บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1621 กวาดล้าง
บทที่ 1621 กวาดล้าง
อี้สวินจู่โจมอย่างดุเดือด ฤทธิ์ศรฉีกมิติเป็นร่องร้าวยาวไกล ขณะเดียวกัน ดวงวิญญาณแปดเปื้อนซึ่งยืนใกล้ร่องร้าวนั้นก็ล้วนถูกอำนาจศรปักทะลวงแหลกเป็นผง
เปรี้ยง!
ท้ายที่สุด ศรดอกนั้นก็ระเบิดออกไปไกลนับพันลี้ สะเก็ดแสงพุ่งกระจายเต็มฟ้าดิน
และแทบจะในขณะเดียวกัน ทุกคนก็ต้องผงะเมื่อพบหนึ่งร่างสูงใหญ่วูบไหวมาปรากฏในสายตา
คนผู้นั้นสวมชุดเขียว เรือนผมดำดกหนาปลิวไสวตามลม รูปลักษณ์หล่อเหลา ปรากฏว่าเขาคือเฉินสวิน!
พริบตานั้น เหล่าศิษย์ตระกูลอี้ก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าทุกสิ่งที่พวกตนประสบมาเมื่อครู่เป็นฝีมือของคนอื่นซึ่งเร้นกายอยู่ และคนผู้นั้นก็คือเฉินสวิน!
ทำให้สีหน้าของพวกเขาต่างเกินทนมองอย่างยิ่ง ไม่เคยคาดคิดว่าพวกตนจะติดกับดักของเฉินสวินกันโดยไม่รู้ตัว
หากอี้สวินไม่สังเกตเห็น พวกเขาคงคิดไปว่าเหตุที่ทัพดวงวิญญาณแปดเปื้อนแห่กันมารุมล้อมเป็นเพียงเหตุที่พวกเขาพบโดยบังเอิญเท่านั้น
“ฆ่า! เราต้องฆ่าไอ้สารเลวสมควรตายนี่ให้ได้!” พวกเขาล้วนเดือดดาล โกรธแค้นเฉินซีเข้ากระดูก แผดเสียงพลางพุ่งโจมตีเฉินซีตาม ๆ กัน
“งี่เง่า!” สีหน้าของอี้สวินเปลี่ยนไปกะทันหัน ตำหนิออกมาเสียงแข็ง “พวกเจ้าอยากตายกันหรือ? ไสหัวกลับมานี่แล้วร่วมมือกันเสีย! หากผู้ใดกล้าแตกแถวโดยพลการ ข้าจะลงทัณฑ์คนผู้นั้นสถานหนักอย่างไม่ปรานี!”
เขาตระหนักชัดเจนมากว่าหากถูกแยกกันท่ามกลางทัพดวงวิญญาณแปดเปื้อน มันจะไม่ต่างกับรนหาที่ตาย
ได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างสมองปลอดโปร่งในพริบตา และดิ้นรนหลุดจากโทสะ ไม่กล้ากระทำการตามอำเภอใจ และมารวมตัวกันรอบกายอี้สวินอีกครั้ง
ทว่าในใจพวกเขาหงุดหงิดอย่างยิ่ง สายตาถลึงมองเฉินซีซึ่งยืนอยู่ไกล ๆ ด้วยความรู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่ากลืนซากแมลงวัน รวดร้าวเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนี้ พวกเขาทำเพียงระบายความอัดอั้นตันใจเต็มอกกับเหล่าดวงวิญญาณแปดเปื้อนซึ่งดาหน้าเข้ามาไม่หยุดหย่อนเหล่านี้เท่านั้น
…
ร่างของเฉินซีวูบไหวต่อเนื่องท่ามกลางทัพดวงวิญญาณแปดเปื้อน หลังจากที่เขาใช้อักขระผนึกเต๋า มันก็ทำให้พลังชีวิตถูกอำพรางจนสิ้น ดังนั้น แม้จะอยู่ห่างออกไปเพียงช่วงสั้น ๆ หากไม่ตั้งใจหา ก็ไม่มีทางตรวจพลังชีวิตของเขาพบ
ประกอบกับสัจธรรมที่ชายหนุ่มเคลื่อนย้ายตัวเองอย่างต่อเนื่อง ต่อให้ถูกสังเกตพบ เขาก็จะหายไปทันที ทำให้ดวงวิญญาณแปดเปื้อนไม่อาจทำอะไรเขาได้
ยิ่งกว่านั้น ตลอดชั่วขณะนี้ เขายังแผ่ปราณของต้นอ่อนเงาทมิฬสายแล้วสายเล่าบ่อยครั้ง ทำหน้าที่เหมือนเหยื่อล่อลากฝูงดวงวิญญาณแปดเปื้อนให้แห่มารวมตัวกันจากทั่วสารทิศอย่างต่อเนื่อง
จุดประสงค์การทำเช่นนี้ของเฉินซีย่อมสุดแสนเรียบง่าย ก็คือตั้งใจฉวยโอกาสนี้อาศัยแรงดวงวิญญาณแปดเปื้อนกวาดล้างเหล่าศิษย์จากตระกูลอี้เสีย!
…
“ช้าก่อน! ไยเจ้าเด็กนั่นจึงปลอดภัยดี?” ทันใดนั้น อี้เทียนก็อุทานอย่างตกใจ
คนอื่น ๆ ซึ่งสู้ยิบตาอยู่สังเกตเห็นทันที ว่าแม้ร่างของเฉินซีจะวูบไหวไปมาในทัพดวงวิญญาณแปดเปื้อนอันหนาแน่นจากไกล ๆ แต่นับแต่แรกจนบัดนี้ เขากลับไม่ถูกโจมตีใด ๆ เลย
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงงงงวย เหตุใดเจ้าเด็กนั่นจึงแสนโชคดี ไม่ถูกการโจมตีอันกระหน่ำเข้ามาของเหล่าดวงวิญญาณแปดเปื้อนเหมือนเราเลย?
หรือเบื้องหลังทั้งหมดนี้จะมีเงื่อนงำปริศนาบางอย่าง?
“ไม่ว่าอย่างไร รวมกำลังบุกฝ่าวงล้อมกันออกไปให้ได้ก่อน!” สีหน้าของอี้สวินเคร่งเครียด เสียงของเขาเหมือนถูกเค้นลอดไรฟัน
ทว่าเขาก็ต้องสิ้นหวัง เมื่อไม่ว่าจะบุกทะลวงเช่นไร ดวงวิญญาณแปดเปื้อนก็เหมือนไม่อาจจะกำจัดทิ้งได้เลย ขณะที่พลังกายเหือดหายลงไปอย่างต่อเนื่อง และยังมีศิษย์หลายคนที่เจียนสิ้นกำลังเต็มที…
“อ๊าก!!!” ทันใดนั้น ศิษย์ผู้หนึ่งก็ร้องลั่น ดวงวิญญาณแปดเปื้อนตนหนึ่งเข้าประชิดตัวแล้วฉีกกระชากแขนขวาเป็นชิ้น ๆ หากแผ่นเทวะที่เขามีไม่ได้ระเบิดตัวเอง บังคับเคลื่อนย้ายออกไป ศีรษะของเขาก็เกือบถูกฉีกกระชากตามไปแล้ว
“อี้คุน!”
“บ้าเอ๊ย!”
คนอื่น ๆ ต่างเดือดดาลระคนโศกเศร้า ทว่ากลับจนปัญญา เพราะดวงวิญญาณแปดเปื้อนมีจำนวนมากเกินไป ไม่มีทางกวาดล้างได้สิ้นจริง ๆ
ขณะนี้ กระทั่งอี้สวินยังบังเกิดเค้าความสิ้นกำลังในใจอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาเจียนถลนด้วยความแค้น หมดกำลังจนปัญญาอย่างสมบูรณ์
ครู่สั้น ๆ ต่อมา ศิษย์อีกคนก็ถูกตัดสิทธิ์ไปด้วยความอ่อนล้า
นี่เป็นเหมือนชนวน และเสี้ยวชั่วยามต่อจากนั้น ศิษย์คนอื่น ๆ ก็ถูกตัดสิทธิ์ไปตาม ๆ กัน
ด้วยความสามารถของอี้สวิน เขาทำได้เพียงปกป้องอี้เทียนลำพัง ส่วนศิษย์คนอื่น ๆ นั้น เขาจนปัญญาจะช่วยเหลือ
หลังผ่านไปอีกครึ่งเสี้ยวชั่วยาม ในบริเวณก็เหลือเพียงอี้สวินกับอี้เทียน ขณะที่ศิษย์ตระกูลอี้คนอื่น ๆ ถูกตัดสิทธิ์ไปจนสิ้น
ความเสียหายร้ายแรงเช่นนี้ทำให้อี้สวินเจียนบ้า สีหน้าบึ้งตึงถึงขีดสุด เพราะหนึ่งบุคคลซึ่งโผล่มาจากหนใดไม่อาจทราบบีบให้พวกเขาตกต่ำย่ำแย่เพียงนี้ ทั้งหมดนี้ทำให้หัวใจของอี้สวินเลือดซิบ แค้นเฉินซีเข้ากระดูกดำ
“แค้นนัก! แค้นนัก!!” ข้างกันนั้น ดวงตาของอี้เทียนแดงฉาน อดแผดเสียงลั่นไม่ได้
“พวกเจ้าคิดกันด้วยหรือว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดยามลอบโจมตีข้า?” ทันใดนั้น น้ำเสียงสุขุมไร้อารมณ์ของเฉินซีก็ดังมาไกล ๆ ซึ่งดูเสียดหูนัก ทำให้อี้สวินและอี้เทียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแทบแหลก
“กล่าวเทียบกันแล้ว ข้านับว่ายังปรานี อย่างน้อยที่สุด ข้าก็ไม่ได้เปิดฉากลอบจู่โจมพวกเจ้าก่อน หาไม่ มีหรือพวกเจ้าจะอยู่รอดกันมาจนป่านนี้?” เฉินซียืนอยู่ไกล ๆ สีหน้ายามมองอี้สวินและอี้เทียนผู้สะบักสะบอมยิ่งจากการรุมล้อมของดวงวิญญาณแปดเปื้อนสุขุมสำรวม
ชายหนุ่มไม่มีทางลืมว่าเหล่าศิษย์ตระกูลอี้เหล่านี้เคยไล่ต้อนกดดันเขาย่ำแย่เพียงไรที่แดนโลกาวินาศ และไม่มีวันลืมการลอบโจมตีซ้ำซากที่ศิษย์ตระกูลอี้ทำในการชุมนุมล่าดาราที่ผ่านมา
ขณะนี้ ถึงเวลาที่เขาจะล้างแค้นบ้าง!
ส่วนการทำเช่นนี้จะล่วงเกินตระกูลอี้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ เฉินซีไม่ได้เก็บมาคิดใส่ใจ เพราะเขาได้คำตอบมาเนิ่นนานนับแต่อยู่ที่แดนโลกาวินาศแล้ว
“ดีมาก ข้าจะจำเจ้าไว้ หลังการชุมนุมล่าดาราจบลง ข้าจะใช้การกระทำบอกเจ้าว่าผลลัพธ์ของการล่วงเกินตระกูลอี้ร้ายแรงเพียงไร!” จู่ ๆ อี้สวินก็สูดหายใจลึก สีหน้าเคืองแค้นบนใบหน้าหายไป แทนที่ด้วยความเย็นเยียบเฉียบขาด กล่าววาจาคมกริบดุจคมดาบ ดุร้ายหมายชีวิตชัดเจนทุกถ้อยคำ
“ไป?” อี้เทียนตะลึง
อี้สวินไม่ได้อธิบาย ยกมือขึ้นนำแผ่นเทวะออกมาขยี้บีบ
เปรี้ยง!
ละอองแสงพร่างพรม ขณะที่พลังมิติสายหนึ่งปรากฏขึ้น พาอี้สวินออกไปทันที
กล่าวคือ เขาเลือกจะออกจากการชุมนุมล่าดาราในยามนี้!
เห็นได้ชัดว่าอี้สวินทราบว่าพวกตนไร้หวังทะลวงวงล้อมอันหนาแน่นนี้ออกไป มิเช่นนั้น เขาไม่มีทางทำเช่นนี้แน่
“พี่รอง!” ในที่สุดอี้เทียนก็ประจักษ์แจ้งยามได้เห็น เขาทั้งตะลึงและตื่นกลัว แต่ท้ายที่สุด ทั้งหมดก็แปรไปเป็นความสุดอิดออดใจและลนลาน เขาขยี้แผ่นเทวะด้วยสัณชาตญาณ เลือกถอนตัวเช่นกัน
ขณะนี้ ศิษย์ตระกูลอี้ทั้งหมดที่เข้าร่วมการชุมนุมล่าดาราถูกกำจัดสิ้น!
เหตุการณ์นี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอารามเต๋าสัจจวิญญาณของเสวียนท่าจื่อนัก พวกเขาต่างล่วงเกินเฉินซี และท้ายที่สุดก็ถูกกวาดล้าง
เฉินซีมองเรื่องทั้งหมดนี้จากแสนไกล ทว่าสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ชายหนุ่มยังคงเงียบงันอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะส่ายหัวแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
…
ค่ำคืนของวันนี้ ยามการจัดอันดับล่าปรากฏขึ้น และเมื่อเห็นว่าชื่อของเหล่าศิษย์จากตระกูลอี้หายไปจากทำเนียบ เสียงเอะอะอึกทึกก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ เสวียนท่าจื่อและเหล่าศิษย์จากอารามเต๋าสัจวิญญาณถูกตัดสิทธิ์ไป ก็เป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับทุกคนแล้ว
และยามนี้ ห่างออกไปไม่ถึงสองวัน ศิษย์ตระกูลอี้ภายใต้การนำของอี้สวินก็เผชิญชะตาเดียวกัน ถูกตัดสิทธิ์ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว นี่ก็เป็นเหมือนอัสนีเลื่อนลั่น ทำให้ทุกคนที่ให้ความสนใจการล่าจนบัดนี้ตะลึงจนแทบเชื่อไม่ลง
มันน่าตกใจเกินไป!
เพราะถึงอย่างไร เสี่ยวหลัวหลั่วที่เสวียนท่าจื่อปกป้อง และอี้เทียนในอารักขาอี้สวินต่างเป็นผู้ถูกจับตามองว่าจะได้ชิงอันดับหนึ่ง ทว่ายามนี้ พวกเขาทั้งสองกลับถูกตัดสิทธิ์ไปก่อนการชุมนุมล่าดาราปิดฉาก!
ใครกันทำเช่นนี้?
ทุกคนต่างงุนงง แล้วหนึ่งชื่อก็ลอยเข้ามาในใจพวกเขาทันที เฉินสวิน!
เพราะยามเสวียนท่าจื่อและคณะถูกตัดสิทธิ์ไป เป็นฝีมือของชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ และเมื่อคณะของอี้สวินถูกกำจัด ทุกคนก็เผลอคิดถึงชื่อนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
“เฉินสวินนั่นอีกแล้ว!” ใครบางคนแผดเสียงอย่างเดือดดาลในจักรวาลพร่างดาว ซึ่งก็คืออี้เหวิน ผู้อาวุโสจากตระกูลอี้ สีหน้าของเขาบูดบึ้ง ดวงตาเจียนผลาญเพลิงได้ ดูเดือดดาลสุดขีด
หัวใจของผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ก็เกินสงบลง พวกเขายืนยันได้แล้วว่าพวกอี้สวินถูกตัดสิทธิ์ด้วยฝีมือเฉินสวินผู้นั้นอีกครั้ง พวกเขาก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเจ้าหนูผู้นี้ทำได้เช่นไรกันแน่
“เจ้าหนูนี่เฉียบจริง ๆ การกระทำของเขาล่วงเกินคนไปเยอะเลย” มีใครบางคนพึมพำ
ตัวตนทรงอำนาจคนอื่น ๆ เองก็รู้สึกฉงนในใจเช่นกัน นั่นสิ การกระทำของเฉินสวินล่วงเกินอารามเต๋าสัจจวิญญาณกับตระกูลอี้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว เขาไม่กลัวคนเหล่านั้นมาคิดบัญชีหลังจบการชุมนุมล่าดาราหรือ?
แน่นอน พวกเขาย่อมไม่พูดคำเหล่านี้ออกมา หนึ่งเป็นเพราะเกรงใจจักรพรรดินีอวี้เชอ ขณะเดียวกัน หากพูดมันออกมาตรง ๆ พวกเขาก็จะดูใจแคบ แม้ทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจตรงกันโดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใดก็ตามที
เช้ง!
ทันใดนั้น หนึ่งเสียงกระบี่กู่ก้องก็สะท้อนขึ้นในจักรวาล มันแหบต่ำ เผยบรรยากาศชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัว
หัวใจของเหล่าตัวตนทรงอำนาจสั่นสะท้าน กระบี่มลทินอเวจีปรากฏขึ้นอีกแล้ว!
พร้อมกันนั้นเอง จักรพรรดินีอวี้เชอซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดก็ชักกระบี่พิฆาตฟ้าออก มือเรียวขาวเหวี่ยงมันเบา ๆ พร้อมกับปราณกระบี่สายหนึ่งโผนทะยาน เผยรัศมีเจิดจรัสไร้ขอบเขต
เหมือนเช่นวันก่อน ๆ สมบัติวิญญาณธรรมชาติทั้งสองทำศึกใต้นภาราตรีกันอีกครั้ง
ทว่า เฉินซีผู้อยู่บนดาววิญญาณมลทินเห็นหนึ่งเหตุการณ์อันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสมบูรณ์ หนึ่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีเทาพุ่งมาจากทิศตะวันออกของดาววิญญาณมลทิน มันโอบล้อมด้วยหมอกดำสนิท เจตจำนงกระบี่จากมันเหมือนเป็นอเวจีพรากวิญญาณ!
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ยืนยันได้ว่านี่ต้องเป็นกระบี่มลทินอเวจีไม่ผิดแน่ เพราะแค่แรกชำเลืองก็ทำให้เขารู้สึกเย็นเยือกจากภายใน กระทั่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์อันแผดผลาญในดวงวิญญาณของเขายังเจียนมอดดับ!
เหตุนี้ทำให้เฉินซีตกใจนัก และรีบร้อนสำรวมความคิด ไม่กล้าชายตาไปทางนั้นอีก ปราณของอาวุธดุร้ายเช่นนี้ชวนตะลึงเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่เขาฝืนได้ในการบ่มเพาะปัจจุบัน
ฮึ่ม!
ทว่าขณะนั้นเอง ต้นอ่อนเงาทมิฬที่เฉินซีเก็บไว้ในร่างพลันเริ่มขยับอย่างกระสับกระส่าย เผยคลื่นพลังน่าสะพรึงกลัวอันเหมือนจะพุ่งออกจากร่าง กระโจนเข้าใส่กระบี่มลทินอเวจีจากแสนไกล
…………….