บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1612 สร้างชื่อ
บทที่ 1612 สร้างชื่อ
บนทุ่งหญ้ากว้างขวางใต้ฟ้าสีคราม ฝูงอาชาเกล็ดทองที่ตัวใหญ่ราวขุนเขา แผงคอสีทอง กีบเท้าดั่งเหล็กกระแทกพื้นอย่างบ้าคลั่ง ให้เสียงเหมือนฟ้าลั่นสะท้านไปทั่วฟ้าดิน
อาชาเกล็ดทองเป็นอสูรดึกดำบรรพ์ประเภทหนึ่ง สามารถเรียกได้อีกชื่อว่าอาชามังกร รวดเร็วดั่งสายลม สามารถข้ามมิติฝ่าดวงดาวได้ มีนิสัยดุร้าย ดูดกินวิญญาณของผู้อื่น
อาชาเกล็ดทองฝูงนี้มีจำนวนกว่าร้อยตัว โดยมีราชาอาชาเกล็ดทองด้านหน้าเป็นผู้นำ พวกมันควบผ่านทุ่งหญ้า ฝ่าสายลมเสียงหวีดหวิวด้วยความรวดเร็ว ผู้เข้าร่วมทั้งหลายที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันล้วนหลบเลี่ยง ไม่กล้าต่อสู้กับฝูงม้าฝูงนี้
อสูรร้ายกลุ่มนี้มีฝีมือทัดเทียมขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา แต่ราชาอาชาเกล็ดทองย่อมมีพลังสูงกว่า
ไม่เพียงแต่มันจะมีพลังอยู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ แต่ยังถือเป็นยอดฝีมือในขอบเขตอีกด้วย หลายวันที่ผ่านมามีหลายคนอยากลองของ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว บ้างก็ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการชุมนุมล่าดารา ตอนนี้ยังไม่มีใครเอาชนะมันได้สำเร็จ
แสดงให้เห็นว่าราชาอาชาเกล็ดทองมีพลังขนาดไหน ไม่ใช่สิ่งที่อสูรซึ่งอยู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณจะเทียบได้
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่าง ปราณกระบี่จ้ากระจ่างซัดลงจากฟ้า มันมีความยาวมากถึงหกสิบลี้ และเต็มไปด้วยเจตจำนงกระบี่ เหมือนมหาสมุทรสาดซัดลงมาบดบังหนทางด้านหน้าของอาชาเกล็ดทองไว้
ฝูงม้าแตกฮือทันใด ราชาอาชาเกล็ดทองที่นำอยู่ด้านหน้าร้องฮี้เสียงยาวออกมา แต่ก็ไม่หยุดฝีเท้าแล้วใช้กีบเท้าทำลายห้วงอากาศ รุดหน้าเข้าโจมตีร่างสูงนั้น
หลายวันที่ผ่านมานี้ มันก็ใช้วิธีป่าเถื่อนเช่นนี้ในการกำจัดเทวารู้แจ้งวิญญาณกว่ายี่สิบคน ครั้งนี้มันก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดการศัตรูตรงหน้าได้เช่นกัน
ที่น่ารำคาญใจคือ ทุกครั้งที่ทำสำเร็จ มันก็ไม่อาจกลืนวิญญาณของคนพวกนั้นได้ ทำให้มันโจมตีด้วยความโกรธเกรี้ยว ความโจมตียิ่งทวีความรุนแรง
“สวรรค์! มีคนรนหาที่ตาย หมายล่าอสูรดุร้ายนั่นด้วย!”
“ดูท่าจะมีหัวหน้ากลุ่มถูกตัดสิทธิ์ออกไปอีกแล้วสินะวันนี้…”
ผู้เข้าแข่งขันบางคนที่อยู่ไกลสังเกตเห็น ได้แต่เบิกตากว้างตกใจ ไม่ก็ยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
ฟ่าว!
แต่ว่าจังหวะนั้นเอง ลำแสงอันเย็นเยือกก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา มันส่องสว่างกระจ่างแจ้ง สว่างจ้าจนแสบตาไปหมด
พริบตาเดียวมันก็หายไป
จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าร่างสูงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ส่วนราชาอาชาเกล็ดทองนั้นวิ่งผ่านเขาไปแล้ว
มันคำรามเสียงออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
หรือเขาจะหลบได้?
ทุกคนตกตะลึง แต่จังหวะนั้นเองก็ต้องเบิกตาโพลงสีหน้าแข็งค้าง
เพราะเห็นว่ากีบเท้าของราชาอาชาเกล็ดทองถูกเฉือนออกจนโลหิตพุ่ง มันร่วงลงกับพื้นเสียงดังจนเกิดหลุมใหญ่ที่พื้น
ฮี้!
มันคำรามเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังพยายามจะยืนขึ้น
ฉัวะ!
จังหวะนั้นเอง คนงามผู้หนึ่งก็ปรากฏตัว ก่อนจะซัดกระบี่ลงมา ฟันศีรษะราชาอาชาเกล็ดทองสะบั้นในกระบี่เดียว เลือดสาดกระเซ็น มันสิ้นใจตายทันที
ฉูด! ฉูด!
เลือดยังคงพุ่งออกมาจากร่างราชาอาชาเกล็ดทองไม่หยุดจนย้อมฟ้าเป็นสีแดง เมื่ออาชาเกล็ดทองตัวอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็พากันแตกตื่น ส่งเสียงฮี้เศร้าโศกออกมาแล้วหนีกระจัดกระจายกันไป
คนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไกล ๆ ได้แต่นิ่งไม่อยากเชื่อสายตา
แค่กระบี่เดียวก็สามารถฟันขาราชาอาชาเกล็ดทองขาด ทำให้มันไม่อาจต่อสู้ได้แล้วหรือ!?
นอกจากกวนหงอวี่ เสวียนท่าจื่อ อี้สวิน และคนอื่น ๆ อีกไม่เท่าไหร่แล้ว จะมีหัวหน้ากลุ่มคนไหนที่สามารถทำเช่นนี้ได้อีก?
เขาเป็นใครกัน?
หรือจะเป็นยอดฝีมือจากกองกำลังใหญ่สักแห่ง?
ทุกคนจึงจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่ก็เห็นเพียงว่าร่างสูงจากไปพร้อมกับหญิงสาวอย่างรวดเร็ว แวบเดียวก็หายไปไม่เหลือร่องรอย
พอเห็นดังนี้ก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันใด พากันพูดคุยไม่หยุด
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน? มีเต๋าแห่งกระบี่น่าเกรงขามยิ่ง”
“ข้าก็ไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินเรื่องเขามาก่อน แต่ข้าจำหญิงสาวคนนั้นได้ ตอนช่วงลงชื่อเข้าร่วมการชุมนุม ข้อมูลบอกว่านางมาจากนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต มีนามว่าเถี่ยอวิ๋นผิง”
“นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต? เถี่ยอวิ๋นผิง? เป็นใครกัน?”
“ไปสืบมา! รีบไปสืบมา! ฝีมือเช่นนั้นกลับปิดบังตัวตนเสียเงียบเชียบ! หากเราไปทะเลาะกับเขาเข้าคงได้พบความพินาศ!”
…
ตั้งแต่วันนั้นมาก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน
เฉินซีจะพาเถี่ยอวิ๋นผิงออกล่าสังหารไปด้วยกัน พากันมาถึงจุดลึกสุดของกลุ่มดาวถาวอู้ แต่ละดวงดาวที่ผ่านไป หากมีอสูรตัวใดที่เฉินซีเล็งไว้ เขาก็จะโจมตีจนมันได้รับบาดเจ็บหนัก แล้วให้เถี่ยอวิ๋นผิงเป็นคนปลิดชีพ
ทั้งสองดำเนินการไปเช่นนี้ คนหนึ่งทำให้พวกมันบาดเจ็บ อีกคนโจมตีครั้งสุดท้ายปลิดชีพ เป็นแผนการที่มีประสิทธิภาพสูงยิ่ง ความรวดเร็วเหมือนพายุหมุนคลั่ง ไม่ว่าจะผ่านไปแห่งหนใดก็ฝ่าทำลายอุปสรรคทั้งหลายได้ง่ายดายเหมือนปลิดใบไม้แห้ง
ทว่าผู้เข้าแข่งขันที่โชคดีพอได้เห็นเหตุการณ์ได้แต่รู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ ตกใจกับวิธีการต่อสู้ที่ตรงไปตรงมาและดุดันของเฉินซี
ตอนนี้หัวข้อการพูดคุยเรื่องเฉินซีกับเถี่ยอวิ๋นผิงให้กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงให้ใครต่อใครไปพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และทวีความร้อนแรงขึ้นทุกวัน
สุดท้ายมีคนไปสืบเสาะหาเบาะแสมาจนได้ ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าชายหนุ่มข้างกายเถี่ยอวิ๋นผิงแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตมีนามว่าเฉินสวิน แต่ไม่มีใครรู้จักเขาเลย
ตอนนี้เจ้าของชื่อกลับเป็นที่สนใจของผู้บ่มเพาะพลังภายในเอกภพมสิหิมที่รับชมการชุมนุมล่าดาราไปแล้ว เริ่มเผยคมปรากฏกายขึ้นสู่สายตาทุกคน ความตกตะลึงทำให้เรื่องนี้แผ่ขยายไปไม่หยุด…
…
ไม่ใช่เพียงแต่ในพื้นที่ล่าเท่านั้น แต่ยอดฝีมือทั้งหลายในฟากฟ้ายังเริ่มสนใจชื่อเถี่ยอวิ๋นผิงขึ้นมาแล้ว
เพราะภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน อันดับของศิษย์หญิงนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ นางขึ้นมาอยู่อันดับที่สี่สิบเก้าแล้ว!
ห้าวันก่อนนางยังอยู่อันดับที่หนึ่งร้อยอยู่เลย แม้จะดูเหมือนขึ้นมาแค่ราวห้าสิบอันดับ แต่ยอดฝีมือทั้งหลายล้วนรู้ดีว่าการจะดึงอันดับขึ้นมาถึงขนาดนี้ในการชุมนุมล่าดาราช่วงสุดท้ายเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อขนาดไหน แทบเรียกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ได้ทีเดียว!
“สุดยอด! มหัศจรรย์จริง! แค่ระยะเวลาห้าวันนางก็สังหารอสูรขอบเขตเทพวิญญาณไปวันละเฉลี่ยแปดสิบสามตัวทีเดียว อีกทั้งอันดับยังขึ้นมาราวสิบอันดับในทุกวัน ไม่อยากเชื่อเลย!” ยอดฝีมือทั้งหลายร้องชื่นชมเสียงตื่นเต้นประหลาดใจไม่หยุด
“ทุกคนจำได้หรือไม่? ก็เป็นหญิงสาวคนนี้ที่จักรพรรดิเอ่ยชมเมื่อห้าวันก่อน แต่ตอนนี้เหมือนว่าหัวหน้ากลุ่มของนางจะเริ่มลงมือล่าด้วยเช่นกัน” ยอดฝีมือบางคนเริ่มแสดงความไม่พอใจ
ทันทีที่เขากล่าวเช่นนั้น หลายคนก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะคนที่มีเหตุผลย่อมรู้ดีว่าความสำเร็จเช่นนั้นไม่ปกติ ไม่มีทางที่เถี่ยอวิ๋นผิงจะทำได้ด้วยตัวคนเดียวแน่
แต่อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่การผิดกฎ ไม่เช่นนั้นผู้เข้าแข่งสิบอันดับแรกก็คงถูกตัดสิทธิ์ไปตั้งแต่วันแรก ๆ แล้ว
“ที่ข้าสงสัยคือใครที่เป็นหัวหน้ากลุ่มของนางกันแน่? เหตุใดเขาจึงไม่ลงมือเมื่อเริ่มการชุมนุมล่าดารา? หากเขาทำเช่นนี้ตั้งแต่ต้น เถี่ยอวิ๋นผิงก็คงได้สิบอันดับแรกไปแล้ว” ผู้อาวุโสระดับสูงโม่จ้านแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภาเหมือนกำลังครุ่นคิดครั้งใหญ่ ส่งสายตามองผู้อาวุโสนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตนามหวังลู่
คนอื่นก็สงสัยเรื่องนี้เช่นกัน ในเมื่อโม่จ้านถามออกมาแล้ว ทุกสายตาจึงมองไปทางหวังลู่เป็นตาเดียว
นี่เป็นครั้งที่สองที่หวังลู่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ในใจเขารู้สึกขื่นขมยิ่ง ถึงขณะที่พูดไม่ออกเพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
เพราะหลังจากที่รู้ว่าเถี่ยอวิ๋นผิงขึ้นร้อยอันดับแรกไปเมื่อหลายวันก่อน เขาก็สั่งให้ศิษย์บางคนไปสืบเรื่องเถี่ยอวิ๋นผิง แต่ข้อมูลที่ได้รับมาก็ยิ่งทำให้ตกใจ
แท้จริงแล้วนางเป็นศิษย์สายนอกนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต เพิ่งจะมีเกณฑ์ถึงขั้นเข้าสายนอกได้เท่านั้น
อีกทั้งหวังลู่ยังพูดไม่ออกเพราะไม่มีใครรู้ว่าหัวหน้ากลุ่มของเถี่ยอวิ๋นผิงเป็นใครกันแน่ด้วย
แล้วเขาจะอธิบายเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ อย่างไร?
เพราะถึงพูดไป คนพวกนั้นก็คงไม่เชื่อ ใครจะคิดว่าศิษย์หญิงที่มีความสามารถธรรมดา เพิ่งจะเข้าสายนอกนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตไปได้ไม่นาน จะสามารถแสดงฝีมือโดดเด่นเช่นนี้ในการชุมนุมล่าดาราได้?
ถึงขนาดที่พอหวังลู่รู้ความจริง เขายังยากจะเชื่อเลย
“สหายเต๋าหวังลู่ นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตของเจ้าปกปิดเรื่องนี้ไว้ดียิ่ง พวกข้าไม่เคยได้ยินเลยว่านิกายของเจ้าชุบเลี้ยงศิษย์ฝีมือดีเช่นนี้ไว้ด้วย ตอนนี้เรื่องแดงแล้วจะพยายามปกปิดไปไย?” อี้เหวินแห่งตระกูลอี้เอ่ยขึ้นเสียงช้า ไม่พอใจท่าทีอ้ำอึ้งของหวังลู่
ยอดฝีมือคนอื่น ๆ เองก็พูดขึ้นบ้างเช่นกัน ยิ่งกดดันหวังลู่มากขึ้นไปอีก ทำให้เขารู้สึกกลัวอยู่บ้าง
สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว ได้แต่กัดฟันแล้วพูดทุกอย่างออกไป พวกเขาจะเชื่อหรือไม่เขาไม่สนแล้ว
เพราะทันทีที่เขาพูดจบทุกอย่างก็เงียบสนิท ด้วยสภาวะจิตของยอดฝีมือเหล่านี้ พวกเขาถึงขนาดนิ่งอึ้งไป แสดงสีหน้าแตกต่างกันไป
ศิษย์หญิงที่เพิ่งเข้าสายนอกนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต? ส่วนหัวหน้ากลุ่มของนางก็เป็นชายหนุ่มจากที่ไหนก็ไม่รู้งั้นหรือ?
ใครมันจะไปเชื่อ!?
ทันใดนั้นสายตาที่มองหวังลู่ก็เปลี่ยนไป กลายเป็นสายตาแห่งความโกรธ เพราะรู้สึกว่าคนผู้นี้หาข้ออ้างมาหลอกลวง ถึงไม่อยากเล่าความจริงก็ไม่ควรหาข้ออ้างกระจอกเช่นนี้มาเล่า!
“ทุกคน ข้าขอสาบานเลยว่าข้าพูดเรื่องจริง!” หวังลู่แทบอยากร้องไห้ เขาตบอกสบถสาบานด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ในความคิดข้า ปัญหาคือชายหนุ่มคนนั้น เฉินสวิน” ผู้อาวุโสเมี่ยวหยาจากอารามเต๋าสัจวิญญาณเอ่ยเสียงต่ำขึ้น
ทุกคนได้ยินก็คิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะเข้าใจ มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ ‘เฉินสวิน’
“ไปสืบเรื่องชายหนุ่มคนนั้นมา”
“เร็วเข้า! สืบหาตัวตนของชายหนุ่มคนนั้นให้ได้เร็วที่สุด!”
ยอดฝีมือทั้งหลายส่งกระแสปราณออกไปสั่งผู้ช่วยและศิษย์ทั้งหลายให้ออกไปสืบเสาะเรื่องนี้อยู่พักใหญ่
แล้วก็เป็นในวันนั้นเองที่ชื่อของเฉินซีเริ่มสะดุดตายอดฝีมือเอกภพมสิหิม น่าเสียดายที่ชื่อเฉินสวินเป็นเพียงนามแฝงของเฉินซีเท่านั้น….
…………….