บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1592 ประทีปวิญญาณที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
บทที่ 1592 ประทีปวิญญาณที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
…………….
บทที่ 1592 ประทีปวิญญาณที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
แหวนทองแดงสีดำสนิทนี้ เรียกว่าแหวนทองแดงมหาสุราลัย และเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่เกิดจากภายในความโกลาหลของสามภพ มันอยู่ในอันดับที่สามสิบห้า ซึ่งว่ากันว่าเป็นศัสตราศักดิ์สิทธิ์ที่เปี่ยมพลังสังหารและสามารถปลิดวิญญาณ พลังของมันสามารถแยกความชั่วออกจากความดี แยกหยินและหยางออกจากกัน ทั้งยังดุร้ายและมั่นคง
แม้ว่าอันดับของสมบัตินี้จะด้อยกว่าเหรียญทองแดงโปรยสมบัติและตาข่ายครอบคลุมสวรรค์มาก แต่เมื่อถูกใช้ในเงื้อมมือของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล มันก็เพียงพอแล้วที่จะสำแดงพลังได้อย่างเต็มที่
ในทางกลับกัน แม้ว่าเฉินซีจะครอบครองเหรียญทองแดงโปรยสมบัติและตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ แต่การบ่มเพาะ ณ ปัจจุบัน ทำให้เขาสามารถใช้พลังที่แท้จริงของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
สรุปแล้วก็คือ ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพราะสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับขอบเขตการบ่มเพาะของเทพที่ใช้พวกมันต่างหาก
โครม!
ในขณะนี้ แหวนทองแดงมหาสุราลัยฉีกผ่านอวกาศด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว ขณะพุ่งใส่เฉินซี
อวกาศระเบิดออกจากกันในขณะที่ดวงดาวสั่นสะเทือนและพังทลายลง ทิ้งร่องรอยของพลังมหาศาลตลอดเส้นทาง
โครม!
ร่างของเฉินซีเปล่งประกายด้วยกระบี่เต๋าวิบัติในมือ และเขาใช้เหรียญทองแดงโปรยสมบัติอย่างเต็มกำลังเพื่อเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
หลังจากนั้น เลือดก็ไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ในขณะที่ซี่โครงของเขาแตกออกหักด้วยแรงกระแทกอันน่าสะพรึงกลัว ยิ่งไปกว่านั้น จักรวาลภายในร่างกายก็สั่นสะเทือนจนเกือบพังทลาย
ในขณะนี้ เฉินซีถูกระเบิดจนปลิวว่อนดุจว่าวที่ป่านขาด ซ้ำยังมีสภาพที่น่าสังเวชและน่าสยดสยอง ร่างของเขาราวกับดาวตกที่ฉีกผ่านชั้นอวกาศซ้ำ ๆ ทั้งยังพุ่งทะลุดวงดาวมากมาย
ในที่สุด เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นก็ไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ผิวหนังฉีกขาดจนเห็นกระดูก ทั้งยังตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช ซึ่งหากเป็นตัวตนขอบเขตเทวาคนอื่น ๆ ก็คงจะตายไปแล้ว
เจ็บปวด!
ช่างเป็นความเจ็บปวดที่กรีดหัวใจ!
มันเติมเต็มร่างกายดั่งหินหลอมเหลวที่ปะทุจากภูเขาไฟ และโจมตีดวงจิตแห่งเต๋าของเฉินซีอย่างไม่หยุดยั้ง ความเสียหายที่ได้รับจากการโจมตีครั้งนี้ ได้เกินขีดจำกัดของร่างกายแล้ว
แต่น่าประหลาดใจ ที่สีหน้าของเฉินซียังคงสงบอย่างมาก และดวงตาที่ลึกล้ำดูเหมือนเหวลึกก็ปราศจากอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ
ในห้วงจิตสำนึก ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากเริ่มไหลเวียนอย่างฉับพลัน มันส่งเสียงหึ่ง ๆ พลางปล่อยคลื่นพลังผันผวนที่แปลกประหลาดและคลุมเครือ ประหนึ่งมีสติปัญญาเป็นของตนเอง ไม่เพียงแต่ป้องกันไม่ให้พลังชีวิตขาดสะบั้น เนื่องจากอาการบาดเจ็บสาหัสที่ได้รับ แต่พลังชีวิตของเขากลับเพิ่มและแข็งแกร่งมากขึ้นแทน
ครืน!
ในทางกลับกัน จักรวาลที่อยู่ภายในร่างเฉินซี ดวงดาวมากมายถูกชี้นำโดยยันต์เทวะอนันต์ที่อยู่ตรงกลางเพื่อโคจรอย่างบ้าคลั่ง พวกมันปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาราวกับกระแสน้ำ ซึ่งหมุนเวียนและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับพลังชีวิตของเฉินซี พวกมันขยายตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งยังเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วสุดขีดตลอดเวลา
ดวงแสงที่เดือดพล่านซึ่งดูเหมือนเมล็ดพืชสามารถสังเกตเห็นราง ๆ จากภายในเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชติช่วงอยู่ในจิตวิญญาณ มันเต้นแรงและสั่นสะเทือนราวกับหัวใจ ซึ่งคล้ายจะมีบางสิ่งกำลังโผล่ออกมาจากมัน
ทั้งหมดนี้ใช้เวลานานในการอธิบาย แต่จริง ๆ แล้วมันเกิดขึ้นภายในร่างกายของเฉินซี และเป็นไปไม่ได้เลยที่คนนอกจะสังเกตเห็น
“ไยเจ้าถึงไม่หนีล่ะ?” รูปร่างที่เพรียวบางและสง่างามของเยี่ยเหยียนล่องลอยเข้ามา นี่เป็นครั้งที่สองที่นางกล่าวเช่นนี้ แต่ครั้งนี้น้ำเสียงกลับให้ความรู้สึกที่ไม่แยแส ประหนึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์และชะตากรรมของเฉินซีไว้ในกำมือ
เห็นได้ชัดว่าเฉินซีนั้นไร้พลังที่จะดิ้นรนขัดขืนแล้ว
ฟิ่ว!
คำตอบที่นางได้รับคือปราณกระบี่ที่พลุ่งพล่านและโชติช่วง
คิ้วของเยี่ยเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นด้วยเหตุนี้ และร่องรอยของความประหลาดใจก็ปรากฏบนดวงตาที่สุกใสงดงาม ดูเหมือนนางไม่คาดคิดมาก่อน ว่าสารเลวน้อยที่บาดเจ็บสาหัสคนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับในชะตากรรมเท่านั้น แต่ยังมีกำลังที่จะดิ้นรนอีกด้วย
โครม!
หญิงสาววาดท่าทางด้วยมือที่ประณีตของตน จากนั้นแหวนทองแดงมหาสุราลัยก็หมุนวนและบดขยี้ปราณกระบี่นี้อย่างง่ายดายในคราวเดียว บังเกิดเป็นแสงฝนที่สาดส่องไปรอบ ๆ
“อะไร? นี่เจ้ายังปฏิเสธที่จะยอมรับชะตากรรมของเจ้าอีกหรือ? เจ้าสามารถตายตาหลับที่สามารถยืนหยัดจากการถูกข้าไล่ล่ามานานนับปี! แล้วไยต้องดิ้นรนอีก?”
ริมฝีปากสีแดงชุ่มชื้นและเย้ายวนของเยี่ยเหยียนบิดโค้งเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข นางสัมผัสได้ถึงความสุขเสี้ยวเล็ก ๆ ในหัวใจ เหมือนแมวที่กำลังหยอกเย้าหนู
“โง่เขลา” เฉินซีดูเหมือนจะสงบมากเมื่อเผชิญกับสิ่งนี้ และกล่าวคำหนึ่งออกมาเบา ๆ
ณ เวลานี้ รูปลักษณ์ของเขาดูน่ากลัว ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเลือด กระดูกก็มองเห็นได้ราง ๆ แต่ดูเหมือนเขาจะยังคงหยิ่งผยองอยู่มากเมื่อกล่าววาจา ทำให้เยี่ยเหยียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“แต่เดิม หากเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้และร้องขอความเมตตา บางทีข้าอาจปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักพักหนึ่ง แต่ตอนนี้ข้าทำได้เพียงส่งเจ้าไปลงนรก…” ท่ามกลางเสียงที่อ่อนโยนและน่าพึงพอใจ เยี่ยเหยียนยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็ยื่นมืออันประณีตที่ขดด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวออกไปข้างหน้า
ทว่าในขณะนี้ ดูเหมือนนางจะสังเกตเห็นบางสิ่ง และนัยน์ตาก็หดตัวลงทันที แล้วจึงกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้า… นี่เจ้ากำลังบรรลุขอบเขตจริง ๆ เหรอ!”
เสียงของนางเต็มไปด้วยความตกใจ ความโกรธ และความไม่เชื่อ
เพราะจู่ ๆ พลังงานชีวิตอันเร่าร้อนและน่าสะพรึงกลัวได้ปะทุจากร่างกายของเฉินซี และมันเหมือนกับควันที่พลุ่งพล่านไร้ขอบเขตซึ่งพุ่งขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้า!
หลังจากนั้น ลำแสงสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาจากร่างของเฉินซี ลำแสงนี้เปี่ยมไปด้วยรัศมีอันบริสุทธิ์ของเต๋า และเต็มไปด้วยพลังชีวิต ซึ่งดูเหมือนจะปราศจากมลทินอย่างสิ้นเชิง
“ประทีปวิญญาณแห่งแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์!” ใบหน้าที่เปี่ยมเสน่ห์ของเยี่ยเหยียนถูกปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็นสุดขีด เพราะนี่เป็นสัญญาณของการสร้างแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เมื่อบรรลุขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ!
ทั้งหมดนี้เกินความคาดหมายไปไกล นางไม่เคยคิดเลยว่าเฉินซีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย แต่กลับมีพลังชีวิตที่ร้อนระอุเช่นนี้ ทั้งยังบรรลุขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ
“เจ้ามดเวรนั่น! ทั้งที่มันเป็นเพียงตัวประหลาดน้อยที่ท้าทายสวรรค์ หากข้าไม่สามารถกำจัดมันได้ในวันนี้ มันจะต้องกลายเป็นหายนะในอนาคตอย่างแน่นอน!”
ฟิ่ว!
ขณะที่ความคิดเหล่านี้แวบขึ้นมาในใจ เยี่ยเหยียนก็พุ่งปราดเข้าใส่อย่างดุร้าย ฉีกทะลุชั้นอวกาศออกจากกัน พร้อมกับโจมตีอย่างดุเดือด
ในขณะนี้ จิตสังหารแผ่พุ่งออกมาจากร่างขณะที่ใช้ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งตั้งใจที่จะทำลายล้างเฉินซีให้สิ้นซากด้วยการโจมตีครั้งนี้ และยุติปัญหาทั้งหมดในอนาคต
โครม!
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การโจมตีของนางยังไม่ทันสัมผัสร่างเฉินซี ลำแสงสีส้มอีกสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างเฉินซีทันที มันเหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์ ที่ทั้งสุกใสและกว้างใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายการโจมตีนี้ แม้แต่ร่างกายของเยี่ยเหยียนก็สั่นสะท้านจนเซกลับไปหลายก้าว
“มันเป็นเพียงประทีปวิญญาณแห่งแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ดวงที่สอง เหตุใดมันถึงปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงลออกมาจนทำให้ข้ารู้สึกสั่นคลอนได้ถึงขนาดนี้…”
สีหน้าของเยี่ยเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะนางเป็นถึงบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล! แต่ในขณะนี้ มันเป็นช่วงเวลาสำคัญของเฉินซีสำหรับการบรรลุขอบเขต และตัวเฉินซีไม่มีความสามารถในการโต้กลับ ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การฆ่าเฉินซีจะง่ายดายเหมือนกับการเชือดไก่ ทว่าครั้งนี้นางกลับถูกโจมตีกลับ!
นี่มันเกิดอันใดขึ้น? เยี่ยเหยียนรู้สึกประหลาดใจและสับสนเล็กน้อย หญิงสาวรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่นางแค่ยังไม่ได้ค้นพบมัน
แต่ในขณะนี้ หญิงสาวไม่อาจใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนั้นได้ ทันใดนั้นนางก็กัดฟันแน่น แล้วจึงใช้แหวนทองแดงมหาสุราลัยเพื่อโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้ง
เมื่อผู้บ่มเพาะบรรลุสู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จะถูกสร้างขึ้นภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณ มันเป็นศูนย์กลางที่แก่นสสารของมหาเต๋า วิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้ของผู้บ่มเพาะมาบรรจบกัน
เมื่อแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นรูปร่าง นั่นหมายความว่าเฉินซีบรรลุขอบเขตได้สำเร็จ ในเวลานั้น นางจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิมในการฆ่าเฉินซีอย่างแน่นอน และมันอาจถึงขั้นที่อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยเหยียนจะนิ่งดูดายแล้วปล่อยให้เฉินซีบรรลุขอบเขตจนสำเร็จได้อย่างไร?
ฆ่า!
เยี่ยเหยียนพุ่งปราดเข้าใส่เฉินซีอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตาม คราวนี้นางถูกซัดกระเด็นอีกครั้ง เลือดลมปั่นป่วน ในขณะที่ใบหน้าที่สวยงามก็ซีดลงเล็กน้อย
เหตุผลนั้นง่ายมาก ลำแสงสีเหลืองอีกสายหนึ่งที่เรียบง่าย หนา สว่าง และสูงส่งพลันพุ่งออกมาจากร่างเฉินซี
“ประทีปวิญญาณแห่งแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ดวงที่สาม!” สีหน้าของเยี่ยเหยียนเปลี่ยนไปอย่างไม่แน่นอนเมื่อเห็นสิ่งนี้ นางทั้งรู้สึกประหลาดใจ งุนงง และไม่เชื่อ ทำไมกัน! เหตุใดแสงเหล่านั้นจึงสามารถบีบข้าให้ถอยหลังได้?
ไม่ต้องกล่าวถึงว่านางไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในช่วงชีวิต และอาจไม่มีใครสักคนในแดนเทพโบราณทั้งหมดที่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้ว เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ในขณะที่ผู้บ่มเพาะกำลังทะลวงขอบเขต นั่นจะเป็นช่วงเวลาพวกเขาตกอยู่ในอันตรายที่สุด
ในขณะนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงใครบางคนที่โจมตีพวกเขา เพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยในสภาพแวดล้อม ก็อาจทำให้พวกเขาลมปราณเบี่ยงเบน ก่อนที่จะล้มเหลวในการบรรลุขอบเขตในท้ายที่สุด ถึงขั้นที่กรณีร้ายแรงอาจจบลงด้วยการเสียชีวิต
นี่เป็นความรู้ทั่วไปในหมู่ผู้บ่มเพาะ แต่มันก็ไม่อาจนำไปใช้กับเฉินซีได้
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย แต่พลังงานที่สำคัญของเขาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเส้นทางแห่งความก้าวหน้าของเขาไม่ได้ถูกตัดขาดเลย
เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเหยียนโจมตีสองครั้งติดต่อกัน และมันเป็นการโจมตีเต็มกำลังของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล แต่ไม่เพียงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เท่านั้น นางยังเป็นฝ่ายสั่นสะท้านจนเซถอยหลังกลับมาแทน!
เป็นไปได้อย่างไร?
เยี่ยเหยียนไม่สามารถเข้าใจได้ แต่มันทำให้นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอันตราย ดังนั้นนางจึงไม่ลังเลและตั้งใจที่จะโจมตีอีกครั้ง
โอม! โอม! โอม!
แต่ในขณะนี้ สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ลำแสงสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากเฉินซีอย่างต่อเนื่อง พวกมันมีทั้งสีเขียวสน สีน้ำเงินเข้ม สีคราม สีม่วง… ลำแสงทุกสายนั้นบริสุทธิ์และกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งยังเหมือนกระบี่คมกริบจำนวนมากที่พุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทันใดนั้น ลำแสงอีกสี่สายก็ปรากฏกายขึ้น และเมื่อรวมกับลำแสงทั้งสามจากก่อนหน้านี้ ก็มีลำแสงทั้งหมดเจ็ดสาย!
“บัดซบ! เยี่ยเหยียนรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ และสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างไม่สิ้นสุด นางตระหนักดีว่าลำแสงทั้งเจ็ดนั่นเป็นตัวแทนของการที่เทพกำลังบรรลุขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ
พรวด!
จู่ ๆ เยี่ยเหยียนก็กัดปลายลิ้นของตนและพ่นแก่นโลหิตออกมาเต็มปาก จากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาลับบางอย่าง ทำให้แสงศักดิ์สิทธิ์สีดำอันน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นจากทั่วทั้งร่างกาย และแหวนทองแดงมหาสุราลัยในมือของนางก็เริ่มส่งเสียงหึ่ง ๆ อย่างบ้าคลั่ง กลิ่นอายเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก
อันที่จริง นางไม่ลังเลที่จะสังเวยพลังแก่นสสารของนางเพื่อหยุดสิ่งนี้!
โครม!
คลื่นพลังผันผวนอันน่าสะพรึงได้กวาดออกมาจากแหวนทองแดงมหาสุราลัย ขณะที่มันส่งเสียงดังก้องและบดขยี้อวกาศ จากนั้นจึงกระแทกเข้าใส่เฉินซีที่อยู่ไกลออกไปอย่างแรง
ทันใดนั้น ดวงดาวในระยะสองแสนห้าหมื่นลี้ ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งดวงดาวที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่สามารถทนต่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้อีกต่อไป และมันแตกสลายเป็นผุยผง
โครม!
แหวนทองแดงมหาสุราลัยกระแทกเข้าลำแสงทั้งเจ็ดที่ปกคลุมเฉินซีอย่างแรง บังเกิดเป็นเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งพุ่งทะลุทะลวงผ่านจักรวาล ระเบิดเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์อันพร่างพราว กลายเป็นสายฝนแสงที่โปรยปราย และกระแสอวกาศที่ปั่นป่วนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็ส่งเสียงดังกึกก้อง ขณะที่พวกมันกวาดไปทุกทิศทาง ทำให้อวกาศอันกว้างใหญ่นี้พังทลายในทันที
ในที่สุด การโจมตีนี้ก็สัมฤทธิผล มันเขย่าลำแสงทั้งเจ็ดนั้นจนสั่นสะท้าน ทั้งยังเขย่าร่างที่บาดเจ็บจนแทบรุ่งริ่งของเฉินซีจนเนื้อหนังแทบระเบิดออก กระดูกแตก และทั้งร่างกายดูเหมือนจวนจะทนต่อแรงกดดันนี้อีกต่อไปไม่ไหวแล้ว และกำลังจะกลายเป็นข้าวต้ม
ร่างกายของเฉินซีดูเหมือนกำลังจะถูกทำลายที่นี่และเดี๋ยวนี้….
แต่ก่อนที่เยี่ยเหยียนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าในช่วงเวลาที่วิกฤตนี้ ลำแสงสีดำและสีขาวก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเฉินซีพร้อม ๆ กัน!
…………….