บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1488 ปลิดชีพมังกร
บทที่ 1488 ปลิดชีพมังกร
……………………………………………………………………..
บทที่ 1488 ปลิดชีพมังกร
ทันทีที่ค่ายกลสมบูรณ์พร้อม มันก็ถูกเฉินซีทำลายลงในหนึ่งย่างก้าว!
เหตุเกินคาดฝันนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ขนาดที่ราชันเซียนทั้งหลายไม่มีแม้แต่โอกาสไหวตัว
ถึงอย่างไร มันก็ถูกสร้างขึ้นโดยราชันเซียนหกคน และตัวค่ายกลเองก็ถูกถ่ายทอดสืบต่อกันมาในภพมังกร ยิ่งกว่านั้น ค่ายกลนี้ในโบราณกาลยังเคยกระทั่งสังหารเทพที่แท้จริงมาแล้วผู้หนึ่ง
แต่ไร้ผู้ใดคาดคิด ว่ามหาค่ายกลที่พวกตนถือเป็นไพ่ตายอันแข็งแกร่งที่สุดจะอ่อนแอดุจกระดาษได้เพียงนี้!
มันจะเป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาล้วนตกตะลึง ไม่กล้าเชื่อตาตนเอง
“ทุกท่าน เรามองข้ามบางสิ่งไป เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เพียงศิษย์ผู้หนึ่งของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า กระทั่งเขาเทพพยากรณ์ เจ้านี่ก็เกี่ยวพันด้วยอย่างลึกซึ้ง การใช้ค่ายกลมากักตัวสังหารเขาจึงไม่ต่างกับใช้จุดอ่อนของเราสู้จุดแข็งของเขา หาเรื่องใส่ตัวโดยแท้!” เจี้ยงทิงฟางกล่าวผ่านกระแสปราณด้วยสีหน้าย่ำแย่
คนอื่น ๆ รู้สึกตื่นตระหนก สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่แน่นอน เข้าใจสรรพสิ่งอย่างถ่องแท้
“ไม่ว่าอย่างไร ขณะนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตายกันไปข้างเท่านั้น เราหกราชันเซียนร่วมมือโจมตี ไอ้หนูนี่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนชะตาได้หรอก!” หญิงชราถือไม้เท้าอสรพิษเงินว่านฉีอิงตวาดด้วยน้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว
บางที หากเป็นราชันเซียนเพียงคนสองคน คงมิอาจทำอันใดกับเฉินซีได้ แต่หากหกราชันเซียนสู้ยิบตา ก็ยังมิอาจกระทำการใดกับเฉินซีเลยหรือ?
ตุบ! ตุบ!
เฉินซีเดินออกมาจากค่ายกลขณะที่มังกรอันก่อขึ้นจากชะตากรรมมากมายรัดพันรอบกาย บรรยากาศยิ่งใหญ่กดดันยิ่งทวีความกล้าแกร่ง ดุจราชันนิรันดร์กาลผู้ลงมายังโลกมนุษย์
สายตาของเขาลึกล้ำ เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ขณะมองไปยังหกราชันเซียน มุมปากยกยิ้มเยาะขึ้นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ใช้ค่ายกลกับข้า? พวกสมองนิ่มนี่ไร้ความคิดเกินไปแล้ว!
หากข้าติดอยู่ในนั้นจริง ๆ แล้วข้าจะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นศิษย์เขาเทพพยากรณ์?
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่การกระทำของเฉินซีไม่ได้ช้าเลย ทันทีที่ก้าวพ้นค่ายกล ร่างของเขาก็วูบไหว ขณะที่กระบี่สีแดงเลือดในมือแหวกผ่านท้องนภา ฟาดฟันลงอย่างดุเดือด
เปรี้ยง!
ปราณกระบี่มหาศาลจากแผ่นยันต์พลุ่งพล่าน เดือดดาลมาดร้าย
ขณะเดียวกันนั้นเอง ชายหนุ่มชุดทองสูงราวจั้งเองก็ลงมือเช่นกัน กำปั้นของเขาปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรแน่นหนา ล้อมด้วยเพลิงมังกรศักดิ์สิทธิ์ แผดคำรามสนั่นลั่น เหวี่ยงหมัดฉีกสวรรค์แยกแดนดิน พุ่งตัวทะยานเข้าใส่เฉินซี
เขามาจากภพมังกร เป็นราชันเซียนผู้มีระดับอาวุโสเทียบเท่าอ๋าวจิ่วหุย มีนามว่าอ๋าวเหริง ร่างจริงนั้นเป็นมังกรเขียวบรรพกาล อุปนิสัยเย็นชากระหายเลือดอย่างยิ่ง
ขณะนี้ ทันทีที่ลงมือ การโจมตีของเขาดูอลังการดุจคนละโลก แต่กลับแฝงจิตสังหารและอำนาจร้ายกาจยิ่งใหญ่!
คลื่นสำเนียงมังกรคำรนเลื่อนลั่นทั่วทิศ กระทบทุกคู่โสตชัดแจ้ง เผยบรรยากาศคุกคามกดดัน ฤทธามังกรไร้ขอบเขตโถมทะยานเข้าใส่เฉินซีพร้อม ๆ กับอ๋าวเหริง
เปรี้ยง!
กระบี่สีเลือดทะยานเวหา พุ่งเข้าตอบโต้การโจมตีของอ๋าวเหริงอย่างตรงไปตรงมา
เสียงเคร้งสะท้านสะเทือน ประกายแสงเจิดจรัสกระเซ็นโปรยรอบทิศ
“บัดซบ!” ร่างของอ๋าวเหริงสั่นสะท้านขณะซวนเซถอยหลัง พูดด้วยความรวดร้าวสาหัสจนใบหน้าบิดเบี้ยว
ในการประมือซึ่งหน้านี้ ปราณกระบี่จากมวลยันต์เกือบสับแขนของเขาเป็นเสี่ยง ๆ ทิ้งรอยแผลน่าสะพรึงกลัวไว้มหาศาล ยิ่งกว่านั้น กระทั่งเกล็ดมังกรอันลือชื่อด้านความแข็งแกร่งยังถูกเฉือนออกจากแขน!
“ผู้อาวุโสอ๋าวจิ่วหุยเป็นผู้ซื่อสัตย์ที่ใช้ชีวิตในทำนองคลองธรรม แต่เจ้าในฐานะคนของภพมังกรกลับนำตัวมาพัวพันกับผู้ไม่สมควรคบหา กระทั่งกระทำตัวไร้ระเบียบ ไม่ยอมสำนึกผิด วันนี้ข้าจะเริ่มที่เจ้า ข้าจะสับศีรษะมังกร ให้โลหิตหลั่งรินแทนคำเตือนแก่ผู้อื่น!” ขณะที่น้ำเสียงราบเรียบทว่ามั่นคงก็ดังขึ้น เฉินซีย่างเท้าข้ามมิติเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชาเครียดขึง ตวัดกระบี่เต๋าวิบัติสีแดงเลือดในมือเข้าโจมตี
ตู้ม!
กระบี่สีแดงเลือดแผ่ค่ายกลกระบี่ไร้ขอบเขต แออัดหนาแน่นทั่วแดนดินใกล้เคียง ตั้งใจสกัดขวางและสังหารอ๋าวเหริง
สีหน้าของอ๋าวเหริงเปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลัน ใบหน้าของเขามีโทสะ กระทั่งความหวาดผวา …ความแข็งแกร่งของไอ้เด็กเวรนี่ท้าทายสวรรค์เกินไป และยามปกคลุมด้วยปราณชะตากรรมจากตำหนัก เขาก็ให้ความรู้สึกประหนึ่งไร้เทียมทาน ไม่อาจสั่นคลอน
“ฮึ! เป็นไอ้เด็กเวรที่กล้าหาญเสียจริง!” ราชันเซียนคนอื่น ๆ ย่อมไม่อาจทนดูอ๋าวเหริงถูกสังหารไปเฉย ๆ ทันทีที่เฉินซีลงมือ พวกเขาต่างก็ลงมือ คิดหยุดอีกฝ่ายทันที
ชั่วขณะนี้ พวกเขาล้วนเป็นตายร่วมกัน หามีความแตกต่างกันไม่ นอกจากนั้น พวกเขายังถือเฉินซีเป็นศัตรูอันดับหนึ่งร่วมกัน
“หากข้า เฉินซี ตั้งใจจะฆ่าผู้ใด ฟ้าดินก็มิอาจกั้นขวาง แล้วพวกเจ้าคิดว่าตนเป็นใครกัน จึงคิดมาขวางข้า!?” เฉินซีแค่นเสียงเย็นเยียบ ไม่ได้แก้ไขการโจมตีของตน ชายหน่มพลันนำตาข่ายใหญ่ซึ่งเย็นเฉียบเสียดกระดูก ดูประหนึ่งถักทอด้วยด้ายแสงดุจมายาออกมา เหวี่ยงทะยานมิติเวลาไปคลุมอ๋าวเหริงไว้ทันที
ขณะเดียวกัน กระบี่สีแดงเลือดในมือก็ฟาดฟันจากล่างสู่บน ดุจธารดาราเคลื่อนย้อนทิศ กวาดร่างห้าราชันเซียนซึ่งขวางทางตนออกไป
ตู้ม!
เสียงกระทบดังสนั่นสะท้านเทือน ขณะที่พิรุณแสงโปรยกระจายลงทั่วทิศ
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
เฉินซีและคู่ต่อสู้ต่างถูกการโจมตีนี้สะท้านจนทะยานถอยหลัง ต่างฝ่ายต่างฝีมือสูสีเท่าเทียม
ทว่าราชันเซียนทั้งหลายต่างมิอาจเกิดความปรีดาในใจ สีหน้าของพวกเขาไม่น่ามองถึงขีดสุด ไม่ใช่เพียงแค่เพราะเฉินซีลำพังต้านพวกเขาทั้งห้าได้อย่างสูสี แต่เป็นเพราะขณะนี้ พวกเขาได้ประจักษ์หนึ่งเหตุการณ์อันสะท้านขวัญ…
หนึ่งตาข่ายกว้างอันเย็นเฉียบ ดูประหนึ่งถักทอจากแสงดาวเคลื่อนผ่านกาลเวลาและมิติเข้าคลุมร่างอ๋าวเหริง แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใด ก็ไม่อาจสะท้านสะเทือนใด ๆ กับตาข่ายนั้นได้เลย!
หรือบางที อาจจะกล่าวได้ว่าการโจมตีของอ๋าวเหริงไม่สามารถแตะต้องตาข่ายได้เลย ขณะที่ตาข่ายนั้นผ่านการโจมตีเหล่านั้นไป โอบล้อมรอบกายของเขาไม่ปล่อยคลาย ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเช่นไร ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงพ้นเลย
เพียงพริบตา อ๋าวเหริงก็ถูกตาข่ายกว้างพันธนาการ ไม่อาจหลบรอด!
เรื่องทั้งหมดนี้ใช้เวลาสาธยายแสนนาน แต่ยามเกิดขึ้นจริงใช้เวลาเพียงเสี้ยวหนึ่งในพันของพริบตาเท่านั้น ยามราชันเซียนทั้งหลายหันไปมอง อ๋าวเหริงก็ติดอยู่ในตาข่าย ไม่อาจดิ้นหลุดได้แล้ว
นั่นราชันเซียนนะ!
ทว่าขณะนี้ เขากลับเป็นเช่นเหยื่อติดกับพราน ดิ้นเช่นไรก็ไม่หลุด ตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถน่าเวทนา จึงไม่แปลกใจเลยที่คนอื่น ๆ จะรู้สึกตกตะลึง
มันทำให้ม่านตาของราชันเซียนคนอื่น ๆ หดตัวอย่างกะทันหัน เผยสีหน้าหวาดผวา นี่มัน?
“สมบัติวิญญาณธรรมชาติ! เวรเอ๊ย! นี่คือตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเขาเทพพยากรณ์! ราชันเซียนครึ่งขั้นอย่างเจ้ามีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเขาเทพพยากรณ์ได้อย่างไร!?” อ๋าวเหริงบ้าคลั่งไปแล้วอย่างสมบูรณ์ เขาดิ้นรนสุดชีวิต คิดจะสะบัดให้หลุดจากพันธนาการของตาข่ายนี้
ทว่ายิ่งดิ้นรน ตาข่ายกลับยิ่งรัดตัว ยิ่งกว่านั้น เส้นด้ายนับไม่ถ้วนอันดูประหนึ่งแสงดาราอันเย็นเฉียบก็ยิ่งออกแรงบีบตัวคั้นกระดูก ตรึงร่างไว้กับที่ รัดพันรอบดวงวิญญาณ อำนาจและแก่นแท้ไว้ กระทั่งดวงจิตยังเจียนถูกพันธนาการ!
ราชันเซียนคนอื่น ๆ ล้วนตกตะลึงอยู่ในใจยามเห็นเช่นนี้ สมบัติวิญญาณธรรมชาติ? ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์?
นี่คือสมบัติล้ำค่าอันเลื่องลือซึ่งสืบทอดกันภายในเขาเทพพยากรณ์ ประมุขเขาเทพพยากรณ์ ฝูซีได้มันมาจากความโกลาหล กล่าวกันว่ามันสามารถจับความลับแห่งสวรรค์ ชะตากรรม ปราณมงคล และอำนาจไร้ตัวตนอื่น ๆ ได้ มีฤทธิ์เดชยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต!
ยิ่งกว่านั้น สิ่งนี้ยังเป็นข้อพิสูจน์ตัวตนของเฉินซีอย่างอ้อม ๆ ว่า เขาเป็นทายาทของเขาเทพพยากรณ์!
แม้ยามนี้จะบังเกิดหายนะ และด้วยฐานะหนึ่งในสามนิกายสูงสุดแห่งสามภพ สมาชิกทั้งมวลของเขาเทพพยากรณ์น่าจะถูกพาไปยังแดนโลกาวินาศหมดแล้ว แต่กระทั่งยามนั้น อิทธิพลของเขาเทพพยากรณ์ก็ยังคงอยู่!
โดยเฉพาะ สำหรับราชันเซียนทั้งหมดนี้ ตัวตนในฐานะศิษย์เขาเทพพยากรณ์ของเฉินซีทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่น รู้สึกยากจะรับมือขึ้นมาทันใด
“ทุกท่าน ยังมัวรอสิ่งใดอยู่? รีบช่วยข้าสิ… อ๊าก!!!” ทันใดนั้น เสียงอันหวาดกลัวสุดขีดของอ๋าวเหริงก็แผดลั่น ทว่ากลับหยุดลงกะทันหันเพราะเฉินซีมาถึงข้างกาย และคว้าคอเขาไว้
เหตุการณ์นี้ทำให้สีหน้าของราชันเซียนคนอื่น ๆ เดือดดาลกันอย่างสมบูรณ์ พวกเขาพากันตวาดเอะอะไม่จบสิ้น
“อย่าริบังอาจ!”
“วางมือเดี๋ยวนี้!”
“หากเจ้ากล้าลงมือกับเรา วันนี้เราจะล้างเจ้าให้สิ้น มิอาจเวียนวัฏสงสารได้ชั่วกาลแน่!”
เสียงตวาดอย่างเดือดดาลกึกก้องทั่วทิศ ไม่อาจแยกแยะได้ว่าพูดออกมาจากใจหรือไม่ ทว่าสรุปแล้ว เหตุการณ์นี้ก็ชวนตื่นตะลึงอย่างยิ่ง หากเป็นผู้อื่นมาเผชิญหน้าคำข่มขู่จากห้าราชันเซียน คาดว่าคงขวัญหนีดีฝ่อกันไปนานแล้ว
ทว่าเฉินซีทำหูทวนลม สีหน้ายังคงเฉยชาราบเรียบ
กระทั่งนับแต่อ๋าวเหริงถูกตาข่ายครอบคลุมสวรรค์พันธนาการ จนมาถึงข้างกายอ๋าวเหริง การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้ชะงักแม้แต่น้อย!
ฉับ!
ภายใต้สายตาเดือดดาลของราชันเซียนทั้งหลาย กระบี่สีเลือดในมือแหวกนภา สะบั้นหนึ่งศีรษะลง
ฉูด!
โลหิตสีทองสาดกระเซ็น ชวนขวัญผวาอย่างยิ่ง ทว่าขณะเดียวกันก็งดงามจับตา
ข้าจะสับศีรษะมังกร ให้โลหิตหลั่งริน!
ขณะนี้ คำพูดของเฉินซีในกาลก่อนสัมฤทธิผลขึ้นแก่สายตา ความตกตะลึงจากเหตุนี้ทะยานสู่ขีดสุด ทำให้หัวใจราชันเซียนทั้งหลายหนาวเยือก อดร่างสะท้านสั่นกันไม่ได้
หนึ่งราชันเซียนจากภพมังกรสิ้นใจไปเช่นนั้น!
คำเตือนต่อผู้อื่น?
เช่นนี้ล่ะใช่เลย!
เฉินซีสังหารอย่างไร้ลังเล และสัจธรรมก็พิสูจน์ชัด
กระทั่งเพื่อระวังไม่ให้เกิดเหตุเกินคาดฝันใดๆ เฉินซีจึงใช้พลังแห่งจุดจบออกมายามสังหารอ๋าวเหริง ดับวิญญาณ พลัง แก่นแท้ และกระทั่งดวงจิตหมดสิ้นจนตกตายสมบูรณ์!
“เจ้า… บังอาจยิ่งนัก!” เจี้ยงทิงฟางสีหน้าถมึงทึง น้ำเสียงดูประหนึ่งถูกเค้นลอดไรฟันเผยจิตสังหารและความเดือดดาลไร้ประมาณ โทสะกรุ่นเดือดจากเหตุการณ์นี้อย่างยิ่ง
สีหน้าของราชันเซียนคนอื่น ๆ ก็ดำคล้ำถึงขีดสุดเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ พวกเขารู้สึกกดดันยามเฉินซีใช้ปราณชะตากรรมกันอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ถึงขนาดสร้างความกลัวในใจพวกเขาได้ แต่เมื่อมาเห็นอีกฝ่ายใช้งานตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ หัวใจของพวกเขาก็หนักอึ้งในทันที
เพราะมันคือสมบัติวิญญาณธรรมชาติ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติอันก่อเกิดจากภายในความโกลาหล มีฤทธิ์ลึกล้ำไร้ขอบเขต แม้เฉินซีในขณะนี้จะอยู่เพียงขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น หากใช้สมบัตินี้ ก็ยังทำให้พวกเขาหวาดหวั่นสุดขีดได้อยู่ดี
ถึงขนาดที่ราชันเซียนบางคนเกิดความคิดล่าถอย…
“บังอาจ? เทียบพวกเจ้าทั้งหมดไม่ได้หรอก!” เฉินซีเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ขณะที่เท้าเตะศพของอ๋าวเหริงออกไปให้พ้นทาง เหลือบมองราชันเซียนซึ่งเหลืออยู่อีกห้าคนด้วยสายตาเฉยชา ขณะที่จิตสังหารในใจเพิ่มพูนแทนลดทอน
คนเหล่านี้บุกรุกเข้าสำนักศึกษา พาคนมาสังหารศิษย์อาจารย์ผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ทำลายทัศนียภาพ ล่วงล้ำข้อจำกัดของสำนักศึกษา กระทั่งทำตัวไร้ระเบียบในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋าด้วยเจตนายึดตำแหน่งอาจารย์ใหญ่
กระทั่งราชันเซียนดาราวีรบุรุษและจ้าวพุทธองค์ราตรีสงัดยังดับสิ้นเพราะพวกเขา!
ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินซีเดือดดาลถึงขีดสุด เพราะยามนี้ หายนะกวาดทั่วสามภพ นิกายอำนาจเทวะหวนปรากฏ แต่พวกไอ้เฒ่าที่ถูกยกย่องเป็นราชันเซียนเหล่านี้กลับไม่คิดว่าจะฝืนต้านหายนะ แต่กลับมาอาละวาดกำแหงในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เขาจึงรู้สึกว่าพวกมันสมควรตาย!
ทันใดนั้น ว่านฉีอิงก็เปิดปาก “เฉินซี หากเรายอมรับเจ้าเป็นเจ้าสำนัก เลิกขัดขืนเล่นงานเจ้า จะปล่อยเรื่องทั้งหมดนี้ได้หรือไม่?”
ทันทีที่ถ้อยคำหลุดจากปาก ราชันเซียนทั้งหลายก็ถลึงตามองนางอย่างเดือดดาล รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย โทษนางที่ตัดสินใจฝ่ายเดียว ขณะที่มีราชันเซียนบางคนเริ่มหวั่นไหว สายตาวูบโหวง สงวนวาจาเงียบเชียบ
น่าเสียดาย ไม่ว่าพวกเขาจะคิดเช่นไร คำตอบของเฉินซีก็ยังเฉียบขาดสุดขั้ว ไม่มีแม้แต่ความลังเลสักนิด “ไม่มีทาง!”
คำไม่กี่คำ แต่กล่าวออกมาเฉียบขาดเด็ดเดี่ยว
สิ่งนี้หมายความว่า เฉินซีตั้งใจจะสู้จนตายไปข้าง คิดให้พวกเขาทั้งหมดทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!
“ฮึ! ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสรอดแก่เจ้า คิดจริง ๆ หรือว่าเราจะกลัว?” สีหน้าของว่านฉีอิงไม่น่ามองอย่างยิ่ง บังเกิดโทสะจากความอับอาย
“กลัวหรือไม่แล้วอย่างไร เพราะชะตาในวันนี้ของพวกเจ้าเปลี่ยนไม่ได้แล้ว!”
เปรี้ยง!
ทันทีที่กล่าวจบ เฉินซีก็โจมตีออกไปอีกครั้ง ประมือกับห้าราชันเซียนอย่างเด็ดเดี่ยว!