บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1653 เชินถูเยียนหราน
บทที่ 1653 เชินถูเยียนหราน
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินซี สีหน้าของเป่ยเหวินมืดหมองลง เขาโกรธเกรี้ยวอย่างสุดขีด เพราะไม่เคยพบเจอคนที่ดื้อรั้นขนาดนี้มาก่อน
คุนอู๋ชิงกลับยิ้มอย่างสุขุม และเหลือบมองเป่ยเหวิน “หากเป็นเช่นนั้น… ข้าคงต้องปฏิเสธเท่านั้น”
ความหมายเบื้องหลังคำพูดก็คือ เขาตั้งใจจะช่วยเป่ยเหวินจนถึงที่สุด
ท่าทีนี้ทำให้เฉินซีโกรธเคืองอย่างยิ่ง เป็นเพราะการแทรกแซงอย่างกะทันหันของคนผู้นี้ การต่อสู้ที่ควรจะจบลงจึงถูกรบกวน เป็นใครก็ไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้
“ดังนั้นเจ้าจึงตั้งใจจะเป็นศัตรูกับข้าหรือ?” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับสหายเต๋า” คุนอู๋ชิงยิ้มด้วยความเบิกบานใจ ไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย
เฉินซีตกอยู่ในความเงียบ มือกำยันต์ศัสตราแน่นขึ้นเรื่อย ๆ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ค่อย ๆ หนาแน่นยิ่งขึ้น…
บรรยากาศเริ่มกดดันและตึงเครียดทุกขณะ
พายุจะพัดโหมได้ทุกเมื่อ!
เขาได้ประจักษ์ชัดต่อเหตุการณ์ที่คนผู้นี้บดขยี้ศัตรูด้วยการโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว ในใจจึงไม่กล้าถือว่าเฉินซีเป็นคนธรรมดาอีกต่อไป
ถึงขั้นที่เขามองเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจ เหตุผลนั่นง่ายมาก คนผู้นี้ลึกลับเกินไป และต้นกำเนิดก็น่าสงสัยอย่างยิ่ง เนื่องจากชื่อของเฉินซีดูเหมือนจะไม่อยู่ในร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับรู้แแจ้งวิญญาณด้วยซ้ำ
มันผิดปกติอย่างยิ่ง!
ท้ายที่สุดแล้ว พลังของเทียบอันดับเทวาครอบคลุมทุกพื้นที่ของเต๋าสวรรค์ในแดนเทพโบราณ แทรกซึมอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อความแข็งแกร่งของมหาเทวาวิญญาณบรรลุถึงความสูงระดับหนึ่ง มหาเทวาวิญญาณผู้นั้นจะได้รับอันดับในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
แต่กลายเป็นว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้า สามารถเอาชนะเป่ยเหวินที่อยู่ในอันดับที่ห้าสิบสามได้อย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำ ชื่อของเขาดูเหมือนจะไม่ปรากฏในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง
เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แน่นอนว่าต้องมีความลับอยู่เบื้องหลัง!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คุนอู๋ชิงจะกล้าประเมินเฉินซีต่ำไปได้อย่างไร
แน่นอน แม้จะไม่กล้าประเมินอีกฝ่ายต่ำไป แต่หากต้องปะทะกันจริง ๆ เขาก็ไม่เกรงกลัวเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นมหาเทวาวิญญาณที่อยู่ในอันดับที่สิบเก้า ดังนั้นจึงมั่นใจในความสามารถของตัวเองระดับหนึ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ! สหายเต๋าช่างเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ท่านรู้ถึงความหนักเบา และรู้วิธีจัดการตัวเอง หากข้าไม่มีเรื่องสำคัญให้จัดการ ข้าก็อยากจะเลี้ยงสุราเลิศรสให้แก่สหายเต๋าจริง ๆ” คุนอู๋ชิงแผดหัวเราะลั่น เพราะเขารู้เช่นเห็นชัดว่าเฉินซีได้ล้มเลิกความคิดที่จะจัดการเป่ยเหวินแล้ว
ในขณะนี้ เป่ยเหวินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
บรรยากาศที่ตึงเครียด ค่อย ๆ ผ่อนคลาย และสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่เฉินซี คุนอู๋ชิง และเป่ยเหวินล้วนทราบดีว่าหากเฉินซีเปลี่ยนใจ มันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นขอตัวลา” เมื่อเห็นว่าเฉินซีไม่ได้พูดอะไรอีก คุนอู๋ชิงจึงยิ้มพร้อมกับประสานมือคารวะ จากนั้นก็จากไปพร้อมกับเป่ยเหวินอย่างรวดเร็ว
“ไอ้สารเลวนั่น!” ความเกลียดชังปกคลุมใบหน้าของเฉินซีทันที ในขณะที่มองดูทั้งสองลับตาไป ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบคุนอู๋ชิง เขาเกลียดวิธีการชั่วร้ายที่อีกฝ่ายสังหารสหายเต๋าคนอื่น ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง คราวนี้คุนอู๋ชิงได้เข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้ และทำให้แผนการล้มเหลว ดังนั้นเฉินซีจึงรู้สึกเกลียดชังชายแซ่คุนอู๋ผู้นี้อย่างยิ่ง
เฉินซีตัดสินใจแล้วว่า หากมีโอกาสเขาจะแก้แค้นเรื่องในวันนี้ให้ได้!
แต่หลังจากนั้น เฉินซีก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเบา ๆ “หากข้ามีความแข็งแกร่งพอที่จะสยบเขาได้ แล้วทำไมข้าจะต้องรอจนถึงคราวหน้า แล้วข้าจะหยุดการต่อสู้ครั้งนี้ได้อย่างไร?
สิ่งสำคัญคือหากสู้กับแค่คุนอู๋ชิงเฉินซีย่อมมั่นใจว่าตนจะไม่ตกเป็นรองอย่างแน่นอน แต่ถ้ารวมเป่ยเหวินด้วย ผลลัพธ์ก็ยากที่จะคาดเดา
เขาเพิ่งก้าวเข้าไปในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ และเป้าหมายคือการหยุดกงเหย่เจ๋อฟูจากการได้รับรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ตัวเองในขณะนี้
ช่างเถอะ เขาคงยังไม่ออกไปจากซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เร็ว ๆ นี้ ข้ายังมีโอกาสคิดบัญชีกับเขาในภายหน้า! เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และหยุดคิดถึงเรื่องนี้
แปะ! แปะ! แปะ!
ทันใดนั้น จู่ ๆ เสียงปรบมือก็ดังก้องมาจากระยะไกล จากนั้นแสงสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นร่างเพรียวบางงดงาม
ผู้มาใหม่คือสตรีสวมชุดสีฟ้าอ่อนที่มีรูปโฉมประณีตงดงาม เรือนผมยาวขดเป็นมวย ริมฝีปากสีแดงชุ่มชื้นอวบอิ่ม เรือนร่างเปี่ยมด้วยกลิ่นอายอันน่าดึงดูด
ทันทีที่ปรากฏตัว ดวงตาที่วาววับและสวยงามก็จับจ้องไปที่เฉินซี และนางก็ปรบมือพลางกล่าวว่า “สหายเต๋าช่างมีความสามารถ ทั้งยังมีอุปนิสัยและความกล้าหาญที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
หญิงสาวไม่ได้ตระหนี่คำชมแต่อย่างใด ล้วนจริงใจและเป็นธรรมชาติโดยแท้ ทำให้คนอื่นรู้สึกสบายใจเมื่อได้ยินมัน
หัวใจของเฉินซีกระตุกวูบ ยังมีอีกคน!
ชายหนุ่มรู้สึกระแวงในใจ เพียงแค่ความปั่นป่วนของการต่อสู้ช่วงสั้น ๆ กลับดึงดูดผู้คนมาได้
“ข้ามาจากตระกูลเชินถูในเอกภพจักรวรรดิ นามของข้าคือเชินถูเยียนหราน” สตรีคนนั้นแนะนำตนเองด้วยท่าทางที่สำรวมและสง่างาม น้ำเสียงไพเราะรื่นหู ทำให้คนฟังอดรู้สึกประทับใจไม่ได้
เชินถูเยียนหราน!
ทันใดนั้น เฉินซีก็จำได้ว่านางเป็นมหาเทวาวิญญาณที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ ซึ่งอยู่ในอันดับที่สิบสามของเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ!
แผ่นหยกที่จักรพรรดินีอวี้เชอมอบให้ได้ระบุว่า เชินถูเยียนหรานนั่นมีสติปัญญาล้ำเลิศ นางได้บ่มเพาะอยู่ในขุมพลังเก่าแก่ในเอกภพจักรวรรดิตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งได้เร้นกายไปจากทางโลก ยิ่งไปกว่านั้น การบ่มเพาะยังลึกเหมือนมหาสมุทร และไม่อาจหยั่งถึงเหมือนหุบเหว
ในบรรดาอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ของเอกภพจักรวรรดิ เชินถูเยียนหรานถือได้ว่าเป็นตัวตนที่เปล่งประกายดุจเทพธิดา และมีกลุ่มคนที่ภักดีมารวมกันอยู่รอบตัวนาง
ตามที่จักรพรรดินีอวี้เชอกล่าวไว้ ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาและมีทักษะในการดึงดูดผู้อื่นให้มาเป็นพรรคพวก นางมีความเป็นผู้นำ ซึ่งหาได้ยากในหมู่คนธรรมดา
ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกฉงนสงสัย นางมาหาข้าทำไม?
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังตอบกลับไป “ที่แท้ก็แม่นางเยียนหรานนี่เอง ข้าเฉินซีจากเอกภพมสิหิม ”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ เชินถูเยียนหรานก็ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนนางจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พลางมองอย่างพินิจ จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นสหายเต๋าเฉินซี ข้าได้ยินมาว่า การชุมนุมล่าดาราที่จัดขึ้นในเอกภพมสิหิมเมื่อไม่นานมานี้ มีบุคคลที่โดดเด่นมากปรากฏขึ้นที่นั่น เขายังเอาชนะสวินหยางผิง องค์ชายสิบสามของจักรพรรดิโกวเฉิน ในระหว่างงานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยจักรพรรดินีอวี้เชอได้ด้วย”
หญิงสาวหยุดครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาวาววับจะจ้องมองไปที่เฉินซี “บุคคลที่โดดเด่นนั่น คือสหายเต๋าเฉินซีกระมัง?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ที่ฟังดูเหมือนการเยินยอ เฉินซีก็ตกใจ ความสามารถของแม่นางผู้นี้ไม่ธรรมดาเกินไปหน่อยหรือ? นางรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเอกภพมสิหิมจริง กล่าวได้ว่ามีความสามารถและความรู้ที่ไม่ธรรมดา!
ไม่น่าแปลกใจที่ใคร ๆ ก็บอกว่านางมีสติปัญญากว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร และมีศักยภาพของการเป็นผู้นำ
“แม่นางเยียนหรานชมเกินไปแล้ว เป็นข้าเอง” เฉินซีพูดด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง
“คุณชายเฉินซี ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ เดินเล่นกับข้าหน่อยได้หรือไม่? ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับคุณชาย” เชินถูเยียนหรานยิ้มบาง ในขณะที่เสียงอันไพเราะดังก้อง นางเชิญอีกฝ่ายด้วยท่าทีอบอุ่น และทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่ากำลังอาบไล้อยู่ใต้สายลมของฤดูใบไม้ผลิ ถึงขั้นที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่อาจปฏิเสธได้
อย่างไรก็ตาม เฉินซียังคงเฉยเมยและเอ่ยปฏิเสธทันที “ขออภัยด้วย แต่ข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ ไม่สามารถปลีกตัวได้จริง ๆ หวังว่าแม่นางเยียนหรานจะไม่ถือสา”
เขาไม่ต้องการพัวผันกับหญิงสาวผู้นี้มากเกินไป เพราะนางมีความคิดลึกล้ำดุจมหาสมุทรที่ไม่อาจหยั่งถึง และเขาก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้
เฉินซีลอบถอนใจทันที เห็นได้ชัดว่าแม่นางคนนี้ไม่คิดที่จะหยุดเช่นนั้น
ดังที่กล่าวกันว่า อย่าทุบตีผู้ที่ยิ้มแย้ม และเป็นมิตร ดังนั้นเฉินซีจึงไม่สามารถปฏิเสธนางได้
“แม่นางเยียนหราน ข้าขอทราบได้หรือไม่ ว่ามีเรื่องอันใดถึงมาหาข้า? โปรดกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ถ้าข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้น เชินถูเยียนหรานก็ขมวดคิ้วและถอนหายใจเบา ๆ “สหายเต๋า เมื่อครู่นี้เพิ่งมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้น หรือเจ้าไม่กังวลว่าคนอื่นจะมารบกวนเราสองคน”
ทุกคำที่นางกล่าวนั้นไพเราะรื่นหู ทั้งยังเจือน้ำเสียงเย้าแหย่อยู่เล็ก ๆ
ใบหน้าของเฉินซีแข็งทื่อทันที นางหมายความว่าอย่างไร? แล้วการถูกรบกวนหมายถึงอะไร? นางทำให้ข้าดูเหมือนกำลังแอบนัดพบกัน…
“ไปกันเถอะ” เฉินซีเอ่ยตัดบททันที
เชินถูเยียนหรานยิ้มบาง และดูค่อนข้างพอใจกับคำตอบที่ได้รับ หญิงสาวชี้นิ้วเรียวไปทางเหนือ “ไปที่นั่นกันเถอะ เรื่องนี้ไม่อาจล่าช้าได้”
ส่วนเรื่องที่อะไรที่ไม่อาจล่าช้านั้น นางไม่ได้กล่าวถึง
ในทางกลับกัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเลือกทางเหนือ เฉินซีก็ไม่ได้กล่าวอะไร เพราะเขาก็ต้องการมุ่งหน้าไปทางเหนือเช่นกัน
เหตุผลนั่นธรรมดามาก เป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงการเรียกหาที่คลุมเครือมาจากทางทิศเหนือของของซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่
โดยไม่ลังเล ทั้งสองคนพุ่งปราดขึ้นไปกลางอากาศ และเคลื่อนย้ายไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที
อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดินทาง จู่ ๆ เชินถูเยียนหรานก็หันหน้ากลับมากล่าวว่า “คุณชายเฉินซี เจ้าจะรังเกียจไหมถ้าข้าจะช่วยเหลือเจ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางกล่าว “แม่นางหมายถึงอันใด”
เชินถูเยียนหรานยิ้มและแตะแผ่นหลังของเฉินซีเบา ๆ
ริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มแย้มยิ้ม ใบหน้าสวยงามอ่อนโยนอย่างแท้จริง
ทว่าร่างกายของเฉินซีกลับตึงเครียดขึ้นทันที แม้เขาจะไม่ปฏิเสธ แต่เขาก็ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง และหากเชินถูเยียนหรานเผยเจตนาร้ายแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะตอบโต้ทันที
เพราะถึงอย่างไร ระหว่างเราก็ไม่มีความสัมพันธ์หรือความเชื่อมโยงใด ๆ ดังนั้นไม่ว่าท่าทีของนางจะดีเพียงใด เขาก็ไม่กล้าปักเชื่อใจนางแม้แต่น้อย
โชคดี ที่ไม่มีความผิดปกติใดเกิดขึ้น
เพียงชั่วพริบตา เชินถูเยียนหรานก็ละมือออกไป พร้อมกับผีเสื้อตัวหนึ่งที่ไม่สะดุดตาที่ระหว่างนิ้วของนาง ผีเสื้อขนาดเพียงหนึ่งชุ่นและมีสีเทาสนิท
แน่นอน นางนำมันออกมาจากเสื้อผ้าบนหลังของเฉินซี!