บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1594 เทียบอันดับศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ
บทที่ 1594 เทียบอันดับศักดิ์สิทธิ์ปรากฏ
ฟึบ!
ครั้งนี้ เยี่ยเหยียนถืออาวุธเหล็กแหลมยาวสามฉื่อฉีกมิติกรีดตัวมาอย่างรวดเร็ว
ถึงนางจะบาดเจ็บหนัก แต่นางเป็นบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล แค่โจมตีออกมาก็มีอำนาจทำลายล้างสูงส่งแล้ว
อย่างที่เขากล่าวว่า อูฐผอมโซตายไปอย่างไรตัวยังใหญ่กว่าม้า
ชิ้ง!
เมื่อเป็นเช่นนี้ เฉินซีจึงยกมือขึ้นทำท่า ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เคลื่อนออกมา แสงดาวหนาวเหน็บพลันส่องประกายทั่วแดน ปกคลุมร่างเยี่ยเหยียนไว้ทันที
“ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์!” เยี่ยเหยียนร้องเสียงแหลมออกมา ทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยว นับตั้งแต่ที่ไล่ล่าเฉินซีมา ก็ไม่คิดเลยว่านอกจากเหรียญทองแดงโปรยสมบัติกับกระบี่เต๋าวิบัติแล้ว เฉินซียังมีสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันดับที่สิบหก แห่งสามภพอยู่อีกด้วย
ทันทีที่โดนกักตัวไว้ นางก็รู้ว่าตนเองแย่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลีผลามพยายามรีบออกไป กลับยังอยู่ในนั้นแล้วพุ่งเข้าใส่เฉินซีโดยไม่สนพลังข้อจำกัดใด หมายบีบให้เขายกตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ออกด้วยตัวเอง
แต่นางยังไม่ทันขยับ เฉินซีก็ดึงตาข่ายครอบคลุมสวรรค์มาแล้วฟาดมันเข้ากับดาวดวงใกล้เหมือนเอาค้อนทุบ
ตู้ม!
ดวงดาวระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ส่วนเยี่ยเหยียนในตาข่ายก็ให้รู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบ ร่างกระแทกอย่างแรง ท่ามกลางฝุ่นควันคลุ้งโขมง นางกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป
“ไอ้บัดซบน้อย! ข้าฆ่าเจ้าทิ้งแน่!” เยี่ยเหยียนร้องเสียงแหลมราวกับเสียสติไปแล้ว สองตาแดงก่ำ นางพยายามดิ้นรนออกจากตาข่ายครอบคลุมสวรรค์หมายโจมตีเฉินซีอีกครั้ง
ตู้ม!
มีหรือเฉินซีจะปล่อยให้นางทำได้? เขาไม่หยุดการกระทำยังเหวี่ยงตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ต่อ ร่างสูงใหญ่เคลื่อนผ่านห้วงอากาศแล้วฟาดเยี่ยเหยียนเข้ากับดาวดวงอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความโกรธและความชังที่สั่งสมในใจเขามาตลอดหนึ่งปีที่ถูกไล่ล่าได้รับการปลดปล่อยก็คราวนี้
ท้องฟ้าพร่าดาวเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งจากดวงดาวระเบิดอยู่พักใหญ่ พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องแหลมของเยี่ยเหยียนที่ดังก้องทั่วจักรวาล เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวนัก
ตอนนี้เยี่ยเหยียนผมเผ้าไม่เป็นทรง ฝุ่นดินเปรอะร่างและเลือดอาบทั่วกาย อีกทั้งผิวงามยังเต็มไปด้วยรอยแผล เทียบกับท่าทางยั่วยวนแต่ก่อน หญิงสาวในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากขอทาน
เฉินซีดูไม่ได้สงสารแม้แต่น้อย การกระทำยังไม่ลดความรวดเร็วทั้งยังไร้ลังเล
เมื่อปีก่อน หากอาเหลียงไม่เสี่ยงชีวิตช่วยเขาไว้ตอนอยู่ในอุโมงค์มิติ เขาก็คงเกือบถูกนางเอาชีวิตไปได้แล้วสุดท้ายถึงจะรอดมาได้ แต่อาเหลียง็หลับไม่ได้สติ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลืมตาตื่น
พอเข้ามาในดาราจักรผาขจี เยี่ยเหยียนก็ยืมมือนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตเพื่อออกตามหาและล่าสังหารเขา ชายหนุ่มจึงไร้ทางเลือกต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ และตกที่นั่งลำบากยิ่ง
จากนั้นก็โดนไล่ล่าอีกปีเต็ม ระหว่างนั้นเขาบาดเจ็บอยู่ตลอด ถูกรังแกและทำร้ายจากฝีมือเยี่ยเหยียนหลายครั้ง หากไม่บังเอิญบรรลุขอบเขตขึ้นเป็นเทวารู้แจ้งวิญญาณ เฉินซีก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง
เรื่องเป็นเช่นนี้มีหรือเฉินซีจะยั้งมือ?
ตู้ม!
ตู้ม!
ตู้ม!
ดาวดวงแล้วดวงแล้วระเบิดออกเป็นเสี่ยง ในระหว่างนี้ร่างของเยี่ยเหยียนก็ถูกแรงระเบิดหลายต่อหลายครั้งจนเนื้อหนังเหวอะหวะ เต็มไปด้วยเลือด
“เฉินซี! เจ้าบีบให้ข้าทำแบบนี้เองนะ!!” ทันใดนั้นน้ำเสียงแค้นเคืองของเยี่ยเหยียนก็ดังขึ้นอีกครั้งราวกับกัดฟันพูด คล้ายว่าคนพูดใกล้เสียสติเต็มทน
เฉินซีหรี่ตา ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นกระแสพลังอันน่าเกรงขามไหลพล่านอยู่ในร่างเยี่ยเหยียน คล้ายภูเขาไฟใกล้ระเบิด
เวรแล้ว!
หรือนางบ้านี่คิดจะระเบิดตนเอง?
เฉินซียื่นแขนออกไป เก็บตาข่ายครอบคลุมสวรรค์กลับมาแล้วรีบเคลื่อนมิติออกไปทันที
ตู้ม!
จังหวะนั้นเอง กระแสพลังอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งออกจากเยี่ยเหยียน กินพื้นที่ไกลกว่าแสนลี้ทันที ทั้งดวงดาว อุกกาบาต และฝุ่นควันทั้งหลาย กระทั่งการไหลของมวลอากาศภายในบริเวณนั้นก็ถูกทำลายสิ้นทันใด!
เป็นเหตุที่น่าหวั่นผวายิ่งนัก หากเยี่ยเหยียนระเบิดร่างด้วยพลังรุนแรงเช่นนี้ตั้งแต่ต้น เฉินซีก็คงไม่รอดไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
แต่เคราะห์ร้ายที่นางคิดว่าตนเองมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่า จึงมองว่าเฉินซีเป็นแค่มดตัวหนึ่งที่คิดจะเหยียบเมื่อไหร่ก็ได้ มีหรือจะใช้วิธีนี้คิดลากเฉินซีให้ตายตกไปตามกันได้?
ถึงตอนนี้เยี่ยเหยียนจึงต้องพบชะตากรรมเลวร้าย เพราะดันมาเจอยอดฝีมือพิสดารเกินเข้าใจอย่างเฉินซีเข้า
ตายหรือยังนะ? เฉินซีเหินร่างอยู่บนฟ้าไกล สอดส่องสายตามองมา ท้องฟ้าบริเวณนั้นเกิดรอยโหว่มิติขึ้นจำนวนมาก มีแต่ความวุ่นวายฉิบหายวายวอด
ฟึบ!
จังหวะที่เฉินซีคิดว่าเยี่ยเหยียนคงระเบิดร่างตายไปแล้ว เงาหนึ่งก็พุ่งออกมาแล้วหนีไปยังฟ้าไกล
“ไอ้บัดซบ! รอก่อนเถอะ! ข้าจะให้เจ้าชดใช้เป็นร้อยเท่า!” เสียงแหลมของเยี่ยเหยียนตะโกนดังขึ้นด้วยความแค้นเคือง
รอดชีวิตเสียด้วย! เฉินซีหรี่ตาลง นับว่าเรื่องนี้เกินคาดมาก แต่พอลองคิดดูแล้วสุดท้ายก็ได้แต่ยอมรับไป
เขาไม่คิดไล่ล่านางอีก ซึ่งก็มีเหตุผลดีหลายประการที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือถึงจะไล่ล่าทัน แต่หากนางคิดระเบิดร่างตนเองอีก เฉินซีก็อาจรับมือไม่ไหว
เพราะอย่างไรเยี่ยเหยียนก็เป็นถึงบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ส่วนเขาเพิ่งขึ้นขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ หากไม่ใช่เพราะในครั้งนี้เยี่ยเหยียนบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อน เขาก็คงใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์จัดการนางจนอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้แน่
นี่คือความต่างระหว่างขอบเขตที่อย่างไรก็ไม่อาจข้ามผ่านไปได้
ทว่าเฉินซีในตอนนี้มีความมั่นใจยิ่ง แม้เยี่ยเหยียนจะฟื้นพลังกลับคืนจนสูงสุด นางก็คงไม่อาจเอาชนะเขาได้ง่ายเหมือนในอดีตแล้ว
ส่วนบาดแผลสาหัสของเยี่ยเหยียนนั้น ไม่ใช่ฝีมือของเก้าแสงที่เขาซัดขึ้นฟ้าแต่อย่างใด แต่เป็นอำนาจของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากต่างหาก!
ในจังหวะสำคัญของการเติบโตของเฉินซีนั้น ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพลังผันผวนประหลาด เป็นเหมือนกำแพงป้องกันที่ช่วยคุ้มกันการเปลี่ยนแปลงและการโคจรของพลังภายในร่าง พอเยี่ยเหยียนโจมตีเข้ามา จึงเป็นฝีมือชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ตีพลังนั้นกลับไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
เคราะห์ดีที่พลังของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากคอยสร้างเกราะป้องกันไว้ตอนเฉินซีกำลังขึ้นขอบเขต ไม่ใช่เป็นฝ่ายโจมตีออกไปก่อน ไม่เช่นนั้นพลังทำลายล้างคงถึงขั้นทำให้สิบบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเช่นเยี่ยเหยียนถูกสังหารทิ้งคาที่แม้จะรวมพลังกันก็เป็นได้
แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เฉินซีคาดการณ์เอาเองเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากตื่นจากการหลับใหลในจังหวะนั้น เขาเองก็ยังไม่รู้คำตอบที่แท้จริง
แต่เขาสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่า การเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเก้าประทีปวิญญาณของแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่
…
เยี่ยเหยียนหนีไปไกลแล้ว ส่วนเฉินซียังยืนครุ่นคิดอยู่กับที่เป็นเวลานาน พอจังหวะที่จะหันหลังกลับ ก็บังเกิดลางสังหรณ์บางอย่างขึ้นในใจ เขาแหงนหน้าขึ้นมองด้านบนทันใด
วิ้ง!
จังหวะนั้นเอง แสงสีทองหอบหนึ่งก็กรีดผ่านฟ้าซัดลงมาอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันตั้งตัว มันก็ผ่าลงมากลางกระหม่อมเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกทันใด
ฟึบ!
ทันทีที่แสงทองเข้ามาสู่ห้วงจิตสำนึก มันก็แผ่ขยายตัว ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเทียบอันดับอันงดงาม น่าตกตะลึงยิ่งที่เห็นแถวตัวอักษรโบราณซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายเต๋าแห่งธรรมชาติลอยขึ้นมา เทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ อันดับที่เก้าสิบเก้า!
นี่น่ะหรือเทียบอันดับเทวา? เฉินซีตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าเทียบอันดับทองจะเข้ามาในห้วงจิตสำนึกเขาได้ ทั้งเขายังไม่อาจต้านทานมันได้เลย!
ก่อนหน้านี้อาเหลียงเคยเล่าว่า เจ้าของรายชื่อที่สามารถขึ้นเทียบอันดับเทวาเหล่านั้นได้ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่คนขอบเขตเดียวกัน
ตามขอบเขตต่าง ๆ ของทวยเทพแล้ว เทียบอันดับนี้แบ่งออกเป็นเทียบอันดับรู้แจ้งโลกา เทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ และเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาล…
ผู้ใดมีรายชื่อปรากฏอยู่บนเทียบนับว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด และยังเป็นยอดฝีมือในหมู่ผู้อยู่ขอบเขตเดียวกันอีกด้วย
ตอนนี้แสงทองส่องเข้ามาถึงในกาย เปลี่ยนเป็นเทียบอันดับศักดิ์สิทธิ์ เผยให้เห็นเป็นตัวอักษรชื่อของตนขึ้นมาแถวหนึ่ง ฉะนั้นอันดับที่เก้าสิบเก้าย่อมต้องเป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงความแกร่งของเฉินซีอย่างแน่นอน!
หรือก็คือภายในเอกภพกว่าพันแห่งของแดนเทพโบราณ และในหมู่เทวารู้แจ้งวิญญาณทั้งหลายในเอกภพเหล่านี้ เฉินซีที่เพิ่งขึ้นขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณได้รุดหน้าขึ้นสู่อันดับที่เก้าสิบเก้าแล้ว!
นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้ทุกผู้ทุกคนต้องส่งเสียงร้องชื่นชมยินดี หากข่าวเรื่องนี้กระจายไปทั่วแดนเทพโบราณ คงได้เกิดความชุลมุนขึ้นครั้งใหญ่แน่
อย่างไรในแดนเทพโบราณก็มีเทพอยู่มากมายเหมือนน้ำในมหาสมุทร ทว่าเฉินซีเพิ่งขึ้นขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณได้ไม่นานก็ขึ้นอันดับที่เก้าสิบเก้าแห่งเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณได้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเทียบจัดอันดับที่น่าทึ่งเพียงใด
แต่ในจังหวะที่เทียบอันดับนั้นปรากฏขึ้นมา เฉินซีไม่เพียงแต่ไม่ยินดีหรือรู้สึกว่ามีคนยอมรับฝีมือ ในใจกลับบังเกิดความจงเกลียดจงชังขึ้นมาแทน
พริบตานั้น ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่นอนแน่นิ่งก็ส่งเสียงฮือ พร้อมกับปลดปล่อยกระแสพลังผันผวนออกมา
เปรี๊ยะ!
มันฉีกเทียบอันดับอันงดงามออกแล้วทำลายทิ้งจนไม่เหลือเศษซากใดอีก!
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เฉินซีตกตะลึงอึ้งไปอีกครั้ง ในแต่คิดในใจว่า เป็นไปดังคาด ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากลงมืออีกแล้ว…
ที่เขาไม่ตกใจเพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่ภูมิภาคบรรลุเทพแห่งสามภพ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็เคยโจมตีเป็นศัตรูกับเทียบอันดับเทวาที่ปรากฏขึ้นมาในตอนนั้นเช่นกัน
หรือก็คือความรู้สึกจงเกลียดจงชังในใจเฉินซีนั้นเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั่นเอง
แต่ไม่ว่าอย่างไรประสบการณ์นี้ก็ทำให้เฉินซีได้รู้ว่าเขาอยู่ในขั้นไหนของขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณกันแน่
นางสตรีร้ายกาจเยี่ยเหยียนนั่นคงไม่ปล่อยไปแน่ แต่หากเป็นฝ่ายรอให้นางมาหาเรื่องอยู่ตลอดในใจคงได้อัดอั้นแย่ ข้าควรฉวยโอกาสนี้เดินทางไปนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตเพื่อทำเรื่องที่เถี่ยคุนมอบหมายไว้ให้สำเร็จ… เฉินซีสูดลมหายใจเข้าแล้วตั้งมั่นกับเป้าหมาย โยนความคิดอื่นทั้งหลายทิ้งไป
แต่จังหวะที่เขาคิดจะจากไปก็พลันต้องขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมา ช่วยไม่ได้นี่นะ เขาอยู่ใจกลางห้วงจักรวาล หากเขาไม่มีแผนที่ดวงดาวก็คงไม่รู้ทิศรู้ทางว่าควรมุ่งหน้าไปทางไหน
ฮ่า! ว่าแล้วเชียว! การต่อสู้ครั้งนี้ใหญ่โตขนาดนั้น มีหรือผู้บ่มเพาะแห่งดาราจักรผาขจีจะไม่ใส่ใจได้? ไม่นานเฉินซีก็สังเกตเห็นบางอย่าง คิ้วที่ขมวดแน่นเริ่มคลายออก ร่างสูงใหญ่แวบหายไปอย่างไร้เสียงราวกับเป็นเพียงเงาดำก้อนหนึ่ง
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
หลังจากเฉินซีปิดบังตัวตนไปแล้ว ก็บังเกิดความผันผวนมิติขึ้น เงาร่างจำนวนมากแวบร่างออกมาจากภายในความผันผวนนั้น
…………….