บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1616 เทพยุทธ์พิชิตมาร
บทที่ 1616 เทพยุทธ์พิชิตมาร
การปะทะกันครั้งนี้ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน และมันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง พื้นที่ภายในรัศมี สองหมื่นห้าพันลี้นั่นถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นซากปรักหักพัง ทั่วแห่งหนเต็มไปด้วยความโกลาหล ความตาย และความรกร้าง
ถึงอย่างไร ดาววารีทศทมิฬก็เต็มเปี่ยมด้วยปราณอเวจีมลทิน ดังนั้นทุกสิ่งจึงแข็งมากราวกับถูกหล่อหลอมจากเหล็กกล้า และเทียบได้กับสมบัติศักดิ์สิทธิ์
ทว่าการปะทะกันครั้งนี้สามารถก่อให้เกิดการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวได้ ซึ่งสะท้อนเป็นที่ประจักษ์ว่าพลังยุทธ์ของทั้งสองนั่นน่ากลัวเพียงใด
ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเถี่ยอวิ๋นผิงหรือเสี่ยวหลัวหลั่วและคนอื่น ๆ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล
ทันใดนั้น เสียงครวญครางดังออกมาจากฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย จากนั้นร่างสูงของเสวียนท่าจื่อก็ปรากฏขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาและท่าทางที่อำมหิต
เสื้อคลุมนักพรตปลิวไสว ในขณะที่ถือง้าวอยู่ในกำมือ ร่างกายเปล่งประกายด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ ประหนึ่งเทพผู้ดุร้ายได้จุติลงมายังโลก
“สหาย มาถึงขั้นนี้แล้ว แต่เจ้ายังไม่คิดจะใช้อาวุธอีกเหรอ?” สีหน้าของเสวียนท่าจื่อมืดมน ความรู้สึกโกรธแค้นพวยพุ่งอยู่ในใจ
ในการปะทะกันครั้งก่อนนั้น การฟาดฝ่ามือของเฉินซีได้บีบให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องต่อต้านอย่างสุดกำลัง และแม้ว่าจะต้านทานมันได้สำเร็จ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่” ในระยะไกล ร่างสูงของเฉินซีเผยท่าทางที่ไม่แยแสและไม่ธรรมดา ทั้งยังเปี่ยมด้วยกลิ่นที่หยิ่งผยองโดยธรรมชาติท่ามกลางการแสดงออกที่สงบเยือกเย็น
ชายหนุ่มกล่าววาจาอย่างขวานผ่าซาก และบอกเป็นนัยว่าเสวียนท่าจื่อไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้เขาใช้อาวุธได้ มันทำให้เสี่ยวหลัวหลั่ว เสี่ยวเทียนหลง และคนอื่น ๆ ตกตะลึง จากนั้นทั้งหมดล้วนกัดฟันด้วยความโกรธ คนผู้นี้ช่างจองหองยิ่งนัก!
“ฮ่า ฮ่า! ประเสริฐมาก! เจ้าเป็นคนแรกในเอกภพมสิหิมที่กล้ายั่วยุข้าเช่นนี้!” เสวียนท่าจื่อโกรธสุดขีด พลันหยุดลังเลและสืบเท้าไปในอวกาศ ในขณะที่ง้าวในมือส่งเสียงดังกังวาน พลันปลดปล่อยลำแสงและอักขระเต๋าอันลึกล้ำออกมาอย่างมากมายขณะที่มันโจมตีใส่เฉินซี
เขาไม่อดกลั้นอีกต่อไปและใช้พลังทั้งหมดอย่างเต็มพิกัด ดังนั้นเมื่อออกท่าโจมตี กลิ่นอายจึงแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง และเปี่ยมด้วยจิตสังหารที่คุกขาม
ทันใดนั้น ฟ้าดินก็ส่งเสียงคร่ำครวญด้วยทำนองของเต๋า ง้าวก็ปะทุด้วยแสงสีทอง ทำให้เสวียนท่าจื่อดูเหมือนเทพสงครามจากนิกายเต๋าโบราณ
“ศิษย์พี่เสวียนท่าจื่อกระตุ้นจิตสังหารแล้ว!” ดวงตาของเสี่ยวหลัวหลั่วสว่างด้วยความตื่นเต้น
ศิษย์คนอื่น ๆ จากอารามเต๋าสัจวิญญาณก็ตื่นเต้นเช่นกัน พวกเขาทราบดีว่าเมื่อศิษย์พี่เสวียนท่าจื่อกระตุ้นจิตสังหาร พลังจะทวีคูณจนเหนือจินตนาการ อย่างน้อยที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีคู่ต่อสู้คนใดที่รอดชีวิตจากจิตสังหารของศิษย์พี่ได้!
กลิ่นอายของเสวียนท่าจื่อนั้นแตกต่างไปจากเดิม ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหารดูไม่ต่างอะไรกับเทพสงคราม และกลิ่นอายก็พวยพุ่งพัดโหมดุจทะเลคลั่ง
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง รอยยิ้มเย็นปรากฏที่ริมฝีปาก
“ตายซะ!” เสวียนท่าจื่อตะโกนเสียงดังพร้อมกับสายตาที่เสียดแทง เขากำง้าวไว้ในมือโดยร่อนลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
โครม!
ง้าวนั้นอาบด้วยแสงอันลึกล้ำและห่อหุ้มด้วยอักขระเต๋านับไม่ถ้วน ซึ่งฟาดฟันลงมาด้วยจิตสังหารที่พลุ่งพล่าน ส่งผลให้ฟ้าดินมืดดับลง ในขณะที่บริเวณนี้เริ่มทรุดและพังทลายลง
“เทพยุทธ์พิชิตมาร!” มีคนอุทานด้วยความประหลาดใจเมื่อจดจำเคล็ดวิชานี้ได้
นี่เป็นเคล็ดวิชาลับที่สืบทอดกันภายในอารามเต๋าสัจวิญญาณ และมีเพียงศิษย์เอกเท่านั้นที่จะได้รับมรดกนี้ เมื่อมันสำแดงเดช ก็จะรู้สึกเหมือนถูกสิงร่างโดยเทพยุทธ์แห่งสวรรค์ ทำให้พลังยุทธ์เพิ่งขึ้นอย่างระเบิด สามารถเขย่าฟ้าดิน ทำลายดวงดาว และกลายเป็นผู้ทรงพลัง
โครม!
ร่างของเฉินซีเปล่งประกาย ชายหนุ่มใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิง ร่างกายเคลื่อนไหวดั่งสายฟ้าฟาดเมื่อความเร็วเพิ่มมาถึงขีดจำกัด ทำให้คนอื่นไม่อาจระบุตำแหน่งของเขาได้
ในเวลาเดียวกัน เขาวาดผนึกด้วยฝ่ามือ และซัดพลังฝ่ามือออกไปมากมายมหาศาล พวกมันพุ่งทะยานไปบนท้องฟ้าราวกับอัสนี ทั้งยังดุร้ายและเปี่ยมด้วยพลังหยางสุดขั้ว มิหนำซ้ำ กลิ่นอายของพวกมันดูเป็นธรรมชาติ และพรั่งพรูไปด้วยยันต์อักขระลึกลับมากมาย
ในชั่วพริบตา ทั้งสองได้ปะทะกันมากกว่าพันกระบวนท่า ระเบิดเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์อันเรืองรอง ซึ่งดูเหมือนสายฟ้าที่ทำลายล้างโลก และมันดังก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องพรั่นพรึง เพราะก่อนที่จะเกิดการปะทะกันที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เฉินซีผู้ต่อสู้ด้วยมือเปล่ากลับไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด และมันทำให้พวกเขาไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
ในทางกลับกัน เสวียนท่าจื่อกลับตกตะลึงและโมโหสุดเหวี่ยง พลันคำรามอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับใช้เคล็ดวิชาขั้นสูงต่าง ๆ
โครม!
ง้าวนั่นดูเหมือนกำลังลุกไหม้ และเปล่งแสงสีทองแพรวพราวออกมา ท่ามกลางเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด เสวียนท่าจื่อเตรียมที่จะโจมตีอย่างสุดกำลังอีกครั้ง
ฟิ่ว!
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างแวบขึ้นมาต่อหน้าต่อตา จากนั้นร่างของเฉินซีก็ฉีกผ่านเงาง้าวนับพัน แล้วจึงปรากฏต่อหน้าอีกฝ่ายด้วยความเร็วอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ฝ่ามือของเฉินซีห่อหุ้มด้วยยันต์อักขระลึกลับที่เปร่งประกายขณะที่พุ่งปราดเข้าใส่อย่างดุเดือด
เฉินซีได้เริ่มโจมตีแล้ว
โครม!
ง้าวตวัดเข้าใส่อากาศ สีหน้าของเสวียนท่าจื่อดูมืดมน และปะทะกับโจมตีของเฉินซีซึ่งหน้า
ทันใดนั้น พลังฝ่ามือนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้าใส่ง้าว ยันต์อักขระพลุ่งพล่านในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์ดังก้อง และมันก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดินอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จู่ ๆ ร่างของเสวียนท่าจื่อก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเกรี้ยว แล้วจึงเปลี่ยนซีดเผือดในที่สุด เหงื่อเย็นเยียบผุดพรายเต็มหน้าผาก
นี่คือความสามารถที่แท้จริงของเฉินซี การปะทะกันทั้งหมดก่อนหน้านี้ เขาแค่ต้องการตรวจสอบความแข็งแกร่งและขีดจำกัดของเสวียนท่าจื่อเท่านั้น
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้เฉินซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะไม่ว่าเสวียนท่าจื่อจะแข็งแกร่งเพียงใด เสวียนท่าจื่อก็แสดงพลังได้แค่ขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณเท่านั้น และเสวียนท่าจื่อก็ไม่อาจต่อกรกับบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลที่แท้จริงได้
ในทางกลับกัน เมื่อเฉินซีเพิ่งบรรลุขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาได้ต่อสู้กับบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอย่างเยี่ยเหยียน จนถึงจุดที่นางต้องหลบหนีไป
แม้ว่าเยี่ยเหยียนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสในเวลานั้น ทว่านางก็เป็นบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล และเทวาวิญญาณก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ แต่นางกลับเลือกที่จะหลบหนีเอาชีวิตรอด และนี่จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าพลังยุทธ์ของเฉินซีนั่นท่าทึ่งเพียงใดในขณะนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น นับประสาอะไรกับเรื่องนี้ เพียงแค่ศักยภาพของเฉินซีที่จะกลายเป็นมหาเทวาวิญญาณ เขาก็แทบจะไร้เทียมทานท่ามกลางบรรดาผู้ที่อยู่ในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกันแล้ว!
ตอนนี้เขาได้อุทิศตนให้กับการศึกษาวิธีการต่อสู้แบบใหม่ โดยใช้ยันต์เทวะอนันต์ภายในร่างเป็นแกนกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ที่ติที่สุดของเคล็ดวิชาก่อนที่จะถูกใช้ออกไป ดังนั้นประสิทธิภาพในการต่อสู้จึงเพิ่มขึ้นในทุกด้าน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้เขาจะต่อสู้โดยใช้มือเปล่า เฉินซีก็ไม่เคยถือว่าเสวียนท่าจื่อเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริง
โครม!
เสวียนท่าจื่อตระหนักดีว่าสถานการณ์เลวร้ายและเปี่ยมด้วยอันตราย เขาจึงใช้เคล็ดวิชาลับบางอย่างเพื่อระเบิดแสงอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา และมันสกัดกั้นการโจมตีมากมายจากเฉินซี
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขายังคงได้รับผลกระทบจากการโจมตีของเฉินซี และถูกระเบิดจนกระเด็นราวกับว่าถูกฟ้าผ่า
นี่เป็นผลมาจากพลังยุทธ์ของเฉินซีนั่นแข็งแกร่งเกินไป มันทรงพลังจนเสวียนท่าจื่อไม่สามารถต้านทานได้เลย และร่างของเสวียนท่าจื่อก็สั่นสะท้านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ลมปราณภายในร่างก็ปั่นป่วนจนแทบแตกซ่าน
“ช่างน่ากลังยิ่งนัก! นั่นคือวิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิง และดูท่าจะเป็นการบรรลุอย่างถ่องแท้จนเปลี่ยนมันให้เป็นเคล็ดวิชาของตัวเอง หยินหยางแลกเปลี่ยนกันและกันเพื่อก่อพลังอันสูงสุด ซึ่งสามารถเทียบได้กับคุนเผิงในยุคโบราณได้!
“หรือว่าเขาเป็นทายาทของเผ่าคุนเผิงแห่งเอกภพอุดรลึกล้ำ?”
พวกเขาบางคนตกใจ จนตาเบิกโพลง ในขณะที่หัวใจเต้นระรัวจนไม่อาจสงบจิตสงบใจได้
ครืน!
หลังจากที่เสวียนท่าจื่อประสบกับความปราชัย แต่เฉินซีกลับไม่ได้หยุดเลย ร่างสูงใหญ่แปลงกายเป็นคุนเผิง และพุ่งปราดใส่เสวียนท่าจื่ออย่างดุเดือด ราวกับแสงสีทองที่ส่องประกาย
เสวียนท่าจื่อกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสื้อคลุมนักพรตขาดวิ่น และกระอักเลือดจนไหลรินจากริมฝีปาก ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายยังกระแทกลงสู่พื้นอย่างดุเดือดราวกับอุกกาบาต
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ร่างของเฉินซีก็ไล่ตามเสวียนท่าจื่อทัน ก่อนที่จะกระทืบเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
เท้าของเฉินซีกระแทกเข้ากับหน้าอกของเสวียนท่าจื่อ และกระทืบอีกฝ่ายลงไปที่พื้น ทำให้พื้นดินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่ก้อนหินนับไม่ถ้วนก็กระเด็นไปทั่วบริเวณโดยรอบ
ทันใดนั้น สภาพแวดล้อมก็เงียบกริบ เสี่ยวหลัวหลั่วและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงราวกับรูปปั้น
เขาแพ้จริงเหรอ?
ศิษย์พี่เสวียนท่าจื่อ ผู้ไร้เทียมทานซึ่งมีชื่อเลื่องลือไปทั่วใต้หล้า และในเอกภพมสิหิมแห่งนี้ก็ไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่ต่อกรเขาได้ แต่… เขากลับพ่ายแพ้!?
สิ่งที่ยามจะยอมรับที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือ เสวียนท่าจื่อพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่ใช้มือเปล่า!
หากพวกเขาไม่ได้เห็นมันด้วยสองตาของตนเอง จะมีผู้ใดกล้าเชื่อบ้าง?
ในขณะนี้ แม้แต่เถี่ยอวิ๋นผิงก็ยังตกตะลึง ผู้อาวุโสน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ นางต้องตกตะลึงสุดขีด เมื่อเขาทำลายล้างสัตว์ร้ายตลอดทางที่มาที่นี่ แต่เมื่อนางเห็นว่าแม้แต่บุคคลในตำนานอย่างเสวียนท่าจื่อก็พ่ายแพ้ให้กับเฉินซี นางจึงรู้สึกตกใจอย่างมาก และมันส่งผลกระทบต่อดวงจิตแห่งเต๋าของนางอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ในสนามรบ เสวียนท่าจื่อพยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระจากการฝ่าเท้าของเฉินซี ทำให้ใบหน้าซีดเผือดบิดเบี้ยว ดวงตาแทบถลนออกมาด้วยความโกรธ เป็นเพราะความพ่ายแพ้และความอัปยศที่ได้รับ ทำให้เขาแทบกลายเป็นบ้าแล้ว
โครม
เฉินซีขยี้ฝ่าเท้าลงไปและแผ่พลังอันน่าสะพรึงออกมา ชายหนุ่มกระทืบหน้าอกของเสวียนท่าจื่อซ้ำ และตรึงอีกฝ่ายไว้กับพื้น ทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีได้
เสวียนท่าจื่อรู้สึกว่าหน้าอกของตนใกล้จะแตกหัก และมันทำให้เขาโกรธจนกระอักเลือด นอกจากนี้ เส้นเลือดบนหน้าผากยังนูนจนเกือบจะระเบิดออกจากกัน
ในขณะนี้ แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างเขาก็ยังรู้สึกไร้พลัง และอดไม่ได้ที่จะคำรามอย่างเจ็บปวด “ไอ้สารเลว! ข้าจะฆ่าเจ้า! ฆ่าเจ้า!”
“ศิษย์พี่เสวียนท่าจื่อ !”
“โจมตีพร้อมกัน!”
ในขณะนี้ คนอื่น ๆ ทั้งหมดที่ตกตะลึงดูเหมือนกับว่าตื่นจากความฝัน พวกเขาต่างโมโหอย่างสุดขีดเมื่อเห็นเสวียนท่าจื่อถูกกระทืบลงกับพื้นซึ่งไม่อาจดิ้นรนให้เป็นอิสระ ดังนั้นทั้งหมดจึงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวพลันพุ่งปราดเข้าใส่เฉินซี
“แย่แล้ว!” สีหน้าของเถี่ยอวิ๋นผิงเปลี่ยนไปอย่างเคร่งขรึม และนางกำลังจะพุ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือเฉินซี แต่เสียงของเฉินซีกลับดังก้องในหูนาง ซึ่งสั่งให้นางอยู่เฉย ๆ และดูการต่อสู้อย่างสบายใจ
หลังจากนั้น นางเห็นเฉินซียืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับ และขาข้างหนึ่งยังคงเหยียบอยู่บนหน้าอกของเสวียนท่าจื่อ แต่เมื่อบรรดาศิษย์ของอารามเต๋าสัจจวิญญาณพุ่งเข้ามา พวกมันทั้งหมดก็ถูกซัดกลับไปด้วยการโบกแขนเสื้อเพียงครั้งเดียว
เรียกได้ว่ามาเร็วก็จากไปเร็ว เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลที่ร้ายกาจเช่นเฉินซี ศิษย์เหล่านี้ที่ฝีมือด้อยกว่าเสวียนท่าจื่อมาก ก็เหมือนกับกระสอบทรายที่แส่หาเรื่องเจ็บตัว พวกมันถูกซัดกระเด็นจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกต่อไป ถึงขั้นที่บางคนถูกพาตัวไปจากพื้นที่ล่าโดยตรง และหมดสิทธิ์ในการร่วมงานชุมนุมล่าดารา
โดยเฉพาะเสี่ยวหลัวหลั่ว เสี่ยวเทียนหลง และลู่เยี่ยน เฉินซีได้ ‘ดูแล’ พวกมันเป็นอย่างดี และเขาได้ทุบตีจนฟันพวกมันหลุดออกจากปาก ใบหน้าปูดโปน และกระดูกในร่างก็หักไปหลายท่อน ในท้ายที่สุด ทั้งหมดก็ถูกกำจัดออกจากการชุมนุมล่าดารา!
ไม่มีใครสามารถลุกขึ้นยืนได้ และบริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
“อ๊า!!!” เสวียนท่าจื่อโกรธแค้นอย่างยิ่ง ความเจ็บปวดรุนแรงทั่วร่างกายนั่นไม่อาจขจัดความอัปยศอดสูในใจได้ เขาเป็นใคร? เขาเป็นถึงผู้นำในกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ของมหาอำนาจชั้นยอด นั่นคืออารามเต๋าสัจวิญญาณ และมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเอกภพมสิหิม ทว่าตอนนี้กลับถูกกระทืบลงบนพื้น และนี่ทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
โดยเฉพาะในขณะนี้ เขาทำได้เพียงเฝ้าดูเหล่าศิษย์น้องพ่ายแพ้ไปเท่านั้น และไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลย เป็นความรู้สึกที่ไร้พลัง ราวกับกองทัพมดจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกลืนกัดกินเหตุผลในใจอย่างไม่หยุดยั้ง
โอม!
ทันใดนั้น แสงอันล้ำลึกของเต๋าก็พุ่งออกมาจากร่างกาย มันลึกลับ ลึกซึ้ง ทั้งยังเผยให้เห็นกลิ่นอายที่เที่ยงตรงและทรงพลัง
โครม
การปรากฏตัวของกลิ่นอายนี้ ทำให้เสวียนท่าจื่อหลุดพ้นเป็นอิสระจากการสยบของเฉินซีในท้ายที่สุด ยามนี้เขาคล้ายกลายเป็นเทพอสูรที่ลุกไหม้ด้วยไฟพิโรธ เส้นผมปลิวไสวอย่างรุนแรง ในขณะดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับเลือด
นี่คือพลังงานอันล้ำลึกสูงสุดของลัทธิเต๋า และมันถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายโดยผู้อาวุโสของอารามเต๋าสัจวิญญาณ เพื่อที่ยามคับขันมันจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้
ตอนนี้เขาต้องการใช้มันเพื่อหลุดพ้นจากสยบของเฉินซีแทน
ร่างของเฉินซีเซกลับไป ในขณะที่เลือดลมของเขาปั่นป่วน ดวงตาพลันหรี่ลง ทั้งยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่เคยคิดว่าคนผู้นี้จะมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้
หลังจากนั้น เฉินซีก็ฟื้นความสงบ เพราะถึงอย่างไร นี่ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเสวียนท่าจื่อ และในขณะที่เขาอยู่ในพื้นที่ล่านี้ มันก็ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อเฉินซีได้
“ไอ้หนู เจ้าบังอาจทำให้ข้าขุ่นเคือง ฉะนั้นจงไปตายซะ!” ดวงตาของเสวียนท่าจื่อสีแดงก่ำ สีหน้าเย็นชาสุดขั้ว เขาโกรธจนบ้าคลั่งแล้ว
…………….