บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1591 เลื่อนขอบเขตในศึก
บทที่ 1591 เลื่อนขอบเขตในศึก
ดวงดาวระเบิดเป็นเสี่ยง ถูกบดขยี้เป็นผุยผง ขณะที่เฉินซีเคลื่อนกายเฉียบพลัน หลั่งเหงื่อแตกซ่กด้วยตกใจ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเครียดเขม็ง
เพราะแสงสีแดงดุจคลื่นสีชาดมาถึงตรงหน้าเขาในพริบตา
เยี่ยเหยียน!
แตกต่างก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ขณะนี้ เส้นผมสีดำของเยี่ยเหยียนถูกรวบสูงเป็นหางม้าส่ายสะบัด ณ เบื้องหลัง เผยรูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติ ใบหน้าไม่ได้เปี่ยมเสน่ห์เช่นในกาลก่อน แต่เต็มไปด้วยจิตสังหารดุร้ายเสียแทน
“เจ้าซ่อนพลังชีวิตในตัวได้ วิชานี้หายากจริงแท้ เฉินซี ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว ข้าคิดถึงเจ้าจริง ๆ!” ขณะที่เสียงของนางเค้นผ่านซี่ฟันขาวดุจหยก มันมิได้นุ่มนวล แต่เจือความแค้นเย็นเยียบมหาศาล
“ฮึ! หากเสี้ยวพลังชีวิตของข้าไม่กลายเป็นหย่อมหญ้า มีหรือเจ้าจะสังเกตเห็นได้?” เฉินซีแค่นยิ้ม
“ถือว่าเจ้าฉลาด ดูสิว่าหนนี้เจ้าจะหนีได้หรือไม่?” เยี่ยเหยียนพลิกฝ่ามือ แล้วแหวนทองแดงสีดำสนิทก็หมุนวนเหนือมือเรียวบางนั้น เผยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชวนสะพรึง
เฉินซีแย้มยิ้ม จากนั้นก็กล่าวถ้อยคำสามพยางค์เบา ๆ “ข้าว่าได้”
พร้อมกันนั้น กระบี่สีแดงเลือดเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือ มันมีความยาวสี่ฉื่อ ดูเหมือนถูกจุ่มในสระโลหิตมาก่อน เต็มไปด้วยปราณเต๋าวิบัติร้ายแรง
ฮึ่ม!
อักขระนับไม่ถ้วนอันก่อจากกระบี่เผยลักษณ์ขึ้นในจักรวาลอันพร่างพราว มีทั้งอักขระสีทองอันยึกยือเหมือนไส้เดือน อักขระรูปทรงประหลาด อักขระเทพอสูรอันไม่อาจเข้าใจ อักขระโกลาหลอันแทรกด้วยปราณเต๋าไร้ขอบเขต…
อักขระโบราณอันแตกต่างทั้งหลายล้วนแทนคำว่า ‘กระบี่’ ตราไว้ด้วยอำนาจแห่งประวัติศาสตร์ ถือครองฤทธิ์แห่งกาลเวลา ทันทีที่ปรากฏขึ้น พวกมันก็ห้อมล้อมรอบกระบี่สีแดงเลือด หมุนวนไม่รู้จบ
เพียงพริบตา กระบี่สีแดงเลือดก็เหมือนได้รับการอำนวยพรจากทวยเทพ ปรากฏบงกชศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์เช่นแก้วบนพื้นผิว แผ่รัศมีศักดิ์สิทธิ์ไร้พรมแดนทั่วนภา ป่วนรอบข้างรวนเร!
กระบี่เต๋าวิบัติ! ประกาศิตกระบี่ขงจื๊อ!
ดวงตาพร่างประกายของเยี่ยเหยียนหดตัวกะทันหัน วัตถุแรกเป็นสมบัติล้ำค่าอันเจนจัดในการคานอำนาจมรดกพิบัติในนิกายอำนาจเทวะ ขณะที่วัตถุหลังเป็นแก่นแท้แห่งกระบี่อันดุร้ายสูงสุดในเต๋าแห่งขงจื๊อที่นายท่านสี่แห่งเขาเทพพยากรณ์บรรลุเข้าใจ
ขณะนี้เมื่อกระบี่และวิชาถูกใช้ออกมาส่งเสริมกัน พลังที่มันแสดงจึงสูงลิบเกินประมาณ กระทั่งทำให้บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอย่างเยี่ยเหยียนตกตะลึงในใจอย่างยิ่ง
แน่นอน นางตกใจเพราะเฉินซีสามารถแผลงฤทธิ์ร้ายกาจเช่นนี้แม้จะมีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา มันกระทั่งสูงเหนืออำนาจเทวารู้แจ้งวิญญาณส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
“สะบั้นไร้ลักษณ์!”
ขวับ!
กระบี่สีเลือดแหวกนภา ทว่ากลับดูไร้ลักษณ์ไม่อาจจับต้อง ทิ้งประกายไร้เสียง ไม่เผยอานุภาพยิ่งใหญ่เช่นกาลก่อน
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเหยียนผงะไปเล็กน้อย แล้วปราณกระบี่สายหนึ่งก็พลันฟาดฟันใส่คอของนาง
การออกกระบี่นี้แตกต่างจากในอดีต มันผนวกอำนาจของประกาศิตกระบี่ขงจื๊อ หนุนเสริมด้วยความแข็งแกร่งของกระบี่เต๋าวิบัติ และตบท้ายด้วยการแผลงอำนาจสะบั้นไร้ลักษณ์ เพลงกระบี่ที่สามของเฉินซีซึ่งทำความเข้าใจได้ในขอบเขตราชันเซียน เป็นการโจมตีอันรุนแรงที่สุดเท่าที่เฉินซีใช้ออกมาจนบัดนี้!
หากเป็นเมื่อปีก่อน เฉินซีไม่มีทางทำได้เช่นนี้แน่นอน
เปรี้ยง!
ปราณกระบี่ทะลวงผ่านตรวนแห่งกาลเวลา จู่โจมรวดเร็วเกินเข้าใจ กะทันหันและลึกลับนัก
แม้การบ่มเพาะของเยี่ยเหยียนจะสูงส่ง นางก็ยังอดปรากฏเค้าความพรั่นพรึงในใจไม่ได้ ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเทวารู้แจ้งโลกาผู้ใดออกวิชาโจมตีน่าสะพรึงกลัวได้เช่นนี้
เปรี้ยง!
แต่ด้วยประสบการณ์ศึกอันโชกโชนและการบ่มเพาะในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล นางจึงลงมือตอบโต้ตามสัญชาตญาณ แหวนทองแดงสีดำสนิททะยานเวหา สกัดการโจมตีนี้ไว้ตรงหน้าลำคออย่างเฉียดฉิว ปะทะปราณกระบี่อย่างซึ่งหน้า ทำให้เกิดเสียงอึกทึกเลื่อนลั่น
เพียงพริบตา ปราณกระบี่ก็พุ่งเข้ามา ขณะที่แหวนทองแดงสั่นสะท้าน รัศมีศักดิ์สิทธิ์สาดส่องดุจหยาดฝน คลื่นอากาศโหมกระหน่ำดุจพายุมิติพร้อมเสียงกึกก้อง ป่นทำลายหมู่ดาวในรัศมีแสนลี้รอบข้างเป็นผุยผง!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ร่างของเยี่ยเหยียนพุ่งดุจอัสนี ล่าถอยไปร้อยพันจั้ง กว่าจะหยุดลงได้
ขณะนี้เอง หนึ่งเส้นผมของนางถูกสับขาดจากข้างศีรษะ ปลิวละล่องลงมา หนึ่งหยาดโลหิตกระทั่งผุดจากลำคอขาวระหง ก่อนจะหายลับไปในพริบตา
กล่าวคือ การโจมตีสูงสุดของเฉินซีทำได้เพียงตัดผมหนึ่งเส้น และเรียกโลหิตจากนางได้หนึ่งหยด!
ขณะเดียวกัน ร่างของเฉินซีก็หายไปแล้ว
“ไอ้หนูสมควรตายนั่น!” เยี่ยเหยียนข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเคืองแค้น ดวงตากระจ่างเปี่ยมจิตสังหารพลุ่งพล่านเย็นเยือก
เปรี้ยง!
นางสาวเท้าผ่านมิติ อาภรณ์แดงส่ายสะบัด แปรเป็นหนึ่งอัสนีไล่ล่าตามเฉินซีไป
…
ความต่างชั้นระหว่างเรามหาศาลเกินไปโดยแท้ เฉินซีรำพึงในใจ ร่างของเขาวูบไหวต่อเนื่องท่ามกลางจักรวาลพร่างพราวอันไร้ขอบเขต เคลื่อนย้ายมิติเต็มกำลัง ขณะเดียวกัน เขาก็ขยี้ผลึกศักดิ์สิทธิ์กำแล้วกำเล่า กลืนกินพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจากพวกมันเข้าสู่ร่าง โคจรการบ่มเพาะ ฟื้นฟูกำลังตนเองอย่างไม่จบสิ้น
แม้อำนาจการโจมตีเมื่อครู่จะร้ายกาจ แต่การสิ้นเปลืองพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ชวนตะลึงยิ่ง มันกินพลังไปเกือบสามส่วนในพริบตา แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับแทบไม่สามารถทำร้ายเยี่ยเหยียนได้เลย
แต่เฉินซีก็มิได้ถอดใจ เทียบกับหนแรกที่เขาประมือเยี่ยเหยียนในแดนโลกาวินาศและทำได้เพียงถูกต่อยตีฝ่ายเดียว และเทียบกับยามที่เขาต้องพึ่งพามิติอันปั่นป่วนเพื่อหนี การปะทะเยี่ยเหยียนตรง ๆ ได้หนึ่งกระบวนท่าครานี้คือการพัฒนาแล้ว!
การพัฒนาเช่นนี้เกิดขึ้นภายในชั่วเวลาเพียงหนึ่งปี หากผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ มารู้เข้า คงตกใจกันเป็นแน่ เพราะถึงอย่างไร อย่าว่าแต่ทำเช่นนี้ให้ได้ แค่ให้ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ประกันความอยู่รอดของตนให้ได้ยังยากเย็นแสนเข็ญ
ขณะเดียวกัน เฉินซีแตกต่างออกไป การถูกไล่ล่ากระตุ้นศักยภาพขึ้นเสียแทน ยิ่งอันตรายร้ายแรง เขายิ่งพัฒนาเร็ว ความเร็วการพัฒนาอันน่าตกใจนี้กล่าวได้ว่าตะลึงโลกา
ครู่สั้น ๆ ต่อมา เฉินซีก็ใช้อักขระผนึกเต๋าอำพรางตนในดาวร้างดวงหนึ่ง แล้วรวบรวมกำลังทั่วร่าง เตรียมรับมือเยี่ยเหยียน
เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา เยี่ยเหยียนก็มาถึงที่นี่
“พลังชีวิตขอเขาหายไปอีกแล้ว…” หนนี้ เยี่ยเหยียนดูสุขุมยิ่งนัก ไม่หยุดคิดแม้แต่น้อย นางพลันพัดสะบัด ฟาดฝ่ามือออกมาเกินพันหน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ดวงดาวดวงแล้วดวงเล่าทั่วทิศระเบิดเป็นจุณ
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับดาวอันมีผู้อาศัยเช่นดาวที่ตั้งของเมืองนภาสูญตา ฝ่ามือนี้ลำพังก็กำจัดสรรพชีวิตไปได้มากมาย!
สตรีผู้นี้เรียนรู้จากความผิดพลาดเก่าก่อน เฉินซีหรี่ตาลง ทำได้เพียงไหวกายเคลื่อนย้ายมิติก่อนที่อำนาจฝ่ามือของนางจะมาถึงตัว
แต่เมื่อทำเช่นนี้ มันก็เท่ากับเผยร่องรอยของเขา
“ไอ้ตัวดี! หนีต่อไปสิ!” เยี่ยเหยียนเผยเค้าเย้ยเยาะออกมาเล็กน้อย พร้อมกันนั้น ร่างของนางก็เคลื่อนไหว นำแหวนทองแดงออกมาฟาดใส่เฉินซีอย่างดุดัน
หนนี้ เฉินซีไม่ได้หนี กลับกัน ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ๆ ขณะที่รัศมีศักดิ์สิทธิ์แรงกล้าระเบิดออกจากนัยน์ตาอย่างเฉียบพลัน พลังชีวิตทั่วกายเหมือนจะกลายสภาพ แผดเผาประหนึ่งเพลิงผลาญ ดูเหมือนทั้งแก่นแท้ พลังและวิญญาณในร่างกำลังคุโชนในขณะนี้
เปรี้ยง!
เฉินซีนำเหรียญทองแดงโปรยสมบัติออกมาปะทะกับแหวนทองแดงตรง ๆ ทว่าการโจมตีของเฉินซีก็ถูกสลายไปได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดนี้อยู่ในคาดหมายของเขาแล้ว และพลันฟาดฟันกระบี่เต๋าวิบัติออกไปอีกหน
เปรี้ยง!
แรงกระแทกอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งสายหนึ่งฟาดลงใส่เฉินซีเสียจนทั่วร่างเหมือนถูกอุกกาบาตพุ่งชน ส่งร่างกระเด็นผ่านความว่างเปล่าไปกระแทกพื้นผิวดาวดวงหนึ่ง ก่อเกิดหลุมลึกไร้ก้นบึ้งบนนั้น
เปรี้ยง!
อีกหนึ่งเสียงดังสนั่น ยามดาวดวงนั้นแหลกเป็นเสี่ยงไปทันทีภายใต้หนึ่งฝ่ามือจากเยี่ยเหยียน
เห็นได้ว่าร่างของเฉินซีกระเด็นออกมาจากภายในดวงดาวในสภาพสะบักสะบอม ไหวร่างพุ่งไปในทิศตรงข้าม ขณะนี้อาภรณ์ทั่วร่างแหว่งวิ่น ทั่วกายเต็มไปด้วยบาดแผล โลหิตซึมไหลจากทั้งจมูกปาก ดูน่าเวทนาอยู่เอาการ
ทว่าพลังชีวิตของเขากลับยิ่งทวีความกล้าแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ พลุ่งพล่านเดือดปุดดุจฟ้าดินหลอมต้ม ทำให้บรรยากาศแกร่งกล้าเพิ่มพูนอย่างมั่นคง
“หือ? เจ้าเด็กนั่นเลื่อนขอบเขตในศึกหรือ?” เยี่ยเหยียนหรี่ตาลง เผยเค้าความประหลาดใจเป็นครั้งแรก นางเหมือนจะรู้สึกไม่อยากเชื่อ แต่พริบตาถัดมาก็ถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารอันสุดแสนหนาแน่น
ความแข็งแกร่งของเฉินซีพัฒนาเร็วเกินไป เป็นดั่งอัจฉริยะไร้เทียมทาน นับแต่นางเริ่มไล่ล่าอีกฝ่ายจนบัดนี้ ผ่านไปเพียงปีเศษเท่านั้น แต่อำนาจต่อสู้ของเฉินซีกลับพัฒนาขึ้นมากเกินไปนัก
ให้ความรู้สึกเหมือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายหนีรอด ความแข็งแกร่งจะพัฒนาขึ้นหนึ่งระดับ เติบโตแข็งแกร่งขึ้นจากทุกการต่อสู้ เกินความรู้ความเข้าใจอย่างสุดขีด
หากเยี่ยเหยียนเข้าใจไม่ผิด เฉินซีเพิ่งบรรลุถึงขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกายามเข้ามาในแดนโลกาวินาศ และเพิ่งเข้ามาในเอกภพมสิหิมไม่ถึงสองปี แต่เขากลับใกล้บรรลุสู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณรอมร่อ!
หากข่าวนี้ถูกแพร่งพราย ทั่วเอกภพมสิหิมต้องลือลั่นกระหึ่มแดนแน่แท้!
ถึงขนาดที่คงไม่มีผู้ใดกล้าเชื่อ เพราะถึงอย่างไร การโถมกระโจนเคลื่อนขอบเขตในเวลาอันสั้นเพียงสองปีเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ แล้วใครเล่าจะกล้าเชื่อ?
นี่คือการบ่มเพาะในขอบเขตของเต๋าศักดิ์สิทธิ์นะ!
ทุกย่างก้าวคลุมเครือยากเย็นยิ่ง ในชั่วชีวิตอันไร้ขอบเขตของหนึ่งเทวา แม้จะไม่อาจใช้เวลามาเป็นมาตรฐานตัดสินความแข็งแกร่งได้ แต่บางบุคคลก็ไม่อาจเคลื่อนสู่ขอบเขตบ่มเพาะถัดไปได้จนสิ้นอายุขัย
แต่เฉินซีกลับสามาถบรรลุสู่ขอบเขตบ่มเพาะถัดไปได้ในเวลาไม่ถึงสองปี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความสามารถโดยกำเนิด สภาพร่างกาย และรากฐานเหนือธรรมดาเพียงไร
การนิยามเขาเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานไม่ใช่การกล่าวเกินไปเลย
เยี่ยเหยียนไล่ล่าเฉินซีตลอดหนึ่งปีเศษ และตระหนักชัดเจนยิ่งว่าตลอดช่วงเวลานี้ ความแข็งแกร่งของเฉินซีพัฒนาเช่นไรบ้าง
แต่นางไม่เคยคาดฝันว่าเขาจะบรรลุขอบเขตได้ไวเพียงนี้ และกระทั่งมาเคลื่อนขอบเขตในศึก แล้วเยี่ยเหยียนจะไม่ตกใจได้หรือ?
เพราะเหตุนี้เอง จิตสังหารในใจนางจึงพุ่งสูงกว่าหนใด นางไม่อาจทนให้เฉินซีบรรลุขอบเขต แปรสภาพไปต่อหน้าต่อตานางได้
ไม่อาจทน!
ฟิ่ว!
ความคิดทั้งหลายแล่นผ่านความคิดของนางในพริบตา ขณะที่การเคลื่อนไหวของเยี่ยเหยียนไม่ได้หยุดมาแต่ต้น จู่โจมใส่เฉินซีอีกครั้ง
เปรี้ยง!
แหวนทองแดงสีดำสนิทเรืองรัศมี ดูประหนึ่งวายุทมิฬกวาดจักรวาล ไม่ว่าผ่านหนใด มิติถล่มพินาศ หมู่ดาวแหลกเป็นเสี่ยง ตามเฉินซีทันด้วยความเร็วเกินเชื่อลง ก่อนจะฟาดลงใส่เขา
การโจมตีนี้สำแดงพลังของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้หนึ่งอย่างชัดแจ้ง น่าตะลึงสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
…………….