บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1620 ศัตรูถูกลิขิตให้พานพบ
บทที่ 1620 ศัตรูถูกลิขิตให้พานพบ
…………….
บทที่ 1620 ศัตรูถูกลิขิตให้พานพบ
เถี่ยอวิ๋นผิงอ่อนแรงเล็กน้อย แม้เฉินซีจะช่วยนางขับปราณมลทินอเวจีในร่างออกไป ความเสียหายจากมันก็ยังทำให้วิญญาณและดวงจิตแห่งเต๋าไม่มีทางฟื้นตัวได้ในเวลาอันสั้น
เฉินซีอดรู้สึกกังวลเล็กน้อยไม่ได้ “เราไปหาที่ให้เจ้าพักฟื้นก่อนดีหรือไม่?”
เถี่ยอวิ๋นผิงส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น “ไม่ต้องเจ้าค่ะ ผู้อาวุโส เราใช้เวลาในการล่าให้ดีที่สุดจะดีกว่า ข้าไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้แล้ว หากยังเป็นตัวถ่วงอีก คงเกินอภัยเป็นแน่”
เฉินซีตบบ่านางอย่างปลอบใจ ไร้วาจาใดอื่น เขาตระหนักดีว่าแม่หนูผู้นี้มีความทะเยอทะยานสูงส่ง ดังนั้น หากนางตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน ดื้อด้านไม่ยอมลงเหมือนตัวเขาในวัยเยาว์ยิ่งนัก
วูบ!
ไม่พูดให้มากความ ชายหนุุ่มโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์สร้างม่านแสงอันถักทอสร้างลักษณ์จากยันต์อักขระหนาแน่นโอบรอบตัวเขาและเถี่ยอวิ๋นผิงเอาไว้
หลังจากนั้น ทั้งสองก็หายวับไปจากที่นั่น
…
ดาววิญญาณมลทินกว้างใหญ่ยิ่งนัก มีขนาดใหญ่กว่าดาววารีทศทมิฬหลายเท่าตัว เทียบได้กับพื้นที่สิบโลกกว้าง
เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ดวงวิญญาณแปดเปื้อนสังเกตพบ เฉินซีจึงใช้อักขระผนึกเต๋าสะกดปราณของตนและเถี่ยอวิ๋นผิงไว้อย่างมิดชิด แล้วจึงเริ่มพินิจพิเคราะห์สถานการณ์บนดาววิญญาณมลทินอย่างระมัดระวัง
สภาพแวดล้อมทั่วดาวดวงนี้เต็มไปด้วยปราณมลทินอเวจีดำทึบหนาแน่น กระทั่งทุกทัศนียภาพอันปกคลุมพื้นผิวดาวยังเต็มไปด้วยปราณมลทินอเวจีมหาศาล
ยิ่งกว่านั้น เฉินซียังสังเกตว่า ยิ่งเขาออกค้นลึกเข้าไป ปราณมลทินอเวจียิ่งทวีความหนาแน่น หากมองจากไกล ๆ ทั่วทิศก็ปกคลุมด้วยชั้นหมอกทมิฬ ไม่มีทางเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้เลย
ดูเหมือนว่าหากกระบี่มลทินอเวจีถูกซ่อนอยู่บนดาววิญญาณมลทิน มันจะต้องซ่อนอยู่สักหนแห่งในทิศตะวันออกเป็นแน่… เฉินซีทะยานร่างพลางครุ่นคิด และด้วยความช่วยเหลือจากเจตจำนงอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานของตน เขาจึงสังเกตเห็นดวงวิญญาณแปดเปื้อนมากมายตลอดทาง รวมแล้วนับพัน ๆ ตน มหาศาลเสียจนน่ากลัว
ดวงวิญญาณแปดเปื้อนเป็นเหมือนผีดิบเร่ร่อนไร้จุดหมายทั่วแดนหมอกทมิฬ ปราณของพวกมันไร้ชีวิต เย็นเฉียบเช่นน้ำแข็ง ชวนใจสะท้านอย่างยิ่ง
ทว่าการดมกลิ่นและสัมผัสต่าง ๆ ของพวกมันเฉียบคมอย่างยิ่ง จากการทดสอบของเฉินซี หากเขาเข้าใกล้พวกมันในระยะร้อยลี้ พวกมันจะสังเกตเห็นทันที ยิ่งกว่านั้น กระทั่งอักขระผนึกเต๋ายังไม่อาจช่วย
สรุปว่าตลอดเวลาผ่านมา มีทวยเทพมากมายเพียงใดกันแน่ที่ตกตาย กลายเป็นเพียงดวงวิญญาณแปดเปื้อนอันไร้ชีวิต?
พวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อปราบกระบี่มลทินอเวจีหรือ?
ยิ่งค้นพบข้อมูลเกี่ยวกับดวงวิญญาณแปดเปื้อนมากเท่าใด เฉินซีก็ยิ่งตกใจมากเท่านั้น ยากเย็นนักที่จะคาดคิดว่ามีทวยเทพมาตกตายในดาววิญญาณมลทินมากเพียงไรกันแน่
ทันใดนั้น เสียงครืนคลั่งดังสนั่นก็ปรากฏขึ้นจากในม่านหมอกแสนไกล
มีคนต่อสู้อยู่หรือ? เฉินซีตะลึงอยู่ในใจ จากนั้น ดวงตาก็เรืองประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เย็นเยียบทิ่มทะลวง พลังชีวิตทั้งมวลในร่างกลายเป็นดุร้ายอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น มุมปากก็ยกยิ้มพิกล “ศัตรูถูกลิขิตให้พานพบกันจริง ๆ”
…
ไกลออกไปในม่านหมอกทมิฬทึบ
ผู้คนสิบกว่าคนรวมขบวน ต่างคนใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์ ออกทักษะวิชาสูงสุดสารพัด เผยรัศมีศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัสยิ่งใหญ่
สิ่งที่น่าตกใจก็คือ อี้สวินและอี้เทียนจากตระกูลอี้ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดมาจากตระกูลอี้ และขณะนี้ พวกเขารวมตัวกันเพื่อฆ่าเหยื่อให้ได้จำนวนมากกว่านี้ ตะเกียกตะกายเพิ่มอันดับให้สูงขึ้น
รอบกายพวกเขามีดวงวิญญาณแปดเปื้อนอยู่เป็นจำนวนมาก โถมทะลักไม่ขาดสายดุจคลื่นนที ดวงวิญญาณแปดเปื้อนเหล่านี้แข็งแกร่งร้ายกาจอย่างยิ่ง และปรากฏว่า พวกมันก็สามารถใช้ทักษะวิชาต่าง ๆ อันแข็งแกร่งไม่อาจมองข้ามได้
ทักษะวิชาของดวงวิญญาณแปดเปื้อนเหล่านี้เต็มไปด้วยปราณชั่วร้าย ผิดบาปและน่าสะพรึงกลัว ทำให้มันดูน่าสยดสยองยิ่ง
แต่ไม่ว่าพวกมันจะร้ายกาจเพียงไร ก็เหมือนจะไร้ประโยชน์ยามเผชิญหน้าศิษย์ตระกูลอี้ผู้มีความสำเร็จในเต๋าแห่งคันศรเหนือธรรมดา
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ศรอันเจิดจรัสเฉิดฉายมากมายทะลวงผ่านท้องนภา แทงทะลวงร่างของเหล่าดวงวิญญาณแปดเปื้อนก่อนทันเข้าใกล้ รัศมีศักดิ์สิทธิ์สาดส่องจากจุดปะทะ ขณะที่แปรเปลี่ยนดวงวิญญาณแปดเปื้อนเป็นผุยผง
“ผู้นำทุกกลุ่มตั้งใจฟัง พวกเจ้าต้องทำให้พวกมันบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของผู้เข้าร่วมชุมนุม!” อี้สวินถ่ายทอดกระแสปราณเตือนคนอื่น ๆ
“ทราบ!” พวกเขาตอบกลับพร้อมเพรียง เผยปราณทรงพลังยิ่งใหญ่
ด้วยการคุ้มครองจากอี้สวิน พวกเขาจึงไร้ความกลัวแม้ถูกรุมล้อม กลับกัน ต่างคนยังสุดแสนตื่นเต้น
เพราะพวกเขาในยามนี้ต้องการล่าเหยื่อของตนอย่างเร่งด่วน และในเมื่อดวงวิญญาณแปดเปื้อนเหล่านี้เป็นฝ่ายมาประเคนชีวิตให้พวกตนถึงที่ พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นยินดีกันได้อย่างไร?
“คุณชายอี้สวิน เหตุใดเหล่าผู้นำกลุ่มอย่างเรา ๆ ไม่ลองแข่งกันว่าใครจะทำให้ดวงวิญญาณแปดเปื้อนบาดเจ็บสาหัสได้มากกว่ากันดูเล่า?” มีคนตะโกนขึ้น
ผู้นำกลุ่มคนอื่น ๆ ได้ยินก็รู้สึกคึกคะนองกันขึ้นมาเช่นกัน พวกเขาถูฝ่ามือ กระเหี้ยนกระหือรืออย่างยิ่ง
“ไหนเลยจะไม่ได้? เริ่มเลยแล้วกัน!” อี้สวินแผดเสียงหัวเราะอันเต็มไปด้วยความฮึกเหิมหาญกล้าพลางดึงศรขึ้นสาย เพียงพริบตา เขาก็ยิงศรอันเจิดจรัสพันดอกพุ่งแหวกอากาศเข้าใส่เหล่าดวงวิญญาณแปดเปื้อน ดูแข็งแกร่งอหังการไร้ผู้ต้าน
ผึง! ผึง! ผึง!
แทบจะพร้อมกันนั้น ผู้นำกลุ่มคนอื่น ๆ ก็ลงมือเช่นกัน ศรแหวกผ่านเวหา ส่งเสียงกรีดอากาศหวีดแหลม
ศิษย์ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ชั้นสูงจากตระกูลอี้ ต่างเจนจัดในศาสตร์ธนู ยิ่งกว่านั้น การที่พวกเขาอยู่รอดในการชุมนุมล่าดาราจนเหยียบย่างมาถึงดาววิญญาณมลทิน ณ ยามนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเพียงไร
ขณะนี้ เมื่อพวกเขาออกล่าเหล่าดวงวิญญาณแปดเปื้อนโดยพร้อมเพรียง จึงเป็นภาพเหตุการณ์อันสุดตระการตา ห่าธนูมหาศาลแหวกนภาดุจพายุแสงศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนเวหา เจิดจรัสแผดผลาญ หลากสีสีนยิ่งนัก
เพียหนึ่งถ้วยชา ดวงวิญญาณแปดเปื้อนแทบทั้งหมดก็ถูกกำจัดลง กระทั่งหมอกทมิฬซึ่งปกคลุมทั่วฟ้าดินยังจางไปหลายส่วน ทำให้ผืนดินอันระแหงร้าวและดำสนิทเปิดเผยสู่สายตา
สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าทั่วพื้นมีซากกระดูกแตกหักกระจายเกลื่อน และทั้งหมดล้วนมาจากดวงวิญญาณแปดเปื้อนซึ่งถูกสังหาร
“ใช่เลย เราทั้งหลายผนึกกำลังยังห่างไกลเกินเทียบคุณชายรองมากนัก”
คนอื่น ๆ ต่างเอ่ยชมไม่ขาดปาก
อี้สวินยิ้มบาง ทว่าไร้ซึ่งวาจาความเห็น
หลังจากนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเมื่อพบว่าลมหายใจของผู้คนรอบกายเหมือนจะถี่กระชั้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าในศึกเมื่อครู่ พวกเขาเสียกำลังไปมากทีเดียว
“พี่รอง หากดำเนินด้วยความเร็วเช่นนี้ต่อไป ลำดับของเราก็คงแซงหน้ากวนหงอวี่ได้ก่อนจบการชุมนุมล่าดาราหรือไม่?” อี้เทียนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
การเข่นฆ่าเช่นนี้น่าพึงพอใจอย่างยิ่งโดยแท้ ทำให้เขาเข้าใจเสียทีว่าเหตุใดอี้สวินจึงยืนกรานพาตนมา
“ยากจะกล่าว” อี้สวินส่ายหัว เขาไม่กล้าประเมินกวนหงอวี่ต่ำ เพราะตระหนักชัดเจนดีว่ากวงหงอวี่ร้ายกาจเพียงไหน ซึ่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
“พี่รอง เหตุใดเราไม่ไปตามล่าดวงวิญญาณแปดเปื้อนต่อไปหรือ?” อี้เทียนเลียปาก พูดต่ออย่างคึกคะนอง
“ไม่แนะนำให้ทำ ทุกคนเสียกำลังไปมากแล้ว ต้องหาที่พักผ่อนกันก่อน มิเช่นนั้น หากยังเปลืองกำลังกันต่อไปเช่นนี้ พบอันตรายขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ได้จะเกินประมาณ” อี้สวินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว
สิ่งดี ๆ มีไว้ให้ผู้รู้จักรอคอย ขณะที่ความบุ่มบ่ามนำคนมากมายสู่ความตาย หากกระทำการอย่างใจร้อน ก็แสนง่ายที่จะพบผลลัพธ์ร้ายแรงตามมา
เมื่อได้ยินคำพูดอี้สวิน อี้เทียนก็อดรู้สึกขัดใจเล็กน้อยไม่ได้ แต่เขาก็ตระหนักดีว่าวิธีของพี่รองนั้นมั่นคงที่สุด
แต่พริบตาต่อมา ดวงตาของเขาก็เรืองประกาย ชี้ไปไกลอย่างตื่นเต้น “พี่รองดูนั่นสิ มีดวงวิญญาณแปดเปื้อนเข้ามาจากทางนั้นเยอะเลย!”
เขาไม่จำเป็นต้องชี้ เพราะอี้สวินและคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นภาพนี้แล้วเช่นกัน
“หือ? ดวงวิญญาณแปดเปื้อนฝูงหนึ่งก็แห่กันมาจากทางโน้นเหมือนกัน!”
“ข้างหลัง! ดวงวิญญาณแปดเปื้อนอีกฝูงก็มาข้างหลังเราเหมือนกัน!”
“บ้าเอ๊ย! เหมือนเราจะถูกล้อมแล้ว!”
เพียงพริบตา ทุกคนก็สังเกตชัดเจนว่ามีดวงวิญญาณแปดเปื้อนมากมายโถมทะลักจากทั่วสารทิศ
จำนวนของดวงวิญญาณแปดเปื้อนเหล่านั้น อย่างน้อยก็เกินพัน!
เกิดอะไรขึ้น?
พวกเขาต่างตะลึงจังงัง ไม่อาจจับต้นชนปลายสถานการณ์
หรือนี่จะเกิดจากศึกเมื่อครู่? แต่จำนวนพวกมันไม่มากไปหน่อยหรือ?
“เราจะชักช้าไม่ได้แล้ว จู่โจมเปิดทางรอด!” อี้สวินตะโกนลั่นเสียงเครียดด้วยสีหน้าจริงจัง เขาตระหนักชัดเจนว่าหากถูกล้อม ผลที่ตามมาไม่มีทางคาดฝันได้
ตูม!
ศึกบังเกิดขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การนำของอี้สวิน พวกเขาทั้งหมดต่างมุ่งหน้าไม่หยุดฝีเท้าเป็นเส้นตรง
เทียบกับเมื่อครู่ อารมณ์ของพวกเขาในขณะนี้หนักอึ้งอย่างยิ่ง ไม่มีความลิงโลดใด ๆ หลงเหลือ และความคิดเดียวในใจก็คือทะลวงให้หลุดจากวงล้อมให้ได้ก่อน
ชั่วขณะนี้ ห่าศรทะลวงเวหา แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง ชิ้นส่วนแขนขากระเด็น ดวงวิญญาณแปดเปื้อนตนแล้วตนเล่าถูกยิงสังหาร เป็นภาพอันอลหม่านสิ้นดี
ครึ่งเสี้ยวชั่วยามต่อมา ขณะที่พวกเขากำลังจะฝ่าออกจากวงล้อมได้อยู่แล้วนั้น หัวใจของอี้สวินก็หนาวเยือก เพราะดวงวิญญาณแปดเปื้อนอีกฝูงกำลังแห่มาอีกครั้งจากไกล ๆ ประหนึ่งฉลามตามกลิ่นเลือด บ้าคลั่งประหนึ่งไร้ความกลัวตายใด ๆ
อี้สวินเดือดดาลอยู่ในใจ แต่การกระทำของเขาไม่ได้ช้าลงเลย ยังคงบุกตะลุยเดินหน้าไม่จบสิ้น
แต่เขาก็สังเกตชัดเจนว่าเมื่อเวลาผ่านไป พลังศักดิ์สิทธิ์ของทุกคนข้างกายก็ถูกสูบหายไปเรื่อย ๆ ศิษย์ขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกามากมายหอบหายใจ พลังกายเจียนเหือดแห้ง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้พวกเขาจะรอดเงื้อมมือดวงวิญญาณแปดเปื้อนไปได้ ไม่ช้าก็จะอ่อนแรงพ่ายกันไปอยู่ดี!
เหตุนี้ทำให้สีหน้าของอี้สวินยิ่งย่ำแย่ เขาพลันเงยหน้าขึ้นคิดหาทางรอด ทว่าผลลัพธ์นั้นทำให้ใบหน้าเครียดเขม็ง หมอกทมิฬเต็มไปด้วยดวงวิญญาณแปดเปื้อนจำนวนมหาศาลมาช้านาน
“พี่รอง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ? ข้าทนไม่ได้นานแล้วนะ!” อี้เทียนทั้งเสียขวัญและพรั่นพรึง ตะโกนเสียงดังด้วยใจตระหนก
แม้คนอื่น ๆ จะไม่พูดอะไร แต่เค้าความกระวนกระวายตื่นกลัวก็เริ่มแพร่ไปในใจของพวกเขาแล้ว เหตุการณ์นี้ผิดปกติเกินไป!
“หุบปาก!” อี้สวินเดือดเสียจนขึ้นเสียงกับอี้เทียน แล้วจึงตะโกนเสียงเครียด “บุกตะลุยด้วยกัน! พวกเจ้าต้องทนให้ได้ ก็แค่ดวงวิญญาณแปดเปื้อนไร้สมองฝูงหนึ่ง พวกเจ้าต้องไม่แปรปรวนไปเพราะเช่นนี้!”
พวกเขาต่างไร้ความกล้าคัดค้าน กลั้นความคิดไว้ขณะบุกโจมตีสุดกำลัง
ทว่าความสิ้นหวังก็ก่อเกิดขึ้นในใจฉับพลัน เพราะในหนึ่งก้านธูปถัดมา พวกเขาก็ยังไม่อาจทะลวงพ้นวงล้อมไปได้! ดวงวิญญาณแปดเปื้อนดูไม่จบสิ้น ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็กำจัดไม่หมดเสียที!
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในใจอดเกิดความขวัญผวากันขึ้นมาไม่ได้ ดาววิญญาณมลทินนี่จะชั่วร้ายผิดปกติเกินไปหน่อยแล้วกระมัง
…
“ช้าก่อน! มีผู้วางแผนเล่นงานเรา!” ทันใดนั้น อี้สวินก็หันขวับไปมองทิศทางหนึ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ประกายเย็นเยียบร้ายกาจแผดจรัส “สารเลวลอบกัดนี่! แสดงตัวออกมาเสีย!”
ขณะเดียวกัน เขาก็ขึ้นสายธนูยิงออกไปอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ศรศักดิ์สิทธิ์ทองสว่างพุ่งทะยานออกไปอย่างรุนแรง ฉีกกระชากมิติโผนไปไกล