บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1580 พลังของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
บทที่ 1580 พลังของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
…………….
บทที่ 1580 พลังของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
พลังที่โจมตีอย่างกะทันหันนั่นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง อุโมงค์มิตินั้นแข็งแกร่ง แต่ทันใดนั้นมันก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรงจากความผันผวนที่เกิดจากการโจมตีครั้งนี้ และดูเหมือนใกล้จะแตกสลายอย่างแผ่วเบา
เมื่อการโจมตีนี้จู่โจมอย่างกะทันหัน เฉินซีไม่มีเวลามามัวสนใจเรื่องทั้งหมดนี้ เพราะตระหนักว่าไม่มีทางรอดพ้นการโจมตีนี้ด้วยความเร็วในปัจจุบันของตน
ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และชักยันต์ศัสตราแล้วฟาดฟันอย่างดุเดือด!
ฟิ่ว!
เจตจำนงกระบี่พลุ่งพล่านประหนึ่งคลื่นยักษ์ที่ซัดสาด จากนั้นยันต์เทวะก็พวยพุ่งจากมันมากมายเกินคณานับ มันคือกระบวนท่าที่สองที่เฉินซีเข้าใจหลังบรรลุขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ สงัดก่อนพายุโถม!
การโจมตีครั้งนี้น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าในอดีต และมันแฝงด้วยพลังของเฉินซีทั้งหมดหลังจากที่เต๋าศักดิ์สิทธิ์ยันต์อักขระบรรลุขั้นเริ่มต้น มิหนำซ้ำ เขายังใช้พละกำลังอย่างเต็มพิกัดอีกด้วย
หากลุงเก้ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ก็คงไม่สามารถต้านทานการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน!
โครม!
การปะทะกันของพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวนั่นบังเกิดเสียงกึกก้อง แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่พุ่งไปยังบริเวณโดยรอบ ส่งผลทำให้อุโมงค์มิติสั่นสะเทือนจนบิดเบี้ยวและผันผวนอย่างรุนแรง
แต่สิ่งที่ทำให้เฉินซีประหลาดใจ คือการโจมตีของตนถูกกลืนหายไปอย่างง่ายดายราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง
มันเป็นแหวนทองแดงสีดำสนิทที่กลมมนราวกับดวงจันทร์ เรียบง่ายและประณีต ทั้งยังเปี่ยมกลิ่นอายดั้งเดิมและธรรมดาอย่างสมบูรณ์
ภายใต้แหวนทองแดงสีดำนี้ การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเฉินซีดลีบถูกลบล้างไปอย่างสิ้นเชิงราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง
โอม!
ก่อนที่เฉินซีจะทันได้ตอบสนอง แหวนทองแดงสีดำก็โจมตีเขาอีกครั้ง
โครม!
มันซัดเข้าที่หน้าอกของเฉินซีอย่างแรง จนเกิดเป็นรูเลือดพร้อมกับกระแทกเขาจนปลิวว่อนไปไกล
พรวด!
เฉินซีกระอักเลือดหนึ่งคำ ลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ ยิ่งกว่านั้น สีหน้ากลับซีดเซียวอย่างน่าสยดสยองสุดขีด รูเลือดบนหน้าอกมีขนาดเท่ากับปากชาม และอยู่ห่างจากหัวใจเพียงคืบเดียวเท่านั้น
การโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะอ่อนแอได้ปานนี้ และสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าความแข็งแกร่งของผู้โจมตีนั้นน่ากลัวเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างซึ่งมีพลังเช่นนั้น จะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตรู้แจ้งวิญญาณ!
“เด็กน้อย เต๋าแห่งกระบี่ที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้มีกลิ่นอายของเต๋าแห่งยันต์อักขระจาง ๆ หรือว่าเจ้าเป็นศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์? โอ้ ข้าเดาว่าเจ้าน่าจะเป็นเฉินซีจากสามภพกระมัง?” พร้อมกับเสียงที่นุ่มนวลและน่าพึงพอใจ ร่างที่สง่างามและมีเสน่ห์ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากอุโมงค์มิติที่อยู่ห่างไกล
นางมีผมสีทองอ่อนที่ยาวและหนาแน่น ผิวขาวราวหิมะ และดวงตาเป็นประกาย นางสวมชุดกระโปรงสีแดงอมม่วงที่เผยส่วนโค้งเว้าอันสง่างาม ทั้งยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนจนแทบหยุดหายใจ มิหนำซ้ำ ประกายระยิบระยับดุจหิมะขาวก็สะท้อนให้เห็นจากปทุมถันอันเหลือล้นของนาง บันดาลให้ผู้อื่นรุ่มร้อนเมื่อมองแวบเดียวอย่างห้ามไม่ได้
สตรีนางนี้มีเสน่ห์ เย้ายวน และสง่างามโดยธรรมชาติ ทุกสัดส่วนบนเรือนร่างแผ่ซ่านการล่อลวงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งถือว่านางเป็นโฉมสะคราญที่ไร้ผู้เทียบเคียง
ทว่าไม่มีความปรารถนาใด ๆ อยู่ในใจเฉินซีหลังจากที่เห็นนาง ในทางกลับกัน ความรู้สึกอันตรายในใจกลับพัดโหมยิ่งขึ้น เสมือนกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจสาวที่เปี่ยมอานุภาพทำลายล้าง
สิ่งที่ทำให้เฉินซีตกใจเป็นพิเศษ คือหลังจากที่เขาจู่โจมเพียงครั้งเดียว นางก็ระบุตัวตนของเขาได้ในทันที และการรับรู้ดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่บุคคลทั่วไปสามารถครอบครองได้
ตั้งแต่พริบตาที่เฉินซีได้รับบาดเจ็บสาหัส จนกระทั่งสตรีนางนี้ปรากฏตัวขึ้น แม้มันต้องใช้เวลาอธิบายอยู่เนิ่นนาน แต่แท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ
ในทางกลับกัน เฉินซีระบุได้ทันทีว่านางคือเยี่ยเหยียน ผู้ครอบครองการบ่มเพาะขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล!
ฟิ่ว!
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เฉินซีก็ไม่กล้าหยุดแม้แต่น้อย ภายใต้แรงกระตุ้นของอันตรายร้ายแรงที่รู้สึกได้ ชายหนุ่มเลือกที่จะหลบหนีอีกครั้ง
หนีไปจนสุดทาง!
ชายหนุ่มตระหนักดีว่าไม่มีทางที่จะเทียบกับนางด้วยความสามารถในปัจจุบัน และถึงขั้นที่ไม่อาจสั่นคลอนนางได้ แม้ว่าจะเสี่ยงชีวิตต่อสู้อย่างสิ้นหวังก็ตาม
ดังนั้นการหลบหนีจึงเป็นทางเลือกเดียวของเขา
“ดูเหมือนว่าเจ้าคือเฉินซีคนนั้นจริง ๆ เจ้าไม่ธรรมดาสมคำร่ำลือยิ่งนัก น่าเสียดายที่การบ่มเพาะของเจ้ายังอ่อนด้อยเกินไป เมื่อเทียบกับศิษย์คนอื่น ๆ ของเขาเทพพยากรณ์” หญิงชุดแดงก้าวไปข้างหน้า และตามทันเฉินซีในพริบตา หลังจากนั้นก็เหยียดมือเรียวยาวสีขาวหยกออก พลางกดเบา ๆ ไปที่กระดูกสันหลังของเฉินซี
ในเวลานี้ เวลาและมิติดูเหมือนจะหยุดนิ่ง สนามพลังที่มองไม่เห็นถูกกวาดออกไป ซึ่งดูเหมือนกรงของมหาเต๋า ครอบคลุมทุกซอกทุกมุม
ในทางกลับกัน เฉินซีรู้สึกร่างกายแข็งทื่อ ในขณะที่พลังมหาศาลพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง และมันกระแทกร่างกายของเขาอย่างดุเดือด มันทำให้ทั้งร่างแข็งทื่อราวกับว่ามีภูเขาศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากกำลังกดทับ รู้สึกแทบจะหายใจไม่ออก มิหนำซ้ำ ยังไม่อาจดิ้นรนให้เป็นอิสระ และรู้สึกไร้พลังราวกับกำลังจมน้ำ
พลังนี้น่ากลัวเกินไป มันกลับคืนสู่ความเรียบง่าย ทั้งยังหวนคืนสู่รากเหง้าบรรพบุรุษ เรียบง่ายและธรรมดาอย่างสุดขั้ว แต่มันทำให้พลังใด ๆ ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลไม่สามารถต้านทานมันได้
นี่คือพลังของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล การบ่มเพาะของพวกมันได้ก้าวไปสู่การหวนคืนสู่รากเหง้าบรรพบุรุษแล้ว และตัวพวกมันเองก็เป็นบรรพบุรุษเต๋าของเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพวกมันเป็น ‘ต้นกำเนิด’ ของทุกสรรพสิ่ง!
สีหน้าของเฉินซีเปลี่ยนไปทันที เพราะแม้แต่พลังเต็มพิกัดก็ไม่สามารถต้านทานพลังอันแปลกพิสดารนี้ได้ ไม่แม้แต่จะเทียบเคียง สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มตกตะลึงและโมโห ทั้งยังตระหนักถ่องแท้ว่าช่องว่างระหว่างขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาและขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลนั้นกว้างใหญ่เพียงใด
ข้าควรทำอย่างไรดี? เฉินซีพลันกัดฟันแน่น ลมปราณในร่างส่งเสียงดังกึกก้อง ทันใดนั้น ผมสีดำสนิทของเขาก็กลายเป็นเส้นด้ายสีเงินดุจหิมะ และกลิ่นอายก็ทวีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างก้าวกระโดด!
ระเบิดสังหารเทวะ!
ในช่วงเวลาเป็นตายนี้ เฉินซีได้ใช้ไพ่ตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โครม!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มือของสตรีชุดแดงกดเบา ๆ บนกระดูกสันหลังของเขา และมันรู้สึกราวกับถูกค้อนขนาดใหญ่ฟาดเข้า ทำให้กระเด็นอย่างควบคุมไม่ได้
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวจนแทบโปร่งแสงอย่างน่าสยดสยอง พร้อมกับกระอักเลือดออกมาไม่รู้จบ กระดูกและเส้นเอ็นในร่างแตกหักฉีกขาดจนนับไม่ถ้วน ทันใดนั้น ร่างกายของเขาดูเหมือนกระสอบที่พรุนไปด้วยรู ซึ่งมีสภาพที่น่าสังเวชและสยองขวัญอย่างยิ่ง
นี่ขนาดเฉินซีได้ใช้เคล็ดระเบิดสังหารเทวะ! และหากเป็นในอดีต แค่การโจมตีครั้งนี้ก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตเขาได้แล้ว!
“หืม? เจ้าไม่ตายเหรอนี่? เคล็ดระเบิดสังหารเทวะของเผ่าหยาจื้อนี้ไม่เลวเลย น่าเสียดายที่การบ่มเพาะของเจ้าต่ำเกินไป และพลังยุทธ์ของเจ้ายังคงอ่อนแอนัก แม้ว่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าก็ตาม” หญิงชุดแดงเผยรอยยิ้มอันละเอียดอ่อน รูปลักษณ์เปี่ยมเสน่ห์และน่าหลงใหลอย่างยิ่ง
นางเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม ในขณะที่ชุดสีแดงของนางกระพือ และโจมตีอย่างรวดเร็วอีกครั้ง นางเปิดเผยท่าทางที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์ราวกับกำลังวิ่งไปพบกับคนรักของตน และไม่สนใจร่องรอยของการฆ่า แต่มันทำให้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของนางดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
นางมีความงามที่อันตรายอย่างยิ่ง และสามารถฆ่าได้ทั้งที่ยังยิ้มและพูดคุย ทำให้คนอื่น ๆ ไม่สามารถช่วยได้ แต่กระตุ้นความเย็นชาในหัวใจของพวกเขาเพียงมองดูจากระยะไกล
…
ร่างกายของเฉินซีเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ลมปราณในร่างปั่นป่วนวุ่นวาย จิตใจพร่ามัวเลือนราง ทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย นี่เป็นการต่อสู้ที่อันตรายและโหดร้ายที่สุดเท่าที่เคยเผชิญมานับตั้งแต่เข้าสู่แดนโลกาวินาศ
นอกจากนี้ยังเป็นการต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดที่เคยเผชิญนับตั้งแต่กลายเป็นเทพ ชายหนุ่มไม่สามารถโต้กลับ ไม่สามารถต้านทาน และแม้แต่โอกาสในการหลบหนีก็แทบจะไม่มีเลย
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขายังคงสงบ เจตจำนงอันแน่วแน่ที่ได้รับการขัดเกลาผ่านการต่อสู้มาตลอดหลายปี ทำให้เขาไม่ยอมแพ้เช่นนั้นอย่างแน่นอน และแม้ว่าจะมีโอกาสเพียงน้อยนิด ก็ไม่มีทางที่จะยอมรับชะตากรรมเช่นนี้เป็นอันขาด!
ฟิ่ว!
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นและหลบหนีไปอีกครั้ง
เฉินซีมองเห็นแสงเจิดจ้าเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปในอุโมงค์ มันเป็นจุดสิ้นสุดของอุโมงค์มิติ และตราบใดที่หนีออกจากอุโมงค์ได้ ก็จะสามารถเข้าสู่เอกภพมสิหิมได้
สำหรับสถานการณ์แบบใดที่ต้องเผชิญหลังจากที่เข้าสู่เอกภพมสิหิม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เฉินซีสามารถพิจารณาได้ในขณะนี้
เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือฝ่าออกไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
นังแพศยา! หากวันนี้ข้ารอดชีวิตไปได้ ข้าจะให้เจ้าชดใช้เป็นสิบเท่าอย่างแน่นอน!
เฉินซีคำรามอยู่ในใจ และชิงชังสตรีชุดแดงเข้ากระดูกดำ
“ทิ้งชีวิตไว้ซะ! แม้เจ้าจะเข้าสู่เอกภพมสิหิมได้ แต่เจ้าคิดว่าจะรอดพ้นจากการไล่ล่าของข้าได้หรือ? อย่าลืมว่าเช่นเดียวกับเจ้า ข้าก็สามารถเข้าสู่เอกภพมสิหิมได้เช่นกัน”
เสียงที่นุ่มนวลและรื่นหูนั่นดังก้องข้างหูอีกครั้ง และมันก็เหมือนกับฝันร้ายที่ไม่สามารถหลบหนีได้ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของเฉินซีอย่างรุนแรง
ในเวลาเดียวกัน พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้ห่อหุ้มร่างกายของเฉินซีอีกครั้ง และเมื่อเทียบกับครั้งก่อน ดูเหมือนว่ามันจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น!
ในเวลานี้ ความโกรธที่ไม่อาจควบคุมนั่นพวยพุ่งออกมาจากใจอย่างห้ามไม่ได้ หลังจากผ่านไปหลายปี เดิมทีเขาคิดว่าตนนั่นแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว และคงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับสถานการณ์เช่นนี้อีก แต่ใครจะจินตนาการได้ว่า เมื่อได้พบกับตัวตนที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งที่เขามียังคงดูอ่อนแอมาก!
“นังแพศยา! แม้ข้าจะตาย ข้าก็จะลากเจ้าไปตายกับข้าด้วย!” เฉินซีคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ในขณะที่ร่างกายดูเหมือนถูกไฟแผดเผา
ตึง!
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่เฉินซีตั้งใจที่จะแลกชีวิต เสียงกลองที่ลุ่มลึกและอ้างว้างก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน บังเกิดเป็นเสียงโครมครามขณะที่มันปะทะเข้ากับการโจมตีที่พุ่งเข้าหาเฉินซี
ทันใดนั้น อุโมงค์มิติทั้งหมดก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และดูเหมือนกำลังจะพังทลายลง ในขณะที่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชติช่วงได้โหมกระหน่ำไปยังบริเวณโดยรอบและทำให้ทุกสิ่งจมหายไป
“อาเหลียง!” เฉินซีตกตะลึง พลันสังเกตเห็นด้วยความตกใจว่า อาเหลียงช่วยเขาต้านทานการโจมตีนี้ด้วยกลองตะบันเทพ ทว่าร่างกายของนางดูเหมือนดาวตกที่อาบไปด้วยเลือด ซึ่งตกลงมาบนฝ่ามือเขาจนเกิดเสียงดังปัง ดวงตาของนางปิดสนิทและไม่ทราบว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเฉินซีกลายเป็นมืดมน อำมหิต และโกรธเกรี้ยว ในขณะที่ความชังที่ไม่อาจอธิบายได้นั่นพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ มันแผดเผาไปทั่วร่างกายดุจหินหลอมเหลว และมันทำให้ชายหนุ่มแทบกลายเป็นบ้า
“ฮ่า ฮ่า! นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสาวน้อยตัวเล็ก ๆ จากเผ่าจุลบรรพกาล” สตรีชุดแดงดูเหมือนจะยังคงเฉยเมยต่อเรื่องทั้งหมดนี้ นางยิ้มอย่างอ่อนหวานพลางก้าวเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบ คล้ายมั่นใจว่าชัยชนะได้อยู่ในมือตนแล้ว
แต่หลังจากนั้น ดูเหมือนนางจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที พร้อมกับถอยร่นกลับไปอย่างรวดเร็ว
โครม!
ทันทีที่นางถอยกลับ กำแพงของอุโมงค์มิติที่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้ ก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ และมันก็กลายเป็นกระแสพลังที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งท่วมท้นไปทั้งร่างกายเฉินซี
“บัดซบ! ความแข็งแกร่งของอุโมงค์มิตินี้ เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลก็ไม่สามารถสั่นคลอนได้ แล้วมันจะรอยแยกมิติจะแตกออกในเวลานี้ได้อย่างไร?” สตรีชุดแดงตกตะลึงและโมโหสุดขีด เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าอันมีเสน่ห์เผยให้เห็นถึงความโกรธ
“นังแพศยา! สักวันหนึ่งข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!” เสียงของเฉินซีที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอันไร้ขอบเขตดังก้องมาจากภายในกระแสอวกาศที่วุ่นวาย และจากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของสตรีชุดแดงเปลี่ยนไป จากนั้นจึงกัดริมฝีปากสีแดงที่ชุ่มชื้น ก่อนจะยิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานหยด “ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงอนาคต! ข้าจะฆ่าเจ้าทั้งสองเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่กล่าว ร่างของนางก็เปล่งประกาย หญิงสาวใช้แหวนทองแดงสีดำห่อหุ้มร่างกายของตนไว้ ก่อนที่นางจะพุ่งเข้าสู่กระแสอวกาศที่วุ่นวายเช่นกัน
…………….