บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1627 น้ำค้างธุวดาราศักดิ์สิทธิ์
…………….
บทที่ 1627 น้ำค้างธุวดาราศักดิ์สิทธิ์
ในการคะเนของเฉินซีก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงของต้นอ่อนเงาทมิฬคือแก่นของทุกสิ่ง
เพื่อให้บรรลุผลนี้ เขาจึงต้องให้ต้นอ่อนเงาทมิฬดูดซับปราณมลทินอเวจีเป็นสารอาหารให้เพียงพอ
แต่จากสถานการณ์ก่อนหน้า ต้นอ่อนเงาทมิฬ กระบี่พิฆาตฟ้า และกระบี่มลทินอเวจีกำลังสู้กันอย่างดุเดือด ไม่มีทางเลยที่ต้นอ่อนเงาทมิฬจะมีโอกาสดูดซับปราณมลทินอเวจี
ดังนั้นเฉินซีจึงได้แต่ลงมือเอง
ชายหนุ่มจึงสร้างแผนภาพไท่จี๋อย่างสุดชีวิต ดูดกลืนสารพัดอำนาจทั่วฟ้าดิน จากนั้นก็ใช้จักรวาลในร่างเป็นสะพาน ชักนำอำนาจนี้สู่ร่างตน
เมื่อทำเช่นนี้ พลังแก่นแท้ที่ต้นอ่อนทมิฬทิ้งไว้ในกายก็จะสามารถดูดกลืนแปรสภาพอำนาจนี้อย่างอ้อม ๆ
ขณะเดียวกัน พลังที่ต้นอ่อนเงาทมิฬแปรสภาพดูดกลืนไปจะช่วยในการพัฒนาของมันเอง ท้ายที่สุด แผนภาพไท่จี๋ เฉินซีและต้นอ่อนเงาทมิฬก็ก่อวงจรอันสมบูรณ์แบบระหว่างกัน
แต่การกระทำเช่นนี้อันตรายอย่างยิ่ง แก่นของมันอยู่ที่ พลังที่แผนภาพไท่จี๋ดูดกลืนเข้ามารุนแรงเกินไป และความแข็งแกร่งของตัวเฉินซีเองก็อ่อนแอเกินไปหากเทียบกัน ดังนั้นหากเขาไม่อาจทนแรงกระแทกจากอำนาจอันดุร้ายนี้ มันจะไม่ได้จบเพียงความล้มเหลว มันกระทั่งอาจทำให้เฉินซีสิ้นชีวิต
โชคยังดี หลังประสบความเจ็บปวดทรมานสาหัส ในที่สุดเฉินซีก็สำเร็จผล
ขณะนี้ แผนภาพไท่จี๋โคจรอย่างบ้าคลั่ง ยังคงกลืนกินสารพัดอำนาจในฟ้าดินอย่างไม่หยุดยั้ง
หลังจากนั้น มันก็ใช้ร่างของเฉินซีแทนสะพาน ทำให้อำนาจเหล่านี้พลุ่งพล่านเข้าสู่จักรวาลในตัวเฉินซี แล้วก็ถูกแปรสภาพดูดซับไปโดยอำนาจแก่นแท้ของต้นอ่อนเงาทมิฬ
เมื่อทำเช่นนี้ จักรวาลในกายอันเจียนถูกทำลายสิ้นจึงเสถียรขึ้นชั่วคราว ไม่ได้อยู่ในอันตรายสาหัสเหมือนเมื่อครู่
แต่เฉินซีก็ไม่กล้าเลินเล่อแม้แต่น้อย เพราะทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่ใช่จุดจบ!
เหมือนเช่นในวินาทีนี้ ความเจ็บปวดสาหัสยังคงแล่นพล่านทั่วกาย สัมผัสแรงกระแทกทรมานจากอำนาจอันดุร้ายนั้นตลอดเวลา
หากต้นอ่อนเงาทมิฬพัฒนาไม่เสร็จสิ้น เขาก็ทำได้เพียงฝืนทนในสภาพเช่นนี้ต่อไป
…
บนท้องฟ้า ต้นอ่อนเงาทมิฬขยายกิ่งก้านสาขา พร่างพรมสายแสงสีเขียวฟุ้งกระจาย สายแสงเหล่านี้แปรเปลี่ยนเป็นโซ่ศักดิ์สิทธิ์ทะยานไปรอบข้างด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
หลังจากมันได้รับความช่วยเหลือจากเฉินซี ความแข็งแกร่งของมันก็พัฒนาไปอย่างมากจนเห็นได้ชัด ทุกเส้นสายบนใบเรืองรัศมีเจิดจรัสลึกลับ
เหตุการณ์นี้เหมือนจะไปยั่วโมโหกระบี่มลทินอเวจีเข้า ทำให้การโจมตีของมันยิ่งบ้าคลั่งดุดัน ปราณกระบี่สีเทาขมุกขมัวสายแล้วสายเล่าดูเหมือนพุ่งจากขุมนรกเข้าต่อสู้กับโซ่สีเขียวอย่างไม่จบสิ้น
ขณะเดียวกัน กระบี่พิฆาตฟ้าปลดปล่อยปราณกระบี่ ฟาดฟันบ้าคลั่งสู่เก้าชั้นฟ้าใต้การควบคุมของจักรพรรดินีอวี้เชอ ร่วมมือกับต้นอ่อนเงาทมิฬทลายทุกการโจมตีของกระบี่มลทินอเวจีลง กระทั่งเริ่มเผยเค้ารุกไล่กำราบกระบี่มลทินอเวจี!
ตู้ม!
ตู้ม!
สามอำนาจสูงสุดสู้กันในฟ้าดิน และเมื่อแรงกระแทกจากการปะทะระหว่างพวกมันสะท้านออกไป มันก็เจิดจรัสสาดส่องเกินใดเทียบจากส่วนลึกของกลุ่มดาวถาวอู้
ผู้บ่มเพาะทั้งหลายซึ่งได้เป็นประจักษ์พยานต่างผงะตะลึง จนบัดนี้ ไม่เพียงศึกนี้ไร้สัญญาณการอวสาน มันยังทวีความเข้มข้น อำนาจร้ายกาจที่เผยในศึกทำให้ใจของทุกผู้สั่นสะท้าน สันหลังหนาววูบวาบ
น่ากลัวเกินไป!
พวกเขากระทั่งเชื่ออย่างหนักแน่นว่าหากบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลสักคนถูกลูกหลงศึกนี้ บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้นั้นไม่น่าจะมีอำนาจพอกระทั่งปัดป้อง
“ดูเหมือนคืนนี้ กระบี่มลทินอเวจีสิ้นท่าแน่!” ในจักรวาลพร่างดาว หนึ่งในตัวตนทรงอำนาจทอดถอนใจ
“สำเร็จหรือไม่ คืนนี้ตัดสิน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบ”
“แต่ทุกท่านมองออกกันหรือไม่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียวนั่นคือสิ่งใด? ไยจู่ ๆ มันจึงปรากฏขึ้นในคืนนี้?”
“นั่นเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นหนึ่ง จากที่ข้าสังเกต เหมือนมันจะเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬในตำนาน!”
“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ? ไม่ใช่มันสูญพันธุ์ไปแต่บรรพกาลแล้วหรือ?”
“ในแดนเทพโบราณมีเอกภพและดาราจักรเกินคณานับ ผู้ใดประกันได้บ้างว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้สูญสิ้นตราบกาลไปแล้วจริง ๆ?”
“อีกอย่าง นอกจากเรื่องทั้งหมดนี้ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬต้นนี้มาจากหนใด?”
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายจากเอกภพมสิหิมหารือกันอย่างออกรส แต่กลับไร้ผู้ใดอนุมานที่มาของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬได้
ถึงขนาดที่สงสัยว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬอาจเป็นพันธมิตรที่จักรพรรดินีอวี้เชอเชิญมา
แน่นอน พวกเขาทำได้เพียงคาดเดาในใจ เพราะหากพูดเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับความลับของจักรพรรดินีอวี้เชอออกมา ก็เท่ากับไปล่วงเกินหมิ่นประมาทนางแล้ว
“อวิ๋นชิง เตรียมตัวด้วย” จักรพรรดินีอวี้เชอซึ่งกำลังควบคุมกระบี่พิฆาตฟ้าสู้กับกระบี่มลทินอเวจีถ่ายทอดกระแสปราณเฉียบพลัน ไม่เพียงเสียงของนางไร้เค้าความยินดี ยังเจือความเคร่งขรึมเล็กน้อย
อวิ๋นชิงอดผงะไปเล็กน้อยไม่ได้ สถานการณ์ปัจจุบันเป็นฝ่ายเราที่ได้เปรียบยิ่งแท้ ๆ แต่เหตุใดจักรพรรดินีจึงยังมีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นนี้?
“กระบี่มลทินอเวจีกำลังจะตอบโต้ การโจมตีต่อจากนี้ของมันจะน่าสะพรึงกลัวสุดขั้ว หากเราสกัดการโจมตีเหล่านี้ได้ มันก็สิ้นทางหนี แต่หากเรารับมันไม่ได้…” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ จักรพรรดินีอวี้เชอก็เม้มปากเงียบไป แต่อวิ๋นชิงก็เข้าใจความนัยของนางชัดเจน
อวิ๋นชิงไม่กล้าลังเล โคจรการบ่มเพาะของตนสุดกำลัง สั่งสมพลังรอลงมือ
ทันใดนั้น ประกายเรืองกระจ่างพลันฉายวูบผ่านคู่เนตรงามของจักรพรรดินีอวี้เชอ นางพูดออกมาสองสามคำ “จะเริ่มแล้ว!”
…
เช้ง! เช้ง! เช้ง!
ทันใดนั้น เสียงกระบี่คำรนอันหนาแน่นระรัวก็สะท้อนก้องในโสตเฉินซี มันแหบต่ำ ชั่วร้าย กระทั่งเจือเค้าโทสะ
กระบี่มลทินอเวจีจะสู้ยิบตาหรือ? เฉินซีหวาดผวา กระทั่งวิญญาณของเขายังสะท้านเทิ้ม
ขณะเดียวกันนั้นเอง ต้นอ่อนเงาทมิฬและกระบี่พิฆาตฟ้าเรืองรัศมีศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่านตามกัน ออกการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัว โซ่ศักดิ์สิทธิ์สีเขียวและปราณกระบี่ดุร้ายประสาน โผนทะยานออกไป
ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินรอบทิศถล่มพินาศ คลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวผลาญพุ่ง ทำให้ดาววิญญาณมลทินทั้งดวงสั่นสะท้านไม่จบสิ้น
อัก!
เฉินซีไม่อาจทานทนแรงกดดันมหาศาลนี้ได้อีกต่อไป ชายหนุ่มกระอักเลือด ร่างเริ่มสั่นสะท้านรุนแรง
ขณะเดียวกัน แผนภาพไท่จี๋ตรงหน้าก็สั่นสะท้าน จวนเจียนพังทลายทุกขณะ
“บัดซบ!” เฉินซีกัดฟันแล้วพลันคำรามลั่น รวมพลังทั้งหมดทั่วร่างสูบฉีดเข้าสู่แผนภาพไท่จี๋ไม่หยุดยั้ง
ขณะนี้ เขาไม่อาจสนใจอาการบาดเจ็บของตนได้อีก รู้เพียงว่าหากแผนภาพไท่จี๋ถูกทำลาย การพัฒนาของต้นอ่อนเงาทมิฬจะจบลง และเขาก็ย่อมไม่อาจพ้นหายนะ
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ได้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเฉินซีมาหนุนเสริม แผนภาพไท่จี๋ก็คืนความเสถียรได้อย่างราบรื่น
ทว่ากระบี่มลทินอเวจีต่อสู้ราวสัตว์ร้ายจนมุม เผยทักษะทั้งหมดอย่างไม่ปิดบัง ทำให้พลังอันเปี่ยมทั่วฟ้าดินนี้ยิ่งทวีความรุนแรง หลังจากพวกมันถูกแผนภาพไท่จี๋กลืนกิน ร่างของเฉินซีก็รับผลกระทบทันที
ดุจเทือกเขามหึมาโถมกระแทกร่าง เฉินซีรู้สึกเหมือนกระดูกทั่วกายแหลกเป็นเสี่ยงในพริบตา กระทั่งเส้นเลือดเส้นเอ็นยังมลายไปด้วยกัน
ฉูด! แควก!
หลังจากนั้น ผิวทั่วกายก็ปริแตกทีละน้อย ทำให้โลหิตสาดพรมบนอากาศ
เมื่อมองจากไกล ๆ เฉินซีนั้นดูเหมือนก่อตัวขึ้นจากเลือด ผิวเนื้อปริขาด กระดูกปรากฏรำไร ไม่มีร่างกายส่วนใดสมประกอบ อยู่ในสภาวะสะบักสะบอมน่าสยดสยองอย่างยิ่ง
หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่นาน ร่างของเขาก็คงไม่พ้นถูกอำนาจร้ายกาจนี้ฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่
วูบ!
ณ จักรวาลภายในร่าง แก่นพลังของต้นอ่อนเงาทมิฬเหมือนตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ย่ำแย่ จึงแผ่พลังศักดิ์สิทธิ์สีเขียวสายหนึ่ง เริ่มช่วยเหลือเฉินซีฟื้นฟูร่างอันบาดเจ็บ
หลังจากนั้น ภาพประหลาดก็บังเกิดขึ้น ร่างอันแหลกเละของเฉินซีเพิ่งฟื้นตัวก็ถูกฉีกกระชากโดยอำนาจอันบ้าคลั่งอีกครั้ง วนเวียนเป็นวงจรเยี่ยงพฤกษาเติบโตจนโรยราซ้ำไปมา
เหตุทั้งหมดนี้ทำให้เฉินซีสาหัสเจียนตาย ร่างถูกฉีกกระชาก ฟื้นฟู ฉีกกระชาก ฟื้นฟู… ความเจ็บปวดทรมานไม่รู้จบนี้ทำให้เขาเจียนสิ้นสติ
หากเป็นผู้จิตอ่อนมาอยู่แทน วิญญาณและดวงจิตแห่งเต๋าของคนผู้นั้นคงพังทลายไปเนิ่นนานจากความทรมานนี้ ก่อนจะสิ้นใจคาที่
แต่ถึงเช่นนั้น เฉินซีก็ยังอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง เพราะร่างไม่อาจทนต่อการทำลายล้างเช่นนี้ได้เลย ดังนั้นเมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด ร่างก็จะกระจัดกระจาย ตกตายลงทันที
เฉินซีถูกทรมานจนสติเลื่อนลอย นับแต่เริ่มบ่มเพาะจนบัดนี้ เขาเผชิญความเจ็บปวดมาสารพัด แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดเปรียบได้กับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในยามนี้ได้เลย!
โดยเฉพาะเมื่อเขาไร้หนทางอื่น ทำได้เพียงอาศัยพลังใจกัดฟันฝืนทน
…
“อวิ๋นชิง ส่งน้ำค้างธุวดาราศักดิ์สิทธิ์ให้ข้า!” ในจักรวาลพร่างดาว จักรพรรดินีอวี้เชอเหมือนจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และพลันกัดฟันกล่าวขึ้น ดวงตากระจ่างเรืองประกายเด็ดเดี่ยว
“จักรพรรดินี นี่…” อวิ๋นชิงผงะแล้วลังเลเล็กน้อย น้ำค้างธุวดาราศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติล้ำค่าที่พบได้แต่ไม่อาจแสวง เป็นสิ่งที่จักรพรรดินีอวี้เชอทุ่มเทบากบั่นรวบรวมมา มูลค่าไม่อาจประมาณได้ สรรพคุณของมันอัศจรรย์นัก สามารถทำให้บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้บาดเจ็บสาหัสเจียนตายฟื้นสู่ความสมบูรณ์พร้อมในพริบตา ไร้ผลข้างเคียงและข้อเสียใด ๆ!
“ส่งมันให้ข้า!” จักรพรรดินีอวี้เชอย้ำเสียงเฉียบขาด
อวิ๋นชิงอ้าปากพะงาบ แต่สุดท้ายก็ผ่อนหายใจยาว ยื่นมือหยิบขวดหยกสีขาวโพลนดุจหิมะขนาดเท่าหัวแม่มือขวดหนึ่งออกมา
“เจ้าเด็กนี่โชคดีเสียจริง” อวิ๋นชิงถูขวดหยกอย่างอาลัยเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาก็สะบัดมือ แล้วขวดหยกก็แปรสภาพเป็นเส้นแสงสีขาวทะยานข้ามมิติไปหาเฉินซีทันที
…
วิญญาณสั่นสะท้าน
จิตสำนึกพร่ามัว
ขณะนี้เฉินซีดูเหมือนตกอยู่ท่ามกลางความมืดอันไร้ประมาณ เจียนจมลงไปในนั้นเต็มที ถึงขนาดที่การรับรู้ไม่ได้สนใจศึกที่ดำเนินอยู่แล้วสักนิด
มันคือสัญญาณของการพังทลาย เฉินซีตระหนักชัดเจนว่าหากเขาจมลงไปใต้อนธการนี้ยามใด มันหมายถึงกาลอวสาน แต่เขาก็ไร้กำลังแปรเปลี่ยนเรื่องทั้งหมดนี้
ทั้งหมดที่เขาทำได้มีเพียงใช้จิตสำนึกสุดท้ายที่เหลืออยู่พยายามปกป้องเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณจากการดับมอดอย่างสุดชีวิต…
ยามนี้ชายหนุ่มด้านชาต่อความเจ็บปวดสุดขั้วไปแล้ว ราวร่างนี้ไม่ใช่ของตน…
ข้าควรทำเช่นไร? หรือหนนี้ข้าจะไม่พ้นหายนะจริง ๆ?
เฉินซีไม่ยินยอม!
หากไร้หนทางอื่นจริง ๆ ข้าก็ทำได้เพียงสู้สุดชีวิตแล้วทิ้ง… หืม? ขณะที่กำลังจะตัดสินใจบางอย่างอยู่นั้นเอง เขาพลันสัมผัสพลังอันเยือกเย็น สดชื่นและอ่อนโยนสายหนึ่งพลุ่งพล่านเข้าสู่ร่างของเขาได้
มันเป็นเหมือนสายธารหยาดฝนยามวสันตฤดู มอบชีวิตแก่โลกหล้า หลั่งรินสู่ผืนพสุธาอันแตกระแหง ซึมซาบสู่เนื้อหนังอันแตกร้าวทุกชุ่น เส้นเอ็นอันขาดสะบั้น และชีพจรเส้นเลือดอันพังทลายทั่วร่าง เติมเต็มพวกมันด้วยพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่เข้มข้นยิ่ง
อำนาจสายนี้บริสุทธิ์ ดุจปาฏิหาริย์ และเต็มไปด้วยพลังชีวิตไร้ขอบเขต พลุ่งพล่านทั่วกายเยี่ยงกระแสธาร ทำให้เฉินซีพ้นจากนรกอันทุกข์ทรมาน สู่ความสุขสบายดุจแช่ในน้ำพุร้อนโดยพลัน
เพียงไม่กี่อึดใจ บาดแผลทั่วร่างก็ฟื้นตัวสมบูรณ์ ไม่เพียงแค่นั้น อำนาจนั้นยังสร้างเส้นเลือด ชีพจร เส้นเอ็น กระดูก และเนื้อหนังทั่วร่างใหม่ ทำให้พวกมันยิ่งแข็งกล้า เต็มไปด้วยอำนาจบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์
ขณะเดียวกัน พลังชีวิตในร่างก็ทะลวงพ้นจุดสูงสุดเดิมเช่นกัน มันพลุ่งพล่านถึงขีดสุด และในชั่วขณะนี้ กระทั่งการบ่มเพาะยังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปอย่างมหาศาล!
…………….