บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น
บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น
………………..
บทที่ 1650 ความสง่างามแห่งหนึ่งกระบี่นั้น
เจตจำนงกระบี่สายนั้นน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!
อำนาจของมันหนักหนาเช่นพสุธา ห่างไกลเช่นเต๋าสวรรค์ เก่าแก่เยี่ยงที่มาแห่งเต๋า ทันทีที่ปรากฏ มันก็ทำให้วิญญาณของเฉินซีสั่นสะท้าน รู้สึกถูกกดข่มอย่างยิ่ง
หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ เขาเป็นมหาเทวาวิญญาณผู้หนึ่ง การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ยืนตระหง่านเหนือใครในหมู่ระดับเดียวกัน ทว่าขณะนี้ เขากลับรู้สึกสิ้นกำลังต่อหน้าเจตจำนงกระบี่สายนี้ ดุจจอกแหนละล่องกลางสมุทร เล็กจ้อยเสียเหลือเกิน
เต๋าแห่งกระบี่ต้องสูงส่งเพียงไรกันแน่ จึงแผลงฤทธิ์เช่นนี้ออกมาได้? ในที่สุดเฉินซีก็ยืนยันได้ว่ามีขอบเขตในเต๋าแห่งกระบี่อันสูงส่งกว่าขอบเขตจักรพรรดิกระบี่อยู่ และมีเต๋าแห่งกระบี่อันลึกล้ำร้ายกาจยิ่งกว่านี้จริง!
เพราะถึงอย่างไร มันเป็นเพียงแผนภาพบนกระบี่เปื้อนเเลือดที่เสียหาย แต่เจตจำนงกระบี่ซึ่งถูกสลักไว้กลับมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของกระบี่เสียหายเล่มนี้มีการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่สูงส่งจนเกินเข้าใจ
ฮึ่ม!
ทว่าพริบตาต่อมา เฉินซีก็ไม่อาจมีเวลานั่งคิด ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากสั่นสะท้านไม่หยุดนิ่ง ทำให้แผนภาพยิ่งทวีความกระจ่างชัดเจน และเจตจำนงกระบี่นั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ….
ในดาราจักรไร้ขอบเขตอันดำสนิทเงียบสงัด หนึ่งร่างสูงยืนอยู่ที่ใจกลางดาราจักร และกระบี่เหล็กเล่มหนึ่งปักลง ณ แทบเท้า
ก่อนที่เฉินซีจะได้เห็นรูปลักษณ์ของบุคคลนั้นชัดเจน ภาพก็เปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลัน ผู้คนมากมายซึ่งมีอำนาจยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น
มีทั้งเทพอสูรสามเศียรหกกร ถือโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาคำรามลั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ป่วนดาราจักรเหลวแหลก
มีร่างสูงสีทองเกินคะเนอันบงการตะวันจันทรา ทั่วร่างเรืองรัศมีสารพันสาดส่องทั่วดาราจักร
มีนักพรตเต๋าซึ่งทั่วร่างเรืองรองด้วยแผนภาพไท่จี๋โกลาหล นั่งบนน้ำเต้าเซียนทะยานเวหา เอ่ยสัจธรรมลึกล้ำกึกก้องทั่วนภา
มีเทพป่าเถื่อนหน้าคนร่างสัตว์ร้ายใช้อสรพิษเทพเป็นพาหนะ ร่างใหญ่โตดุจขุนเขา แขนปกคลุมด้วยอัสนี….
มีหนึ่งจิตวิญญาณท่ามกลางมหาสมุทรโลหิตอันมีภูมิปัญญาสูงส่ง มีรูปลักษณ์เป็นสรรพสิ่ง….
…
ภาพชวนตื่นตาสารพัดและตัวตนทรงอำนาจกล้าแกร่งสูงส่งปรากฏขึ้นมากมาย ทำให้วิญญาณของเฉินซีสะท้าน ดวงจิตแห่งเต๋าสั่นคลอน จวนเจียนหายใจไม่ออก
ตัวตนเหล่านี้ ไม่ว่าผู้ใดล้วนแข็งแกร่ง ไม่ใช่ผู้ที่เทวารู้แจ้งวิญญาณหรือบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลสักคนจะเทียบรัศมีได้ ถึงขนาดที่ปราณของพวกเขาร้ายกาจยิ่งกว่าจักรพรรดินีอวี้เชอด้วยซ้ำไป!
ชั่วขณะนี้ แม้เขาจะเป็นเพียงผู้รับชม แต่ปราณร้ายกาจก็ทำให้เฉินซีสั่นสะท้านเสียจนดวงจิตแห่งเต๋าเจียนพังทลาย
โชคยังดีที่เหตุการณ์เหล่านี้ปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตา
วูบ!
อึดใจต่อมา ภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง หนึ่งปราณกระบี่กวาดทั่วดาราจักร ดุจสายธารแห่งกาลเวลาฟาดฟันลง
หลังจากนั้น….
เทพอสูรสามเศียรหกกรผู้ควบคุมโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็ถูกสังหาร!
ร่างสีทองสูงใหญ่เกินประมาณผู้บงการตะวันจันทราตกตาย!
นักพรตเต๋าผู้เอ่ยสัจธรรมลึกล้ำบนน้ำเต้าเซียนสูญสิ้น!
เทพป่าเถื่อนหน้ามนุษย์ร่างสัตว์ร้าย….
จิตวิญญาณอันมีภูมิปัญญาสูงส่ง มีลักษณ์เป็นสรรพสิ่ง….
ทั้งจักรวาล ความว่างเปล่า แดนดิน บัญชาเต๋าแห่งสวรรค์…. สรรพสิ่งถูกฟาดฟันสะบั้นไปด้วยปราณกระบี่สายนี้!
นี่มันอำนาจศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่อะไรกัน?
กระบี่นี้ไร้เทียมทานเพียงไร?
เกินคาดฝันใดโดยแท้!
ประหนึ่งไร้ถ้อยคำใดในโลกบรรยายอำนาจของมันได้ เพราะมันเกินการคาดคิดใด ๆ โดยสิ้นเชิง
ถึงขนาดที่เฉินซีกระทั่งไม่มีเวลาพอมาประจักษ์ต่อเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน ก่อนที่ร่างจะรู้สึกดุจต้องอัสนีฟาด ดวงตาเจ็บแปลบเหมือนถูกทิ่มแทง ทั่วร่างเริ่มสั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้
ฮึ่ม!
ทัศนียภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง สถานที่ยังคงเป็นดาราจักรแห่งเดิมอันดำสนิทและเงียบสงัด เพียงแต่มีเพียงร่างนั้น และ… กระบี่เหล็กซึ่งเสียบอยู่แทบเท้าที่คงเหลือ
กระบี่เหล็กเล่มนั้นเสียหายแล้ว คมของมันเต็มไปด้วยเลือด ดูหม่นประกายลงอย่างมาก
“ชั่วชีวิตข้า กวัดแกว่งกระบี่สะบั้นหมื่นเต๋า สังหารมวลศัตรู ท้ายที่สุดก็เห็นสุดยอดวิถี วิถีข้าไม่ได้เดียวดาย วิถีข้าไม่ได้เดียวดาย!” ทันใดนั้น บุคคลผู้นั้นก็แผดเสียงหัวเราะร่าสะท้านทั่วดาราจักร ทั้งตื่นเต้น จนใจ โศกเศร้า และเจือความรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยไปพร้อม ๆ กัน….
ท้ายที่สุด ร่างนั้นพลันทรุดลงแหลกสลาย จากนั้นก็กลายเป็นละอองแสงหายไป
หลงเหลือเพียงกระบี่เหล็กอันเสียหาย มันสั่นสะท้านท่ามกลางดาราจักรอันดำสนิทเงียบสงัด….
เปรี้ยง!
เฉินซีรู้สึกเหมือนห้วงความคิดสั่นคลอน แล้วจึงฟื้นคืนจากเหตุประหลาดทั้งหลายอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าซีดขาวลง ขณะที่ทั่วร่างอาบชุ่มด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ สีหน้าแววตายังคงเจือความตกตะลึงอย่างไม่อาจลบออก
คนผู้นั้น… หรือจะเป็นเจ้าของกระบี่เสียหาย?
สุดยอดวิถีคืออะไร?
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ชนะ แต่เหตุใดจู่ ๆ เขาจึงสลายไป? เขาจากไปหรือ? หรือเขา… ตายไปแล้ว?
คำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามาในใจเฉินซี ทำให้ชายหนุ่มนิ่งงันไปเนิ่นนาน
ท้ายที่สุด เขาก็ทำได้เพียงยืนยันคร่าว ๆ ว่าแผนภาพในกระบี่เสียหายเปื้อนเลือดซึ่งปรากฏจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากก็คือกระบี่เหล็กในมือคนผู้นั้น
เขาไม่รู้เรื่องอื่นนอกจากนี้เลย
…
แสนนานจากนั้น จู่ ๆ เฉินซีก็ตระหนักถึงบางสิ่ง เหตุใดชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากจึงมีปฏิกิริยาผิดปกติเช่นนี้ทันทีที่ข้าเหยียบย่างเข้าสู่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่?
แผนภาพของกระบี่เสียหายเปื้อนเลือด ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก…. หรือพวกมันจะมีความเชื่อมโยงบางอย่างต่อกันอยู่จริง ๆ?
จู่ ๆ เฉินซีก็หวนระลึกถึงอักขระโบราณอันคลุมเครือซึ่งก็คือ ‘荒’ กับ ‘墟’ อันปรากฏบนชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากขึ้นมาไม่ได้
ฮึ่ม!
ทันใดนั้น ความรู้สึกอันคุ้นเคยก็บังเกิดในใจเฉินซีอีกครั้ง รู้สึกเหมือนบางอย่างในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่กำลังเพรียกหาจากไกล ๆ
เหตุที่รู้สึกคุ้นเคยนั้น เป็นเพราะเขาเคยรู้สึกถึงการเพรียกหานี้มาก่อนตอนที่มายังมหาสมุทรสุสานเทวะโดยไม่ตั้งใจในวันแรกที่เข้ามาในเมืองเฟิงฉี
ทว่าแม้เขาจะยังสัมผัสมันได้เพียงเลือนราง แต่ก็ชัดเจนกว่าก่อนหน้านี้มากนัก
ถึงขนาดที่เฉินซีตัดสินใจได้ทันทีว่าการเรียกหานี้มาจากทิศเหนือของซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่!
เฉินซีอดพยายามสัมผัสตรวจสอบแผนภาพในกระบี่เสียหายเปื้อนเลือดในห้วงจิตสำนึกไม่ได้
ตู้ม!
ขณะที่จิตสำนึกสัมผัสแผนภาพนั้นเอง แผนภาพพลันเรืองประกาย ทั้งภาพแปรสภาพเป็นพลังอันพลุ่งพล่านสายหนึ่งไหลบ่าเข้าสู่จิตสำนึกอย่างกะทันหัน
ความรู้แจ้งสารพัดในเต๋าแห่งกระบี่แผ่พล่านไม่รู้จบดุจวารีหลาก ผลกระทบจากมันทำให้จิตสำนึกเจียนระเบิด เพราะความรู้แจ้งเหล่านั้นมหาศาลเกินไปโดยแท้จริง ทำให้กระทั่งความแข็งแกร่งปัจจุบันของเขายังเกือบทนรับไม่ไหว
พริบตาต่อมา ความรู้แจ้งทั้งมวลพลันชะงัก ก่อนจะเปลี่ยนลักษณ์ไปเป็นแผนภาพในกระบี่เหล็กในจิตสำนึกของเฉินซี
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นมรดกรูปแบบหนึ่ง บรรจุการรู้แจ้งในเต๋าแห่งกระบี่อันยิ่งใหญ่เกินคาดฝัน และยามนี้ มันก็มาอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเฉินซี!
ชายหนุ่มทั้งประหลาดใจและรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย แต่เมื่อเขาใช้จิตสำนึกตรวจสอบมรดกนี้ ก็สังเกตพบว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง!
เพราะเจตจำนงกระบี่อันเวิ้งว้าง ห่างไกลและโบราณในมรดกนี้หนาแน่นทรงพลังอย่างยิ่ง นอกจากนั้น มันกระทั่งบรรจุประสบการณ์และการรู้แจ้งมหาศาลสุดขั้ว ทำให้ความคิดและหัวใจเกือบจมในหมู่พวกมันจนไม่อาจแยกตัว
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเฉินซีตรวจสอบชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอีกครั้ง เขาก็สังเกตเห็นว่าแผนภาพกระบี่เสียหายเปื้อนเลือดหายไปจากมันแล้ว
ทั้งหมดนี้พิสูจน์ว่าขณะนี้ เขาได้รับมรดกเต๋าแห่งกระบี่ในแผนภาพมาแล้วอย่างแท้จริง!
ไม่คาดเลยว่าข้าจะได้พบโอกาสทันทีที่มาถึงซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ต่อให้กลับไปเสียตอนนี้ ข้าก็จากไปได้โดยไม่เสียดายแล้ว! เฉินซีอดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ หลังจากบรรลุขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ในเต๋าแห่งกระบี่ เขาก็มาถึงทางตันที่เต๋าแห่งกระบี่ไม่อาจพัฒนาได้ต่อไปโดยแท้จริง เรื่องนี้มีเหตุผลสารพัด แต่เหตุผลสำคัญสูงสุดคือเขาขาดความรู้และมรดกเกี่ยวกับขอบเขตเหนือขอบเขตจักรพรรดิกระบี่
หนนี้ ปรากฏว่าเขาบังเอิญได้รับมรดกภายในแผนภาพกระบี่เสียหายเปื้อนเลือดนั้นมา ความตื่นเต้นยินดีจึงเข้มข้นชัดเจน
เพราะถึงอย่างไร เมื่อครู่นี้ เขาก็ได้ประจักษ์เหตุการณ์สะท้านโลกาเหล่านั้นมาด้วยตนเอง เห็นพลังกระบี่อันไม่อาจนิยามด้วยถ้อยคำใดมากับตา!
อำนาจของมรดกเต๋าแห่งกระบี่อันสะบั้นหมื่นเต๋า ประหารเหล่าศัตรูนั้นชัดเจน
หากไม่มีภารกิจสำคัญ ต้องหยุดยั้งไม่ให้กงเหย่เจ๋อฟูบรรลุเป้าหมาย เฉินซีก็อยากปิดด่านบ่มเพาะไปสักพักเสียเดี๋ยวนี้เหลือเกิน
แม้ข้าจะมีเวลาไม่พอทำความเข้าใจมัน ก็จะเสียเวลาที่มีไปตลอดทางไม่ได้ ข้าจะทำความเข้าใจมันให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้… เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเนิ่นนาน ชายหนุ่มตระหนักชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของศัตรูในครั้งนี้ร้ายกาจเพียงไร และศัตรูเช่นนี้ก็ยังมีมากกว่าหนึ่งด้วย
แม้เฉินซีจะไม่ได้กลัว แต่ก็ไม่อาจมั่นใจเต็มที่ได้ว่าจะชนะศัตรู ดังนั้นเขาจึงตั้งใจใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด พัฒนาอำนาจต่อสู้เท่าที่ทำได้
ไม่ต้องพูดถึงว่า เมื่อได้มรดกจากกระบี่เหล็กเล่มนั้นมา เขาก็สามารถทำความเข้าใจมันเพื่อประยุกต์ใช้ และใช้คู่ต่อสู้เป็นหินลับมีดพัฒนาความแข็งแกร่งของตนได้
เมื่อเขาคิดเรื่องทั้งหมดนี้ เฉินซีก็หยุดลังเลแล้วลงมือทันที
วูบ!
ร่างสูงใหญ่วูบไหวมายังริมผาในทันใด รวบรวมสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ในรอยแตกศิลาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พินิจมันเล็กน้อย ก่อนจะเก็บมันไปอย่างพึงพอใจ
สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ มันมีปราณเต๋าโกลาหลพลุ่งพล่าน ทุกชุ่นคืบของใบปกคลุมด้วยอักขระเต๋าลึกลับ เหนือชั้นกว่าสิ่งใดที่เคยเห็นมาในอดีต มูลค่าไม่อาจประมาณได้
ทว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้กลับมาเกิดที่กำแพงผานี่ถึงสามต้น มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีโอกาสมากมายเพียงไรอยู่ในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ไม่แปลกใจเลยที่มันดึงความสนใจจากเหล่าอัจฉริยะไร้เทียมทานจากแดนเทพโบราณได้มากมาย
ต่อให้พวกเขาจะยอมละทิ้งรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า แค่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์และสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็เพียงพอให้เหล่าผู้บ่มเพาะสู้ตายกันได้แล้ว
การที่เฉินซีสังเกตเห็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามทันทีที่มาถึงซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่นั้นไม่ใช่เพียงเพราะมีโชคเพียงอย่างเดียว แก่นของมันอยู่ตรงที่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เต็มไปด้วยโชคอันเกินคาดคิดด้วย
วูบ!
ร่างของเฉินซีวูบไหวไปเด็ดสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ต้นที่สองอีกครั้ง
ทว่าขณะที่กำลังจะเด็ดสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ต้นสุดท้ายนั้นเอง หัวใจพลันเต้นกระตุก ชายหนุ่มหยุดสิ่งที่กำลังทำตามสัญชาตญาณแล้วหลบไปข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว
ฟิ่ว!
แส้สีเขียวเข้มเส้นหนึ่งแหวกอากาศเข้ามา และด้วยการตวัดและทึ้งดึงเบา ๆ สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกถอนออกไปต่อหน้าต่อตา