บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1587 การสังหารเริ่มต้นขึ้น
บทที่ 1587 การสังหารเริ่มต้นขึ้น
ที่ด้านนอกของประตูเมืองทางทิศเหนือมีป่าภูเขาอันกว้างใหญ่
เนื่องจากความแตกต่างในกฎแห่งเต๋าสวรรค์และการหล่อเลี้ยงของพลังศักดิ์สิทธิ์ ส่งผลทำให้ภูมิประเทศ แม่น้ำ พืชพรรณ และต้นไม้ภายในแดนเทพโบราณนั่นแข็งแกร่งมาก ซึ่งหากเป็นในสามภพ พืชพรรณและต้นไม้ทั่วไปเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยาก
แต่สำหรับแดนเทพโบราณ พวกมันกลับธรรมดามาก ไม่ต้องพูดถึงผู้บ่มเพาะ แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฝนก็ไม่เหลือบแลพวกมันด้วยซ้ำ
ฟิ่ว!
หลังจากที่เขาเดินออกจากประตูเมือง เฉินซีก็โบกแขนเสื้ออย่างไม่ลังเล โดยที่ซ่อนมู่โถวและไจ่จือไว้ในสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ตนครอบครอง
หลังจากนั้น สายตาของเขามุ่งความสนใจไปที่ป่าภูเขาในระยะไกล จากนั้นร่างพลันแวบวับไปอย่างรวดเร็ว
…
“เหตุใดเจ้าเด็กนั่นถึงพาเจ้าสองคนนั้นไปด้วย” หลังจากนั้นไม่นาน จูต่งถิงและโม่ลี่โฉวก็ปรากฏตัวตรงจุดที่เฉินซีเคยยืนเมื่อครู่
“อาโฉ่ว ไยเจ้าถึงมัวสนใจเรื่องนั้นในเวลานี้ด้วย?” ดวงตาของจูต่งถิงนั่นเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและจิตสังหาร
“เจ้าเด็กนั่นเข้าไปในป่าทึบ และนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ไปกันเถอะ ข้าทนรอไม่ไหวแล้ว!” ขณะที่กล่าว ร่างพลันทะยานมุ่งไปทางป่าอันห่างไกล มิหนำซ้ำ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชติช่วงและงดงามนั่นหมุนวนอยู่ในมือของเขา มันหลั่งไหลด้วยแสงสีทองเรืองรอง และดูเหนือธรรมดา
“ระวังตัวด้วยนายน้อย บางทีเจ้าเด็กนี้อาจใช้เล่ห์กลสกปรก!”โม่ลี่โฉวรีบไล่ตามจูต่งถิงไปติด ๆ
ในฐานะเทวารู้แจ้งวิญญาณซึ่งเคยผ่านการต่อสู้นองเลือดมาทุกประเภท แม้ว่าโม่ลี่โฉวจะรู้สึกชิงชังเฉินซีอย่างมากในใจ แต่เมื่อต้องต่อสู้กับเฉินซี เขาก็ไม่อาจดูแคลนอีกฝ่ายได้
นี่คือสัญชาตญาณของผู้เยี่ยมยุทธ์ ด้วยการไม่ดูแคลนฝ่ายตรงข้ามเมื่อวางแผนที่จะต่อสู้ พวกเขาจะสามารถมีชีวิตยืนยาวอยู่บนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะซึ่งเต็มไปด้วยการนองเลือด เล่ห์กลอุบาย และเหตุไม่คาดฝัน
ปัจจุบันเฉินซีได้เข้าไปในภูเขา แม้ดูเหมือนจะตื่นตระหนกจึงสุ่มเลือกเส้นทางที่จะหลบหนี แต่โม่ลี่โฉวไม่กล้าคิดเช่นนั้น
โชคดีที่เขามั่นใจแล้วว่า เฉินซีเป็นเพียงเทวารู้แจ้งโลกาเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะใช่เล่ห์กลอุบายใด ๆ ก็ตาม ก็คงไม่อาจสั่นคลอนโม่ลี่โฉวจนรู้สึกลังเลที่จะลงมือ
สิ่งเดียวที่เขาไม่สามารถหยุดกังวลได้คือ จูต่งถิงนั่นหยิ่งผยองและอวดดีเกินไป ซึ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับศัตรูที่จะฉวยโอกาสนี้เพื่อจัดการกับจูต่งถิง
ดังนั้นทันทีที่พวกเขาลงมือ โม่ลี่โฉวก็ตัดสินใจว่าจะคอยประกบจูต่งถิงตลอดเวลา แม้ว่าการฆ่าศัตรูจะมีความสำคัญ แต่การปกป้องชีวิตของจูต่งถิงนั้นสำคัญยิ่งกว่า
…
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับเลยเถิดจนเกินความหมายของโม่ลี่โฉว
หนึ่งถ้วยชาต่อมา เสื้อผ้าและผมเผ้าของเฉินซีปลิวไสว ขณะที่ยืนอยู่ริมหน้าผาที่ปกคลุมไปด้วยหินขนาดต่าง ๆ และมีน้ำตกไหลลงมาเพียงลำพัง
หลังจากที่เขาใช้ผิวไร้ลักษณ์ แม้ว่ามันจะทำให้รูปลักษณ์ดูธรรมดา แต่พลังชีวิตกลับพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ดวงตาทอประกายล้ำลึก เผยท่าทางที่ไม่ธรรมดาและไม่แยแสอย่างเป็นธรรมชาติ
ครืน!
ใต้หน้าผามีแม่น้ำไหลเชี่ยว กระแสน้ำซัดสาดพัดหิมะออกไปและก่อให้เกิดคลื่นนับพันลูก บังเกิดเสียงกังวานดุจเสียงฟ้าร้องที่ซัดสาด
สิ่งที่ทำให้โม่ลี่โฉวต้องประหลาดใจ แท้จริงแล้วเฉินซีกลับไม่ซ่อนตัว ทั้งที่ถูกไล่ล่าตลอดทางมาจนถึงที่นี่ และดูเหมือนกำลังรอพวกเขาอยู่
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปกะทันหันเช่นนี้ ทำให้โม่ลี่โฉวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว รู้สึกแผ่วเบาว่าเด็กคนนี้ดูเหมือนจะตั้งใจใช้กลอุบายบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม จูต่งถิงกลับไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าเฉินซีหยุดหลบหนีแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะแผดเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ “ไอ้บัดซบ! เอาเลย! หนีไปสิ! ทำไมถึงไม่หนีอีกเล่า? คงไม่ใช่ว่าเจ้าเลือกที่จะกระโดดลงจากหน้าผาเพื่อปลิดชีวิตตนเองกระมัง?”
ในขณะนี้ เขาภูมิใจอย่างมากกับความสำเร็จของตน และไฟโทสะที่สั่งสมอยู่ในใจ ก็ดูเหมือนพวกมันจะพบสถานที่ที่ระบายออกแล้ว เขาจึงอิ่มเอมใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เฉินซีหัวเราะเช่นกัน พลันกล่าวขึ้น “นายน้อยจูนั่นคู่ควรที่มีแซ่จูจริง ๆ” คำพูดเหล่านี้เป็นการดูถูก หมายความว่าจูต่งถิงไม่ต่างจากหมู
ใบหน้าของจูต่งถิงทรุดดิ่งลงทันที เขาไม่เคยคิดเลยว่า แม้ในขณะนี้ ไอ้สารเลวผู้น่ารังเกียจนี้จะกล้าดูถูกและทำให้เขาอับอาย มันกำลังหาที่ตายอย่างแท้จริง!
“ประเสริฐมาก! เพียงเพราะวาจาเหล่านี้ นายน้อยผู้นี้จะทำให้เจ้าได้รู้ว่าการอยู่ไม่สู้ตายนั้นเป็นอย่างไร!”
โครม!
ขณะที่กล่าว ร่างพลันพุ่งปราด พลุ่งพล่านด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ผันผวนอย่างน่าสะพรึงกลัว กลิ่นอายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังรุนแรงและครอบงำ
เขาโกรธเกรี้ยวอย่างสุดขีด จนไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากกลืนกินกระดูกของเฉินซี จากนั้นจึงดูดไขกระดูกออกไป และทำให้เฉินซีไม่สามารถเวียนว่ายตายเกิดได้อีกตลอดกาล
แต่ก่อนที่จูต่งถิงจะลงมือ โม่ลี่โฉวก็พุ่งปราดออกไป แล้วจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “ มันเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็ก ๆ นายน้อยไม่จำเป็นต้องออกโรง ปล่อยให้บ่าวชราผู้นี้จัดการมันเอง!”
ขณะที่เสียงอันแหลมคมดังก้อง โม่ลี่โฉวก็พุ่งปราดออกไปดุจวิหคตัวใหญ่ ฝ่ามือถูกขดด้วยวงแสงสีแดงที่ลึกลึบและคลุมเครือขณะจู่โจมเฉินซี
กรงเล็บแร้งปีศาจสะบั้นวิญญาณ!
นี่คือเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดของแร้งปีศาจแดง มือของพวกมันสามารถแยกฟ้าดินออกจากกัน กระชากวิญญาณออกมา และสะบั้นวิญญาณออกจากกัน ทั้งยังมันมีพลังมหาศาล
ฟิ่ว! ฟิ่ว!
อากาศถูกกรงเล็บฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ อย่างง่ายดายเหมือนกระดาษ รอยแยกมิติอันน่าสะพรึงกลัวก็เปิดออกมามากมาย พวกมันแพร่กระจายไปทั่วสารทิศ ทำให้ฟ้าดินถูกปกคลุมด้วยชั้นบรรยากาศที่น่าสยดสยอง ปั่นป่วน และเต็มไปด้วยการทำลายล้างทันที
นี่คือพลังของเทวารู้แจ้งวิญญาณ การโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงโลก พลิกภูมิประเทศ ทำให้มหาเต๋าไม่มั่นคงและกระสับกระส่าย!
…
ชิ้ง!
ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็ลงมือเช่นกัน ด้วยยันต์ศัสตราในมือ เจตจำนงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวจนสุดจะพรรณนาได้พวยพุ่งออกมาจากร่าง และมันทำให้สภาพแวดล้อมปั่นป่วนวุ่นวาย
ในชั่วพริบตา มันเหมือนกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในพงศาวดารแห่งกาลเวลาอย่างลึกล้ำ ซึ่งหลุดออกจากฝัก และมันสั่นสะเทีอนจักรวาล ด้วยเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่วปฐพี
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซีดูเหมือนกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะดวงตา คิ้วหรือแม้แต่ผิวหนังบนร่างกายก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเจตจำนงกระบี่ที่ดุร้ายและอำมหิต เป็นดั่งจักรพรรดิกระบี่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ซึ่งมองดูโลกใต้ล่าง และบัญชากระบี่ทั้งปวง
กลิ่นอายดังกล่าวน่ากลัวเกินไป ทันทีที่มันปรากฏขึ้น บรรยากาศที่น่าสยดสยองและน่าสะพรึงกลัวที่โม่ลี่โฉวสร้างขึ้นก็สลายไปโดยสิ้นเชิง ทั้งยังง่ายดายราวกับกำลังกวาดใบไม้แห้งอย่างทรงพลัง
แม้กระทั่งหน้าผา ก้อนหิน เม็ดทราย… ทุกสิ่งในโลกถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหารอันคุกคามของเจตจำนงกระบี่นี้!
ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่!
สีหน้าของโม่ลี่โฉวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และไม่อาจสงบอารมณ์ได้อีกต่อไป เขารู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่งจากขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา จะพลันกลายร่างเป็นจักรพรรดิกระบี่ได้ในบัดดล
จักรพรรดิกระบี่!
นั่นเป็นสถานะสูงสุดในเต๋าแห่งกระบี่ และหาได้ยากในใต้หล้า ไม่ต้องพูดถึงนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบจักรพรรดิกระบี่สักคนในบรรดาเทวารู้แจ้งโลกาในดาราจักรทั้งสามพันแห่งของเอกภพมสิหิม!
เพราะการบ่มเพาะดังกล่าวนั่นมีอยู่ในหมู่บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตามความรู้ของโม่ลี่โฉว มีอยู่ไม่เกินสิบคนในดาราจักรทั้งสามพันแห่งของเอกภพมสิหิมที่มีการบ่มเพาะที่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ในเต๋าแห่งกระบี่ แต่กลับไม่มีสักคนเดียวที่อยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา!
เจ้าเด็กนี้มาจากที่ใดกัน? หรือว่ามันไม่ใช่ผู้บ่มเพาะจากเอกภพมสิหิม?
ฟิ่ว!
ก่อนที่โม่ลี่โฉวจะหาข้อสรุปได้ ปราณกระบี่จำนวนหนึ่งที่หมุนวนด้วยยันต์อันลุกโชติช่วงก็ฟาดลงมาราวกับลำแสง
โม่ลี่โฉวสั่นสะท้านไปทั้งตัว มันเป็นพลังของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่จริง ๆ!
เขาไม่กล้าลังเลอีกต่อไป พลันยับยั้งกระบวนท่าโดยสัญชาตญาณ และตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีของเฉินซี
ทันทีที่การต่อสู้ปะทุขึ้น เฉินซีก็สามารถบีบบังคับเทวารู้แจ้งวิญญาณจนต้องหลบเลี่ยง เหตุการณ์นี้ทำให้ดวงตาของจูต่งถิงซึ่งเดิมทีหยิ่งผยองและอวดดีแทบจะถลนออกจากเบ้า
แม้ใช้เวลานานในการอธิบาย แต่มันก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ตั้งแต่การโจมตีของเฉินซี ไปจนถึงโม่ลี่โฉวที่ตระหนักว่าสถานการณ์เลวร้ายและหลบเลี่ยงได้ ทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นในชั่วพริบตา
โอม!
ทว่าก่อนที่โม่ลี่โฉวจะหลบได้สำเร็จ เหรียญทองแดงเปล่งประกายสีทองสุกใสสามเหรียญก็ฉีกทะลุท้องฟ้า และพวกมันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของตัวอักษร ‘品’ จากนั้นกักขังร่างกายของเขาไว้อย่างสมบูรณ์
“เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ! ไอ้สารเลว! เจ้าคือ…” สีหน้าของโม่ลี่โฉวเปลี่ยนไปอีกครั้ง และมันทำให้เขาหวาดกลัวจนสูญเสียความสุขุม แต่เวลาไม่ปล่อยให้เขาได้ตอบสนอง และทำได้เพียงเผชิญหน้ากับมันโดยตรงเท่านั้น
เขาตะกุยด้วยมือทั้งสองข้าง ห่วงทองแดงที่เต็มไปด้วยสีแดงเลือดก็ฉีกผ่านท้องฟ้า และกวาดเข้าใส่อย่างดุเดือด
โครม!
ปราณกระบี่และห่วงทองแดงปะทะกัน บังเกิดเสียงกัมปนาทที่สั่นสะท้านฟ้าดิน คลื่นพลังทำลายได้บดขยี้ภูเขาและต้นไม้โดยรอบจนกลายเป็นผุยผง
พรวด!
โม่ลี่โฉวกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ร่างโซเซกลับไป
เขาได้รับบาดเจ็บ!
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาได้รับบาดเจ็บจากน้ำมือของเด็กน้อยขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา!?
ทั้งหมดนี้เกือบทำให้ดวงจิตแห่งเต๋าของโม่ลี่โฉวพังทลาย และพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ
ในทางกลับกัน จูต่งถิงที่ยืนอยู่ในระยะไกลก็ตกใจจนตัวสั่น ดวงตาเบิกโพลง เขาไม่อยากเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นจริง
เป็นไปได้อย่าง? มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!? ตั้งแต่เมื่อใดที่เทวารู้แจ้งโลกาจะสามารถพิชิตขอบเขตและเผชิญหน้ากับเทวารู้แจ้งวิญญาณได้? เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวในใจ และรู้สึกว่าสามัญสำนึกแทบพลิกกลับตาลปัตร
โอม!
ก่อนที่โม่ลี่โฉวจะยืนหยัดได้ เหรียญทองแดงสีทองสุกใสทั้งสามเหรียญก็หมุนวนและส่งเสียงหึ่ง ๆ ก่อนที่พุ่งเข้าหาอีกครั้ง
ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกมันไม่เสียเวลาแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ไอ้สารเลว!” โม่ลี่โฉวคำรามอย่างดุเดือดและหยุดหลบหลีก เขาตั้งใจที่จะเผชิญหน้ากับเฉินซีโดยตรง เพราะไม่เชื่อว่าเทวารู้แจ้งโลกาจะสามารถเอาชนะตนได้โดยที่อาศัยเพียงสมบัติวิญญาณธรรมชาติ
แต่ที่สำคัญที่สุด ในความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเฉินซี อีกฝ่ายเป็นเพียงคนขี้ขลาด และดูไม่เหมือนกับศิษย์ที่มีฝีมือจากนิกายศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ดังนั้นจึงไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าตนจะพ่ายแพ้ให้กับเฉินซีได้อย่างสิ้นเชิง
ฟิ่ว!
ครั้งที่สองที่การโจมตีปะทะกัน เฉินซีปะทะกับโม่ลี่โฉวโดยใช้กระบวนท่าสะบั้นไร้ลักษณ์ ทำให้ปราณกระบี่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในอากาศใกล้เคียงโม่ลี่โฉว จากนั้นมันก็ฟันลงไป
พรวด!
พร้อมกับแขนขวาของโม่ลี่โฉวที่ขาดสะบั้น!
โม่ลี่โฉวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และความหวาดกลัวที่ควบคุมไม่ได้ก็พุ่งเข้าสู่หัวใจ เจ้าเด็กนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!
มันครอบครองการบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ที่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ทั้งยังมีพลังยุทธ์ที่ท้าทายสวรรค์ แล้วไหนจะเหรียญทองแดงโปรยสมบัติที่สืบทอดกันมาในนิกายอำนาจเทวะ… บุคคลเช่นนี้จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
“นายน้อยหนีไป! เร็วเข้า! เราถูกเจ้าเด็กนี้หลอกแล้ว!” โม่ลี่โฉวแผดคำรามเสียงดังด้วยใบหน้าที่ดุร้ายและบิดเบี้ยว ซึ่งดูเหมือนว่าจะคลุ้มคลั่งไปแล้ว
ฟิ่ว!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะสิ้นเสียง ปราณกระบี่ได้โจมตีอีกครั้ง และในเวลาเดียวกัน เหรียญทองแดงโปรยสมบัติได้ฉีกผ่านท้องฟ้า แล้วจึงกักขังพื้นที่รอบ ๆ โม่ลี่โฉวไว้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน
“ข้าจะแลกชีวิตกับเจ้า!” โม่ลี่โฉวแผดตะโกนดังสนั่น ในขณะที่ร่างกายดูเหมือนกำลังลุกไหม้ ยิ่งไปกว่านั้น แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากหน้าผาก และเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ขอบเขตออกมา
“อาโฉ่ว!!!!” จูต่งถิงแผดร้องเสียงดังในระยะไกล เขาตกใจจนมึนงงสับสนไปหมดแล้ว และจิตใจก็สั่นคลอนอย่างรุนแรง ทว่าเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ก็เข้าใจทันทีว่าโม่ลี่โฉวตั้งใจจะแลกชีวิต เพื่อให้ตนได้มีโอกาสหลบหนีไปได้