บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1581 หิมะโหมกระพือ
บทที่ 1581 หิมะโหมกระพือ
…………….
บทที่ 1581 หิมะโหมกระพือ
หิมะโหมกระพือไปในอากาศ สรรพสิ่งถูกย้อมเป็นสีขาว
ภูเขาที่อยู่ไกลโพ้นนั่นดูโดดเดี่ยว เหล่าสิ่งมีชีวิตก็ยังคงเงียบงัน เรือลำหนึ่งลอยล่องอยู่บนทะเลสาบอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ชายชราผู้สวมหมวกกุยเล้ยกำลังตกปลาในทะเลสาบที่เย็นเฉียบเพียงลำพัง และดูเหมือนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์
ทันใดนั้น อากาศเหนือทะเลสาบก็ระเบิดแยกออกจากกัน จากนั้นร่างหนึ่งก็ตกลงมาจากภายในนั้น
ตู้ม!
ร่างนั้นตกลงไปในส่วนลึกของทะเลสาบ
เหตุนี้ทำลายความสวยงามของทิวทัศน์ทันที และทำให้ชายชราบนเรือลำหนึ่งตกใจตัวสั่นสะท้าน จนคันเบ็ดเกือบหลุดมือตกลงไปในทะเลสาบ
ฟิ่ว!
เรือลำนั่นแล่นฝ่าคลื่น ทว่าชายชราไม่ได้ช่วยเหลือร่างนี้ เขากลับรีบหนี และหายตัวไปในพริบตา
แต่ถึงกระนั้น ชายชราไม่ได้หนีไปด้วยไร้เหตุผล เป็นเพราะมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ภายในทะเลสาบแห่งนี้ตลอดทั้งปี และตราบใดที่ไม่ไปรบกวนมัน ทุกอย่างก็ปกติสุขดี แต่เมื่อมีคนตกลงไปในทะเลสาบ มันจะทำสัตว์ร้ายตื่นตัว ซึ่งผลที่ตามมาก็น่าสยองขวัญยิ่ง
โฮก!!
แน่นอนว่าภายในชั่วครู่ ก็มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังมาจากก้นทะเลสาบ เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทุกทิศทาง ทำให้เกล็ดหิมะที่ปกคลุมท้องฟ้าถูกระเบิดออกไป
หลังจากนั้น สัตว์ร้ายขนาดมหึมาที่ดูเหมือนวัวแต่มีเกล็ดปกคลุมไปทั้งตัว มีดวงตาขนาดเท่าตะเกียง และมีเขาที่เต็มไปด้วยแสงสีน้ำเงินเข้มฉีกเกลียวคลื่น โดยที่ยืนขึ้นจากภายในทะเลสาบ พร้อมกับปลดปล่อยพลังอันมหาศาลออกมา
ในขณะนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในระยะสองพันห้าร้อยลี้ ต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นอยู่บนพื้น ทั้งยังถูกเติมเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกระวนกระวาย จากกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของสัตว์ร้ายตัวนี้
“ไอ้สารเลวคนไหนบังอาจรบกวนการบ่มเพาะของข้า?” สัตว์ร้ายคำรามเสียงดัง และมันสั่นสะเทือนอากาศจนแตกลงทีละนิด บังเกิดเป็นคลื่นพายุพัดโหมไปทั่วสารทิศ
ฟิ่ว!
ในขณะนี้ เงาสีแดงปรากฏขึ้นมาอย่างไร้ร่องรอย นางมีผมยาวสีทองอ่อน ผิวขาวราวหิมะ และมีเสน่ห์ตามธรรมชาติที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้นางดูเหมือนโฉมสะคราญที่ไร้ผู้เทียบเคียง
“อืม? เจ้าเด็กนั่นไปไหนแล้ว?” ดวงตาสุกใสของนางกวาดไปรอบ ๆ แล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างห้ามไม่ได้ ในท้ายที่สุด นางจ้องมองไปยังสัตว์ร้ายที่มีเขาซึ่งอยู่ในทะเลสาบ
“ช่างเป็นสาวน้อยที่มากเสน่ห์เสียจริง!” สัตว์ร้ายตัวนั้นตกตะลึง และดวงตาเผยให้เห็นความกระหายที่ลุกโชน
โครม!
ทว่าก่อนที่เสียงจะดังก้องไปในอากาศ สตรีชุดแดงก็ยื่นมือออกมาและคว้ามันจากระยะไกล นางยกร่างขนาดมหึมาขึ้นมาด้วยกำลัง
สิ่งนี้ทำให้สัตว์ร้ายตะลึงลาน และความโลภในดวงตาของมันหายไปทันที เหลือเพียงความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจ “ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ ไว้ชีวิตข้าด้วย! ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
“เมื่อครู่เจ้าเห็นชายคนหนึ่งปรากฏตัวที่นี่หรือไม่” สตรีชุดแดงถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
สัตว์ร้ายส่ายศีรษะด้วยสีหน้าสับสน เพื่อแสดงว่ามันไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด
โพละ!
และในพริบตาต่อมา คอของมันก็แหลกสลาย ร่างอันใหญ่โตสั่นสะท้าน และร่วงหล่นลงไปในทะเลสาบราวกับภูเขาถล่ม บังเกิดเกิดคลื่นขนาดมหึมาที่ซัดสาด
สตรีชุดแดงเฉยเมยราวกับขยี้มด นางขมวดคิ้ว จิตสัมผัสอันน่าเกรงขามกวาดออกไป และมันครอบคลุมพื้นที่ในระยะสองแสนห้าหมื่นลี้ทันที
นางค้นหาภูเขา แม่น้ำ ถิ่นทุรกันดาร เนินเขา ท้องฟ้า และแผ่นดินอย่างระมัดระวัง แต่นางก็ต้องกลับมามือเปล่า
สิ่งนี้ทำให้คิ้วขมวดแน่นยิ่งขึ้น แล้วพลันพึมพำ “เจ้าเด็กนั่นบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตายแล้ว มันจะหนีและหายตัวไปอย่างรวดเร็วปานนี้ได้อย่างไร หรือว่าจะยอดฝีมือช่วยเหลือมัน?”
หิมะโหมกระพือบนท้องฟ้า ในขณะที่โลกถูกย้อมไปด้วยสีขาว นางสวมชุดสีแดงขณะยืนอยู่เพียงลำพังในโลกที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ ซึ่งขับเน้นให้นางดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
“ในดาราจักรศิลาหยก นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต มีกองกำลังที่ใหญ่โตที่สุด บางทีข้าอาจพึ่งพากองกำลังของพวกมันเพื่อช่วยค้นหาเจ้าเด็กนี้….” หลังจากนั้นไม่นาน สตรีชุดแดงก็หายใจเข้าลึก ๆ และตัดสินใจบางอย่าง
ครานี้ นางตั้งใจจะฆ่าเฉินซีให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงเพราะเด็กนั่นสามารถผ่านอุปสรรคและมาถึงเอกภพมสิหิมได้สำเร็จ แต่เป็นเพราะนามของเขาคือเฉินซี!
ผู้สืบทอดของเขาเทพพยากรณ์ และมีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอยู่ในครอบครอง นี่คือสิ่งที่สตรีชุดแดงให้ความสำคัญมากที่สุด หากไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยสถานะอันสูงส่งของนาง ก็คงจะรู้รังเกียจที่จะต้องมาลงมือสังหารเทวารู้แจ้งโลกาด้วยตัวเอง
ฟิ่ว!
ชั่วครู่ต่อมา ร่างงดงามก็แวบหายวับไปท่ามกลางหิมะที่ไร้จุดสิ้นสุด
…
ที่ส่วนลึกของทะเลสาบ
ในที่สุดข้าก็รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้แล้ว… สีหน้าของเฉินซีซีดเผือดอย่างน่าสยดสยอง ในขณะที่ร่างกายเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ มิหนำซ้ำลมปราณในร่างก็ปั่นป่วนผิดปกติ
ขณะที่อยู่ในอุโมงค์มิติก่อนหน้านี้ เขาแอบใช้พลังของเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบเพื่อทำลายรอยแยกในอุโมงค์มิติอย่างเต็มพิกัด จากนั้นใช้เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ เพื่อปกป้องตัวเองและหลีกเลี่ยงการถูกบดขยี้เป็นผุยผงโดยพายุอวกาศ
แต่ก่อนที่เขาจะทอดถอนใจด้วยความโล่งอก เฉินซีก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อสังเกตเห็นว่าสตรีชุดแดงได้ไล่ล่าตนมาถึงที่นี่ มันทำให้เขาเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วจึงรีบใช้อักขระผนึกเต๋าปกปิดกลิ่นอายในร่าง และทำให้เขารอดพ้นจากอันตรายมาได้
การกระทำเช่นนี้ได้มาถึงขีดจำกัดของร่างกายแล้ว ในขณะนี้อาการบาดเจ็บร้ายแรงทั่วร่างกายแทบทำให้เขาหมดสติเต็มที
ถือว่าโชคดีที่ยังประคองสติได้
ฮืด~ ฮืด~
เฉินซีรีบหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ก่อนที่จะหยิบผลึกศักดิ์สิทธิ์ออกมา แล้วค่อย ๆ บ่มเพาะและรักษาอาการบาดเจ็บของตน แต่ผลที่ได้นั้นกลับเลวร้ายยิ่ง
ด้วยความเร็วดังกล่าว เขาจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่มีเวลาสามถึงห้าปี
เหตุผลก็คือ เฉินซีไม่เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น เขายังใช้เคล็ดระเบิดสังหารเทวะ ทำให้ร่างกายอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีได้สบายใจ คือทะเลสาบนั้นค่อนข้างมิดชิด และเมื่อรวมกับสัตว์ร้ายที่ถูกสตรีชุดแดงฆ่า มันจึงยากที่จะสังเกตเห็นร่องรอยใด ๆ ของเขา เว้นแต่จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มายังที่แห่งนี้
ทันทีที่ฟื้นกำลังขึ้นมาได้เล็กน้อย เฉินซีก็จากไปทันที
นี่เป็นพื้นที่แรกที่เขาเข้าไปหลังจากหลุดออกจากอุโมงค์มิติ ดังนั้นหากสตรีชุดแดงไม่สามารถหาเขาเจอ นางก็กลับมาที่นี่ ซึ่งผลที่ตามมาก็ไม่อาจจินตนาการได้
ข้ารบกวนอาเหลียงจริง ๆ… เฉินซีทอดถอนใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดขณะที่บ่มเพาะ
ในขณะนี้ อาเหลียงขดตัวอยู่ตรงใบหูของเขา ใบหน้าที่สวยงามของนางซีดลงอย่างน่าสยดสยอง ดวงตาก็ปิดสนิท พลังชีวิตในร่างอ่อนแอและแตกร้าวเหมือนใยแมงมุม นางหมดสติ และเฉินซีก็ไม่รู้ว่านางจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด
สิ่งนี้ทำให้ใจของเฉินซีเจ็บปวดและเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาเกลียดชังสตรีชุดแดงคนนั้นอย่างยิ่ง และตัดสินใจว่าจะทวงคืนหนี้แค้นเป็นสิบเท่าในภายภาคหน้า!
หลังจากนั้น เฉินซีก็หยุดคิดถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มควบคุมความคิดและทำจิตใจให้ว่างเปล่า จากนั้นเข้าสู่การทำสมาธิในระดับลึก
…
เกล็ดหิมะโหมกระพือ และปกคลุมทุกสิ่งในโลก
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
เนื่องจากสัตว์ร้ายถูกฆ่า ทะเลสาบแห่งนี้ก็เริ่มคึกคักไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ร่างมากมายมักมาเป็นกลุ่มโดยมีจุดประสงค์เพื่อกอบกู้ซากศพของสัตว์ร้ายตัวนั้น น่าเสียดายที่พวกเขาต้องล้มเหลว เพราะสัตว์ร้ายตัวนั้นใหญ่โตเกินไป ดุจภูเขาลูกหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำอันใดกับมันได้
แต่สิ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือ คนเหล่านี้เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาใกล้เคียง มีความแข็งแกร่งทางกายภาพและมีความกล้าหาญ แต่กลับไม่ได้รับการบ่มเพาะ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นอกจากเจ้าคุณสมบัติทางกายภาพที่แข็งแกร่งมากแล้ว พวกเขาก็ไม่แตกต่างจากคนทั่วไปในสามภพ
ในเวลาพลบค่ำของวันนี้ ร่างสูงและร่างเล็กปรากฏตัวขึ้นริมทะเลสาบ
เป็นชายหนุ่มสองคน ชายหนุ่มร่างสูงมีอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปี ในขณะที่ชายหนุ่มร่างเล็กมีอายุประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองปี แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ผิวหนังที่เผยออกมาก็ปูดนูนเป็นมัดเหมือนก้อนหิน ทั้งยังเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและปราดเปรียว ดูเปี่ยมด้วยพลัง
“พี่ใหญ่มู่โถว เราจะทำสำเร็จได้จริงหรือ?”
“ไจ่จืออย่าถามว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แค่บอกข้าสิ่งหนึ่ง เจ้าต้องการฝึกเต๋าศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
“ข้าต้องการ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขุดเขาของสัตว์ร้ายตัวนั้นไปพร้อมกับข้า! เราจะเอามันมา แล้วจะออกไปจากหมู่บ้าน จากนั้นจึงแลกมันกับผลึกศักดิ์สิทธิ์ในเมือง ข้าวางแผนทุกอย่างแล้ว ตราบใดที่เรามีผลึกศักดิ์สิทธิ์ เราก็จะสามารถเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ได้ ซึ่งสักวันหนึ่ง เราจะสามารถควบคุมเมฆบัญชาลม พลิกคว่ำมหาสมุทร และช่วยให้ทุกคนในหมู่บ้านของเรามีชีวิตที่สุขสบาย!”
“ตกลง ข้าจะฟังพี่ใหญ่มู่โถวทุกอย่าง!”
ชายหนุ่มทั้งสองคนเสริมขวัญกำลังใจของตัวเองเมื่อมาถึงริมทะเลสาบ
“ไจ่จือ เราจะกระโดดไปด้วยกัน จำไว้ว่าเจ้าต้องติดตามข้าอย่างใกล้ชิด ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่สามารถช่วยเจ้าได้ หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้น” มู่โถวหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“พี่ใหญ่มู่โถว ข้าโตแล้ว อย่าได้ดูถูกข้า!” ไจ่จือกัดฟันและกระโดดลงไปในทะเลสาบต่อหน้ามู่โถว
มู่โถวตกตะลึง จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและหัวเราะอย่างขมขื่น “เจ้าเด็กนี้กระตือรือร้นที่จะเป็นเลิศอย่างแท้จริง”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความประหลาดใจของมู่โถว ในช่วงเวลาถัดมา ไจ่จือดูเหมือนจะถูกยกขึ้นด้วยพลังที่มองไม่เห็น และลอยกลับขึ้นฝั่งไป
ก่อนที่มู่โถวจะตอบสนองด้วยความตกใจ ร่างสูงใหญ่ก็เดินออกมาจากใต้น้ำ คนนี้มีสีหน้าซีดเซียว ดวงตาลุ่มลึก โดยปล่อยผมที่กระเซอะกระเซิงลงบนไหล่
“ปีศาจ!!” ไจ่จือหวาดกลัวจนร้องออกมาเสียงดัง
มู่โถวค่อนข้างสงบ และหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะกล่าวว่า “เจ้าเป็นใคร”
ร่างนั้นย่อมคือเฉินซีอย่างแน่นอน และเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อมองไปยังชายหนุ่มคนนี้ที่กำลังพยายามสงบสติอารมณ์ตรงหน้า “ข้าไม่ใช่สัตว์ประหลาดอย่างแน่นอน”
ขณะที่กล่าว ชายหนุ่มก็ตบไหล่มู่โถว “ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าสองคนต้องการเข้าเมืองเหรอ? เจ้าช่วยพาข้าไปที่นั่นได้หรือไม่? และเพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะมอบเขาสัตว์ร้ายและผลึกศักดิ์สิทธิ์สิบก้อนให้กับเจ้าทั้งคู่”
“จริงหรือ?” มู่โถวถึงกับตะลึง เขาไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์ดี ๆ เช่นนี้ ส่วนไจ่จือตะลึงและหยุดร้องทันควัน
เฉินซียิ้ม แล้วส่งผลึกศักดิ์สิทธิ์ห้าอันให้มู่โถว “นี่คือค่าตอบแทนครึ่งหนึ่งของเจ้า ไม่ต้องกังวล จนกว่าเราจะถึงตัวเมือง เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าทั้งคู่สามารถจากไปได้ตามต้องการ”
มู่โถวถึงกับตะลึง ขณะที่จ้องมองไปที่ผลึกศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ และควบคุมความตื่นเต้นในใจอย่างเข้มแข็ง “ข้าตกลง!”
“พี่ใหญ่มู่โถว ไม่กลัวว่าเขาจะเป็นคนชั่วเหรอ?” ไจ่จือขมวดคิ้วพลันกล่าวจากด้านข้าง
“ประการแรก เราไม่มีความมั่งคั่ง ประการที่สอง เราไม่มีคุณค่าให้ใช้สอย ถ้าผู้อาวุโสคนนี้เป็นคนชั่ว แล้วทำไมเขาถึงต้องให้ผลึกศักดิ์สิทธิ์ถ้าจะทำร้ายพวกเราล่ะ?” มู่โถวกล่าวอย่างใจเย็น
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แล้วแอบชื่นชมในใจ ชายหนุ่มคนนี้ฉลาดเฉลียวนัก
“ไปกันเถอะ ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานที่นี้เลย และข้ามีคำถามบางอย่างที่จะถามเจ้าทั้งคู่ในระหว่างที่เราเดินทาง” เฉินซีโบกแขนเสื้อแล้วพาชายหนุ่มทั้งสองทะยานไปด้วย และพวกเขาก็ไปจากที่นี่ทันที
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ไม่นานหลังจากที่เฉินซีจากไป ก็มีดวงแสงโชติช่วงนับพันลูกที่พุ่งผ่านท้องฟ้าและมาถึงที่นี่ มันเหมือนกับลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นและดูวิจิตรตระการตา ซึ่งพวกมันก็ปรากฏขึ้นเหนือทะเลสาบนี้
“ตามคำสั่งของท่านประมุข ไอ้สารเลวนั่นเคยปรากฏตัวที่นี่ครั้งหนึ่ง ดังนั้นจงเริ่มค้นหาซะ! ขุดดินลึกลงไปหนึ่งจั้งยังดีกว่าปล่อยให้สิ่งใดเล็ดลอดไปได้!” ชายชราสวมชุดสีเทาตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “หากใครก็ตามพบเบาะแสอันมีค่า นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตของเราจะตกรางวัลให้อย่างงาม!”
“ขอรับ!” ทุกคนล้วนรับคำสั่งพร้อมกัน