บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1434 ความประหลาดใจอันน่ายินดียิ่ง
บทที่ 1434 ความประหลาดใจอันน่ายินดียิ่ง
เมื่อเห็นท่าทางพูดไม่ออกของเฉินซี แขกรอบข้างก็ยังคงพูดต่อ แถมยังเริ่มสั่งสอนชายหนุ่มกันสนุกสนานมากขึ้นด้วย
เหมือนกับมองว่าเฉินซีเป็นเด็กอายุน้อยที่ต้องได้รับการสั่งสอน
หากเป็นคนอื่น คนเหล่านี้ก็คงไม่ ‘สนุกสนาน’ กันเท่านี้ ประเด็นสำคัญคือพวกเขารู้ว่าเฉินซีในตอนนี้ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นเหมือนดาวค้างฟ้ารุ่นเยาว์แห่งภพเซียน
ตอนนี้ได้โอกาสสั่งสอนเฉินซี มีหรือพวกเขาจะพลาด?
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็แค่อยากมีตัวตนขึ้นมาบ้าง ไม่ได้มีจิตคิดร้ายอะไรนักหรอก
“ใช่แล้ว ถึงของขวัญจะได้ขึ้นประกาศ แต่มันก็เป็นเกียรติแค่ชั่วครู่เท่านั้น อีกทั้งเจ้ากล้ามั่นใจได้อย่างไรว่าของขวัญของเจ้าจะเหนือกว่าของคนอื่น? เช่นนี้มันดูไม่คุ้มเลยไม่ใช่หรือ”
“ไม่คุ้มไม่พอ ทำเช่นนี้จะทำให้แขกคนอื่น ๆ ไม่พอใจด้วย เด็กอย่างเจ้าสู้จะเอาแสงจากพวกตาแก่เช่นนี้ อาจทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะที่เจ้าไม่รู้จักเจียมตัวได้”
แขกทั้งหลายต่างพูดชี้แนะไม่ขาดสาย คล้ายผู้อาวุโสสั่งสอนผู้น้อย ทำให้เฉินซีไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ก็แค่ของขวัญชิ้นหนึ่ง จำเป็นต้องพูดขนาดนี้เลยหรือ?
“เฉินซี อย่าไปสนใจตาเฒ่าพวกนั้นเลย พวกเขาอิจฉาที่ของขวัญเจ้าได้ขึ้นประกาศ สุดท้ายแล้วตัวเองไม่มีโอกาสได้ลิ้มลอง ก็เลยหาว่าองุ่นคนอื่นเขาเปรี้ยวก็เท่านั้นเอง” อาซิ่วหัวเราะเสียงเบาอยู่ด้านข้าง เหมือนกำลังดูการแสดงอยู่
ชายหนุ่มได้แต่ถูคิ้วตนทำอะไรไม่ถูก เขาเองย่อมรู้ถึงความคิดตาแก่พวกนี้ หากไปถกเถียงด้วย คงได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก ดังนั้นจึงได้แต่เงียบไว้
โชคดีที่คนเหล่านี้เพียงแต่อวดความอาวุโส แต่ไม่ได้มีจิตคิดร้ายอะไร ไม่เช่นนั้นเฉินซีก็คงไม่สามารถเมินคำพูดพวกเขาไปได้
ดูเหมือนคนอื่นจะเห็นว่าเฉินซีไม่คิดอะไร แขกทั้งหลายจึงมีสีหน้าโกรธเคือง กำลังจะสั่งสอนอีกสักยก แต่เป็นจังหวะนั้นเองที่เพียงประโยคเดียวของเจ้าของงานดึงความสนใจของทุกคนไว้ได้
“สมบัติชิ้นสุดท้ายเป็นของศิษย์สายในอันดับหนึ่งแห่งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เฉินซี กล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่หาได้ยากในสามภพ และหายากมาตั้งแต่ยุคโบราณ ประเมินค่ามิได้เลย!” เจ้าของงานที่ยืนอยู่ไกล ๆ ถือกล่องหยกไว้ด้วยสองมือ มีสีหน้าตื่นเต้นยินดี น้ำเสียงดังก้องกังวานดั่งระฆังแก้ว ไม่หวงคำชมแม้แต่นิด เรียกว่าดึงความสนใจจากคนทั้งห้องโถงได้ในคราวเดียว
ทุกคนได้ยินก็ตกตะลึงไม่อยากเชื่อ ชิ้นนี้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย ก็ควรจะต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในหมู่ของขวัญทั้งหลาย ไม่ว่าเฉินซีจะไม่ธรรมดาเพียงใด แต่ของขวัญที่เขาเตรียมมาจะสามารถเทียบเคียงกับของขวัญจากเหล่าอำนาจเก่าแก่ได้อย่างไร?
หาได้ยากในสามภพ?
ประเมินค่ามิได้?
เป็นไปได้ด้วยหรือ?
แต่นั่นก็เป็นคำพูดของเจ้าของงานตระกูลเซวียนหยวน แม้ในใจจะกังขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรก่อนจะได้เห็นว่าจริงแท้แน่หรือไม่
ทุกคนจึงส่งสายตามองกล่องหยกอยู่ครู่หนึ่ง อยากจะเห็นนักเชียวว่าสมบัติภายในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่
แต่ทุกคนก็ต้องผิดหวัง เมื่อเจ้าของงานกล่าวเสียงขอโทษขอโพยออกมา “ด้วยความที่สมบัติชิ้นนี้น่าตกใจเกินไป เราจึงตอบตกลงคำขอของน้องเฉินซี ไม่ประกาศว่าของคืออะไรในครั้งนี้”
เสียงอื้ออึงดังขึ้นในฉับพลัน กระทั่งชื่อก็ประกาศไม่ได้หรือ? ดูท่าหากไม่ใช่ว่าของขวัญชิ้นนี้เทียบคนอื่นไม่ได้เลย ตระกูลเซวียนหยวนจึงทำเช่นนี้ไปเพื่อเอาอกเอาใจผู้น้อยอย่างเฉินซี
หรือจะเป็นของหายากจริงแท้ หากเผยแพร่ออกไปอาจเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ ดังนั้นจึงได้แต่ปิดไว้
เป็นอย่างไหนกันแน่?
ทุกคนหาคำตอบจากเจ้าของงานเลี้ยงไม่ได้ จึงพากันส่งสายตามาทางเฉินซี ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจภายในห้องโถงทันที
เฉินซีย่อมรู้ดีว่าตัวเองมอบของขวัญอะไรไป รู้ดีว่าเหตุใดเจ้าของงานถึงปิดชื่อเอาไว้ แต่เขาเองก็ไม่คิดบอกคนอื่นเช่นกัน
“ฮ่า ๆ! ทุกคนปล่อยสหายน้อยไปเถอะ แต่ข้าขอรับรองได้ว่าของขวัญชิ้นนี้หายากจริงแท้ เกินความคาดหมายของข้ายิ่งนัก นับได้ว่าเป็นความประหลาดใจอันน่ายินดียิ่ง” เป็นตอนนั้นเองที่เซวียนหยวนพั่วเซียวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ช่วยเฉินซีจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจนี้
พอเจ้าของงานพูดเช่นนั้น ทุกคนจึงมั่นใจเลยว่าของขวัญของเฉินซีคงจะเป็นของล้ำค่าจริง เซวียนหยวนพั่วเซียวเป็นถึงราชันเซียน ในฐานะเจ้าของงานเลี้ยงวันนี้ เขาไม่จำเป็นต้องหลอกแขกผู้มาร่วมงานเลย
แต่พอเป็นเช่นนี้แล้ว ทุกคนจึงยิ่งรู้สึกสงสัย มันเป็นสมบัติอะไรกันแน่? ถึงกับทำให้เซวียนหยวนพั่วเซียวที่เพิ่งขึ้นขอบเขตราชันเซียนเรียกว่าเป็นความประหลาดใจอันน่ายินดียิ่งเช่นนี้ได้ นับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
แต่แน่นอนว่าเป็นเพราะเซวียนหยวนพั่วเซียวขอให้ทุกคน ‘ปล่อยเฉินซีไป’ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดถามอีกฝ่ายอย่างไร้ยางอายอีก
มีเพียงแขกที่อยู่โดยรอบเฉินซีเท่านั้นที่รู้สึกไม่สบายใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามสั่งสอน คล้ายผู้อาวุโสสั่งสอนผู้น้อย
แต่ตอนนี้แม้ไม่รู้ว่าของขวัญของเฉินซีจะเป็นอะไร แต่ถึงขนาดได้เป็นของขวัญรายการสุดท้าย ได้รับคำชื่นชมจากเซวียนหยวนพั่วเซียวมากมายเช่นนั้น ก็เป็นเครื่องรับประกันได้แล้วว่าจะต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน
เหตุการณ์ผันเปลี่ยนเช่นนี้เหมือนฝ่ามือล่องหนที่ตบเข้าหน้าพวกเขาอย่างจัง ทำเอาทั้งเจ็บทั้งปวด ไม่กล้ายกเอาความอาวุโสกว่ามาพูดยกตนอีก
อาซิ่วปิดปากหัวเราะ นัยน์ตาทั้งสองเหมือนแอ่งน้ำใสรูปจันทร์เสี้ยว หัวเราะด้วยความเป็นสุขยิ่ง
“ดูตาเฒ่าพวกนั้นสิ เปลี่ยนเสียไวเชียว” อาซิ่วส่งกระแสปราณหาชายหนุ่ม
เฉินซียักไหล่อย่างจนใจ สาบานเลยว่าเขาไม่คิดจะโต้ตอบยอดฝีมือเหล่านั้นกลับเช่นนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาทำตัวเองทั้งนั้น เป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน จะมีใครช่วยอะไรได้เล่า?
หลังจากนั้นภายในงานเลี้ยงก็ไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก เฉินซีจากไปตอนกลางงาน มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ งานเลี้ยงนี้ได้กลายเป็นสถานที่พูดคุยของยอดฝีมือไปแล้ว เขาคุยกับใครไม่ได้ รีบไปเสียจะดีกว่า
เมื่อเขาจากไป เขาย่อมพาชีเซียวอวี่กับหลิ่วเจี้ยนเหิงกลับไปด้วย
…
ทว่าหลังเฉินซีกลับห้องกระบี่ไปไม่นาน เซวียนหยวนพั่วเซียวก็ประกาศภายในงานเลี้ยงให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนในภพเซียนได้ยินทั่วถึงกันว่า “นับจากวันนี้ไป หากใครเป็นศัตรูกับเฉินซี ก็เท่ากับเป็นศัตรูของทั้งตระกูลเซวียนหยวน!”
สิ้นคำนั้น ทุกคนในงานก็เหมือนถูกฟ้าผ่า!
ในจังหวะสำคัญเช่นนี้ เซวียนหยวนพั่วเซียวซึ่งเป็นตัวแทนตระกูลเซวียนหยวนถึงกับประกาศเรื่องนี้ออกมา จะไม่ให้คนคิดมากได้อย่างไร?
หลายคนคาดเดาว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับความเป็นศัตรูระหว่างเฉินซีกับตระกูลจั่วชิว!
เพราะอย่างไรทั่วทั้งภพเซียนต่างรู้ดีว่าเฉินซีตัดขาดกับตระกูลจั่วชิวแล้ว ตอนนี้ตระกูลเซวียนหยวนยังมาประกาศเรื่องเช่นนี้กลางยอดฝีมือจำนวนมาก ตระกูลเซวียนหยวนย่อมหมายจะเป็นกองกำลังสนับสนุนให้เฉินซีแน่นอน!
หรือก็คือ หากตระกูลจั่วชิวกล้าหาเรื่องเฉินซี หรือหากเฉินซีไปหาเรื่องตระกูลจั่วชิว ตระกูลเซวียนหยวนก็จะไม่นิ่งเฉย!
หากเป็นดังที่คาดเดาจริง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
เพราะไม่ว่าจะเป็นตระกูลเซวียนหยวนหรือตระกูลจั่วชิว ทั้งสองตระกูลก็เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่บรรพกาล ตอนนี้กลับเกิดร่องรอยความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเพราะคนเพียงคนเดียว หากข่าวแพร่ออกไป ย่อมทำให้กองกำลังใหญ่ทั้งหลายในภพเซียนตกตะลึงแน่!
เหตุใดตระกูลเซวียนหยวนถึงทำเช่นนี้?
บางคนก็เดาว่าเป็นเพราะเฉินซีมีความสัมพันธ์อันดีกับองค์หญิงน้อยตระกูลเซวียนหยวน เซวียนหยวนซิ่ว ทั้งสองคงจะได้สาบานเป็นคู่บำเพ็ญเพียรต่อหน้าผู้อาวุโสตระกูลเซวียนหยวนกันแล้ว
บ้างก็เดาว่า เป็นเพราะของขวัญที่เฉินซีมอบให้ในงานเลี้ยงวันเกิด เพราะในตอนนั้น กระทั่งเซวียนหยวนพั่วเซียวยังกล่าวเองว่าของขวัญชิ้นนี้นำความประหลาดใจอันน่ายินดียิ่งมาให้เขา
ขนาดราชันเซียนยังมีความเห็นสูงส่งเช่นนั้น จะเป็นของธรรมดาได้หรือ?
แน่นอนว่ายังมีหลายคนเดาสุ่มไปต่าง ๆ นานา แต่อย่างไรคำประกาศของตระกูลเซวียนหยวนในครั้งนี้ย่อมทำให้ตระกูลจั่วชิวเกิดแรงกดดันมากขึ้นในการรับมือกับเฉินซีเป็นแน่
พวกที่ฉลาดหน่อยถึงกับสังเกตว่า แม้เฉินซีจะดูไร้ภูมิหลังใด แต่คนผู้นี้ก็มีทรัพยากรล้นมือมาตั้งนานแล้ว
อย่างแรก เขาเป็นศิษย์สายในอันดับหนึ่งแห่งสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา มีกำลังต่อสู้หาใครเทียม อีกทั้งชื่อเสียงในภพเซียนยังโด่งดังดั่งตะวันยามเที่ยง และถึงขั้นได้รับมรดกจักรพรรดิเต๋า!
หรือก็คือ แค่มีตัวตนเช่นนั้น ในอนาคตเขาก็สามารถขึ้นเป็นเจ้าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ด้วยซ้ำ!
เป็นที่รู้กันว่าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเป็นสำนักศึกษาอันดับหนึ่งในภพเซียน จะมีสักกี่คนที่สามารถขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้บ้าง? อีกทั้งในหมู่กองกำลังทั้งหลายในภพเซียน มีใครที่เทียบฐานะกับอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้บ้าง?
นอกจากนั้นแล้ว ตอนนี้เฉินซียังได้รับแรงสนับสนุนเต็มที่จากตระกูลหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่บรรพกาล ก็คือตระกูลเซวียนหยวน เช่นนี้ใครจะคิดว่าเขาเป็นเพียงศิษย์รุ่นเยาว์ที่ไร้ภูมิหลังอยู่อีก?
หากบอกว่าชื่อเสียงของเฉินซีในอดีตได้มาจากน้ำพักน้ำแรง เช่นนั้นหลังจากได้มรดกจักรพรรดิเต๋าและแรงสนับสนุนจากตระกูลเซวียนหยวน ชื่อเสียงของเขาก็นับว่าสูงส่งจนทำให้คนตกตะลึงได้เลยทีเดียว!
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลจั่วชิวที่เป็นศัตรูกับเฉินซีมานานจะทำอย่างไร?
จะเกิดความเบาะแว้งระหว่างตระกูลเซวียนหยวนกับตระกูลจั่วชิวเพราะเฉินซีหรือไม่?
แล้วสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเล่า? เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นทางสำนักจะตัดสินใจอย่างไร?
หลังจากตระกูลเซวียนหยวนประกาศออกไป ก็อาจนับได้ว่าเป็นหินก้อนหนึ่งที่สร้างวงน้ำนับไม่ถ้วน ภายในวันเดียวก็ทำให้ทั่วทั้งภพเซียนสนใจเรื่องนี้ และให้ความสนใจกับความเบาะแว้งเบื้องหลัง
แน่นอนว่ายังมีอีกหนึ่งคำถามที่ทำให้ทุกคนสงสัยยิ่งกว่าเดิม ในานเลี้ยงวันเกิดเซวียนหยวนพั่วเซียว เฉินซีมอบของขวัญอะไรกันแน่?
แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เลย แต่เขาคาดเดาไว้แล้วตั้งแต่ต้น
เขาไม่ได้มีเหตุผลซับซ้อนอะไร ก่อนมางานเลี้ยงวันเกิด อาซิ่วบอกไว้แล้วว่าตระกูลเซวียนหยวนตัดสินใจเช่นนั้น และก็เป็นเพราะเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงมอบของขวัญที่ทำให้เซวียนหยวนพั่วเซียวเกิดความประหลาดใจอันน่ายินดียิ่งชิ้นนั้นไป
นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ หากพูดกันตามตรงก็คงเรียกได้ว่าเป็นการแลกของขวัญ แต่ของขวัญที่ทั้งสองฝ่ายแลกกันออกจะเป็นของขวัญที่น่าตกใจไปสักหน่อยเท่านั้นเอง