บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1628 จนถึงสิ้นสุด
บทที่ 1628 จนถึงสิ้นสุด
…………….
บทที่ 1628 จนถึงสิ้นสุด
แสงศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมตัวกาย และกลิ่นอายของเต๋าสามารถมองเห็นได้ ในขณะนี้ร่างของเฉินซีดูเหมือนอยู่ในเตาหลอม ทั้งยังได้รับการขัดเกลาและปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้งด้วยพลังลึกลับ
พลังงานนี้น่ากลัวมาก มันเหมือนกับแก่นแท้ของเต๋าที่อยู่ภายในความโกลาหล และยกระดับกายเทวะที่เฉินซีครอบครองขึ้นไประดับหนึ่งทันที
ในขณะนี้ ผิวหนังของเขาแวววาวราวกับหยก เส้นเอ็นและกระดูกก็เหมือนกับเหล็กกล้าศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่เส้นลมปราณและจุดชีพจรในร่างก็ดูเหมือนถูกแกะสลักจากอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าที่สุดในโลก พวกมันถูกประทับด้วยสัญลักษณ์ของมหาเต๋า ทั้งยังเปี่ยมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อันลึกซึ้ง
ครืน!
พลังชีวิตที่เดือดพล่านดั่งหินหลอมเหลวได้พัดพาพลังศักดิ์สิทธิ์ที่พลุ่งพล่าน และไหลเวียนภายในร่างกายอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ละรอบได้ใช้พลังงานลึกลับที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายหนึ่งส่วน ทำให้การบ่มเพาะดีขึ้นไปตามลำดับ!
ความเร็วของการพัฒนานั่นน่าอัศจรรย์มาก เพราะเส้นทางสู่เต๋าศักดิ์สิทธิ์นั้นยากเย็นแสนเข็ญ แม้ผู้เป็นเทวารู้แจ้งวิญญาณจะเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะเป็นเวลาพันหรือหมื่นปี แต่ก็อาจไม่สามารถพัฒนาการบ่มเบาะให้ดีขึ้นได้
แต่ในขณะนี้ การบ่มเพาะของเฉินซี ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาสั้น ๆ เป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หากผู้บ่มเพาะคนอื่นเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ปากของพวกเขาก็จะกระแทกพื้นด้วยความตกใจอย่างแน่นอน
เฉินซีได้สติจากความเจ็บปวดที่รู้สึกได้ และสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจซึ่งเกิดขึ้นกับร่างกายทันที แม้ว่าจะสงบจิตสงบใจได้แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกความตกใจและความเหลือเชื่ออยู่ในขณะนี้
เกิดอะไรขึ้น?
พลังงานลึกลับนั้นมาจากไหน?
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่ดวงตาจ้องมองไปยังท้องฟ้าอันไกลโพ้น
การต่อสู้อันดุเดือดยังคงดำเนินอยู่ แผนผังไท่จี๋ยังคงหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง และกลืนกินพลังงานที่รุนแรงซึ่งแตกสลายไปทั่วฟ้าดินอย่างไม่หยุดยั้ง
ทว่าในขณะนี้ หลังจากที่พลังงานที่รุนแรงนี้เข้าสู่ร่างกายของเฉินซี มันก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้มากนัก
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะกายเทวะที่ประสบกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ และทำให้การบ่มเพาะได้รับการพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
ในทางกลับกัน บนท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นต้นอ่อนเงาทมิฬหรือกระบี่พิฆาตฟ้า พวกมันได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ และปราบปรามกระบี่มลทินอเวจีที่ต่อสู้อย่างสิ้นหวัง ทำให้มันสูญเสียความดุร้ายที่มีก่อนหน้านี้ไป
โอม! โอม! โอม!
กระบี่มลทินอเวจีเริ่มส่งเสียงคร่ำครวญซ้ำ ๆ ราวกับแมลงที่ตกลงในไปใยแมงมุม มันถูกควบคุมอย่างไม่หยุดยั้งและใกล้จะถูกจับแล้ว
เฉินซีหรี่ตามองกระบี่พิฆาตฟ้า จากนั้นแสงแห่งการรู้แจ้งก็ปรากฏขึ้นในใจ และคาดเดาได้ราง ๆ ว่าก่อนหน้านี้เป็นผู้ใดที่มอบพลังให้แก่ตน
แต่กระนั้นเขาไม่สามารถเดาได้ว่าพลังงานลึกลับนั้นคือสิ่งใด เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาในฐานะผู้บ่มเพาะ เขาไม่เคยเห็นพลังงานที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน มันสร้างฟื้นฟูพลังชีวิตที่ใกล้แห้งเหือดให้กลับคืนใหม่ในช่วงเวลาสั้น ๆ และยังทำให้เขาได้รับการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ ราวกับได้เกิดใหม่อีกด้วย
เฉินซีเบือนสายตาออกและหยุดคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ ชายหนุ่มมุ่งความสนใจไปที่แผนผังไท่จี๋ที่อยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่
นี่เป็นวงจรประเภทหนึ่งที่เชื่อมโยงเฉินซีและต้นอ่อนเงาทมิฬ ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของมันคือการส่งเสริมให้ต้นอ่อนเงาทมิฬเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมบูรณ์!
ครืน!
พลังงานที่รุนแรงพุ่งเข้าหาร่างกายของเฉินซีอย่างไม่หยุดยั้ง แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว และพวกมันไม่สามารถทำร้ายเฉินซีได้อีกต่อไป
ในทางกลับกัน ผลกระทบจากพลังงานที่รุนแรงนี้ ทำให้ความเร็วของการพัฒนาและการดูดซับพลังงานลึกลับภายในร่างกายเพิ่มขึ้น และยังกระตุ้นศักยภาพทางอ้อมอีกด้วย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของกายาเทวะและการบ่มเพาะจึงเร่งขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น…
โครม!
หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา จู่ ๆ การปะทะที่สะท้านปฐพีได้เกิดขึ้นบนท้องฟ้า
กระบี่มลทินอเวจีที่กำลังถูกบีบให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง พลันส่งเสียงคร่ำครวญแผ่วเบา ซึ่งแท้จริงแล้วมันหันหลังกลับอย่างรวดเร็วและตั้งใจที่จะหลบหนีไป
“ลงมือ!” ในเวลาเดียวกัน จักรพรรดินีอวี้เชอที่สั่งสมกำลังเพื่อรอโอกาส ได้โคจรการบ่มเพาะของตน และถ่ายเทพลังทั้งหมดลงในกระบี่พิฆาตฟ้า
ฟิ่ว!
ปราณกระบี่ที่โปร่งใสได้แผ่ขยายลงมาจากจักรวาล และมันปกคลุมดาววิญญาณมลทินอย่างสมบูรณ์ โดยที่เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องสว่างและพร่างพราวออกมา
การโจมตีครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก จนถือได้ว่าสะท้านปฐพี และทำให้เหล่าผู้บ่มเพาะที่ดูการต่อสู้ครั้งนี้ตกตะลึงอย่างรุนแรงจนอ้าปากค้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“มันใกล้จะจบแล้วเหรอ?” เหล่าผู้ยิ่งใหญ่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวลุกขึ้นยืนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หัวใจและความคิดสั่นไหวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กระบี่มลทินอเวจีเป็นอาวุธร้ายกาจอันดับหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นจากความโกลาหลของเอกภพมสิหิม และมันกำลังจะถูกปราบในคืนนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถนิ่งนอนใจได้
ครืน!
บนดาววิญญาณมลทิน ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนสั่นสะท้านและระเบิดขึ้นพร้อมกัน ทำให้คลื่นทำลายล้างได้พัดพาออกไปทั่วสารทิศ
ในขณะที่เผชิญกับการโจมตีที่ดุเดือดและรวดเร็วเช่นนี้ กระบี่มลทินอเวจีต่อสู้อย่างสิ้นหวัง แต่ไม่มีพลังพอจะดิ้นรนให้เป็นอิสระในท้ายที่สุด และจมหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้การโจมตีของกระบี่พิฆาตฟ้า
ข้าทำสำเร็จแล้ว!
ทันใดนั้น ดวงตาของจักรพรรดินีอวี้เชอก็พลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้นและความสุขที่ไม่อาจปกปิดได้
เพื่อให้ได้มาซึ่งอาวุธร้ายกายอันดับหนึ่งในตำนาน นางได้รอคอยมาเนิ่นนานจนไม่อาจนับ และในที่สุดนางก็บรรลุความปรารถนาในคืนนี้ ดังนั้นความสุขในใจจึงเป็นที่ประจักษ์
“ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท!” อวิ๋นชิงประสานมือคารวะจากด้านข้าง ใบหน้าที่แก่ชราแสดงท่าทีพึงพอใจและตื่นเต้นเช่นกัน
เหล่าผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ก็ดูเหมือนราวกับตื่นจากความฝัน ทุกคนต่างปรบมืออย่างต่อเนื่องและแสดงความยินดีต่อจักรพรรดินีอวี้เชออย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในช่วงเวลาหนึ่ง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็เต็มไปด้วยเสียงผู้คนแสดงความยินดีกับจักรพรรดินีอวี้เชอ
…
ฝ่าบาททำสำเร็จแล้วหรือ?
บรรดาผู้บ่มเพาะที่กระจัดกระจายไปทั่วดาวดวงอื่น ๆ รู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย เพราะในระยะสายตาของพวกเขา ทั้งหมดเห็นเพียงว่าส่วนลึกที่สุดของกลุ่มดาวถาวอู้นั้นเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขตที่เปล่งประกายเจิดจ้า และไม่อาจมองเห็นได้ชัดว่าเกิดอันใดขึ้นเบื้องหลังแสงศักดิ์สิทธิ์นั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถระบุได้อย่างคร่าว ๆ ว่ากระบี่มลทินอเวจีอาจถูกปราบในครั้งนี้ เพราะในขณะนี้ ไม่มีความผันผวนของการต่อสู้อีกต่อไป
…
ในทางกลับกัน เฉินซีสังเกตเห็นทั้งหมดนี้ตั้งแต่พริบตาแรกที่เป็นไปได้ และเขาเห็นมันทั้งหมดอย่างชัดเจน
ถึงกระนั้น กระบี่มลทินอเวจีก็ถูกปราบแล้วในขณะนี้
แต่มันไม่มีความหมายสำหรับเฉินซีแต่อย่างใด และไม่สามารถกล่าวได้ว่ารู้สึกเสียใจ เพราะเขาไม่เคยสนใจในตัวกระบี่มลทินอเวจีมาตั้งแต่แรกเริ่ม
ฟิ่ว!
ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พลุ่งพล่าน ร่างของต้นอ่อนเงาทมิฬยืนตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบของมันที่หลั่งไหลไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ดูเขียวขจีอย่างยิ่ง และกลิ่นอายของมันก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงของต้นอ่อนเงาทมิฬยังไม่สิ้นสุด มันเริ่มคว้าโอกาสนี้เพื่อแผ่กิ่งก้านและใบออกไปเพื่อปกคลุมบริเวณโดยรอบ จากนั้นก็ห่อหุ้มเศษเสี้ยวของปราณอเวจีมลทินที่พลุ่งพล่านในฟ้าดิน
เฉินซีหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ และแผนผังไท่จี๋ก็ค่อย ๆ หายไป
ในขณะนี้เขาไม่จำเป็นต้องช่วยอีกต่อไป เพราะความสำเร็จของต้นอ่อนเงาทมิฬนั้นขึ้นอยู่กับตัวมันเอง
อย่างไรก็ตาม เฉินซีไม่ได้ผ่อนคลาย ชายหนุ่มเอามือไพล่หลังไว้พลางจ้องมองไปที่ต้นอ่อนเงาทมิฬที่อยู่ในระยะไกล ดวงตาสีดำสนิทล้ำลึกราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็ทอประกายไตร่ตรอง
การเปลี่ยนแปลงของต้นอ่อนเงาทมิฬในคืนนี้ เผยวี่แววว่าจะหลบหนีจากการควบคุมของเขาอย่างแผ่วเบา สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตระหนักถึงบางสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนในบัดดล
ต้นอ่อนเงาทมิฬศักดิ์สิทธิ์ในยุคบรรพกาล เป็นการดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ มันมีสติปัญญาและครอบครองพลังที่สามารถทำให้โลกตกอยู่ในความหวาดกลัว
ดังนั้นเมื่อต้นอ่อนเงาทมิฬสามารถเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ มันจะมีจิตสำนึกและการบ่มเพาะของตัวเองเหมือนในอดีตได้หรือไม่?
คิ้วของเฉินซีค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มปฏิเสธสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมโดยสัญชาตญาณ แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ส่ายศีรษะ พลางทอดถอนหายใจเบา ๆ และไม่คิดอีกต่อไป
ต้นอ่อนเงาทมิฬได้ช่วยเขามาเกินพอแล้ว หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจริง ๆ หลังจากที่มันเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เขาก็จะปล่อยมันไปตามทาง
โครม!
คลื่นพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในขณะนี้ ต้นอ่อนเงาทมิฬเรืองแสงเจิดจ้าอยู่กลางอากาศ มันเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่เขียวขจีอย่างยิ่ง ซึ่งสุกใสและกว้างใหญ่ มิหนำซ้ำยังส่องสว่างท้องฟ้ายามราตรี และกำจัดปราณมลทินอเวจีทั้งหมดที่ปกคลุมดาววิญญาณมลทินจนสิ้น!
หลังจากนั้น ร่างที่สูงตระหง่านซึ่งแต่เดิมพร่ามัวก็เริ่มชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะลำต้น ใบ รากของมัน… ทุกสิ่งพลุ่งพล่านไปด้วยแสงความศักดิ์สิทธิ์ที่สั่นสะเทือนไปรอบ ๆ
ในขณะนี้ ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า และหลอมรวมกับผืนดิน ใบของมันเขียวขจีและอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังปกคลุมทั่วผืนฟ้า!
เมื่อมองจากระยะไกล ก็ดูเหมือนกำลังเฝ้ามองดูเทพผู้ไร้เทียมทานได้เผยอิทธิฤทธิ์
เฉินซีขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขารู้สึกพึงพอใจ ตื่นเต้น ปีติยินดี และร่องรอยของความรู้สึกที่ซับซ้อน ที่แม้แต่เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้
ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงจุดนั้นและจ้องมองมันอย่างว่างเปล่า โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าพลังงานลึกลับภายในร่างนั่นได้รับการขัดเกลาและดูดซึมอย่างสมบูรณ์แล้ว ทำให้การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและการบ่มเพาะสิ้นสุดลงเช่นกัน
…
“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬอีกต้นหนึ่งได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเติบโตเต็มที่แล้ว…” ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว จักรพรรดินีอวี้เชอพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชมที่หาได้ยาก
เมื่อมาถึงจุดนี้ อาจกล่าวได้ว่าการชุมนุมล่าดารานั่นเต็มไปด้วยตัวแปรมากมาย มีทั้งโชคลาภ จิตสังหารอยู่ทุกฝีก้าว และยังมีบางสิ่งที่เกินความคาดหมายของทุกคนอีกด้วย
ในความเห็นของจักรพรรดินีอวี้เชอ การปรากฏตัวของเฉินซีเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้นางตกใจ
แต่เมื่อต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬปรากฏขึ้น นางก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้ หลังจากนั้นก็ตระหนักว่าโอกาสที่นางแสวงหาอยู่นั้น อาจเป็นวาสนาของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬเช่นกัน!
นางปราบกระบี่มลทินอเวจีได้สำเร็จ ในขณะที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬได้รับการเปลี่ยนแปลงจนสมบูรณ์ และนี่คือสิ่งที่จักรพรรดินีอวี้เชอไม่คาดคิดมาก่อน
หรือว่า!
ทันใดนั้น คิ้วสีดำหมึกก็ขมวดเข้าหากัน ดวงตาสุกใสจ้องมองไปยังดาววิญญาณมลทินที่อยู่ในระยะไกล จากนั้นรอยยิ้มลึกลับก็ปรากฏที่มุมปากที่ถูกปิดอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดง
การเผชิญโชคโดยบังเอิญทั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าหนูนั่น… แต่ทุกอย่างได้ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาได้รับน้ำค้างธุวดาราศักดิ์สิทธิ์และสร้างกายาเทวะของตัวเองขึ้นใหม่ ดังนั้นจึงถือว่าได้ตอบแทนเขาแล้ว
จักรพรรดินีอวี้เชอทราบดีว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬนั้นมีความเกี่ยวข้องกับ ‘เฉินสวิน’ อย่างแน่นอน และในทำนองเดียวกัน ก็ไม่มีทางที่นางจะปราบกระบี่มลทินอเวจีโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ ดังนั้นตลอด ‘การเผชิญหน้าโดยบังเอิญ’ ทั้งหมดนี้ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ เฉินซี และนางอาจกล่าวได้ว่า ทุกคนต่างได้สิ่งที่ต้องการและพอใจกับผลกำไรที่ได้รับ
ทว่าเมื่อหวนนึกถึงคำแนะนำที่ได้รับจากผู้ยิ่งใหญ่จากเอกภพจักรวรรดิ จักรพรรดินีอวี้เชออดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย
หรือว่าคนคนนั้น… จะได้ทำนายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว?
“ฝ่าบาท ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬดูเหมือนจะไม่มีเจ้าของ ด้วยพลังปัจจุบันของฝ่าบาท เหตุใดถึงไม่คว้าโอกาสนี้เพื่อปราบมันด้วยเช่นกัน” ทันใดนั้น เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวขึ้นมา และมันดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ทั้งหมด ทำให้พวกเขาจ้องมองไปที่จักรพรรดินีอวี้เชอพร้อม ๆ กัน
“ข้าไม่มีความสามารถขนาดนั้น” จักรพรรดินีอวี้เชอเหลือบมองทุกคน “ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าละทิ้งความคิดนี้ซะ สมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะครอบครองได้!”
สีหน้าของทุกคนแข็งค้าง และเขินอายอย่างอดไม่ได้ เพราะจักรพรรดินีอวี้เชอได้เปิดโปงความคิดของพวกเขาทั้งหมดแล้ว
…………….