บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1601 ยอดฝีมือบรรจบ
บทที่ 1601 ยอดฝีมือบรรจบ
เมืองประกายชลธีรุ่งเรืองยิ่งกว่าที่เฉินซีจินตนาการไว้มาก เขาอดไม่ได้ที่จะตะลึงลานต่อสิ่งที่ได้พบเห็นเมื่อเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติ
ชายหนุ่มสัมผัสไอย่างชัดเจนว่าฟ้าดินในเมืองประกายชลธีโอบล้อมไปด้วยรัศมีอันน่าเกรงขามอย่างหนาแน่น แม้แต่ปลายบาง ๆ ของสัมผัสนั้นยังชวนให้รู้สึกถึงหวั่นเกรง
การชุมนุมล่าดาราคงจะดึงดูดยอดฝีมือนับไม่ถ้วนให้มาที่นี่ เฉินซีถอนหายใจยาวแรง
ผู้ที่เฉินซีแปะป้ายว่าเป็นยอดฝีมือนั้นก็คงไม่พ้นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตบรรพเทวะรู้แจ้งจักรวาลหรือสูงกว่านั้น
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อเฉินซีได้ยินบทสนทนาของผู้คนบนท้องถนน เขาก็รับรู้ได้ในทันทีว่าการชุมนุมล่าดาราในครั้งนี้คงจะคลาคล่ำไปด้วยบุคคลผู้มีชื่อเสียงมากมาย
สิ่งที่เฉินซีให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือข่าวที่ว่าอี้สวิน คุณชายรองแห่งตระกูลอี้ก็มาที่นี่ด้วยเช่นกันในฐานะผู้นำกลุ่ม สิ่งนี้ทำให้เฉินซีพอจะคาดเดาขึ้นมาได้ว่าอี้สวินคนนี้คงจะเป็นหัวหน้ากลุ่มของอี้เทียน คุณชายสามตระกูลอี้!
นั่นก็เพราะตอนที่ยังอยู่ในแดนโลกาวินาศ เขาได้ยินมาว่าอี้เทียนตั้งใจจะเข้าร่วมการชุมนุมล่าดาราที่จักรพรรดินีอวี้เชอจัดขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ในตอนนั้นอี้เทียนก็เป็นเพียงคนเดียวที่หนีรอดไปได้
“ข้าไม่คิดมาก่อนว่ากวนหงอวี่จะมาด้วย” ขณะที่เฉินซีกำลังจมอยู่ในภวังค์คิด เถี่ยอวิ๋นผิงก็พูดทั้งเสียงประหลาดใจ มันแผ่วเบาด้วยความรู้สึกยำเกรง
“หืม? เขาเป็นที่รู้จักอย่างนั้นหรือ?” เฉิบซีเหลือบมองนางด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่แค่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่หากพูดถึงคนที่โดดเด่นที่สุดในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณแล้ว กวนหงอวี่น่ะได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดคนจากดาราจักรทั้งสามพันแห่งของเอกภพมสิหิม เขาเป็นหัวหน้าศิษย์ฝ่ายในของนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภาที่ได้สร้างวีรกรรมอันน่าตื่นตามากมายขึ้นในเอกภพมสิหิมตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ หากให้พูดแล้ว ก็คงจะไม่มีผู้เยี่ยมยุทธ์คนใดในเอกภพมสิหิมที่ไม่รู้จักเขา” เถี่ยอวิ๋นผิงพูดเสียงมั่นใจ ราวกับรู้จักกวนหงอวี่เป็นอย่างดี
“งั้นหรือ? ดูเหมือนว่าการชุมนุมล่าดาราคราวนี้จะดุเดือดไม่น้อย” เฉินซีไม่ได้แยแสต่อเรื่องเช่นนี้มากนัก อย่างไรแล้วความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาก็มาถึงระดับที่สามารถเผชิญหน้ากับบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลได้มานานแล้ว การต่อสู้ระหว่างเขากับเยี่ยเหยียนแห่งนิกายอำนาจเทวะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดถึงเรื่องนี้
“หึ! ตอนนี้เริ่มเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแล้วสิท่า? คิดได้ก็สายไปแล้วล่ะ!” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังก้อง มันเป็นเสียงของเสี่ยวเทียนหลงที่กำลังหัวเราะอย่างเยือกเย็นมาแต่ไกล พร้อมกับลู่เยี่ยนที่เดินตามมาติด ๆ
ทันทีที่พูดจบ ทั้งสองคนก็หันมองหน้ากันก่อนจะกลืนหายไปในฝูงชน
“เอาละ ไปลงทะเบียนกันเถอะ” เฉินซียิ้มเบา ๆ อย่างไม่นึกแยแส ก่อนจะเดินนำเถี่ยอวิ๋นผิงไปยังทิศทางเบื้องหน้า
…
ณ ตำหนักเมฆาวารี
นี่ที่คือสถานที่ลงทะเบียนสำหรับเข้าร่วมการชุมนุมล่าดารา
ตอนที่เฉินซีกับเถี่ยอวิ๋นผิงมาถึงที่นี่ มันก็เต็มไปด้วยแถวที่ยาวเหยียด
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเพื่อมองไปรอบ ๆ เขาสังเกตเห็นว่าผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นเทวารู้แจ้งโลกา ในขณะที่ผู้นำของคนเหล่านั้นคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ
การมีอยู่ของเทวารู้แจ้งวิญญาณดึงดูดความสนใจของเฉินซีไม่น้อย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาพินิจมองคนอื่น ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นอย่างชัดเจนในทันที
โดยประมาณแล้ว พวกเขาเกือบทั้งหมดนั้นพอจะเทียบได้กับลุงเก้าของตระกูลอี้ แต่อย่างไรเสีย เมื่อตอนที่ตนอยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา ก็สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างลุงเก้าและโม่ลี่โฉวได้ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสามารถตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ยังมีเทวารู้แจ้งวิญญาณคนอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งที่เขาไม่สามารถอ่านความแข็งแกร่งได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องเผลอถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ การชุมนุมล่าดารานี้คงจะกลายเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอกภพมสิหิมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เห็นได้ชัดจากจำนวนของเทวารู้แจ้งวิญญาณและรัศมีพลังที่เร้นลอดออกมาเหล่านี้
หากเป็นที่อื่น เฉินซีคงจะไม่อาจมีโอกาสได้พบพานกับผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายเช่นนี้ได้ในคราวเดียวอย่างแน่นอน
เอ๊ะ? ครั้นสายตาเฉินซีจรดลงยังบุรุษหนุ่มชุดสีขาว คิ้วของเขาก็พลันเลิกขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
เพราะในตอนนี้ เหมือนว่าชายคนนั้นจะสัมผัสได้ถึงสายตาของเฉินซีเช่นกัน จึงหันมาจดจ้องยังเจ้าของดวงตาอยากรู้อยากเห็นนั่น
ชายหนุ่มผู้นั้นค่อนข้างมีรูปโฉมเป็นเลิศ หน้าผากกว้าง จมูกโด่งชัด ริมฝีปากสีแดงอ่อน แม้แต่ฟันยังเรียงสวย ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความประณีตสง่างาม ชวนให้ผู้ที่มองรู้สึกคล้ายกำลังอาบน้ำท่ามกลางสายลมฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเขาสังเกตเห็นเฉินซี ดวงตางดงามก็ส่องประกายซึ่งความสนเท่ห์ ก่อนที่จะประสานมือทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
เฉินซีเองก็ประสานมือเพื่อรับการทักทายนั้นด้วยเช่นกัน
รอยยิ้มของชายหนุ่มผู้นั้นคล้ายจะสดใสขึ้นเมื่อเห็นการกระทำดังกล่าว แต่กระนั้นเขาก็หาได้เดินเข้ามาพูดคุยกับเฉินซีไม่ ทำเพียงหันกลับไปพร้อมกับชายหนุ่มร่างผอมบางเพื่อลงทะเบียนเท่านั้น
“ผู้อาวุโส นี่ท่าน… รู้จักเขาด้วยหรือ?” เถี่ยอวิ๋นผิงมองเฉินซีทั้งสีหน้าตื่นเต้น
“ใครหรือ?” เฉินซีชะงัก
“ก็กวนหงอวี่อย่างไรเล่า!” เถี่ยอวิ๋นผิงตอบอย่างไม่ไว้ท่าที “ก็เมื่อตะกี้เขาเพิ่งจะทักทายท่านไม่ใช่หรือ? หากพวกท่านไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วเขาจะทักทายท่านได้อย่างไรกัน?”
เฉินซีประหลาดใจ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มในชุดสีขาวผู้นั้นจะเป็นบุคคลสำคัญผู้มีชื่อเสียงของนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภา กวนหงอวี่
“ก็เพียงบังเอิญเท่านั้น” เฉินซีลูบจมูกอย่างเก้อเขิน ไม่รู้จะอธิบายต่อเถี่ยอวิ๋นผิงให้นางสิ้นคำถามอย่างไร ซ้ำร้าย เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เพียงนำความสงสัยมาสู่สตรีข้าง ๆ เท่านั้น หากยังนำพาความประหวั่นเล็ก ๆ มาสู่ใจของเขาด้วย ประสาทสัมผัสของกวนหงอวี่เฉียบแหลมจริง ๆ ทั้งที่ข้าเพียงมองดูเขาผ่าน ๆ ทว่าคนกลับสังเกตเห็นมันในทันที นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำได้
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซียังสังเกตเห็นว่าต่อให้รอบข้างจะไม่มีใครเข้ามาทักทายกับกวนหงอวี่ ทว่าสายตาของผู้คนโดยรอบนั้นกลับเผยให้เห็นถึงความยำเกรงไม่น้อย
น่าสนใจ เห็นทีในระหว่างการชุมนุมล่าดารานี้ ข้าควรจะจับตาดูกวนหงอวี่ผู้นี้ไว้จริง ๆ เฉินซีคล้ายจมดิ่งลงในความคิด
ในเวลาไม่นาน ก็ถึงคราวลงทะเบียนของเถี่ยอวิ๋นผิง
เฉินซีสังเกตว่า กฎของการชุมนุมล่าดาราที่กำหนดไว้ว่าผู้เข้าร่วมจะต้องเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ของเขตเทวารู้แจ้งโลกา ซึ่งต้องมีทาสเทพคนหนึ่งเป็นผู้ช่วย และมีเทวารู้แจ้งวิญญาณเป็นผู้นำกลุ่มนั้น ค่อนข้างที่จะตัดโอกาสผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนในการเข้าร่วมครั้งนี้
เหตุผลก็คือผู้เยี่ยมยุทธ์ส่วนใหญ่ไม่ใช่ศิษย์ของสำนัก และนั่นส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถตามหาเทวารู้แจ้งวิญญาณมาเป็นผู้นำกลุ่มได้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะบางคนก็ยังไม่มีทาสเทพเป็นของตัวเองเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่มีทางที่จะเข้าร่วมได้
อย่างตอนที่เถี่ยอวิ๋นผิงลงทะเบียน นางก็ได้รับแจ้งว่าบัดนี้มีผู้ลงทะเบียนเพียงสามพันเก้าร้อยคนเท่านั้น
ตัวเลขนี้เหมือนจะเยอะก็จริงอยู่ แต่หากเทียบกับดาราจักรสามพันแห่งของเอกภพมสิหิมแล้ว ก็จะพบว่ามันเป็นจำนวนที่น้อยมาก ๆ
เถี่ยอวิ๋นผิงเป็นศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต ซึ่งเป็นนิกายอันดับหนึ่งของดาราจักรผาขจี แต่หากเฉินซีไม่ปรากฏตัวขึ้นมาละก็ นางเองก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ข้อกำหนดขั้นต่ำของการชุมนุมล่าดาราจะดูธรรมดา ทว่ามันก็ทำลายความหวังของผู้เยี่ยมยุทธ์ตั้งแต่แรกเริ่มไปได้หลายคนทีเดียว
หลังจากที่นางลงทะเบียนเสร็จสิ้น ผู้ดูแลการลงทะเบียนก็ชี้แจง “หลังจากนี้ จงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเมฆาวารีเพื่อรอคำสั่งถัดไป โดยการชุมนุมล่าดาราจะเริ่มในวันรุ่งขึ้นยามอู่”
…
ณ หมู่บ้านเมฆาวารี
มันตั้งอยู่ที่ชานเมืองประกายชลธี ขนาดที่ใหญ่โตของมันเต็มไปด้วยมิติทับซ้อน ต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่าน และพฤกษาพันธุ์อันอุดมสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีลำธารซึ่งโอบล้อมศาลาหลังใหญ่ภายใต้หมอกจาง ๆ หากจะกล่าวว่ามันเป็นทิวทัศน์ซึ่งถูกขัดเกลาออกมาอย่างประณีตงดงามก็คงไม่ผิดนัก
ในวันพรุ่งนี้การชุมนุมล่าดาราจะเริ่มต้นขึ้น จักรพรรดินีอวี้เชอ เจ้าผู้ครองเอกภพมสิหิมจะมาที่นี่เพื่อเปิดเส้นทางที่จะนำไปสู่พื้นที่ล่า เมื่อถึงตอนนั้น นางจะประกาศกฎ ข้อบังคับ รวมไปถึงรางวัลในการชุมนุมล่าดาราครั้งนี้
เส้นเปลวไฟภายในหมู่บ้านเมฆาวารีวูบไหวราวมังกร มันส่องสว่างทั่วทั้งหมู่บ้าน เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์จำนวนมากคอยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาพูดคุยพลางร่วมวงกินดื่มกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เรียกได้ว่าบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างคึกคัก
พวกเขาทั้งหมดมาจากกองกำลังที่แตกต่างกันในทั้งสามพันดาราจักรของเอกภพมสิหิม ซึ่งล้วนมีความสัมพันธ์หรือความคุ้นเคยกันมาก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้ ยามเมื่อได้พบปะ พวกเขาจึงสามารถล้อมวงพูดคุยกันได้อย่างไม่เก้อเขิน
อย่างไรก็ดี สำหรับเฉินซีนั้น ทุกคนที่นี่ไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จักมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเลือกสถานที่สงบสักที่หนึ่งเพื่อนั่งสมาธิหลังจากที่กำชับเถี่ยอวิ๋นผิงไม่ให้เพ่นพ่านไปไหนไกล
ทว่าฉับพลันนั้น ฝูงชนที่อยู่ด้านหน้าก็พลันส่งเสียงโห่ร้อง
“สหายเต๋าเสวียนท่าจื่อ!”
“ที่แท้ก็สหายเต๋าเสวียนท่าจื่อแห่งอารามเต๋าสัจวิญญาณ ข้าน่ะได้ยินชื่อเสียงของเขามานานแล้ว”
“เขาคือเสวียนท่าจื่อหรอกหรือ? ข้าได้ยินมาว่าการบ่มเพาะของเขาทัดเทียมกันกวนหงอวี่แห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภา มิหนำซ้ำ ยังได้ชื่อว่าเป็นยอดฝีมือผู้ยากจะหาใดเทียบของอารามเต๋าสัจวิญญาณซึ่งไม่อาจพบได้ในรอบหมื่นปีอีกด้วย”
“โอ้! ข้ารู้ว่าหากเสี่ยวหลัวหลั่วแห่งอารามเต๋าสัจวิญญาณตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการชุมนุมล่าดาราแล้ว เสวียนท่าจื่อก็ย่อมต้องมาด้วยเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นผู้นำกลุ่มของนาง”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”
“นั่นก็เพราะบิดามารดาของเสวียนท่าจื่อเสียชีวิตตั้งแต่ที่ยังเด็ก เขาถูกทอดทิ้งให้อดอยากอยู่ข้างถนน หลังจากนั้นบิดาของเสี่ยวหลัวหลั่วก็รับเขามาอุปการะ ด้วยเหตุนี้เสวียนท่าจื่อจึงมองเสี่ยวหลัวหลั่วเป็นดังน้องสาวของตัวเองมาโดยตลอด แล้วอย่างนี้ ในเมื่อเสี่ยวหลัวหลั่วเข้าร่วมการชุมนุมดารา มีหรือที่พี่ชายอย่างเขาจะไม่ติดตามมาด้วย?”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้นอย่างเผลอตัวเมื่อได้ฟังบทสนทนาเหล่านั้น ชื่อเสียงของเสวียนท่าจื่อเองก็ไม่แพ้กวนหงอวี่และอี้สวินเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่เป็นศูนย์กลางแห่งความสนใจของผู้คนในเอกภพมสิหิม
อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ไม่เพียงพอจะทำให้เฉินซีรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากในตอนนี้ สิ่งที่ทำให้เขางุนงงกว่าสิ่งใดก็คือการที่ฝูงชนเบื้องหน้าสลายกลุ่มก้อนจากกันอย่างเร่งรีบ ในขณะที่มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา
ชายผู้นั้นสวมชุดฝ่าอี*[1]สีเทาเข้ม สีหน้าปราศจากอารมณ์ความรู้สึก ในขณะที่สตรีข้าง ๆ สวมชุดกระโปรงจีบรอบสีฟ้าดุจผืนน้ำ เส้นผมยาวสลวยขดม้วนเป็นมวย เผยให้เห็นใบหน้าอันสะคราญโฉม ร่องรอยเหนือคิ้วโก่งราวจันทร์เสี้ยวเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและทระนง
ไม่ผิดแน่! ชายหญิงคู่นี้คือเสวียนท่าจื่อและเสี่ยวหลัวหลั่ว
“พวกเขาจะทำอะไร?” คิ้วของเฉินซีขมวดเข้าหากัน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าสถานการณ์เริ่มจะดูเลวร้ายลง
“เจ้าคือคนที่มาเดิมพันกับน้องชายของข้าหรือ?” เสี่ยวหลัวหลั่วเดินไปข้างหน้าและจ้องมองเฉินซีด้วยแววตาเย็นชา เสียงตรงไปตรงมาของนางเต็มไปด้วยความทะนงและเยือกเย็น “ช่างเป็นคนโง่เขลาที่ไร้ความกลัว”
บรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่บัดนี้เงียบลงในพลัน ทุกคนที่อยู่โดยรอบมองไปที่เฉินซีด้วยความสนอกสนใจ สหายเต๋าผู้นี้ทำให้น้องชายของเสี่ยวหลัวหลั่วขุ่นเคืองอย่างนั้นหรือ?
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เขาเข้าใจทุกอย่างในที่สุด แซ่ของนางคือแซ่เสี่ยวทั้งยังพูดถึงเรื่องการเดิมพัน แน่นอนว่านางคงจะเป็นพี่สาวของเสี่ยวเทียนหลงไม่ผิดแน่
พกเขามาที่นี่ด้วยเจตนาร้ายจริง ๆ! เฉินซีถอนหายใจ ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมย “อะไรกัน? หรือว่าน้องชายของเจ้าจะไม่มั่นใจมากพอ จึงได้ขอให้เจ้ามายกเลิกการเดิมพัน?”
เสี่ยวหลัวหลั่วเย้ยหยัน “ฝันไปเถอะ… ข้ามาที่ก็เพื่อจะบอกเจ้าว่า เจ้าไม่คู่ควรจะมาแข่งขันกับน้องชายข้าเลยสักนิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว โอกาสชนะของเจ้าก็ยิ่งเป็นศูนย์ เพราะแบบนั้น อย่าเพิ่งตายในระหว่างการชุมนุมล่าดาราเสียเล่า เพราะพวกข้าคงจะเสียดายแย่ หากศพของเจ้าลุกขึ้นมาจ่ายเดิมพันไม่ได้!”
[1] ชุดฝ่าอี คือ ชุดคลุมสำหรับทำพิธีเต๋า
…………….