บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1466 โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา
บทที่ 1466 โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา
……………………………………………………………………..
บทที่ 1466 โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา
เมื่อเสียงสง่างามอันสูงสุดและไม่แยแสนั้นดังก้องไปทั่วสามภพ ผู้บ่มเพาะทุกคนในโลกล้วนประหลาดใจ ทั้งยังตระหนักได้ทันทีว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังจะกวาดล้างอยู่ในเวลานี้!
โครม
ณ ปลายขอบฟ้าอันไกลโพ้น เสียงพลันดังขึ้น และเขย่าฟ้าดินอันกว้างใหญ่ไพศาล มันก้องกังวานไปทั่วผืนฟ้าของสามภพ
“มันกำลังมาแล้วหรือ?” เฉินซีรู้สึกหวาดกลัวในใจ
เสียงดังกึกก้องนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภพเซียน และแม้แต่ผู้บ่มเพาะธรรมดา ๆ ของทุกโลกในจักรวาลก็สัมผัสได้ในขณะนี้
“มันใกล้จะถึงแล้ว!” แสงอันคมกริบพลันปรากฏเหนือคิ้วหนาของศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่ จากนั้นเขาก็ยกค้อนยักษ์ในมือขึ้น แล้วเหวี่ยงมันไปในทันที
เงาค้อนที่เรียงรายต่อ ๆ กัน ได้ชักนำพลังงานในฟ้าดิน และมันเชื่อมโยงเข้ากับดวงดาว ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต ความล้ำลึกของเหล่าทวยเทพได้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า จากนั้นก็กลายเป็นแผ่นยันต์มากมายที่ก่อตัวเป็นค่ายกลใหญ่
ค่ายกลนี้ เป็นดั่งการสรรค์สร้างอันน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ มันเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันวุ่นวาย และเผยให้เห็นเงาของทวยเทพที่กำลังสวดภาวนา ถือได้ว่าเป็นเลอเลิศและไร้ที่ติ แล้วยังห่อหุ้มทุกคนไว้ภายในมัน
แท้จริงแล้ว นี่คือค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวจากยันต์เทวะจำนวนมาก ซึ่งเปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์!
เฉินซีมองเห็นแก่นแท้ของค่ายกลนี้ด้วยการชำเลืองเพียงแวบเดียว และอดไม่ได้ที่จะตกใจ ด้วยความสามารถในการสร้างค่ายกลศักดิ์สิทธิ์นี้ในชั่วพริบตา การบ่มเพาะของศิษย์พี่สามนั้น น่าสะพรึงจนไม่อาจหยั่งถึงได้!
“ทุกคน ตั้งสติและรออย่างสงบ แม้ว่าภัยพิบัตินี้จะปะทุขึ้นล่วงหน้าโดยเจ้านิกายอำนาจเทวะ และเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดมัน แต่เมื่อมันลงมาแล้ว มันก็ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายอำนาจเทวะอีกต่อไป ทั้งยังมีร่องรอยแห่งโอกาสให้ค้นหาท่ามกลางภัยพิบัติที่ร้ายแรงอยู่ภายในนั้น” เที่ยอวิ๋นไห่กำชับด้วยเสียงทุ้มลึกเบา
“โอกาสอันใดหรือ?” เฉินซีตกตะลึง
“โดยปกติแล้ว ย่อมเป็นเส้นทางสู่แดนเทพโบราณ” หลียางพึมพำด้วยเสียงเบา ๆ
ทันทีที่กล่าวจบ คนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงอย่างรุนแรงในใจ เส้นทางสู่ดินแดนเทพโบราณ! นั่นเป็นโอกาสอันดียิ่ง!
โดยเฉพาะจ้าวไท่ฉือ อ๋าวจิ่วหุย ฉือฉางเซิง และคนอื่น ๆ ที่ขอบเขตเทวา เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ ดวงตาของพวกเขาก็สว่างวาบ และรู้สึกตื่นเต้นในใจ
“แม้โอกาสจะยิ่งใหญ่ แต่เจ้าก็ต้องมีชีวิตรอดเพื่อแย่งชิงมัน ในภัยพิบัติครั้งนี้ โอกาสนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยภยันตรายร้ายแรง ดังนั้นจึงยากที่จะกล่าวว่าเราจะมีชีวิตรอดหรือไม่” หลียางถอนหายใจเบา ๆ
“ศิษย์น้องเล็ก ไม่จำเป็นต้องกังวล ภัยพิบัติครั้งนี้อย่างน้อยก็จะคงอยู่ไปอีกนาน การดำรงอยู่เช่นคนทั่วไปคือผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ แต่สำหรับเราผู้บ่มเพาะก็มิอาจหลีกเลี่ยงมันได้ และผู้ที่จะประสบคราวเคราะห์เป็นอันดับแรกก็คือเหล่าตัวตนที่ขอบเขตเทวา” เมื่อนางสังเกตเห็นสีหน้าที่หนักอึ้งของเฉินซี หลียางอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มและปลอบใจ “เว้นเสียแต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาภายในสามมิติทั้งหมดจะหายไปอย่างสมบูรณ์ภายใต้ภัยพิบัตินี้ มิฉะนั้น มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อตัวตนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเทวา”
“หากเป็นเช่นนี้ ภัยพิบัติครั้งนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ตัวตนที่ขอบเขตเทวาหรือ?” เฉินซีรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“ไม่ ในท้ายที่สุด สักวันหนึ่งตัวตนที่ขอบเขตเทวาจะถูกกำจัดจนหมดสิ้น ในเวลานั้น ภัยพิบัตินี้จะคืบคลานสู่ผู้บ่มเพาะขอบเขตราชันเซียน ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ขอบเขตเซียนปราชญ์ และอื่น ๆ ไปตามลำดับ” หลียางส่ายศีรษะและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่เป็นภัยพิบัติที่น่ากลัวที่สุดนับตั้งแต่มีการสร้างสามภพขึ้นมา เบญจนิมิตแห่งอาสัญได้จุติลงมาจากสวรรค์แล้ว และมันตั้งใจที่จะสร้างยุคใหม่ ดังนั้นไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดที่สามารถหลบหนีไปจากมันได้”
บัดนี้ ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจแล้วว่าภัยพิบัตินี้น่ากลัวเพียงใด
ตัวตนที่ขอบเขตเทวาจะต้องประสบคราวเคราะห์เป็นอันดับแรก จากนั้นจะเป็นขอบเขตราชันเซียน ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น ขอบเขตเซียนปราชญ์ ขอบเขตเซียนทองคำ และอื่น ๆ ตามลำดับ
เว้นเสียแต่ว่าภัยพิบัตินี้จะสิ้นสุดลง ไม่เช่นนั้นจะไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดสามารถหลบหนีไปได้!
แครก!
ขณะที่ทุกคนพูดคุยกัน รอยแยกมิติก็เปิดออกในท้องฟ้า และมันแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากนั้น โลกทุกใบในจักรวาลก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสมือนกับรูโหว่ในเต๋าแห่งสวรรค์ของสามภพ และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็สั่นสะเทือน
ในขณะนี้ เหล่าผู้บ่มเพาะทุกคนในสามภพต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวในใจ สัตว์อสูรที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขาก็ส่งเสียงหอน และสัตว์อสูรบินต่าง ๆ ก็กระวนกระวาย พวกมันล้วนกระสับกระส่าย หวาดกลัว และไม่สบายใจ
แทบจะในทันที ท้องฟ้าของโลกทุกใบในจักรวาลก็ถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นด้วยรอยแยกมิติที่สลับซับซ้อนเหมือนใยแมงมุม และมันก็ใกล้จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ดูเหมือนท้องฟ้ากำลังจะพังทลายและไม่มีอยู่จริงอีกต่อไป!
ตู้ม!
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงระเบิดขนาดมหึมาดังก้องไปทั่วทุกมุมของสามภพ ราวกับโลกใหม่ได้ก่อตัวขึ้น และบัญชาเต๋าสวรรค์ที่ประคับประคองการทำงานของสามภพก็สั่นคลอนอยู่ในขณะนี้จริง ๆ ทำให้มันกลายเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่
หลังจากนั้น เกิดความผันผวนแปลกประหลาดบนท้องฟ้าที่พังทลาย และจากนั้นก็มีประตูบานหนึ่งถูกควบแน่นซึ่งถูกสร้างขึ้นที่นั่น!
มันเป็นประตูจริง ๆ มันเหมือนกับประตูแห่งท้องฟ้า และมันปรากฏท่ามกลางบัญชาเต๋าสวรรค์ แม้ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลมาก แต่ก็สะท้อนให้เห็นในโลกทุกใบในจักรวาล ผู้บ่มเพาะทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และความหนาวเย็นก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของพวกเขา
นั่นคือประตูอะไร?
มันเป็นประตูที่นำไปสู่ภัยพิบัติหรือไม่?
สิ่งมีชีวิตทั้งปวงล้วนตกอยู่ในความตื่นตระหนก กระสับกระส่าย และวิตกกังวล พวกเขารู้สึกถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงและคุกคามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนเกือบหมดสติไป
โครม!
เมื่อประตูในท้องฟ้าได้ควบแน่นจนเป็นรูปเป็นร่าง ฟ้าดินก็ถูกเขย่า และโลกทุกใบในจักรวาลสั่นสะเทือน!
“กำลังจะเปิดแล้ว!” เที่ยอวิ๋นไห่หายใจเข้าลึก ๆ และสะสมพลังระหว่างที่รอคอย
เฉินซีจ้องมองอย่างกังวลใจ ประตูนั้นได้ก่อตัวขึ้นในท้องฟ้า และสะท้อนให้เห็นในโลกทุกใบในจักรวาล นอกจากนี้ มันถูกปกคลุมด้วยความผันผวนที่คลุมเครือ จนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างแน่ชัดว่ามันคืออะไร
แต่เพียงแค่มองมัน ก็ทำให้ขนตั้งชูชันไปทั้งตัว และรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในหัวใจ ราวกับต้นตอของภัยพิบัติได้อยู่ลึกเข้าไปในประตูบานนั้น
ท้องฟ้าพังทลายลง ในขณะที่ประตูตั้งตระหง่านอยู่ภายในนั้น มันทำให้ฟ้าดินในโลกต่าง ๆ มืดสลัวลง ราวกับกำลังจะตกไปสู่ความมืดมิดและความพินาศอันชั่วนิรันดร์…
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ทันใดนั้น ประตูบนท้องฟ้าก็สั่นเบา ๆ จากนั้นฝนแสงก็โปรยปรายลงมา และกวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ นี่คือพลังงานของเต๋าแห่งสวรรค์ที่คงสภาพกลไกการทำงานของสามภพ ซึ่งในท้ายที่สุด มันก็กลายเป็นโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา!
เมื่อมองจากระยะไกล โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันครอบคลุมทั้งจักรวาล เสมือนกรงที่ปกคลุมทั้งสามภพซึ่งปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน!
ครืน!
พร้อมกับการปรากฏตัวของโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเหล่านี้ โลกทุกใบในจักรวาลก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งยังถูกกักขังด้วยพลังที่น่ากลัวและคลุมเครือ มันทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวจนไม่สามารถหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงได้
“กรงแห่งเต๋าสวรรค์!”
“ในที่สุด แดนโลกาวินาศก็มาถึงแล้ว!”
ในขณะนี้ เที่ยอวิ๋นไห่และปราชญ์เฒ่ากล่าวขึ้นมาพร้อมกัน และพวกเขามีสีหน้าเคร่งขรึม
สีหน้าของคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน พวกเขาต่างรู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัว เพราะพลังเช่นนี้เหมือนจุดจบของโลกกำลังจะมาถึงจริง ๆ!
ผู้บ่มเพาะทุกคนในจักรวาลต่างสิ้นหวัง เพราะไข่ใบใดจะสามารถอยู่รอดได้ในเมื่อรังถูกทำลายจนหมดสิ้น? นี่คือจุดจบของโลกใช่หรือไม่? จะมีใครที่สามารถหลีกหนีจากภัยพิบัติเช่นนี้ได้บ้าง?
โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตได้กวาดออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และมันก็เหมือนกับกรงที่ปกคลุมลงมา เงาของมันแผ่ขยายไปทุก ๆ พื้นที่ของทั้งสามภพ และเสมือนกับโซ่ตรวนอันไร้ความปรานีที่หมายมั่นจะพันธนาการสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาล!
…
ภพเซียน
ภายในพื้นที่อันไร้ขอบเขตและลึกลับ
ชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน แล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเผยสีหน้าโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยว
“หลังจากที่ข้าบรรลุถึงขอบเขตเทวา ข้าก็เก็บตัวอยู่เงียบ ๆ มานานจนไม่อาจนับ และข้าก็ไม่ปรารถนาต่อโอกาสที่อยู่ภายในแดนเทพโบราณด้วยซ้ำ แต่บัดนี้ ข้าจะต้องถูกทำลายล้างภายใต้ภัยพิบัตินี้ สวรรค์ที่น่ารังเกียจ ช่างสมควรตายจริง ๆ!” เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนที่จะพุ่งออกจากพื้นที่ที่ตนพำนักอยู่ และตั้งใจจะหนีออกจากสามภพ แต่ทว่าก่อนที่จะหนีไปได้ โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชากว่าพันเส้นก็ปรากฏขึ้นมาจากอากาศ และพวกมันก็จองจำเขาไว้ทันที!
“ข้าไม่มีวันยอมเป็นอันขาด!!” ชายชราดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่มันก็ไร้ผล ร่างกายของเขาถูกกักขังอยู่ในทรงกลมภายในชั่วพริบตา และถูกพาเข้าไปในประตูบนท้องฟ้า
…
ในภพเซียน
ณ แม่น้ำแห่งดวงดาวอันกว้างใหญ่ในจักรวาลนั้น มีผืนดินลอยอยู่ไร้ขอบเขต
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ผืนดินที่ไร้ขอบเขตนี้ ได้ ‘ยืนขึ้น’ มาจริง ๆ แล้วมันก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย ก้อนหินร่วงหล่น ฝุ่นและสิ่งสกปรกฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ และจากนั้นก็เผยให้เห็นร่างอันยิ่งใหญ่ที่สามารถค้ำยันท้องฟ้าไว้ได้
เขาก้าวผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว พลางถือดวงดาวอยู่ในมือ ดวงตาก็ยังสว่างกว่าดวงอาทิตย์ และเปล่งประกายแสงอันศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้ขอบเขต
ทันทีที่เขาปรากฏตัว โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ และพวกมันก็กักขังเขาไว้จากทุกทิศทุกทาง
“ในที่สุดแดนโลกาวินาศก็มาถึงแล้ว! การรอคอยอันขมขื่นนับล้านปีของข้า ไม่ได้ไร้ผล ครั้งนี้ข้าจะไม่พลาดโอกาสนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!” เสียงอันดังสนั่นได้ดังก้องไปทั่วจักรวาล และร่างนั้นแหงนมองท้องฟ้าพลางหัวเราะ ซึ่งแท้จริงแล้ว เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงหรือหลบหนี ทั้งยังยอมให้โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเหล่านั้นพันธนาการ หลังจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า และพุ่งไปที่ประตูที่ตั้งตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า
…
ครืน!
ยมโลก
โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจำนวนมากมายได้หลั่งไหลเข้าสู่ส่วนลึกของแม่น้ำเลือด และมันพันธนาการร่างที่เปื้อนเลือดไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่จะนำมันเข้าไปในประตูบนท้องฟ้าทันที
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของสามภพ โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาดูเหมือนจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกมันก็พันธนาการเทพองค์แล้วองค์เล่า
ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีใครสามารถหลบหนีได้ ไม่ว่าที่ซ่อนจะลึกลับเพียงใด หรือหากพวกเขาครอบครองพลังสูงสุดที่น่าตกตะลึง พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัตินี้ได้ในที่สุด!
สรุปแล้ว เมื่อภัยพิบัตินี้กวาดผ่านสามภพ ตัวตนขอบเขตเทวาทั้งหมดก็เหมือนกับต้นหญ้า ถูกพันธนาการอย่างไร้ความปรานีและถูกพาตัวไป!
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในที่นี้จะไม่เคยเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ แต่พวกเขาก็สามารถมองเห็นร่างจำนวนมากที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาล ถูกพันธนาการโดยโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา และถูกนำเข้าไปในประตูที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาทั้งหมดตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และรู้สึกราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง เพราะในภัยพิบัตินี้ แม้แต่ทวยเทพก็ยังเป็นเหมือนมด และไม่อาจหลบหนีได้แม้แต่น้อย แล้วจะมีใครในโลกนี้ที่สามารถอยู่รอดได้?
เฉินซีได้เห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน และนอกจากรู้สึกเหน็บหนาวในใจแล้ว ยังนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้เห็นในเนตรทัณฑ์สวรรค์อีกครั้ง ภายในกรงจำนวนนับไม่ถ้วนของมหาเต๋า มันมีทวยเทพอยู่มากมาย!
หรือเหล่าทวยเทพที่ถูกพันธนาการระหว่างภัยพิบัตินี้ จะถูกนำตัวไปยังสถานที่นอกสามภพเช่นกัน? หัวใจของเฉินซีรู้สึกเหน็บหนาว และไม่กล้าที่จะคิดอีกต่อไป
“มันกำลังมา!” ทันใดนั้น เสียงที่น่ากลัวและโกรธเกรี้ยวของจ้าวไท่ฉือก็ดังก้องข้างหูของชายหนุ่ม
เมื่อเฉินซีกลับมามีสติอีกครั้ง ชายหนุ่มสังเกตเห็นโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจำนวนมากพุ่งลงมาจากท้องฟ้า พวกมันก่อตัวเป็นมวลที่หนาแน่นและไร้ขอบเขต ขณะที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา
ในตอนนี้ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ล้วนรู้สึกหายใจไม่ออก ราวกับใกล้จะตายในไม่ช้า!
ครืน!
ในขณะนี้ ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่ล้อมรอบพวกเขาได้สำแดงพลัง มันปลดปล่อยยันต์เทวะที่กลายร่างเป็นก้อนเมฆที่สุกใส แล้วเข้าปะทะกับโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา ซึ่งระเบิดเป็นคลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัว
ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้ถูกทำลายลง ในทางกลับกัน โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา กลับถูกขัดขวางอยู่ที่ด้านนอก และไม่สามารถเข้าไปได้เลย!
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะฝีมือของเที่ยอวิ๋นไห่ ศิษย์พี่สามของเฉินซี!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ คนอื่น ๆ พลันถอนหายด้วยความโล่งอกอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ใบหน้ากลับปกคลุมไปด้วยความประหลาดใจ และยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
“ทุกคน ค่ายกลนี้สามารถขัดขวางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่การเตรียมตัวของเราก็เพียงพอแล้ว หลังจากนี้ ทุกคนที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเทวาให้ตามข้ามา และเราจะบุกทะลวงกรงของมหาเต๋า พร้อมกับตะลุยเข้าสู่แดนโลกาวินาศด้วยกัน!” เที่ยอวิ๋นไห่กล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก และหว่างคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง