บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1638 สยบโดยสมบูรณ์
บทที่ 1638 สยบโดยสมบูรณ์
…………….
บทที่ 1638 สยบโดยสมบูรณ์
ทุกคนกระทั่งคิดไปว่าหูของพวกตนมีปัญญา สวินหยางผิงอวดศักดาว่าจะฆ่าผู้ใดที่ทำให้ตนไม่พอใจทั้งหมดหรือ?
จะโอหังสามหาวเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!
ถึงขนาดนี้พวกเขานึกสงสัยไปว่าจักรพรรดิโกวเฉินมีบุตรเช่นนี้ได้อย่างไร เพราะสวินหยางผิงกระทำตามชอบใจ ไม่เห็นกฎเกณฑ์ในสายตา ยิ่งกว่านั้น ความโอหังยังเรียกได้ว่าชวนตะลึง
แต่นี่ยังแสดงให้เห็นทางอ้อมด้วยว่าสวินหยางผิงทะนงตนเพียงใด ไม่เห็นผู้ใดในโถงนี้ในสายตาเลย
นี่คือการยั่วยุลักษณะหนึ่ง และยังเป็นการหยามเหยียดอย่างเกินธรรมดาด้วย!
“หากเจ้ายังเสียเวลากันเช่นนี้ ข้าจะไปแล้วนะ” มุมปากเฉินซียกยิ้มยามเผชิญเหตุการณ์นี้ ดวงตาทอประกายลึกล้ำ ยังคงนิ่งสงบสงวนพลังชีวิต เฉยชาไม่ธรรมดาไม่เปลี่ยนแปลง
สวินหยางผิงแสร้งทำทีตกใจ ชำเลืองเฉินซีพลางกล่าว “เจ้าบอกว่าข้า คุณชายผู้นี้เสียเวลา? ฮ่า ๆ! วอนตายโดยแท้”
คำพูดของเขาหยามเหยียดโอหังและถือตน เหมือนอินทรีก้มมองมดบนพื้น
“ไอ้โง่งี่เง่า! ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่รักษามันไว้ เช่นนั้นก็ตายเสีย!” สวินหยางผิงหัวเราะลั่น เส้นผมยาวโบกไสว สาวเท้าออกมาเหวี่ยงแขนขวาฟาดใส่เฉินซี
เขาปราบศิษย์ในโถงนี้ติด ๆ กันมาหลายคน และยังเอาชนะสามตัวตนสูงสุดอย่างเสวียนท่าจื่อ อี้สวิน และกวนหงอวี่มาแล้ว จึงไม่คิดถือผู้ใดในโถงนี้จริงจังมาช้านาน
ขณะนี้ ยามออกแรงฟาด จึงเผยท่าทีดุจเป็นใหญ่เหนือโลกา ตั้งใจบดขยี้เฉินซีจบศึกโดยเร็วที่สุด
วูบ!
ร่างของเฉินซีวูบไหว เผยอักขระยันต์ลึกลับ ดูพร่ามัวเกินจับต้องยามหลบการโจมตีนี้ไปได้ง่าย ๆ
ตู้ม!
สวินหยางผิงแค่นยิ้มเย็น สาวเท้าออกมาอีกก้าว ทำมือเหมือนผลักตะวันจันทรา แบกอัสนีพร่างพรมกระแทกลงใส่เฉินซีอีกครั้ง
มิติเวลาพังทลายยามอัสนีเลื่อนลั่น แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าป่วนคลั่งทั่วบริเวณ ทำให้เฉินซีไม่อาจหลบเลี่ยง
วิธีการเช่นนี้เรียบง่ายตรงไปตรงมา คิดเอาชนะเฉินซีด้วยอำนาจที่เหนือกว่าอย่างล้นพ้น
วูบ!
“ฮึ! เจ้าทำเป็นแต่หลบหรือไร? หากกลัวก็ไสหัวไปได้แล้ว ข้าไม่มีความอดทนมาเสียเวลากับพวกขลาดเขลาอย่างเจ้าหรอก!” สวินหยางผิงแค่นเสียงเย็น
คนอื่น ๆ ในโถงเข่นเขี้ยวอย่างแค้นเคือง เจ้านี่ไม่เพียงโอหัง ยังปากหมาสันดานโจรอีก
“เฮอะ” เฉินซีพลันหยุดเคลื่อนไหว รอยยิ้มเย็นเยียบผุดขึ้นที่มุมปาก นับแต่เริ่มบ่มเพาะมาจนบัดนี้ เขาก็มักจะถูกด่าว่าโอหังสามหาวเกินไป แต่ไม่เคยมีผู้ใดกล้าเรียกเขาว่าขลาดเขลามาก่อน
ขณะนี้ อักขระยันต์สารพัดเจิดจรัสพลันพุ่งออกจากร่างอย่างบ้าคลั่ง พลุ่งพล่านอยู่รอบกาย ขณะที่ทักษะวิชาทั้งหมดระเบิดออกมา
ร่างถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันเรืองรองสายหนึ่งทันที ดูเหมือนตะวันผลาญทะยานเวหา เจิดจรัสสาดส่องถึงขีดสุด
ขณะนี้ ทุกคนในโถงต่างรู้สึกอึดอัดและมึนงงเป็นอย่างยิ่ง ปราณอันดุร้ายนี้ทรงพลังเกินไป ประหนึ่งจอมจักรพรรดิผู้ไร้เทียมทาน เมื่อเทียบกับท่าทีเยือกเย็นเฉยชาของเฉินซีก่อนหน้านี้ ก็เหมือนต่างออกไปราวคนละคน!
เพราะขณะนี้ อักขระยันต์พลิ้วไหวรอบร่างเฉินซี ปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผิวกายทุกอณูเรืองรองเจิดจรัส กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ดูจะก่อเป็นมหาสมุทรอันเชี่ยวกรากสาดซัด!
“หือ?” ม่านตาของเหล่าตัวตนทรงอำนาจหดตัวเฉียบพลัน สีหน้าแปรเปลี่ยนไป ขณะนี้ พวกเขาสัมผัสแรงกดดันได้แม้การฝึกฝนของพวกตนจะอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล!
สิ่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!
“ศักยภาพของมหาเทวาวิญญาณ…” เปลือกตาของชายชราร่างผอมข้างกายสวินหยางผิงพลันกระตุก ขณะที่ดวงตาฝ้าฟางเรืองประกายชวนตะลึง
อาภรณ์แดงของจักรพรรดินีอวี้เชอพลิ้วพัด มุมปากใต้ผ้าคลุมแดงปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย นางดูเหมือนจะไม่เคยคาดคิดว่าเฉินซีจะระเบิดอำนาจเช่นนี้ออกมาได้
ตู้ม!
การอธิบายนั้นใช้เวลาเนิ่นนาน ทว่าเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นในพริบตา เฉินซีเหยียบหนึ่งเท้าออกไป ขณะที่สารพัดอักขระยันต์อันหนาแน่นรอบกายปะทุขึ้น พวกมันเหมือนเป็นค่ายกลศักดิ์สิทธิ์โบราณกวาดออกปกคลุมรอบบริเวณ กระทั่งสวินหยางผิงยังถูกปกคลุมไว้เบื้องใต้
“เอ๋…” ขณะนี้ สวินหยางผิงผงะจังงัง รู้สึกถูกคุกคามกว่าหนใด
เขาแผดเสียงสนั่นตามสัญชาตญาณ ร่างสูงใหญ่วูบไหวผ่านกระบวนท่าเท้าเลียนตำแหน่งดารา เคลื่อนไหวใช้สารพัดทักษะวิชาสูงสุด ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่านแปรสภาพเป็นธารอัสนีอันดุร้าย ตั้งใจจะทะลวงการจองจำนี้และบดขยี้เฉินซีไปด้วยกัน
แต่แล้ว เขาก็ต้องขวัญผวาเมื่อทักษะวิชาพังทลายสลายไปทันทีที่ปะทะกับสารพัดอักขระยันต์ พวกมันถูกจมหายไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง
ในการปะทะซึ่งหน้า เขาไม่อาจสั่นคลอนใด ๆ เฉินซีได้เลย!
ดวงตาของสวินหยางผิงเบิกกว้าง ดูไม่อาจเชื่อตาตนเองได้นิดหน่อย หลังจากนั้น เขาพลันแผดเสียงกึกก้อง ขณะที่อักขระแสงอสนีบาตทั่วร่างจะเรืองรองเจิดจรัส ดูประหนึ่งจ้าวแห่งอัสนี แขนเหวี่ยงแส้อสนีบาตฟาดลงใส่เฉินซีนับไม่ถ้วน
นี่คือทักษะสูงสุดที่เขาได้รับสืบทอดมาจากจักรพรรดิโกวเฉิน มีนามว่าแส้พยุหอสนีบาต ฟาดฟันใส่สรรพชีวิต ทรงพลังป่าเถื่อนเป็นอย่างยิ่ง
แต่ท้ายที่สุด การโจมตีตอบโต้กระบวนนี้ก็ถูกบดขยี้ไปอีกครั้ง!
หนนี้ เฉินซีเดือดโทสะ ชายหนุ่มหยุดอำพรางอำนาจและใช้วิชาสูงสุดของตนออกมา ดังนั้นเมื่อเขาเผยอำนาจสุดกำลัง สวินหยางผิงก็ไม่อาจตั้งตัวรับได้ทัน
“เป็นไปได้อย่างไร!?” สวินหยางผิงแผดเสียงสนั่น เขาประสบความสำเร็จมาแต่ยังเยาว์ มีความสามารถโดยกำเนิดเหนือธรรมดา ก่อประทีปวิญญาณของแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์เก้าดวงในคราวเดียวได้เนิ่นนาน ทำให้มีศักยภาพของมหาเทวาวิญญาณ และแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยพบคู่มือในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกันอีกเลย
สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิโกวเฉินผู้เป็นบิดายิ่งโปรดปรานเอาใจ ทำให้นิสัยยิ่งเย่อหยิ่งจองหอง ทว่าเขาหาคาดคิดไม่ว่าจะมาถูกตอบโต้ในเอกภพมสิหิม โทสะที่รู้สึกในใจจึงคาดเดาได้ไม่ยากเลย
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นมหาเทวาวิญญาณเหมือนกัน!” แม้สวินหยางผิงจะสุดแสนเย่อหยิ่ง แต่ในเมื่อบรรลุความสำเร็จในปัจจุบันได้ เขาย่อมไม่ใช่คนโง่ และตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าที่แท้ เฉินซีก็เป็นมหาเทวาวิญญาณอันหาได้ยากเย็นเหมือนกับตน
ทว่าเรื่องนี้ก็ยังทำให้เขาไม่อาจยอมรับที่อำนาจต่อสู้ของเฉินซีเผยสัญญาณเหนือกว่าออกมาได้อยู่ดี
ในที่สุดยามนี้ พวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดเฉินซีจึงสามารถบดขยี้ตัวตนสูงสุดทั้งหลายอย่างเสวียนท่าจื่อและอี้สวินในการชุมนุมล่าดาราได้!
เพราะเขาเป็นมหาเทวาวิญญาณผู้หนึ่ง!
มหาเทวาวิญญาณน้อยนักจะเกิดขึ้นในเอกภพพันกว่าแห่งทั่วแดนเทพโบราณ!
อัจฉริยะไร้เทียมทานอย่างพวกเขาปรากฏขึ้นยามใด นิกายโบราณในเอกภพจักรวรรดิก็มักจะมารับตัวไป แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะพบมหาเทวาวิญญาณสักคนที่อื่นได้เลย
ทว่าขณะนี้ กลับมีมหาเทวาวิญญาณสองคนมาสู้กันต่อหน้าพวกเขา แล้วจะไม่ตะลึงได้หรือ?
โดยเฉพาะกวนหงอวี่ อี้สวิน เสวียนท่าจื่อ และผู้ยิ่งใหญ่จากสำนักเบื้องหลังของพวกเขาที่ยามนี้มีแต่ความรู้สึกซับซ้อนยากบรรยายอยู่ในใจ
…
วูบ!
ในสมรภูมิ เฉินซีมุ่งหน้าจู่โจมอย่างดุดัน ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิงเปลี่ยนฟ้าดินให้เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ล้นจนถล่มแหลก
ม่านตาของสวินหยางผิงหดตัว ในใจไม่เหลือเค้าการดูแคลนมองข้ามใด ๆ เขารวมกำลังทั้งหมดขณะกู่ร้องอย่างกราดเกรี้ยว สู้กับเฉินซีอย่างสุดกำลังเพราะไม่อาจรับเหตุเช่นนี้ได้!
เปรี้ยง!
แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องไร้ระเบียบ ขณะที่มหาเต๋ากึกก้องสนั่นหู
ผลกระทบอันน่าสะพรึงกลัวของวิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิงทรงพลังเสียจนสยบสวินหยางผิงทุกหนทาง ทำได้เพียงต้องขัดขืนการโจมตีของเฉินซีอยู่ฝ่ายเดียว
“บ้าเอ๊ย! บัดซบ!!” สวินหยางผิงคำรามลั่นไม่จบสิ้น ความรู้สึกนี้ย่ำแย่เหลือจะกล่าว ศึกเพิ่งเริ่มเท่านั้น แต่เขากลับถูกสยบด้วยอำนาจ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยประสบมาก่อนเลย
เปรี้ยง!
ขณะนี้ เรือนผมดกดำของเฉินซีส่ายสะบัด ร่างสูงยืนตระหง่านเช่นภูเขาศักดิ์สิทธิ์เกินเขยื้อน เพียงหนึ่งออกหมัด มิติก็ระเบิดเป็นเสี่ยง กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์สารพัดสั่นสะท้าน แข็งแกร่งอหังการถึงขีดสุด
เป็นไปตามคาด หมัดนี้ทะลวงการป้องกันของสวินหยางผิง ทำให้อีกฝ่ายต้องถอยไปเจ็ดก้าวหนัก ๆ ทุกย่างก้าวเหล่านั้นกระแทกธรณีแยกแหวก ทั้งโถงสั่นสะท้านรุนแรง
ขณะเดียวกัน สีหน้ายามเซถอยก็เปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ กว่าจะตั้งหลักได้ ใบหน้าก็ซีดขาวลงอย่างอดไม่ได้ สายโลหิตย้อยหยดลงจากมุมปาก
สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอำนาจหมัดนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด หากเป็นยอดฝีมือทั่วไป คงถูกหมัดนี้ชกแหลกเป็นเสี่ยงแล้ว
กระทั่งหัวใจของทุกคนในโถงยังสั่นสะท้านยามเห็นเช่นนี้ เพราะเฉินซีทรงพลังเกิน หนังศีรษะของพวกเขาจึงอดเสียววาบกันไม่ได้ แต่พริบตาต่อมา พวกเขาก็ฟื้นจากความตกตะลึง และถอนหายใจโล่งอก รู้สึกโล่งใจระคนตื่นเต้นกันเสียแทน
เพราะเมื่อครู่สวินหยางผิงสามหาวโอหังเกินไป เหยียดหยามดูหมิ่นพวกตนจากเอกภพมสิหิมไม่หยุดหย่อน ทำให้พวกเขาเคืองแค้นอยู่ในใจ ยามนี้เมื่อเฉินซีเผยอำนาจไร้เทียมทาน ทุกคนล้วนรู้สึกสะใจอย่างยิ่ง
“ไอ้เวร!!” สวินหยางผิงตวาดลั่นด้วยโทสะ กระทั่งความขุ่นเคืองคับแค้นใจ ยิ่งกว่านั้น เส้นผมยาวบนศีรษะยังชี้ตั้ง ดวงตาเกือบถลนจากเบ้าด้วยความโกรธ
เขาเดือดดาลอย่างแท้จริง เพราะตัวเขา บุตรลำดับสิบสามผู้ทรงเกียรติของจักรพรรดิโกวเฉินและมหาเทวาวิญญาณผู้อยู่เหนือโลกาถูกสยบข่มถึงเพียงนี้ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยประสบมาชั่วชีวิต!
วูบ!
ทันใดนั้น เขาก็ชักดาบยามสี่ฉื่อออกมาเล่มหนึ่ง ฟาดฟันเข้ามาพร้อมอสนีบาตโปรยปราย
เห็นได้ชัดว่านี่คือสมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นหนึ่งซึ่งมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือธรรมดา แฝงด้วยพลังแก่นแท้แห่งอัสนี ยามนี้ จิตสังหารของมันจึงเปี่ยมด้วยอำนาจทำลายล้างทรงพลัง
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีเลิกคิ้ว เขารู้ว่าตนไม่สามารถปะทะกับดาบนี้ได้ตรง ๆ เพราะมันไม่ต่างกับนำความได้เปรียบไปให้อีกฝ่ายเลย และนั่นรังแต่จะทำให้สวินหยางผิงเป็นฝ่ายรุกโจมตีในศึกนี้อีกครั้ง
เคร้ง!
พริบตาต่อมา ยันต์ศัสตราที่ดูธรรมดาก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือเรียวขาวของเฉินซีในฉับพลัน และฟาดฟันออกไป!
ปราณกระบี่จากมันหายวับสู่อากาศธาตุต่อหน้าทุกสายตาอย่างแปลกประหลาด และอึดใจต่อมา มันก็ปรากฏขึ้นกะทันหัน ฟาดฟันลงจากข้างกายสวินหยางผิง
กระบี่นี้ลึกลับและกะทันหันอย่างยิ่ง ทำให้ไม่อาจตั้งรับป้องกันได้ สวินหยางผิงซึ่งหลบไปได้ในยามคับขันจึงกล่าวได้ว่าไม่ธรรมดา
ทว่าปอยผมด้านซ้ายถูกปราณกระบี่เฉี่ยวจนขาดร่วง ยิ่งกว่านั้น ใบหน้ายังเกิดแผลน่าสะพรึงกลัว ทำให้โลหิตหลั่งรินออกมา
“แค้นนัก!” สวินหยางผิงผงะเสียจนสันหลังหนาววูบวาบ ใบหน้าบูดบึ้งพลางแผดเสียงเยี่ยงสัตว์ป่าจากความคับแค้นแน่นอก
หากเขาหลบการโจมตีนี้ไม่ทันเวลา มันคงเกี่ยวชีวิตของเขาไปแล้ว และทั้งหมดนี้ทำให้สวินหยางผิงเจียนบ้า