บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1605 เสือดาวปีกโลหิต
บทที่ 1605 เสือดาวปีกโลหิต
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ดาบสีน้ำเงินเข้มจำนวนมากที่มีรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยวปกคลุมท้องฟ้า และพวกมันเชือดเฉือนอากาศธาตุจนเป็นเสี่ยง ๆ ในชั่วพริบตา ดูเหมือนฟ้าดินอันกว้างนี้จะกลายเป็นเศษกระดาษเท่านั้น
ดาบนั้นพุ่งออกมาจากฝูงสัตว์ร้ายที่ว่องไวเป็นอย่างยิ่ง พวกมันมีรูปร่างเหมือนเสือดาว และมีปีกสีแดงเลือดอยู่ที่แผ่นหลัง
สัตว์ร้ายเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า และสามารถทะลวงผ่านอวกาศได้ ยิ่งไปกว่านั้น ดาบที่พวกมันปล่อยออกมายังเทียบได้กับการโจมตีของเทวารู้แจ้งโลกาอีกด้วย
ตอนนี้พวกมันรวมตัวกันเป็นฝูงและพุ่งปราดผ่านท้องฟ้าเพื่อโจมตี ซึ่งไม่ต่างจากการกลุ่มเทวารู้แจ้งโลกาที่โจมตีอย่างพร้อมเพรียงกัน
โครม โครม โครม!
กำแพงแสงที่มีรูปร่างกลมเกลี้ยงก่อตัวขึ้นในฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ โดยที่มันปกคลุมเฉินซี และเถี่ยอวิ๋นผิงไว้ข้างใน ทำให้ดาบสีน้ำเงินเข้มเหล่านั้นปะทะกับกำแพงแสงส่งเสียงดังกึกก้องจนแทบหูหนวก ในขณะที่พิรุณแสงสาดส่องไปทุกทิศทาง ฟาดฟันก้อนหินและพื้นดินที่อยู่รอบ ๆ ออกเป็นเสี่ยงจนเกิดรอยแยกที่น่าสะพรึงกลัวมากมาย
เห็นได้ชัดว่า หากดาบเหล่านี้โจมตีร่างกายของคนคนหนึ่ง อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจะต้องน่ากลัวอย่างแน่นอน
“ความแข็งแกร่งของเสือดาวปีกโลหิตเหล่านี้ไม่มีอะไรควรค่าให้พูดถึง แต่ปัญหาคือพวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูง เจ้าต้องไตร่ตรองวิธีการล่าและฆ่าพวกมันทีละตัว” เฉินซีมีสีหน้าสงบพลางแนะนำเถี่ยอวิ๋นผิงอย่างรวดเร็ว
ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม เขาทำได้เพียงปกป้องผู้เข้าร่วมเท่านั้น และไม่สามารถแทรกแซงการล่าของผู้เข้าร่วมได้ มิฉะนั้นแม้ว่าเขาจะฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านั้น แต่เถี่ยอวิ๋นผิงก็จะไม่ได้รับคะแนนใด ๆ จากมัน
เถี่ยอวิ๋นผิงเม้มริมฝีปากแน่นและพยักหน้าเพื่อสื่อว่าเข้าใจ
ใบหน้าสวยงามถูกปกคลุมไปด้วยท่าทางจริงจังและเคร่งขรึม สายตากวาดไปดุจสายฟ้าสองสาย และสังเกตการเคลื่อนไหวรอบตัวอย่างสุขุม ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่สีครามได้ปรากฏในมือที่เรียวและประณีต ซึ่งนางก็กำมันไว้แนบแน่น
ฟิ่ว!
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เถี่ยอวิ๋นผิงก็ลงมือทันที ร่างระหงพุ่งปราดอย่างสง่างามดุจสายลม และกระบี่ในมือก็ห่อหุ้มด้วยกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ฉีกกระชากอวกาศจากกันขณะที่โจมตี
โครม!
เสือดาวปีกโลหิตที่อยู่ใกล้เคียงไม่มีโอกาสได้หลบหลีก ก่อนที่ซี่โครงของมันจะถูกโจมตีอย่างแรงด้วยพลังปราณกระบี่ ทำให้เนื้อหนังฉีกขาด กระดูกแตกหัก เลือดสาดกระเซ็น ร่างร่วงหล่นกระแทกพื้น และส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ก่อนที่เถี่ยอวิ๋นผิงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสือดาวปีกโลหิตอีกสามตัวก็ฉวยโอกาสนี้กระโจนเข้าใส่จากระยะไกล
ทันใดนั้น ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏในแววตาของเถี่ยอวิ๋นผิง นางรีบเงื้อมือขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับโจมตีเหล่านี้ ทำให้นางรอดพ้นอันตรายได้อย่างหวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้นางต้องประหลาดใจ หลังจากที่เสือดาวปีกโลหิตทั้งสามตัวนี้พุ่งใส่นาง เสือดาวปีกโลหิตที่ลาดตระเวนไปรอบ ๆ คล้ายฉลามที่ได้กลิ่นเลือด และรุมเข้ามาพร้อมกัน!
อันตราย!
แรงกดดันที่เถี่ยอวิ๋นผิงเผชิญอยู่ได้เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนซีดเผือด เนื่องจากมีศัตรูมากเกินไป และต้องใช้กำลังอย่างมากในการต้านการโจมตีที่ถาโถมเข้ามา
ขณะที่นางดูเหมือนเกือบจะตกอยู่ในวงล้อมของสัตว์ร้าย เฉินซีก็ยังคงเฉยเมย สีหน้าไม่มีความผันผวนแม้แต่น้อย เขาเพียงมองดูเถี่ยอวิ๋นผิง
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้ขาดประสบการณ์การต่อสู้จริง ๆ เคล็ดวิชาของนางดูมีฝีมือ แต่มันก็ผิวเผินมาก ขาดอำนาจสังหารด้วยการโจมตีเพียงกระบวนท่าเดียว
คาดว่านางไม่เคยหย่อนยานต่อการบ่มเพาะในตลอดหลายปีที่อยู่ภายในนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต แต่นางก็ไม่ค่อยเข้าร่วมในการต่อสู้จริง กล่าวอีกนัยหนึ่ง เถี่ยอวิ๋นผิงไม่ได้ขาดเคล็ดวิชา แต่นางขาดการขัดเกลาฝีมือด้วยเลือดและการต่อสู้จริง
ครืน!
ไม่นานหลังจากนั้น เถี่ยอวิ๋นผิงเริ่มแสดงสัญญาณของการเสียเปรียบอย่างไม่หยุดหย่อน นางทำได้เพียงต้านทาน ทว่าไม่สามารถฝ่าฝูงสัตว์ร้ายออกไปได้
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง แต่หลังจากนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏที่ริมฝีปาก “ไม่เลวเลย นางเริ่มเข้าใจความลับที่แท้จริงของการต่อสู้แล้ว…”
แน่นอนว่าในช่วงเวลาต่อมา สายฟ้าเย็นวาบแวบในดวงตาของเถี่ยอวิ๋นผิง คล้ายกลายเป็นคนละคน หญิงสาวไม่ระมัดระวังเท่าก่อนหน้านี้ กระบี่สีครามในมือสั่นไหว ก่อนที่มันจะกลายร่างเป็นเงากระบี่อันพร่างพราวจำนวนนับไม่ถ้วนกวาดออกไป
พรวด! พรวด! พรวด!
เสือดาวปีกโลหิตสามตัวที่พุ่งเข้ามานั้นไม่ทันระวังตัว คอของพวกมันถูกสะบั้น ทำให้หัวทั้งสามกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า ในขณะที่ร่างกายสั่นสะท้านจนระเบิดเป็นชิ้น ๆ ทำให้ฝนโลหิตโปรยปราย
ในทางกลับกัน แม้ว่าเถี่ยอวิ๋นผิงจะถูกโจมตีโดยเสือดาวปีกโลหิตที่โจมตีจากด้านข้าง แต่อาการบาดเจ็บที่ได้รับนั้นน้อยมาก และไม่ส่งผลต่อพลังของนางเลย
หญิงสาวไม่สนใจที่จะเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปาก ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่ในมือ
ในขณะนี้ ดวงตาที่สุกใสของเถี่ยอวิ๋นผิงนั่นเปล่งประกายและลุกโชนด้วยจิตวิญญาณต่อสู้ ร่างกายเปี่ยมด้วยจิตสังหารที่อำมหิตและรุนแรง ทั้งยังเพิกเฉยต่อความคิดฟุ้งซ่านในใจไปอย่างสิ้นเชิง และจมอยู่กับการต่อสู้อย่างเต็มที่
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวแรง นี่คือประโยชน์ของการครอบครองดวงจิตแห่งเต๋าที่แน่วแน่ แม้ว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดจะธรรมดา แต่ดวงจิตแห่งเต๋าของนางกลับแข็งกล้าดุจหินผา ยิ่งสถานการณ์อันตรายมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลดีที่ทำให้ศักยภาพในตัวนางปะทุขึ้นเท่านั้น
ราวหนึ่งถ้วยชาต่อมา การต่อสู้ได้สิ้นสุดลง และนอกจากเสือดาวปีกโลหิตเจ็ดแปดตัวที่หลบหนีไปเมื่อสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ถูกสังหารสิ้น
พื้นดินเจิ่งนองไปด้วยเลือดและภาพแห่งความรกร้าง ท้องฟ้ายังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวโลหิต เถี่ยอวิ๋นผิงยืนอยู่ในสนามรบ พลางหอบหายใจอย่างเหนื่อล้า ใบหน้าซีดเซียว ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเยียบเย็น แต่แววตากลับพร่างพราวและเปี่ยมด้วยความสุข
ถึงขนาดที่เถี่ยอวิ๋นผิงไม่กล้าเชื่อว่านางจะสามารถล่าและสังหารสัตว์ร้ายไปมากมายด้วยฝีมือตัวเอง ซึ่งพวกมันเทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา
เฉินซียิ้มพลางก้าวเดินไปข้างหน้า และตบไหล่นางพลันกล่าวว่า “เจ้าทำได้ดีมาก พักผ่อนเถิด เพราะหลังจากการต่อสู้ทุกครั้งสิ้นสุดลง สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การผ่อนคลาย แต่เป็นการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อฟื้นฟูพลัง”
เถี่ยอวิ๋นผิงพยักหน้าอย่างแข็งขัน “ขอบคุณผู้อาวุโสที่คอยเฝ้าปกป้องข้า”
นางตระหนักดีว่า หากเฉินซีไม่ได้อยู่ข้าง ๆ นางคงตื่นตระหนก และไม่อาจรีดเค้นศักยภาพในการต่อสู้จนถึงระดับดังกล่าวได้อย่างแน่นอน
เฉินซียิ้มและไม่ได้กล่าววาจาใด ๆ จากนั้นเริ่มรวบรวมแก่นสัตว์อสูรจากเสือดาวปีกโลหิตแทน
จากข้อมูลที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ สัตว์ร้ายที่กระจายไปทั่วพื้นที่ล่านั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทโดยประมาณ ประเภทหนึ่งมีความแข็งแกร่งที่เทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา และอีกประเภทเทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ
เฉกเช่นเสือดาวปีกโลหิต มันเป็นหนึ่งในสัตว์ร้ายที่มีอยู่หลายชนิด และความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา
แต่สิ่งที่กระตุ้นความสนใจของเฉินซีอย่างแท้จริง คือสัตว์ร้ายเหล่านี้แตกต่างจากที่เขาเคยเห็นในอดีตอย่างสิ้นเชิง และถึงขนาดที่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสัตว์ร้ายเหล่านี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้น ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างสัตว์ร้ายเหล่านี้กับสัตว์ร้ายอื่น ๆ คือแก่นสัตว์อสูรที่มีอยู่ภายในพวกมันนั่นถูกประทับด้วยพลังความศักดิ์สิทธิ์!
พรวด!
เฉินซียกมือขึ้นแล้วทะลวงเข้าไปในซากศพของเสือดาวปีกโลหิต จากนั้นหยิบวัตถุขนาดเท่ากำปั้นที่เปล่งประกายสีแดงเลือดแวววาวออกมา
มันคือแก่นสัตว์อสูร และบรรจุแก่นแท้ของเสือดาวปีกโลหิตเอาไว้
เฉินซีพินิจมันอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ากับตัวเอง
ไม่เพียงแต่มันสามารถนำมาใช้ได้เหมือนผลึกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้สำหรับการกลั่นยาเม็ดและหลอมศัสตรา หรือขัดเกลาอุปกรณ์อีกด้วย คุณค่าของมันถือได้ว่าพิเศษ แต่ก็ยังห่างไกลเกินจะเทียบกับสมบัติอันล้ำค่าที่หายาก
แต่โดยรวมแล้ว หากใครสามารถรวบรวมแก่นสัตว์อสูรได้เป็นจำนวนมาก ก็ถือได้ว่าเป็นความมั่งคั่งที่น่าตกใจเช่นกัน เพราะมันสามารถแลกเปลี่ยนเป็นผลึกศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่เป็นวัตถุดิบและสมบัติศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ได้
สามสิบเจ็ดชิ้น นับว่าไม่เลว เฉินซีรวบรวมแก่นสัตว์อสูรทั้งหมดเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินไปด้านข้าง แล้วจ้องมองไปรอบ ๆ พลางครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในทางเดินที่อยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เฉินซีและเถี่ยอวิ๋นผิงก็มาถึงดาวที่ไม่รู้จัก โดยที่ทั้งสองไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบว่าอยู่ที่ใด ก็ต้องพบกับการโจมตีอย่างกะทันหันของเสือดาวปีกโลหิตเหล่านั้น
ในขณะนี้ เมื่อเขาจ้องมองไปรอบ ๆ เฉินซีก็ตระหนักว่าไม่สามารถระบุทิศทางใด ๆ บนดาวดวงนี้ได้เลย คล้ายร่องรอยของดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าถูกปกปิดด้วยพลังที่มองไม่เห็น
เฉินซีเลิกคิ้วขึ้น หากข้าไม่สามารถกำหนดทิศทางของตัวเองได้ เช่นนั้นเราจะต้องเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ล่าอย่างไม่รู้ทิศหรือ?
พื้นที่ล่าครอบคลุมกลุ่มดาวถาวอู้ทั้งหมดซึ่งถูกปกคลุมอย่างหนาแน่นด้วยดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อใดที่หลงมายังที่นี่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการล่าจะยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก
“ดูเหมือนว่านี่คือการทดสอบ เพราะการไม่รู้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการขัดเกลาผู้บ่มเพาะ…” เฉินซีจมอยู่ในภวังค์ความคิด
โอม!
ทันใดนั้น จู่ ๆ คลื่นผันผวนแปลก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และข้อความสีทองก็ฉีกลงมาราวกับดาวตกที่พร่างพราว
“นิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภา ซูหว่านเอ๋อร์ เป็นคนแรกที่ล่าสังหารกิเลนเขาขจี และขึ้นสู่อันดับ!” ในเวลาเดียวกัน เสียงที่ปราศจากอารมณ์ใด ๆ ก็ดังมาจากขอบฟ้า
ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่เฉินซีที่ได้ยินสิ่งนี้ ผู้เข้าร่วมการชุมนุมล่าดารา และผู้บ่มเพาะทุกคนบนดวงดาวทุกดวงล้วนได้ยินอย่างชัดเจน และมันทำให้พวกเขาระเบิดความโกลาหลออกมานับไม่ถ้วน
“สหายเต๋าโม่จ้านนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภาของเจ้าเต็มไปด้วยอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ” ชายชราถอนหายใจด้วยอารมณ์บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“กิเลนเขาขจีคือการดำรงอยู่ที่เทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ การชุมนุมล่าดาราเพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่ซูหว่านเอ๋อร์ก็ตามล่าสังหารสัตว์อสูรที่ดุร้ายเช่นนี้ได้แล้ว นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติและพลังยุทธ์ของนางนั้นพิเศษเพียงใด” ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ถอนหายใจด้วยอารมณ์อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
โม่จ้านลูบเคราของตนและยิ้มพลางกล่าว “พวกเจ้าชมเกินไปแล้ว การชุมนุมล่าดาราเพิ่งเริ่มต้นขึ้น และไม่มีใครรู้ว่าอันดับสุดท้ายจะเป็นอย่างไร”
ในบรรดาผู้คนที่ปรากฏตัว มีเพียงจักรพรรดินีอวี้เชอและชายชราชุดเทาที่อยู่เคียงข้างนางเท่านั้นที่มีสีหน้าสงบ สายตามุ่งความสนใจไปยังระยะไกล คล้ายไม่ใส่ใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขาเลย
…
“ซูหว่านเอ๋อร์เป็นศิษย์น้องของกวนหงอวี่ และข้าได้ยินชื่อของนางมานานแล้ว ตามคำร่ำลือ นางเกิดมาพร้อมกับร่างกายศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ ทั้งยังมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่ดีเลิศ ตอนนี้นางกลับสามารถใช้การบ่มเพาะที่ขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา เพื่อสังหารสัตว์ร้ายที่เทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณได้ในระยะเวลาอันสั้น ช่างน่าทึ่งอย่างแท้จริง” ในขณะเดียวกัน เถี่ยอวิ๋นผิงตื่นจากการทำสมาธิ และเอ่ยชื่นชมออกมาอย่างไม่ปิดบัง
แต่เฉินซีกลับไม่ได้รู้สึกประทับใจใด ๆ ในช่วงต้นที่เขายังอยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา เขาไม่ได้เพียงแค่ฆ่าเทวาวิญญาณระดับสูงเท่านั้น แต่เขายังถูกไล่ล่าโดยบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอีกด้วย ด้วยประสบการณ์เหล่านี้ เขาจึงไม่รู้สึกประหลาดใจมากนัก
“เรามาใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเช่นกันเถอะ มีเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น ดังนั้นเราต้องพยายามเพื่อให้ได้อันดับที่ดี” เฉินซีสั่งเถี่ยอวิ๋นผิง
“เข้าใจแล้ว” เถี่ยอวิ๋นผิงพยักหน้า
“ตามข้ามา” สายตาของเฉินซีกวาดออกไป และระบุทิศทางที่จะไปทันที ด้วยจิตสัมผัสของเขา ฝูงสัตว์ร้ายที่ดูเหมือนกวางแต่ไม่ใช่กวาง ดูเหมือนม้าแต่ไม่ใช่ม้า เป็นสีเงินสว่างสดใส และมีลวดลายเมฆหนาทึบบนกระดูกสันหลัง กำลังอาศัยอยู่บนที่ราบห่างออกไปเจ็ดพันห้าร้อยลี้
สัตว์ร้ายเหล่านี้ถูกเรียกว่ากวางมังกรขาวและมีอยู่ทั้งหมดหลายร้อยตัว ความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา เหมาะที่จะใช้ขัดเกลาความแข็งแกร่งของเถี่ยอวิ๋นผิงไปอีกขั้นหนึ่ง
…………….