บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1659 สัจหฤทัยสูตร
บทที่ 1659 สัจหฤทัยสูตร
เมื่อเหลือบเห็นเจียหนานเป็นครั้งแรก เฉินซีก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง บางที เล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ อาจไม่กลัวเจียหนาน แต่ไม่ใช่กับเฉินซี
นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของสัญชาตญาณล้วน ๆ
แน่นอนว่า โดยปกติแล้ว เฉินซีไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเจียหนาน ในระหว่างการมาซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ในครั้ง
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วธูป น้ำเต้าสะบั้นวิญญาณก็หยุดสั่น มันค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบและเงียบงัน
แต่กระนั้น เมื่อสายตาของเฉินซีจับจ้องไปที่โลกภายนอก ก็พบว่ามันเป็นสีเทาสนิท และไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเข้าผ่านแดนปีศาจโกลาหลแล้ว มันช้าลงมากจนแทบหยุดนิ่ง
“ทุกคน เราได้มาถึงภายในปราณหมานกู่วิเวกแล้ว และอย่างเร็วที่สุดหนึ่งเดือน ก่อนที่เราจะไปแดนรากบรรพกาล ท้ายที่สุดแล้ว ปราณหมานกู่วิเวกก็ไม่ธรรมดาเลย ไม่ต้องกล่าวถึงสมบัติวิญญาณธรรมชาติ แม้เราจะพึ่งพาความแข็งแกร่งของเราเพื่อเหาะเหิน แต่เราต้องทนทุกข์จากการยับยั้งอย่างมาก”
เล่ออู๋เหินอธิบาย “อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ไม่มีอันตรายใด ๆ ภายในพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยปราณหมานกู่วิเวก ดังนั้นทุกคนจึงสามารถถือโอกาสนี้นั่งสมาธิได้สักระยะหนึ่ง เพราะเมื่อเราไปถึงแดนรากบรรพกาล เราจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกต่อไป”
หนึ่งเดือนเหรอ? ข้าสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อทำความเข้าใจมรดกจากกระบี่เหล็กนั่น… เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็ตัดสินใจและลุกขึ้นยืนทันที
“สหายเต๋าเฉินซี เจ้าจะไปไหนหรือ?” อวี๋ชิวจิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ข้าจะไปบ่มเพาะ” เฉินซีกล่าวอย่างสบาย ๆ
“บ่มเพาะ?” อวี๋ชิวจิงรู้สึกขบขัน “เวลาแค่หนึ่งเดือน หากนั่งสมาธิอยู่ที่นี่ก็เหมือนผ่านไปในพริบตา ข้าเกรงว่าเวลาคงไม่เพียงพอที่เจ้าจะบ่มเพาะได้กระมัง?”
คนอื่น ๆ ก็รู้สึกขบขันเช่นกัน เวลาเพียงเดือนเดียว จะบรรลุความสำเร็จอันใดได้? หรือคนผู้นี้คิดว่าจะสามารถทะลวงขอบเขตได้ภายในเวลาหนึ่งเดือน?
เฉินซีเพียงยิ้มและไม่สนใจอีก จากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไป
…
“คนผู้นี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริง” มีคนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะเมื่อเห็นเฉินซีจากไป
“แม่นางเยียนหราน เจ้ารู้จักเฉินซีคนนี้ได้อย่างไร? ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับภูมิหลังของคนผู้นี้” มีคนอาศัยโอกาสนี้เพื่อสอบถามเกี่ยวกับภูมิหลังของเฉินซี
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยตั้งข้อสงสัยและปฏิเสธเฉินซี เพราะพวกเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่เพียงพอ ทั้งยังขาดชื่อเสียง แต่หลังจากที่เฉินซีเอาชนะเฉาเจิน และได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้เฉินซีข่มขวัญกำลังใจ ดังนั้นแม้จะไม่ได้กล่าวถึงมันอย่างเปิดเผย แต่ทัศนคติที่มีต่อเฉินซีก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก
เชินถูเยียนหรานย่อมสังเกตเห็นสิ่งนี้ด้วยการมองเพียงแวบเดียว และความรู้สึกรังเกียจก็พลุ่งพล่านออกมาจากใจทันที พวกจองหองเหล่านี้ ล้วนคิดว่าตัวเองสูงส่งมาก ดังนั้นจึงดูถูกผู้บ่มเพาะในเอกภพอื่น ๆ ข้าสงสัยว่าพวกเขาไปเอาความรู้สึกเหนือกว่าเช่นนี้มาจากใด
หากคนเหล่านี้มันไม่ได้รับการปกป้องจากกองกำลังที่หนุนหลังอยู่ ยามนี้พวกมันคงถูกสั่งสอนไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วกระมัง?
“ข้าก็จะไปบ่มเพาะเช่นกัน” ก่อนที่เชินถูเยียนหรานจะกล่าว จวนอวี๋สุ่ยซึ่งปกติจะนิ่งเงียบก็กล่าวขึ้นกะหันทัน จากนั้นลุกขึ้นยืนและจากไปทันที
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง และไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดสำหรับการกระทำของจวนอวี๋สุ่ยได้
บางทีเขาอาจจะทนเห็นคนเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน
เชินถูเยียนหรานครุ่นคิด ขณะเดียวกันนางก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าก็จะบ่มเพาะเช่นกัน ดังนั้นเชิญพวกเจ้าตามสบาย”
ทันทีที่สิ้นคำ นางก็เดินจากไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนก็คาดเดาเหตุผลเบื้องหลังทั้งหมดได้คร่าว ๆ ทำให้สีหน้าของทุกคนก็ดูมืดมนเล็กน้อย
แสงเย็นวูบวาบในดวงตาของอวี๋ชิวจิง ความรู้สึกโกรธแค้นถาโถมเข้าสู่หัวใจ แต่เขาก็ยังคงยิ้มพลางกล่าวว่า “เอาละ มาดื่มต่อกันเถอะ”
“ใช่แล้ว มา! มา! มา! มาดื่มกันเถอะ!” ดูเหมือนเล่ออู๋เหินจะไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศเลย เขาแผดเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานใจ จากนั้นจึงยกเหยือกสุราขึ้น แล้วดื่มหมดในคราวเดียว
คนผู้นี้แสร้งเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกแล้ว อวี๋ชิวจิงเหลือบมองเล่ออู๋เหิน สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เขายกจอกสุราขึ้นและจิบเบา ๆ
…
ภายในห้อง
เฉินซีนั่งสมาธิและไม่สนใจโลกภายนอกอีกต่อไป ชายหนุ่มสลัดความคิดที่ฟุ้งซ่านไปจากใจ จากนั้นเริ่มตรวจสอบและพินิจตนเองทันที
ฟึ่บ!
ในห้วงจิตสำนึก ความคิดเหมือนมหาสมุทรที่พลุ่งพล่านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ท่ามกลางมหาสมุทรที่พลุ่งพล่านนี้ มีความทรงจำ ภูมิปัญญา ความเข้าใจ และประสบการณ์ของเฉินซี พวกมันมีลักษณะเป็นผลึกโปร่งแสง และเปี่ยมด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์
แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นจากประทีปวิญญาณทั้งเก้าดวง กำลังอาศัยอยู่ในจิตวิญญาณของเขา คล้ายคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ซึ่งลุกโชติช่วงด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณ
ในไม่ช้า ขณะที่เฉินซีพินิจมันอย่างจดจ่อ ตราประทับมรดกที่มีอยู่มากมายมหาศาลก็ลอยขึ้นมาปรากฏในทะเลแห่งจิตสำนึก เฉินซีไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย เขาคว้าพวกมันไว้ทันที
โครม!
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา มรดกที่ล้ำลึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็พลุ่งพล่านราวกับกระแสน้ำ และส่งเสียงดังกึกก้องขณะไหลทะลักเข้าสู่จิตใจเฉินซี
ความลึกล้ำเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นถ้อยคำ แต่ก็คลุมเครือและลึกลับ พวกมันคล้ายท่วงทำนองของเต๋าที่เก่าแก่ น่าเกรงขาม ไร้ตัวตน และลึกล้ำอย่างยิ่ง
ในท้ายที่สุด พวกมันก็กลายเป็นเคล็ดวิชาที่ปรากฏในใจเฉินซี
ชื่อของเคล็ดวิชานี้คือ พระสูตรใจอิสระที่แท้จริง หรืออีกชื่อคือ สัจหฤทัยสูตร!
เฉินซีรู้สึกตกตะลึงในใจ และรู้สึกคาดไม่ถึง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นมรดกจากแผนภาพของกระบี่เปื้อนเลือด แต่เหตุใดเคล็ดวิชาบ่มเพาะสำหรับพลังดวงใจจึงปรากฏจากภายในนั้น
นี่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังดวงใจอย่างแน่นอน
เฉินซีเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตน เพราะเมื่อนานมาแล้วในขณะที่อยู่ในพิภพยันต์อักขระ เขาโชคดีที่ได้รับเคล็ดวิชาธรรมเทพไร้ขอบเขตจากเจดีย์ต้าเหยี่ยน และตำราเล่มนี้ก็เป็นตำราเกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังดวงใจเช่นเดียวกัน
เฉินซีระงับความสับสนในใจอย่างแข็งขัน และเริ่มสัมผัสถึงความลึกล้ำภายในนั้น
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน จู่ ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นและระบายลมหายใจออกมายาว ๆ หัวใจเปี่ยมด้วยการรู้แจ้งและกระจ่างชัดแล้ว
“มันเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังดวงใจจริง ๆ หากธรรมเทพไร้ขอบเขตเป็นเคล็ดวิชาในการบ่มเพาะสำหรับขอบเขตปราณดวงใจ ขอบเขตแก่นดวงใจ ขอบเขตวิญญาณดวงใจ และขอบเขตทารกดวงใจแล้ว สัจหฤทัยสูตรก็เป็นเคล็ดวิชาสำหรับขอบเขตที่เหนือกว่าขอบเขตทารกดวงใจ!
นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เฉินซีตกใจ
เพราะในอดีต เขาเคยคิดว่าขีดจำกัดของพลังดวงใจอยู่ที่ขอบเขตทารกดวงใจ แต่ข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้า ได้พิสูจน์ว่าความเข้าใจของเขานั้น… ผิด!
สัจหฤทัยสูตร ถูกแบ่งออกเป็นการหล่อหลอมเก้าครั้ง แล้วแต่ครั้งก็มีขอบเขตที่แตกต่างกัน
เมื่อบรรลุการหล่อหลอมหนึ่งครั้ง มันจะสามารถสร้างจักรวาลดวงใจภายในดวงจิตแห่งเต๋าได้
หลังจากบรรลุการหล่อหลอมเก้าครั้ง เมื่อนั้นก็บรรลุระดับเก้า และนั่นหมายความว่าได้สร้างจักรวาลดวงใจเก้าแห่งในดวงจิตแห่งเต๋า!
ในท้ายที่สุด จักรวาลดวงใจทั้งเก้านี้จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และการบรรลุสภาวะดังกล่าวถือได้ว่าบรรลุความสมบูรณ์แบบในเคล็ดสัจหฤทัยสูตร เมื่อบรรลุสภาวะนี้แล้ว ก็จะสามารถเห็นความจริงในอดีต เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของตนเอง และเข้าใจอิสรภาพที่แท้จริง!
ในทางกลับกัน การหล่อหลอมทั้งเก้าระดับนั่น ก็เพื่อเป็นการพัฒนาทารกดวงใจ
เมื่อเคล็ดวิชานี้ตกอยู่ในมือข้า มันก็ไม่ใช่แค่การพัฒนาพลังดวงใจอีกต่อไป…
เฉินซีตระหนักดีถึงผลกระทบของพลังดวงหัวใจที่น่าอัศจรรย์
ไม่เพียงแต่สามารถทำให้ต่อสู้ได้นานขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์มหาศาลต่อการบ่มเพาะและความเข้าใจในเต๋า
ปัจจุบันเฉินซีรู้สึกตกตะลึงกับเนื้อหาครึ่งหลังของเคล็ดสัจหฤทัยสูตรเป็นอย่างมาก เป็นเพราะมันได้จารึกเคล็ดวิชาในการควบคุมเต๋าแห่งกระบี่ด้วยพลังดวงใจ!
การควบคุมเต๋าแห่งกระบี่ด้วยพลังดวงใจ ในอดีต เฉินซีไม่เคยคิดถึงเรื่องเช่นนี้ นอกจากจะรู้สึกตกตะลึงแล้ว ยังทำให้เขารู้สึกรู้แจ้งทันที ราวกับว่าโลกใบใหม่ได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาในขณะนี้
ชายหนุ่มไม่รอช้าและเริ่มศึกษามันอย่างระมัดระวัง เมื่อเวลาผ่านไป แววตาก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น มันเต็มไปด้วยความตกตะลึง ความประหลาดใจ และความเหลือเชื่อ
ในที่สุดเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวพึมพำ ไม่แปลกใจเลย ที่เต๋าแห่งกระบี่ของเจ้าของกระบี่เหล็กเล่มนี้จะน่าทึ่งขนาดนั้น ปรากฏว่าถ้าใครตั้งใจที่จะพัฒนาในขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ก็ต้องเริ่มจากพลังดวงใจเสียก่อน…
เคล็ดวิชาในการควบคุมเต๋าแห่งกระบี่ด้วยพลังดวงใจนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นกระบี่ดวงใจลี้ลับ
เฉินซีเดาะลิ้นด้วยความชื่นชม เพราะเคล็ดวิชากระบี่นี้ดูเหมือนจะส่งเสริมและสอดคล้องกับเก้าระดับของเคล็ดสัจหฤทัยสูตร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อบรรลุการหล่อหลอมครั้งแรก เราจะสามารถใช้พลังระดับแรกของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้ หากบรรลุการหล่อหลอมครั้งที่สอง ก็จะสามารถใช้พลังระดับสองของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้
ดังนั้นเมื่อบรรลุการหล่อหลอมทั้งเก้าครั้งแล้ว เขาจะสามารถใช้พลังระดับเก้าของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้!
ขอบเขตที่อยู่เหนือระดับเก้าของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ถูกเรียกว่า มหาวิถีกระบี่ มันเป็นวิถีของกระบี่ที่แท้จริง ทั้งยังไร้ขอบเขตและเป็นนิรันดร์
เจ้าของกระบี่เหล็กเล่มนี้ได้ทะลวงผ่านเก้าระดับของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ และเหยียบย่างเข้าสู่มหาวิถีกระบี่แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถสังหารเทพและปีศาจทั้งหมดที่ขวางหน้าได้!
หลังจากนั้นเนิ่นนาน หัวใจของเฉินซีก็ค่อย ๆ สงบลง
สัจหฤทัยสูตร กระบี่ดวงใจลี้ลับ เก้าระดับของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่… ข้าติดอยู่ที่ขอบเขตทารกดวงใจมานานแล้ว ถ้าข้าสามารถทะลวงไปได้ บางทีพลังยุทธ์ของข้าอาจพัฒนาขึ้นตามไปด้วย
เฉินซีครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ไม่ลังเลที่จะลองบ่มเพาะมัน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทารกดวงใจที่กำลังนั่งขัดสมาธิโดยที่หลับตาอยู่ในดวงจิตแห่งเต๋าก็ลืมตาขึ้นมาทันที ดวงตากระจ่างชัด สีดำสนิท และหลั่งไหลไปพร้อมกับแสงอันลึกลับ
รูปร่างหน้าตาของทารกดวงใจนี้มีความคล้ายคลึงกับเฉินซีทุกประการ และมันมีขนาดเท่ากับเด็กทารกเท่านั้น ทว่าในขณะนี้ มันประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน และกลายเป็นผนึกลึกลับ
โอม!
พร้อมกับการก่อตัวของผนึกนี้ ทันใดนั้น ลำแสงที่ดูโปร่งใสเหมือนวัตถุได้สาดส่องออกมาจากทารกดวงใจ ลุกไหม้อยู่รอบ ๆ ดูอลังการและศักดิ์สิทธิ์
มันคือพลังดวงใจ ในขณะนี้ ทารกดวงใจกำลังบ่มเพาะเคล็ดวิชาสัจหฤทัยสูตรเพื่อหล่อหลอมครั้งแรกตามคำสั่งของเฉินซี
ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ผลกระทบนั้นเกินความคาดหมาย และอาจกล่าวได้ว่าน่าทึ่งด้วยซ้ำ เพียงหนึ่งก้านธูป เฉินซีรับรู้ได้ชัดเจน พลังดวงใจที่เขาครอบครองอยู่นั่นกำลังถูกระดมและถูกชักนำเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายในทารกดวงใจ และทำให้เกิดการโครจรที่สมบูรณ์
พลังงานนี้ลึกล้ำอย่างแท้จริง และมีอยู่ภายในดวงจิตแห่งเต๋า ไหลเวียนภายในทารกดวงใจ มันดูเหมือนว่าจะมีอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ภายในดวงจิตแห่งเต๋า แต่แท้จริงแล้วมันกลับกว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต
บัดนี้พลังงานที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่ามหาสมุทรกำลังไหลเวียนอยู่ภายในดวงจิตแห่งเต๋าเล็ก ๆ ของเฉินซี และมันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของจักรวาลอย่างแผ่วเบา!