บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1606 กระบี่มลทินอเวจี
บทที่ 1606 กระบี่มลทินอเวจี
ตู้ม!
ปราณกระบี่กวาดลงมารุนแรงดั่งฟ้าลั่น ซัดกวางมังกรขาวร่างแยกออก เลือดกระจายทั่วฟ้า ย้อมท้องนภาให้กลายเป็นสีแดง
เถี่ยอวิ๋นผิงหอบหายใจ ทั่วร่างสั่นสะท้านด้วยใช้แรงจนแทบไม่เหลือ
นางสู้กับฝูงกวางมังกรขาวมาสามชั่วยามเต็ม ได้รับบาดเจ็บมากมายเจออันตรายอาจถึงชีวิตมากเหลือ จนถึงตอนนี้นางรู้สึกว่าตนเองเพิ่งสังหารกวางมังกรขาวไปได้เพียงร้อยกว่าตัวเท่านั้น
“ในการต่อสู้ครั้งนี้ เจ้าพบอันตรายไปสิบเจ็ดครั้ง บาดเจ็บไปยี่สิบหกครั้ง หมายความว่าหากไม่มีใครช่วยก็คงตายไปแล้วสิบเจ็ดครั้ง” เฉินซีมาถึงข้างกายเถี่ยอวิ๋นผิงแล้วส่งป้ายหยกให้ “นี่เป็นคำชี้แนะเรื่องจุดอ่อนที่เจ้าเผยยามต่อสู้”
“ขอบพระคุณผู้อาวุโส” เถี่ยอวิ๋นผิงรับป้ายหยกมาเก็บไว้อย่างดี จากนั้นก็ไม่คิดอะไรอีกแล้วนั่งลงเริ่มทำสมาธิฟื้นฟูบาดแผลทันที
เฉินซีจึงออกไปเก็บกวาด และกลั่นแก่นสัตว์อสูรจากร่างกวางมังกรขาว
หลังจากได้ร่วมมือกันหลายครั้ง ทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น ภายใต้เฉินซีที่มีอำนาจสั่งการสูงสุด ชายหนุ่มมีหน้าที่ตามหาและยืนยันเป้าหมายและคอยปกป้องอยู่ด้านข้าง ส่วนเถี่ยอวิ๋นผิงมีหน้าที่ลงมือกับต่อสู้
เช่นนี้ก็ทำให้เถี่ยอวิ๋นผิงได้แต้มล่า และยังทำให้การล่าเป็นการฝึกฝีมือไปในตัวด้วย
…
ม่านราตรีโรยตัว
เฉินซีเลิกคิ้ว ปลุกเถี่ยอวิ๋นผิงขึ้นมา “ค่ำคืนมาถึงแล้ว ไปหาที่ซ่อนให้ดีก่อนเถอะ!”
พูดจบเขาก็ใช้วิชาเคลื่อนมิติแล้วหายไปพร้อมกับเถี่ยอวิ๋นผิง
“ค่ำแล้ว!”
“รีบหลบเร็ว”
“ปราณมลทินจะออกมาตอนค่ำ ทุกอย่างกลับตาลปัตร ตอนนี้พวกอสูรและสัตว์ประหลาดกำลังบ้าคลั่ง เป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด กระทั่งบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลยังต้องหาที่หลบภัย!”
“เร็วเข้า! เร็วเข้า! เร็วเข้า! ไปต่อไม่ได้แล้ว!”
ตอนนี้ผู้เข้าร่วมที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ล่าในกลุ่มดาวถาวอู้หยุดทุกการกระทำแล้วเริ่มซ่อนตัวทันใด
แต่ที่สำคัญคือ การออกล่ายามค่ำคืนเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่ง กระทั่งบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลยังต้องหลบภัย
ไม่มีใครรู้ว่ากฎข้อนี้มีไว้เพื่ออะไร และไม่มีใครรู้ว่ามีอันตรายใดซ่อนอยู่ใต้ม่านราตรีนี้บ้าง
…
“ค่ำคืนมาถึงแล้ว…”บนฟ้าพร่างดาว จักรพรรดินีอวี้เชอพลันลุกขึ้นยืน นัยน์ตากระจ่างจรดมองไปไกล ที่ใจกลางลึกสุดของกลุ่มดาวถาวอู้ปลดปล่อยกลิ่นอายสีดำสนิทออกมา ปกคลุมท้องฟ้าเหนือดวงดาวทุกดวง
ตอนนี้ยอดฝีมือทั้งหลายรีบกระเด้งลุกขึ้นยืน ใบหน้าล้วนตกตะลึงพรึงเพริด
นี่มันไม่ปกติ!
เมื่อมีพลังบ่มเพาะเช่นพวกเขาแล้ว สัมผัสย่อมเฉียบคมกว่าใครอื่น
อย่างเช่นในตอนนี้ ตอนที่กลิ่นอายสีดำนั่นกระจายตัวออกมา ผสานกับกลิ่นอายน่าสยดสยองสะพรึงกลัวที่แผ่มาเช่นกัน
กระแสพลังนี้น่ากลัวเกินไป เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าหวาดหวั่น เหมือนยอดปีศาจแห่งบาปและความชั่วร้ายทั้งหลายได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล
“นั่นมันอะไรกัน?”
“หรือข่าวลือจะเป็นจริง?”
“กระบี่มลทินอเวจี?”
ยอดฝีมือทั้งหลายล้วนตื่นตะลึงจนสีหน้าเปลี่ยนผัน สัมผัสได้เลือนรางว่าเหตุใดจักรพรรดินีอวี้เชอเลือกจัดการชุมนุมล่าดาราที่กลุ่มดาวถาวอู้ในครั้งนี้
กระบี่มลทินอเวจี! อาวุธอานุภาพสูงที่เกิดขึ้นจากปราณมลทินในความวิบัติ เป็นตัวแทนแห่งบาป แห่งการฆ่าล้าง และความชั่วร้าย!
ตามข่าวลือคือ กระบี่มลทินอเวจีเป็นเหมือนสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ชั่วร้ายที่สุดซึ่งเกิดภายในแก่นความวิบัติแห่งเอกภพมสิหิม ส่วนกระบี่พิฆาตฟ้าแทนความบริสุทธิ์ที่สุด
หนึ่งมัวหมองหนึ่งบริสุทธิ์ เป็นตัวแทนความต่างสองขั้ว เหมือนน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้ ดีกับชั่วที่ไม่อาจอยู่คู่กัน
หากกระบี่มลทินอเวจีมีอยู่ในกลุ่มดาวถาวอู้จริง เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าตกตะลึงยิ่ง คงจะทำให้เอกภพมสิหิมเกิดความโกลาหลแน่
“ดำเนินตามการสถานการณ์” จักรพรรดินีอวี้เชอดูไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพียงแต่ส่งสายตามองท้องฟ้าดำสนิทแล้วเอ่ยเสียงเบากับชายชราชุดเทาข้างกาย
เมื่อร่างงามยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าพร่างดาวในชุดสีแดงปักลายวิหคเพลิง มีมงกุฎหงส์บนศีรษะ และมีผ้าคลุมหน้าสีแดงปกปิดใบหน้า ก็ทำให้กลิ่นอายสูงส่งไม่อาจอธิบายได้
ชายชราชุดเทาพยักหน้ารับเบา ๆ ใบหน้าชรา นัยน์ตานิ่งสงบสะท้อนภาพราตรีประกายดาวคล้ายกับมีสายฟ้าซัดผ่าน
…
ภายในถ้ำแคบ ๆ อันเงียบสงบและขรุขระ เถี่ยอวิ๋นผิงกำลังทำสมาธิบ่มเพาะพลัง ใบหน้างดงามประดับไปด้วยความสงบ
เฉินซียืนมือไพล่หลังอยู่หน้าถ้ำ มองฟ้าสีดำสนิทพร้อมกับชุดสีเขียวที่พลิ้วไปตามแรงลมยามค่ำคืน
พอค่ำคืนโรยตัว ในใจเขาก็ร่ำร้องเตือนบางอย่าง ทำให้ไม่อาจเข้าสู่สภาวะมีสมาธิได้อยู่นาน ดังนั้นจึงออกมามองสถานการณ์บนท้องฟ้าหมายจะคาดการณ์สาเหตุแทน
ท้องฟ้าวันนี้มีสีดำสนิท ไม่อาจเห็นแสงดาวใดส่องผ่าน ฟ้าดินเต็มไปด้วยความมืดมิด… มืดจนน่ากลัว
ที่ในป่าไกลได้ยินเสียงอสูรคลั่งคำรามก้องอยู่หลายหน ควบรวมกับความมืดสนิทนี้ยิ่งทำให้ดูน่าผวาขึ้นเท่าตัว
ห้วงอากาศเองก็ไม่ปกติ คล้ายว่ามีไฟชำระแห่งความเสื่อมทราม กระจายเอาบาปทั้งหลายออกทำร้ายผู้คน ทำให้ความชั่วร้ายเข้าทำลายจิตใจ เกิดเป็นความปรารถนาควบคุมร่าง หากดวงจิตแห่งเต๋าไม่มั่นคงพอ เช่นนั้นรากฐานแห่งเต๋าก็คงถูกมลทินจนธาตุไฟเข้าแทรก เฉินซียืนครุ่นคิดด้วยใบหน้ามีสมาธิ ดวงตาสีดำเหมือนค่ำคืนประกายดาวเต็มไปด้วยความฉลาดเฉลียว
ฟึบ!
จังหวะนั้นเอง ลำแสงลุกโชนพุ่งทะลุท้องฟ้า ส่องสว่างผ่านฟ้ามืดยามราตรี จากนั้นมันก็ค่อย ๆ หายไป
พริบตานั้น ดูเหมือนว่าม้วนคัมภีร์ที่ส่องสว่างรุ่งโรจน์พลันถูกกางออกภายใต้ม่านราตรี รายชื่อจำนวนมากปรากฏขึ้นจากคัมภีร์นั้น
อันดับที่หนึ่ง ซูหว่านเอ๋อร์นิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภา 3 แก่นสัตว์อสูรเทพวิญญาณและ 297 แก่นสัตว์อสูรเทพแท้จริง
อันดับที่สอง เสี่ยวหลัวหลั่วอารามเต๋าสัจวิญญาณ 3 แก่นสัตว์อสูรเทพวิญญาณและ 133 แก่นสัตว์อสูรเทพแท้จริง
อันดับที่สาม อี้เทียนแห่งตระกูลอี้ 2 แก่นสัตว์อสูรเทพวิญญาณและ 157 แก่นสัตว์อสูรเทพแท้จริง
…
รายชื่อส่องสว่างจำนวนมากปรากฏขึ้นมา โดยมีทั้งหมดหนึ่งร้อยรายชื่อ เป็นตัวแทนผู้เข้าร่วมการชุมนุมล่าดาราหนึ่งร้อยคนที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุด
กระทั่งผู้ที่มีอันดับต่ำที่สุดยังสังหารอสูรที่มีฝีมือเทียบเท่าเทวารู้แจ้งวิญญาณไปได้ เห็นได้ชัดว่าผู้เข้าร่วมในครั้งนี้มีฝีมือและมีพรสวรรค์สูงส่งเพียงใด
แต่คนส่วนมากก็ยังไม่อาจดันชื่อตนเองขึ้นอันดับได้ คนที่ถูกตัดสิทธิ์ออกไปทันทีก็มีมาก
เป็นตอนนั้นเอง ก็เห็นว่าด้านล่างทั้งร้อยรายชื่อนั้นคือจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่ถูกตัดสิทธิ์ออก ซึ่งตอนนี้โดนคัดออกไปทั้งหมด 367 คน!
หรือก็คือในการชุมนุมล่าดาราวันแรก ผู้เข้าร่วมกว่าสามร้อยคนก็ถูกตัดสิทธิ์ออกไป ไม่มีโอกาสได้ขึ้นอันดับด้วยซ้ำ!
ทันทีที่รายชื่อปรากฏขึ้นก็ดึงความสนใจทุกคนทันที ได้ยินเสียงพูดคุยดังก้องมาไม่หยุดอยู่ชั่วขณะ โดยเฉพาะกับรายชื่อสิบอันดับแรกยิ่งได้รับความสนใจและกลายเป็นหัวข้อสนทนาร้อนแรง
ทว่ายอดฝีมือทั้งหลายบนฟ้าพร่างดาวก็ไม่อาจยับยั้งตนไว้ได้ หากไม่สนใจรายชื่อสิบอันดับแรกก็มาสนใจศิษย์ในกองกำลังของตนแทน
“ถึงจะประกาศรายชื่อวันละครั้ง แต่ก็ยังไม่ใช่อันดับสุดท้าย แต่การแสดงรายชื่อในครั้งนี้ก็ทำให้พอได้เห็นความแกร่งของผู้เข้าแข่งบางคนได้แล้ว ในความคิดข้าสามอันดับแรกในการชุมนุมล่าดาราวันนี้คงจะต้องขึ้นสิบอันดับแรกได้แน่” ชายวัยกลางคนร่างผอมในชุดเทาพูดไปยิ้มไป เขาเป็นผู้อาวุโสตระกูลอี้ อี้เหวิน อีกทั้งยังเป็นบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลที่สร้างชื่อเสียงไว้นานแล้ว และไม่ได้ปรากฏตัวออกมานานหลายปี
“สหายเต๋าอี้เหวินพูดถูก ทั้งในความคิดข้า การต่อสู้ชิงสามอันดับแรกก็คงจะเป็นซูหว่านเอ๋อร์ เสี่ยวหลัวหลั่ว และอี้เทียนสู้กันเป็นแน่” ชายชราผมขาวในชุดเขียวอีกคนหนึ่งซึ่งถือไม้เท้า เจ้าของเคราสีขาวที่แบ่งออกเป็นสามช่อ
เขาเป็นผู้อาวุโสขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแห่งอารามเต๋าสัจวิญญาณ มีนามว่าเมี่ยวหยา เขามีฐานะสูงส่งนัก เลื่องชื่อไปทั่วทั้งสามพันดาราจักรแห่งเอกภพมสิหิม
“ก็ไม่ใช่เช่นนั้นทีเดียวหรอก ในความเห็นข้า ผู้เข้าร่วมสิบอันดับแรกมีโอกาสขึ้นชิงสามอันดับแรกทั้งนั้น” ผู้อาวุโสระดับสูงนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภานามโม่จ้านส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับเมี่ยวหยา
ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย ถึงจะไม่ได้เห็นพ้องต้องกัน แต่ก็ล้วนรู้สึกว่าศิษย์สิบอันดับแรกนั้นมีโอกาสสูงที่สุดที่จะขึ้นสามอันดับแรก
“สหายเต๋าอวิ๋นชิง เจ้าคิดอย่างไร?” ทันใดนั้นอี้เหวินแห่งตระกูลอี้ก็เคลื่อนสายตาไปมองชายชราชุดเทาข้างกายจักรพรรดินีอวี้เชอ
ยอดฝีมือคนอื่น ๆ เองก็มองไปทางเขาเช่นกัน ท่ามกลางผู้คนที่นี่ จักรพรรดินีอวี้เชอย่อมเป็นผู้ที่มีอำนาจแสดงความเห็นสูงสุด และเป็นรองลงมาก็คือชายชราชุดเทานามอวิ๋นชิง
ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงทาสเทพข้างกายจักรพรรดินีอวี้เชอ แต่ก็มีฝีมือขั้นสูง กระทั่งเงาร่างสีเทารอบข้างยังต้องให้ความเคารพเขา
“พูดตอนนี้ก็ยังเร็วไป ยังตัดสินไม่ได้หรอก” อวิ๋นชิงส่ายหน้า
ยอดฝีมือทั้งหลายจึงต้องผิดหวังเล็กน้อย เพราะทุกคนอยากรู้ว่าอวิ๋นชิงจะมีความคิดเห็นต่อศิษย์ในมหาอำนาจพวกเขาอย่างไรบ้าง
“อวิ๋นชิง เตรียมพร้อมลงมือได้” ทันใดนั้นจักรพรรดินีอวี้เชอที่เงียบมาตั้งแต่ต้นก็ยกมือขึ้น สายตาใสกระจ่างดั่งธารน้ำเฉียบคมดั่งสายฟ้า มองเข้าไปยังใจกลางกลุ่มดาวถาวอู้
ทุกคนพลันสะดุ้งตกใจ เงยหน้าขึ้นมองทันใด
ครืน!
จังหวะนั้นเอง เสียงระเบิดดังลั่นก็ดังขึ้นมาจากส่วนลึกกลุ่มดาวถาวอู้ แรงระเบิดดังครืนสะเทือนเลือนลั่น ก่อนกวาดพลังไปทั่วกลุ่มดาว
จากนั้นกลิ่นอายชั่วร้ายเยือกเย็นไม่อาจอธิบายได้ก็กำจายออกมา ทำให้ใจของยอดฝีมือทั้งหลายรอบข้างถึงกับสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนผันทันใด
เกิดอะไรขึ้นกัน?
แทบจะในพริบตาเดียวกันนั้น ผู้เข้าร่วมที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ล่าก็สังเกตบางอย่างได้ ร่างพวกเขาแข็งค้าง ขนบนร่างลุกชัน เสมือนเจ้าแห่งปีศาจทั้งปวงกำลังจับจ้อง
ฟ่าว!
ในจังหวะที่ทุกคนขนหัวลุกอยู่นั่นเอง ปราณกระบี่มืดอันลึกลับคิดเต็มไปด้วยกระแสความเสื่อมโทรมสีเทาก็พุ่งออกมาจากสวนลึกของกลุ่มดาวถาวอู้ ก่อนซัดเข้าที่ ‘ป้ายจัดอันดับล่า’ บนฟ้า
ตอนนี้ห้วงเวลาและอากาศหยุดนิ่ง โลกคล้ายกับจะถล่มลงมา ทั่วทั้งกลุ่มดาวถาวอู้ตกอยู่ในความเงียบสนิท ตอนนี้บนท้องฟ้ามีเพียงปราณกระบี่สีเทาอยู่เท่านั้น!
ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง คล้ายตกลงบ่อน้ำแข็ง ปราณกระบี่นี้น่าเกรงขามยิ่ง ทำให้เกิดความหวาดผวาขึ้นในดวงจิตแห่งเต๋าได้ ใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
อะไรกัน? ดวงตาของเฉินซีส่องประกายเยียบเย็น ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด ตอนนี้เขาเองก็สัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงเช่นกัน
เคร้ง!
ทันทีที่ปราณกระบี่สีเทาพุ่งขึ้นฟ้า เสียงกระบี่คำรามที่ฟังดูหนาวเหน็บราวกับเสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้น กระจายตัวไปทั่วกลุ่มดาว จากนั้นกระแสปราณกระบี่ใสกระจ่างดังแก้วก็พุ่งขึ้นตามไป เข้าปะทะรุนแรงกับปราณกระบี่สีเทานั่น
ตอนนี้พลังอันบริสุทธิ์และโสมมแห่งฟ้าดินกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด