บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1610 ขึ้นสู่การจัดอันดับ
บทที่ 1610 ขึ้นสู่การจัดอันดับ
…………….
บทที่ 1610 ขึ้นสู่การจัดอันดับ
ฝนโลหิตสาดกระเซ็น ไหลรินรดผืนแผ่นดิน
ซากศพของมัจฉาเทวะปีศาจครามทั้งสามตัวล้มลงกับพื้น และพวกมันก็สิ้นใจทันที
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เร็วจนทำให้ทุกคนจากตระกูลอี้ไม่ทันระวังตัว และพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย
บริเวณโดยรอบเงียบสงัด
ปฏิบัติการล้อมสังหารที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง ทว่ากลับต้องล้มเหลวในช่วงสำคัญ สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของอี้คุนบิดเบี้ยวทันที และดูอัปลักษณ์อย่างยิ่ง
ดวงตาของเขาแดงก่ำ ในขณะที่จ้องเขม็งไปยังระยะไกล พลางกัดฟันแน่น “เป็นเจ้าเด็กนั้น!”
ทุกคนล้วนมองตาม พลันสังเกตเห็นด้วยความตกใจว่า มีร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ใต้ร่มเงาของก้อนหินขนาดมหึมาอยู่ในระยะไกล
“เป็นมันจริง ๆ!”
เหล่าศิษย์ตระกูลอี้ล้วนมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวสุดขีด เพราะพวกเขารู้ดีว่านี่คือการแก้แค้น!
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินซีก็ปรากฏพร้อมกับเถี่ยอวิ๋นผิง และเผยรอยยิ้มอันสดใสที่ริมฝีปาก พลางโบกไม้โบกมือให้ จากนั้นก็หันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
อี้คุนไม่พอใจและโมโหอย่างยิ่ง และคำรามด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “ไล่ล่าพวกมัน! ฆ่าไอ้สารเลวนั่นให้จงได้!”
เหล่าเทวาวิญญาณพุ่งปราดออกไปและไล่ตามด้วยความเร็วเต็มพิกัด อย่างไรก็ตาม คนที่เร็วที่สุดก็หยุดนิ่งกะทันหัน เพราะเขาเห็นเฉินซีหันกลับมาโดยมีรอยยิ้มเยาะเย้ย
ฟิ่ว!
พร้อมกับปราณกระบี่ฟาดฟันออกไป
ปฏิกิริยาของชายคนนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าช้า และเขาไม่ลังเลที่จะควักสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อทำลายปราณกระบี่นี้ให้เป็นเสี่ยง ๆ แต่โดยไม่คาดคิด ร่องรอยของความผันผวนที่ผิดปกติเกิดขึ้นเหนือศีรษะเขาในขณะนี้ และทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในใจ ซวยแล้ว!
ฟิ่ว!
ปราณกระบี่ที่ลึกลับปรากฏออกมาจากอากาศ และฟันลงอย่างดุเดือด
พรวด!
เลือดสาดกระเซ็น ขณะที่แขนถูกตัดขาดกระเด็น จากนั้นคลื่นของมิติที่ผันผวนก็เกิดขึ้น แผ่นเทวะที่คนผู้นี้ครอบครองระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยตัวมันเอง และพาตัวคนออกไป!
เทวาวิญญาณคนนั้นพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
เมื่อเทวาวิญญาณคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์นี้ มันทำให้พวกเขาตกใจจนรีบหลบไปด้านข้าง ในขณะที่เฉินซีได้ทะยานจากไปพร้อมกับเถี่ยอวิ๋นผิงอย่างไม่เร่งรีบ
อี้คุนทั้งไม่พอใจและหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายที่มีต้นกำเนิดไม่แน่ชัด กลับกล้าต่อต้านตระกูลอี้เช่นนี้! จนถึงจุดนี้ เทวาวิญญาณจากฝ่ายตนได้พ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของชายผู้นั้นแล้ว!
มันเป็นใครกันแน่?
เหตุใดมันจึงกล้าต่อสู้กับตระกูลอี้เช่นนี้? หรือว่ามันไม่กลัวว่าจะถูกตระกูลอี้เอาคืน หลังจากจบงานชุมนุมล่าดารา?
ไม่ใช่แค่อี้คุนเท่านั้น สีหน้าของศิษย์คนอื่น ๆ จากตระกูลอี้ทั้งหมดก็เปลี่ยนไป พวกมันทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยว
สิ่งที่ยากจะยอมรับก็คือ ก่อนหน้านี้พวกมันกลับยังไม่สามารถรู้ตัวตนและต้นกำเนิดชายคนนั้นได้เลย
นี่มันเหมือนกับว่าจู่ ๆ ก็ถูกคนตบหน้ากลางถนน ทำให้พวกเขาไม่ทันระวังและรู้สึกอับอายอย่างมาก
“ความแข็งแกร่งของชายคนนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง และเต๋าแห่งกระบี่ของมันไม่ใช่สิ่งที่เราจะต่อกรได้ บางทีอาจมีเพียงนายน้อยอี้สวินเท่านั้นที่สามารถจัดการกับมันได้” หนึ่งในเทวาวิญญาณสูดหายใจเข้าลึก ๆ และระงับความโกรธในใจขณะกล่าวช้า ๆ
ความคิดเห็นนี้ได้รับการยอมรับจากคนอื่น ๆ มากมาย ปราณกระบี่เมื่อครู่ สามารถทำให้เทวาวิญญาณอย่างพวกตนต้องหลบเลี่ยง และนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้
ประกอบกับความจริงที่ว่า ชายคนนั้นได้บดขยี้เทวาวิญญาณสองคนในพริบตา ทำให้พวกมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับว่าไม่สามารถจัดการกับชายคนนั้นได้ด้วยตนเอง
“หรือเราควรจะปล่อยมันไป?” อี้คุนรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก และเดินวนไปวนมาอยู่กลางท้องฟ้า เพราะเขาควรจะเป็นคนที่ฆ่ามัจฉาเทวะปีศาจครามทั้งสามตัว แต่กลับสูญเสียพวกมันไปทั้งหมด ซึ่งเขาไม่สามารถกลืนความคับข้องใจนี้ได้อย่างแท้จริง
ผู้นำกลุ่มคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างโน้มน้าว “นายน้อย มันเป็นเพียงการล่าเท่านั้น เรายังมีวิธีมากมายในการจัดการกับเขาหลังจากการชุมนุมล่าดาราสิ้นสุดลง!”
“ข้าไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้!!” อี้คุนทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและกู่ร้องดังลั่น
เมื่อเห็นอี้คุนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า หัวหน้ากลุ่มที่กล่าวก่อนหน้านี้ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างเร่งรีบ “นายน้อย ท่านควรระวังให้มากกว่านี้ เจ้าเด็กนั้นโหดเหี้ยมและมากเล่ห์อย่างยิ่ง บางทีมันอาจหันกลับมาโจมตีอีกครั้ง”
“ฮึ่ม! ถ้ามันกล้าหันกลับมาโจมตีอีกครั้ง แล้วมันจะรีบหลบหนีไปทำไม?” อี้คุนหัวเราะอย่างเย็นชา และยังไม่ทันสิ้นเสียง จู่ ๆ ก็มีปราณกระบี่โผล่ออกมาจากอากาศ และมันก็ฟันลงดังขวับอย่างดุร้าย
ทันใดนั้น สีหน้าของอี้คุนเปลี่ยนไป และรู้สึกหวาดกลัวจนร้องโหยหวน ร่างตกลงมาจากกลางอากาศเหมือนกระสอบทราย
ซวยแล้ว!
คนอื่น ๆ ล้วนตกตะลึงในใจ และพวกมันก็รีบเข้าไปช่วยเหลือ แต่ที่น่าประหลาดใจสำหรับมัน ทันทีที่ปราณกระบี่ปรากฏขึ้น มันก็ระเบิดเสียงดังโครมครามและกลายเป็นข้อความที่เรียงกันเป็นแถว ‘ทำมาไม่ทำกลับ เสียมารยาท’ และจากนั้นมันก็หายไปทันที
เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้ สีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยสีสันต่าง ๆ ทันที ไอ้สารเลวนั่น! มันปั่นหัวพวกเราเหมือนไอ้โง่จริง ๆ! มันช่างเลวทรามยิ่งนัก!
ตู้ม!
อี้คุนล้มกระแทกพื้น ทำให้ฝุ่นผงสิ่งสกปรกเปรอะเปรื้อนใบหน้าไปหมด ทั้งยังเกือบจะเป็นลมด้วยความโกรธ เขากัดฟันคำรามลั่น “ข้าจะฆ่าแก จะต้องฆ่าให้ตายอย่างแน่นอน!!”
เทวาวิญญาณรีบพุ่งปราดเข้ามา “นายน้อย ระวังตัวด้วย เจ้าเด็กนั้นอาจยังอยู่ใกล้ ๆ!”
ใบหน้าของอี้คุนแข็งทื่อ พลันรู้สึกหวาดกลัวจนต้องหุบปากทันที ทั้งยังรู้สึกเสียใจมากจนใบหน้าบิดเบี้ยวซีดเผือด ในขณะที่ร่างกายสั่นเทา
เมื่อมองดูเหตุที่ไม่เอื้ออำนวยและทุกคนตกอยู่ในความวิตกกังวล หนึ่งในเทวาวิญญาณก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เฮ้อ! เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ตั้งใจจะต่อต้านเราจนถึงที่สุด หากเราอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น แทนที่จะเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ไยเราไม่ออกเดินทางทันทีและไปร่วมกลุ่มกับคุณชายรอง?”
…
ช่างเป็นไอ้พวกขี้ขลาดอย่างแท้จริง พวกมันหลบหนีไปแล้ว…
ห่างออกไปไกลโพ้น เฉินซีอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะ พลางดูศัตรูกลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานไปบนท้องฟ้า และหายลับไปจากสายตา
“ผู้อาวุโส นั่นช่างน่าพอใจอย่างแท้จริง” เถี่ยอวิ๋นผิงยิ้มเบา ๆ ที่ด้านข้าง ดวงตาระยิบระยับราวกับอัญมณีที่เต็มไปด้วยความสุข
“อันที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะข้า พวกมันอาจจะไม่ล่วงเกินเจ้า” เฉินซียิ้มพลางกำลังคิดถึงเรื่องอื่นแทน
เถี่ยอวิ๋นผิงตกตะลึง “เพราะเหตุใดหรือ?”
“เพราะข้าเคยฆ่าคนของตระกูลอี้ไปมากมายในอดีต แม้พวกมันไม่ทราบถึงตัวตนของข้าอย่างชัดเจน แต่จากการกระทำของพวกมัน ข้าคิดว่าพวกมันกำลังพิสูจน์ตัวตนของข้าอยู่” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย ดวงตาสีดำลุ่มลึกพลุ่งพล่านด้วยประกายอันเย็นเฉียบ
ไม่มีเหตุบังเอิญใดในโลกนี้ และความบังเอิญทั้งหมดย่อมมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน การกระทำของศิษย์ตระกูลอี้เหล่านั้น ทำให้เฉินซีตระหนักว่าบางทีอี้เทียนอาจเริ่มสงสัยตัวตนของเขาแล้ว
เถี่ยอวิ๋นผิงตกตะลึง และนางรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย ตระกูลอี้เป็นกองกำลังชั้นยอดที่มีชื่อเสียงในเอกภพมสิหิม ทั้งยังมีอำนาจมหาศาล และกองกำลังของมันครอบคลุมดาราจักรมากมาย
อย่างไรก็ตาม เฉินซีกลับบอกว่าเขาได้สังหารศิษย์ของตระกูลอี้หลายคนในอดีต ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่ไม่ต่างจากการล่วงเกินตระกูลอี้ แล้วนางจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโส ทำไม… ทำไมท่านถึงบอกเรื่องนี้แก่ข้า?” เถี่ยอวิ๋นผิงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าแค่อยากให้เจ้าเตรียมตัวไว้ เพราะในระหว่างการชุมนุมล่าดารา อาจมีหลายคนที่มองพวกเราเป็นศัตรูเพราะข้า” เฉินซีมองตรงไปที่เถี่ยอวิ๋นผิง “หากเจ้าเสียใจ….”
ก่อนที่จะกล่าวจบ เฉินซีกลับถูกเถี่ยอวิ๋นผิงขัดจังหวะ แล้วกล่าวด้วยท่าทางหนักแน่น “ผู้อาวุโส ข้าไม่เคยเสียใจเลย ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคงไม่สามารถบรรลุความสำเร็จอย่างในปัจจุบันได้อย่างแน่นอน”
เฉินซีกล่าว “แต่เจ้าต้องตระหนักไว้ว่า เมื่อการชุมนุมล่าดาราครั้งนี้สิ้นสุดลง มีความเป็นไปได้มากที่เจ้าจะไม่มีโอกาสกลับไปที่นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตเพื่อบ่มเพาะ”
เถี่ยอวิ๋นผิงเงยหน้าเล็ก ๆ ของนางขึ้นมาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็อยากจะออกจากสถานที่นั้นมานานแล้ว”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะยิ้ม และถอดถอนใจสั้น ๆ ชายหนุ่มตระหนักดีว่าถึงแม้เถี่ยอวิ๋นผิงจะกล่าวอย่างเป็นกันเอง แต่นี่เป็นการตัดสินใจที่สำคัญอย่างยิ่ง ทว่านางกลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย และนี่ทำให้เฉินซีตัดสินใจทันทีว่า เขาจะช่วยให้หญิงสาวคนนี้ได้รับตำแหน่งที่น่าตื่นตาในการจัดอันดับ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!
…
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เฉินซีก็พาเถี่ยอวิ๋นผิงเดินทางไปทั่วดาวดวงนี้ พวกเขาล่าสัตว์ร้ายในเวลากลางวัน ทำสมาธิในเวลากลางคืน และไม่มีเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก
ท่ามกลางการล่าที่นองเลือดและเข้มข้นเหล่านี้ เถี่ยอวิ๋นผิงไม่ทำให้เฉินซีผิดหวัง นางสามารถต่อกรและทำลายล้างสัตว์ร้ายซึ่งมีพลังในขอบเขตเทวาวิญญาณได้ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายเหล่านั้นไม่ได้ทรงพลังมากนัก และอย่างมากที่สุด พวกมันแทบจะไม่บรรลุมาตรฐานของเทวาวิญญาณทั่วไปเลย
นี่เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ เวลาที่พวกเขามีอยู่นั้นสั้นเกินไป และพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเถี่ยอวิ๋นผิงก็มีจำกัด ดังนั้นการที่สามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ในระดับดังกล่าว และสามารถพิชิตขอบเขตเพื่อทำลายล้างขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
ในอดีต นางไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการว่าวันหนึ่งนางจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้จริง ๆ
ในที่สุด หลังจากการชุมนุมล่าดาราดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดตำแหน่งของเถี่ยอวิ๋นผิงก็ก้าวขึ้นสู่ร้อยอันดับแรกของการจัดอันดับล่า
อันดับที่หนึ่งร้อย เถี่ยอวิ๋นผิงจากนิกายหยกทุคตินีลโลหิต แก่นเทพวิญญาณเก้าอัน และแก่นสัตว์อสูรเทพแท้จริงสองร้อยเก้าสิบอัน
นั่นคือผลลัพธ์ของเถี่ยอวิ๋นผิง และถือได้ว่าเป็นผลงานที่น่าตื่นตาในการชุมนุมล่าดาราครั้งนี้
ท้ายที่สุดแล้ว การชุมนุมล่าดาราก็ได้รวบรวมเหล่าศิษย์รุ่นใหม่ที่ดีที่สุดภายในดาราจักรทั้งสามพันแห่งของเอกภพมสิหิม และมันเป็นจำนวนที่มหาศาล ในทางกลับกัน เถี่ยอวิ๋นผิงสามารถก้าวขึ้นทีละขั้นสู่อันดับที่หนึ่งร้อยได้ภายในหนึ่งเดือน โดยอาศัยการทุ่มเทอย่างหนักของนางเอง นางจึงสามารถยืดอกได้อย่างภาคภูมิ
แม้แต่ตอนที่เถี่ยอวิ๋นผิงเห็นอันดับของตัวเอง แม้แต่ตัวนางก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่น่ายินดีและความสับสน ซึ่งนอกเหนือจากสำนึกบุญคุณแล้ว สายตาที่มองเฉินซียังเปี่ยมด้วยความเคารพอย่างสุดหัวใจ
เถี่ยอวิ๋นผิงตระหนักดีว่า แม้ว่านางจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จด้วยตัวเอง แต่นางก็ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จในปัจจุบันได้อย่างแน่นอน หากไม่มีเฉินซีคอยเฝ้าปกป้องและชี้แนะ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่เฉินซีกังวล ช่องว่างระหว่างอันดับปัจจุบันของเถี่ยอวิ๋นผิงและสิบอันดับแรกนั้นใหญ่เกินไปจริง ๆ และมันก็ถึงขนาดที่พวกเขาไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย
ตัวอย่างเช่น ผู้เข้าร่วมอันดับที่สิบเป็นศิษย์จากนิกายกระบี่วิถีราชา มีนามว่าสือเจี้ยน ผลลัพธ์ปัจจุบันของเขาคือสัตว์ร้ายเจ็ดสิบสามตัวที่เทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ และสัตว์ร้ายหนึ่งพันสองร้อยตัวที่เทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา!
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เพียงแค่สัตว์ร้ายขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณที่เขาล่าและสังหารก็มากกว่าเถี่ยอวิ๋นผิงถึงแปดเท่าแล้ว
แต่นี่เป็นเพียงผลลัพธ์ของผู้เข้าร่วมอันดับที่สิบ
หากเปรียบเทียบกับผู้เข้าร่วมที่อยู่ในสามอันดับแรก ช่องว่างก็จะใหญ่กว่านี้อีก
“มาเถอะ ไปที่อื่นกัน สัตว์ร้ายขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณนั้นหายากมากแล้ว และหากเจ้าตั้งใจที่จะขึ้นสู่สิบอันดับแรก เราก็ต้องมุ่งเข้าไปในกลุ่มดาวถาวอู้ให้ลึกลงไปอีก” ในวันนี้ เมื่อม่านแห่งราตรีเลือนลับไปและแสงสว่างก็ส่องผ่านความมืด จู่ ๆ เฉินซีก็กล่าวขึ้นและตัดสินใจออกจากดาวดวงนี้
“ขึ้นสู่สิบอันดับแรกหรือ?” เถี่ยอวิ๋นผิงตกตะลึง
“เจ้ามีปัญหากับเรื่องนั้นหรือ?” เฉินซีตอบคำถาม น้ำเสียงที่สงบของเขากลับแฝงด้วยความเย่อหยิ่ง และดูเหมือนกำลังกล่าวถึงเรื่องธรรมดามาก
เถี่ยอวิ๋นผิงตกตะลึงในใจ และรีบส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่….”
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ” เฉินซียิ้มพลางสะบัดแขนเสื้อเพื่อพาเถี่ยอวิ๋นผิงไปด้วย และทั้งสองหายตัวไปทันที
ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ผู้อาวุโสคนนี้จะเอาแต่ใจเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้น่ารำคาญเลย แล้วสตรีคนไหนจะปฏิเสธเขาได้…? เถี่ยอวิ๋นผิงพึมพำอยู่ในใจ
…………….