บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1585 ซื้อ! ซื้อ! ซื้อ!
บทที่ 1585 ซื้อ! ซื้อ! ซื้อ!
ค่านเจิ้นไม่อยู่แล้ว แล้วชายวัยกลางคนแปลกหน้าก็ปรากฏตัวขึ้น ซ้ำยังพาจูต่งถิงกับโม่ลี่โฉวมาด้วย ขณะมีท่าทีสุดแสนมั่นใจว่าจะจัดการกับเฉินซีได้
เมื่อเผชิญหน้าทุกอย่างนี้ เฉินซีย่อมตระหนักชัดว่าการหายตัวไปของค่านเจิ้นน่าจะเกี่ยวกับจูต่งถิงและโม่ลี่โฉว
เมื่อเขาคิดว่าศิษย์ผู้เลิศล้ำจากนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตผู้นี้ แค่เคหาเดียวให้เขาอยู่ยังกัดไม่ปล่อย แม้เฉินซีจะควบคุมอารมณ์ดีเพียงไร ก็ยังอดมีโทสะไม่ได้
“ดูเหมือนวันนี้ ไม่ว่าข้าจะพูดเช่นไร ก็ไม่อาจเช่าที่นี่ได้ต่อได้สินะ?” สายตาของเฉินซีมองชายวัยกลางคนอย่างเย็นเฉียบทิ่มแทง
“นี่คือกฎ และข้าก็เพียงทำตามกฎ สหายเต๋าอย่าได้คิดมากไปเลย” ชายวัยกลางคนกล่าวหน้าตาย
“ไอ้เวร! หุบปากแล้วไสหัวออกไปได้แล้ว!” โม่ลี่โฉวด่าทอขึ้นทันที สีหน้าของเขาเย็นเยียบดุร้าย
เขาสงวนความหยิ่งผยองยามเผชิญหน้าจูต่งถิงได้ แต่ย่อมไม่คิดเก็บกิริยายามเผชิญหน้าไอ้หนูขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาสักคนเช่นนี้
พวกเขานิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในดาราจักรผาขจี และในฐานะบริวารของผู้อาวุโสระดับสูงแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต จึงมีน้อยคนนักในดาราจักรผาขจีที่โม่ลี่โฉวจะกลัว แต่ไม่ใช่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้แน่
สายตาของเฉินซีกวาดไปมองโม่ลี่โฉวอย่างลึกล้ำอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปาก “สหายเต๋า หากยังทำตัวหยิ่งผยองเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องเผชิญอุบัติเหตุแน่แท้”
ว่าพลาง เขาก็เอามือไพล่หลัง เดินออกจากเคหาอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อเขาอยู่ต่อไม่ได้ เขาก็ย่อมไม่เถียงต่อ เพราะแม้เฉินซีจะไม่กลัวการเป็นศัตรูกับพิมานหยาดหยก แต่สุดท้ายมันก็มากปัญหาเกินไป
กลับกัน วิสัยของเฉินซีคือพยายามไม่สร้างปัญหาให้มากที่สุด
แน่นอน ทั้งหมดนี้ขึ้นกับสถานการณ์ ขณะนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว ยังใหม่ต่อสถานที่ และยังอยู่ในการไล่ล่าของเยี่ยเหยียนแห่งนิกายอำนาจเทวะ จึงเป็นการไม่ฉลาดหากเขาจะสร้างอริเพิ่ม
“เจ้าเด็กนี่โอหังนัก! หากเจ้าไม่คุกเข่าขอขมาข้าวันนี้ อย่าหวังเลยว่าจะไปไหนได้!” โม่ลี่โฉวระเบิดโทสะ เพราะไอ้หนูขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาคนหนึ่งบังอาจมาดูหมิ่นเขา วอนตายโดยแท้
พร้อมกันนั้น เขาพลันก้าวมาขวางทางเฉินซีไว้ ดูเหมือนพร้อมโจมตีทันทีหากเห็นแม้เพียงสัญญาณความขัดแย้งใด ๆ
“ฮ่า ๆ! อาโฉว เจ้าทำได้ดี เจ้าเด็กนี่สมควรตายจริง ๆ และต้องสั่งสอนให้ดีจะได้ตาสว่าง!” ข้างกันนั้น จูต่งถิงปรบมือพลางหัวเราะร่า
ดวงตาลึกล้ำสีเข้มของเฉินซีหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มยิ้มบาง กล่าวกับชายวัยกลางคนแปลกหน้า “ที่นี่คือพิมานหยาดหยก ข้าอยากถามหน่อยว่าตกลงที่นี่ยังมีกฎหรือไม่? หากไม่ ก็ปล่อยพวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนสองคนนี้ให้ลงมือกับข้า และข้าก็จะไม่พูดอันใด แต่หากมี ก็ทำตามกฎของเจ้าเสีย!”
สีหน้าของเขาเยือกเย็น สำรวมไร้กังวล ดูประหนึ่งเมินเฉยต่อทุกคำขู่อย่างสมบูรณ์ แท้จริง เขาอนุมานไว้แล้วว่าจูต่งถิงและโม่ลี่โฉวไม่มีทางกล้าลงมือในพิมานหยาดหยก เพราะไม่ว่าภูมิหลังจะยิ่งใหญ่เพียงใด ภูมิหลังของพิมานหยาดหยกก็ใช่เล่นเช่นกัน
ยิ่งกว่านั้น ต่อให้สมาชิกคนหนึ่งของพิมานหยาดหยกจะออกมาไล่เฉินซีออกไป แต่ตอนนี้เฉินซีก็ยังมิได้ออกไปพ้นพิมานหยาดหยกสักหน่อยมิใช่หรือ?
แม้เฉินซีจะไม่อยากสร้างศัตรูกับพิมานหยาดหยก แต่เขาไม่มีทางพลาดโอกาสกวนประสาทพิมานหยาดหยกแน่นอน
พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนสองคน? สีหน้าของจูต่งถิงและโม่ลี่โฉวบูดเบี้ยว เผยโทสะกรุ่นจิตสังหารในใจ
“โปรดไว้หน้าข้าเถิด ผู้ใดฝืนกฎของพิมานหยาดหยก เรามิอาจรับได้” สีหน้าของชายวัยกลางคนย่ำแย่ลงขณะมองเฉินซีอย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวกับจูต่งถิงและโม่ลี่โฉว “บางทียามสหายเต๋าท่านนี้ออกไปแล้ว พวกท่านก็จะประลองกันได้”
“ก็ได้! เช่นนั้น คุณชายผู้นี้ก็จะอดทนไปก่อน” จูต่งถิงหน้าง้ำ เสียงเหมือนเค้นลอดไรฟัน
ขณะเดียวกัน โม่ลี่โฉวเหลือบมองเฉินซีอย่างเย็นชา มุมปากยกยิ้มเยาะอย่างไม่ปิดบัง ประหนึ่งกำลังมองคนตาย
เฉินซีทำเพียงแย้มยิ้ม หันไปพูดกับชายวัยกลางคนว่า “ข้าได้ยินว่า นอกจากจัดหาเคหา พิมานหยาดหยกยังมีสถานบังเทิงมากมายให้แขกลูกค้า ข้าว่างไม่มีอะไรทำ เช่นนั้นพาข้าเที่ยวหน่อยเป็นอย่างไร? ไม่ต้องห่วง เจ้าจะได้รางวัลที่สมควร”
ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็สะบัดปลายนิ้ว โยนผลึกศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งออกไปราวให้เงินขอทาน
สีหน้าของชายวัยกลางคนชะงัก มุมปากอดกระตุกมิได้ เวรเอ๊ย! เจ้าเด็กนี่จงใจเหยียดหยามข้า!
แต่สุดท้าย เขาก็ยังรับผลึกศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้มาอย่างแข็งทื่อ ฉีกยิ้มแข็ง ๆ ที่มุมปากและกล่าวว่า “สหายเต๋า ขอบคุณในน้ำใจ”
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ ไม่กล้าลงมือกับเฉินซีเพราะเหตุนี้
จูต่งถิงและโม่ลี่โฉวซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกระทั่งตะลึงจังงัง พวกเขาเคยเห็นคนไร้ยางอายมานักต่อนัก แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดไร้ยางอายเช่นนี้ หรือไอ้เด็กเวรนี่จะไม่มีศักดิ์ศรีเลยสักนิด?
หลังจากนั้น โทสะสุดขีดก็รุมเร้าในอก หากไอ้เลวนี่ทำเช่นนี้ แล้วพวกเราจะมีโอกาสสั่งสอนมันยามใด?
พวกเขารอมาสามเดือนแล้ว ก็เพื่อให้เฉินซีออกจากที่นี่ ก่อนจะเหยียบย่ำระบายโทสะในใจ!
“อะไร? รู้สึกว่าผลึกศักดิ์สิทธิ์ชิ้นเดียวไม่พอหรือ?” เฉินซีหันไปขมวดคิ้วพูดกับชายวัยกลางคน
“ข้าหรือจะกล้า? เพียงแค่ว่าผู้น้อยรับหน้าที่เพียงหาเคหาแก่แขก พื้นที่อื่นมีผู้อื่นรับหน้าที่” ชายวัยกลางคนเดือดดาลอกแทบแตก แต่ก็ไร้ทางเลือกนอกจากอธิบายอย่างอดทน
“โอ้? งั้นช่างมันเถอะ ข้าคิดว่าเจ้าจะช่วยได้ แต่ที่แท้เจ้าก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี เอาผลึกศักดิ์สิทธิ์นั่นที่ข้าให้เจ้าคืนมาแล้วกัน” เฉินซีกล่าวยิ้ม ๆ
“เจ้า…” ชายวัยกลางคนไม่อาจสะกดโทสะได้ เขากล่าวเสียงแข็งขณะเจียนระเบิดโทสะเต็มที
กระทั่งจูต่งถิงและโม่ลี่โฉวยังอดผงะไปไม่ได้ยามได้ยินเช่นนี้ แค่ผลึกศักดิ์สิทธิ์ชิ้นเดียวที่ให้เป็นรางวัลยังคิดเอาคืน!? สวรรค์เอ๋ย! เจ้าบ้าไร้ยางอายนี่มาจากที่ใดแน่?
“อะไร? สหายเต๋า เจ้ามีความคิดอะไรกับข้าหรือ?” เฉินซียังคงเยือกเย็นเฉยชา ทว่าในใจเหยียดยิ้มเยาะ ข้าล่ะชอบเห็นสีหน้าเดือดแค้น ชิงชังข้าแต่ไม่กล้าลงมือนัก เรื่องยั่วโมโหเนี่ย ผู้ใดทำไม่ได้บ้าง!
ท้ายที่สุด ชายวัยกลางคนก็กัดฟัน พลันหยิบผลึกศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกสิบชิ้น ส่งให้กับเฉินซี “สหายเต๋ารับไปเถิด ในเมื่อเจ้าอยู่ต่อหน้าโลงศพแล้วยังไม่คิดหลั่งน้ำตา งั้นก็รับผลึกศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไป ถือเสียว่าข้าจ่ายค่างานศพให้เจ้า”
เฉินซียิ่งยิ้มเจิดจรัส รับผลึกศักดิ์สิทธิ์มาพลางกล่าว “สหายเต๋านี่มีน้ำใจจริง ๆ หัวใจอบอุ่นจริงแท้ ขอบคุณ ๆ หากภายหน้ามีโอกาส ข้าล่ะหวังเลี้ยงอาหารเจ้าสักมื้อ บางทีเจ้าอาจจะให้ค่างานศพข้ามากกว่านี้ ส่วนสุดท้ายผู้ใดจะถูกฝัง ให้เป็นเรื่องในอนาคตเถอะ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ไพล่มือไว้เบื้องหลัง จากไปอย่างเชื่องช้า ไม่สนใจท่าทางเดือดแค้นของชายวัยกลางคนผู้นั้นเลย
“อาโฉ่ว ตามมันไป!” จูต่งถิงเห็นเช่นนี้ก็เค้นเสียงกล่าว
“คุณชายวางใจเถิด หนนี้ไม่ว่าผู้ใดมา ก็ไม่มีทางช่วยไอ้เลวนี่ได้!” โม่ลี่โฉวกล่างเสียงแข็ง ก่อนจะจากไปเช่นกัน
…
“คุณชาย โอสถเทพเบญจปราณเสนาะจินดานี้เป็นโอสถอันล้ำเลิศที่สุดในพิมานหยาดหยกของเรา สรรพคุณฟื้นชีวิตจากความตาย เป็นคุณต่อวิญญาณ บำรุงพลังศักดิ์สิทธิ์… ราคาชิ้นละสามร้อยผลึกศักดิ์สิทธิ์”
“ข้าซื้อสิบชิ้น”
“คุณชาย เกราะเทวาประกายหยกนี้สร้างขึ้นจากเหล็กโกลาหลประกายหยก ด้ายจากหนอนไหมเหมันต์วิญญาณ ทรายเทวฤกษ์จุ่มเมฆา และวัตถุเทวะล้ำค่าอีกเจ็ดสิบห้าชนิด นอกจากนั้นยังมีการตั้งข้อจำกัดร้อยแปดชั้นโดยปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระท่านหนึ่งของนิกายกระบี่นภาคราม เมื่อสวมใส่ ความสามารถป้องกันจะร้ายกาจเสียจนสามารถเพิ่มชั้นการปกป้องอันไม่อาจทลายลงได้ให้ท่านแน่นอน ราคาของมันอยู่ที่สามพันเก้าร้อยผลึกศักดิ์สิทธิ์ หากท่านคิดว่ามันแพง….”
“ไม่ต้องพูดมาก ข้าซื้อ!”
“คุณชาย พิมานหยาดหยกของข้าขายวัตถุเทวะทั้งเก้าสิบเก้าที่ท่านต้องการ รวมราคาแล้วใช้ผลึกศักดิ์สิทธิ์สี่พันแปดร้อยชิ้น”
“คุณชาย….”
“ซื้อ”
“ซื้อ”
“ซื้อ”
ในพื้นที่ขายเม็ดโอสถ สมบัติศักดิ์สิทธิ์… และพื้นที่อื่น ๆ อีกมากมายในพิมานหยาดหยก เสียงสนทนาระหว่างเฉินซีและเจ้าหน้าที่ดังขึ้นบ่อยครั้ง และเพียงไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา เฉินซีก็ใช้ผลึกศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วหมื่นห้าพันชิ้นแล้ว
การใช้เงินประหนึ่งเทน้ำทำให้แขกเหรื่อมากมายในละแวกทั้งรู้สึกตะลึงปนอิจฉา ถึงขนาดที่สายตาของแขกหญิงบางคนเรืองประกาย เจียนลุ่มหลงอยู่รอมร่อ
ในใจพวกเขา เฉินซีเหมือนเป็นคุณชายผู้มั่งคั่ง และพวกเขาก็อยากเข้าไปประจบขอให้อีกฝ่ายพาตนไปด้วยเสียจริง ๆ
ระหว่างเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โม่ลี่โฉวตามติดเบื้องหลังเฉินซีมาตลอด และสังเกตเห็นทุกรายละเอียด
ขณะที่จับตามอง กระทั่งเทวารู้แจ้งวิญญาณเช่นเขายังอดรู้สึกอิจฉาหน่อย ๆ ไม่ได้ ผลึกศักดิ์สิทธิ์หมื่นชิ้นเชียวนะ! กระทั่งเขายังไม่กล้าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้เลย!
ไม่คาดเลยว่าเจ้าเด็กงี่เง่านั่นจะรวยนัก น่าเสียดาย ไม่ว่าจะซื้อเม็ดโอสถหรือสมบัติศักดิ์สิทธิ์มากมายเพียงไร มันก็ไม่พ้นความตายไปได้! โม่ลี่โฉวกัดฟัน จิตสังหารพวยพุ่งอยู่ในใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความแค้น ขณะที่อีกส่วนเป็นเพราะปรารถนาในทรัพย์สินที่เฉินซีมี
ยิ่งกว่านั้น เท่าที่เขาเห็น ทุกสิ่งที่เฉินซีซื้อในยามนี้ล้วนเป็นของป้องกันตัวทั้งสิ้น เช่นนั้น เฉินซีจะทำเช่นนี้เพื่อเหตุใด? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่เป็นกังวลว่าตนจะตาย กลัวถูกเขา โม่ลี่โฉวสังหาร!
ฮึ! น่าขัน น่าขันแท้ ๆ! คิดหรือว่าความต่างชั้นการบ่มเพาะจะใช้อำนาจภายนอกมากลบได้? เป็นไอ้โง่โดยแท้! โม่ลี่โฉวเยาะเย้ยไม่หยุด ขณะกำลังคิดว่าตนจะได้ทรัพย์สมบัติของเฉินซีมามากเพียงไรหลังสังหารอีกฝ่ายลง
หือ? ขณะนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าเฉินซีเหลือบมองตนด้วยรอยยิ้มจอมปลอมเหยียดเยาะที่มุมปาก
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของโม่ลี่โฉวบึ้งตึงทันที เพราะการถูกเย้ยเยาะไร้เสียงจากผู้ที่ตนคิดว่าโง่เง่านั้นช่างชวนเจ็บใจยิ่ง
โชคดีที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เขาเบิกบานขึ้นอีกครั้งเมื่อสังเกตเห็นว่าร่างของเฉินซีหันเดินไปยังทางเข้าพิมานหยาดหยก
ในที่สุดโอกาสของเราก็มาถึง! โลหิตในกายโม่ลี่โฉวเดือดพล่าน ไม่เคยรู้สึกอยากฆ่าผู้ใดเท่านี้มาก่อน
เขาเริ่มส่งกระแสปราณให้จูต่งถิง
และแทบจะในขณะเดียวกัน เฉินซีก็พึมพำในใจ หลังปิดด่านบ่มเพาะมาหนึ่งปี การบ่มเพาะของข้าเกือบฟื้นตัวสมบูรณ์แล้ว ยามนี้เตรียมของมาเยอะแยะ ต่อให้เผชิญหน้าเยี่ยเหยียนอีกครั้ง อย่างน้อยข้าก็หนีได้…
หากโม่ลี่โฉวรู้ว่า ทุกสิ่งที่เฉินซีซื้อมาในพิมานหยาดหยกนั้นเตรียมไว้รับมือบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล มิใช่มันล่ะก็ คงได้แต่สงสัยว่ามันจะรู้สึกเช่นไร
…………….