระแวดระวัง
เฉินซียิ้มอย่างขมขื่น ข้าถูกเข้าใจผิดแล้ว! หลังจากนั้นตัวเขาก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะเฉินเป่าเปากัดมือของเขาเสียจมเขี้ยว
เพราะเกรงว่าจะทำร้ายเด็กน้อย เฉินซีจึงควบคุมปราณเซียนพิสุทธิ์ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นเมื่อถูกฟันขาวซี่เล็กกัดจมเขี้ยว จึงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
แน่นอนว่า ความเจ็บปวดเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอาการคัน และรู้สึกประหลาดใจกับความกล้าหาญของเด็กน้อยจริง ๆ
“อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!” เมื่อเห็นเฉินซีขมวดคิ้วจากการถูกบุตรชายของนางกัด หญิงงามพลันหวาดกลัวจนหัวใจบีบรัด “ตราบใดที่เจ้าปล่อยบุตรชายของข้าไป ข้าก็จะทำตามที่เจ้าต้องการทุกอย่าง”
เฉินซีถอนหายใจ และกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เจ้าช่วยฟังข้าก่อนได้หรือไม่” ขณะที่กล่าว เขาก็วางเฉินเป่าเปาลงบนพื้น เพื่อแสดงว่าความบริสุทธิ์ใจ
เฉินเป่าเปาเป็นเด็กที่ฉลาด เขาวิ่งไปหาหญิงงามทันทีที่ยืนได้อย่างมั่นคง “ท่านแม่ คนผู้นี้จะต้องเป็นคนชั่วแน่ เขาตีก้นข้าด้วย ท่านแม่รีบทุบตีเขาเร็วเข้า! อ้อ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เขายังแอบเข้าไปในโถงบรรพบุรุษด้วย!”
หญิงงามถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมปล่อยบุตรชายของนาง สีหน้าผ่อนคลายลงหลายส่วน ทว่าเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจากเฉินเป่าเปา ท่าทางของนางก็เย็นชาอย่างยิ่ง
เข้าไปในโถงบรรพบุรุษ?
นั่นคือพื้นที่หวงห้ามของตระกูลเฉิน!
ไม่ว่าเขาจะเข้าไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ไม่อาจปล่อยได้เด็ดขาด!
ฟิ่ว!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หญิงงามโจมตีด้วยกระบี่ในมืออย่างไร้ความลังเล
เฉินซีถอนหายใจอีกครั้ง การที่ข้าจะอธิบายตัวตนนั้นเป็นเรื่องยากขนาดนั้นเลยหรือ?
ขณะที่กำลังจะหลบ ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากระยะไกล “เหวินถิง หยุดมือ!”
เสียงนี้ราวกับฟ้าร้อง สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน พร้อมกับเสียงนี้ ร่างสูงและหล่อเหลาได้ปรากฏตัวออกมาจากอากาศ และขัดขวางการโจมตีของหญิงงามไว้
คนผู้นี้คือชายผู้มีกลิ่นอายที่น่าตกตะลึง เขามีคิ้วเรียว และใบหน้ามั่นคง ก่อนหน้านี้ญาณมหาเทวะอมตะของเฉินซีได้สัมผัสถึงชายหนุ่มคนนี้แล้ว แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวต่อหน้า เฉินซีก็อดถอนหายใจไม่ได้ เด็กคนนี้เริ่มเหมือนบิดาของตนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว…
ชายคนนี้ย่อมเป็นบุตรชายของเฉินฮ่าว เฉินอวี่ และเป็นหลานของเขา!
“ท่านพี่อวี่ เหตุใดถึงหยุดข้า! คนผู้นี้เพิ่งบุกรุกเข้าไปในโถงบรรพบุรุษ!” หญิงงามจ้องมองอย่างขุ่นเคืองด้วยดวงตารูปถั่วของนาง
ในขณะนี้ เฉินอวี่ไม่อาจสนใจนาง เพราะทันทีที่ปรากฏตัว สายตาของเขาก็จ้องมองเฉินซี และใบหน้าก็เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น ความสุข และความประหลาดใจที่น่ายินดี ลำคอเหมือนมีบางอย่างอุดอยู่ จนไม่สามารถกล่าวคำใดออกมาได้
“อวี่เอ๋อร์ เจ้าจำลุงของเจ้าไม่ได้หรือ?” เฉินซียิ้มขณะมองคนตรงหน้า
หญิงงามตกตะลึง คนผู้นี้เกือบจะลักพาตัวบุตรชายข้า ทั้งยังบุกรุกโถงบรรพบุรุษ แต่กลับเรียกสามีข้าว่าอวี่เอ๋อร์? แล้วยังเรียกตัวเองว่าลุงอีกหรือ?
“ท่านลุง! เป็นท่านจริง ๆ หรือ?” ใบหน้าของเฉินอวี่แดงก่ำด้วยความตื่นเต้น และเข้าสวมกอดเฉินซี “ท่านกลับมาแล้ว! ท่านกลับมาแล้วจริง ๆ! โอ้สวรรค์! ข้าเกือบจะคิดว่าเห็นภาพหลอนเข้าแล้ว!”
เมื่อเห็นสามีที่มักมีท่าทีสง่างาม เปิดเผยรูปลักษณ์เช่นนี้ หญิงงามก็ตกใจอย่างยิ่ง เขา… เขา… เขาเป็นลุงของท่านพี่อวี่ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขา…
ทันใดนั้น ชื่อหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของนาง …เฉินซี!
ทันใดนั้นนางก็เบิกตากว้าง ร่างกายแข็งทื่อไป
นี่ข้า… โจมตีท่านลุงหรือ?
“ท่านพ่อ คนผู้นี้เป็นคนชั่ว!” เฉินเป่าเปาร้องออกมาด้วยความโกรธแค้นสุดขีด เป็นเพราะเขาอายุยังน้อย ไหนเลยจะเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำว่า ‘ท่านลุง’ ที่บิดากล่าวได้อย่างไร
“คนชั่วหรือ!? นี่คือท่านปู่ของเจ้า! รีบคุกเข่าแล้วคำนับท่านปู่ของเจ้าซะ!” เฉินอวี่หันกลับมา แล้วลากเฉินเป่าเปาไปยืนต่อหน้าเฉินซี จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เด็กหญิงที่อยู่ห่างออกไป “อวิ๋นอวิ๋น เจ้ารีบมาคารวะท่านปู่ของเจ้าซะ!”
ท่านปู่!
ท่านปู่?
เฉินเป่าเปาและเฉินอวิ๋นอวิ๋น ต่างมองเฉินซีด้วยสีหน้างุนงง และไม่เข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่พลิกผันดังกล่าว
ทว่าเฉินอวี่ไม่อาจสนใจเรื่องเหล่านั้น เมื่อสังเกตเห็นเด็กน้อยทั้งสองยังลังเล เขาจึงกดทั้งสองลงเพื่อคำนับคนตรงหน้า
เฉินซีไม่ได้หยุดเฉินอวี่เช่นกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง คลื่นอารมณ์กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจมาสักพักแล้ว นี่ข้า…กลายเป็นปู่แล้วจริง ๆ หรือ?
สวรรค์! นี่… นี่…
เฉินซีรู้สึกงุนงงไปหมด แม้ว่าตอนนี้การบ่มเพาะของเขาจะไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร
“ท่านปู่!” กลับเป็นเฉินอวิ๋นอวิ๋นที่สงบกว่าเฉินซีเสียอย่างนั้น หรือบางทีอาจเป็นเพราะนางอายุแค่ห้าหกขวบจึงไม่รู้ความหมายของคำว่าปู่ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำจากเฉินอวี่ นางจึงคุกเข่าลงและร้องออกมาด้วยเสียงที่ชัดเจน
“ท่านปู่!” เฉินเป่าเปาดูเหมือนจะหดหู่ยิ่ง เพราะถูกบิดากดลงกับพื้น
เฉินซีตื่นตกใจทันที เขากางแขนออกแล้วอุ้มเด็กน้อยทั้งสองไว้ จากนั้นมองไปทางซ้ายและขวา ยิ่งมองก็ยิ่งมีรู้สึกยินดีมากขึ้น และความสุขฉายชัดอยู่บนใบหน้า ก่อนจะหัวเราะดังลั่น
ข้า… กลายเป็นปู่แล้ว!
เฉินอวี่ก็มีความสุขมากเช่นกัน แต่เมื่อเห็นภรรยายังคงยืนอยู่ด้านข้าง เขาก็ดึงแขนนางให้ขยับเข้ามาใกล้ “ท่านลุง นี่คือเยว่เหวินถิง ภรรยาของข้า เอ้า รีบทักทายท่านลุงเร็วเข้า!”
จู่ ๆ เยว่เหวินถิงก็กลับมามีสติอีกครั้ง นางโค้งคำนับด้วยความเขินอาย “คารวะท่านลุง… ข้าไม่รู้ว่าท่านลุงจะกลับมาเร็วปานนี้ ข้าหวังว่าท่านลุงจะไม่ถือสา”