บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1670 ไม่เป็นที่ชื่นชอบ
บทที่ 1670 ไม่เป็นที่ชื่นชอบ
เปลี่ยนกลยุทธ์หรือ? ทุกคนมีทีท่าตกตะลึงและสับสนเล็กน้อย
เล่ออู๋เหินอธิบาย “เมื่อเราออกเดินทางเป็นกลุ่ม เราจะสามารถค้นหาเป้าหมายได้ครั้งละหนึ่งเท่านั้น แต่หากเราแยกกันค้นหา เราก็จะสามารถได้รับรากเต๋าบรรพชนสำหรับทุกคนง่ายขึ้น”
ข้อเสนอแนะนี้ดึงดูดใจหลาย ๆ คนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พวกเขาตระหนักดีว่าการทำเช่นนี้จะต้องแบ่งกลุ่ม ซึ่งนั้นหมายความว่าอันตรายที่พวกเขาเผชิญก็จะมากขึ้นเช่นกัน ถือได้ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ดูเหมือนว่าเล่ออู๋เหินจะมองเห็นความกังวลในใจของพวกเขา ดังนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องกังวล แม้เราจะแยกกัน แต่เราสามารถใช้เบี้ยรวมวิญญาณเพื่อสื่อสารกันได้ ไม่ว่าใครจะเผชิญกับภัยอันตราย เราจะรีบมุ่งหน้าไปช่วยเหลือทันที”
ขณะที่กล่าว เขาก็พลิกฝ่ามือขึ้น จากนั้นเปลือกหอยที่มีลักษณะเป็นผลึกโปร่งแสง ซึ่งดูเหมือนใบไม้สีเขียวลอยขึ้นมา
เบี้ยรวมวิญญาณ เป็นสมบัติหายากที่สร้างขึ้นในเอกภพจักรวรรดิ เมื่อสวมใส่แล้ว แม้ว่าจะอยู่ห่างกันคนละซีกโลก ก็ยังสามารถสื่อสารกับอีกฝ่ายได้ตลอดเวลา
เล่ออู๋เหินส่งเบี้ยรวมวิญญาณให้กับเฉินซี เชินถูเยียนหราน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ย แล้วเก็บชิ้นหนึ่งไว้สำหรับตนเอง
หลังจากนั้นจึงกล่าวว่า “พวกเราห้ามหาเทวาวิญญาณจะเป็นผู้นำกลุ่ม และจะช่วยสหายเต๋าแต่ละคนครอบครองรากบรรพชน ด้วยวิธีนี้แม้จะเผชิญกับอันตราย แต่ก็สามารถยืนหยัดจนกว่ากลุ่มอื่นจะมาช่วยเหลือได้ และมันจะปลอดภัยกว่ามากอย่างแน่นอน”
เมื่อทั้งหมดทราบว่าเล่ออู๋เหินได้เตรียมการมาอย่างดีแล้ว ความกังวลในใจพลันคลายลงอย่างมากทันที และไม่มีใครคัดค้านข้อเสนอแนะนี้
“เอาละ เรามาเริ่มแบ่งกลุ่มกันดีกว่า แล้วพวกเราแต่ละคนจะนำสหายเต๋าไปด้วยสองสามคน” เล่ออู๋เหินกวาดสายตามองผ่านทุกคน ก่อนที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เฉินซี เชินถูเยียนหราน จวนอวี๋สุ่ย และอวี๋ชิวจิงโดยปกติแล้วย่อมไม่คัดค้านใด ๆ
นอกจากห้าคนที่เป็นมหาเทวาวิญญาณแล้ว กลุ่มของพวกเขายังมีผู้เยี่ยมยุทธ์อีกสิบสี่คน
ในไม่ช้า กลุ่มของพวกก็แยกย้ายกันโดยสิ้นเชิง
กลุ่มของเล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ยมีผู้เยี่ยมยุทธ์สามคน ในขณะที่กลุ่มของเฉินซีมีสองคน
ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ได้รับการให้อภัย แต่เนื่องจากผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านี้ไม่เป็นมิตรและมีท่าทีรังเกียจ ทั้งยังทำให้เฉินซีขุ่นเคือง แม้จะทราบถึงฐานะของเฉินซีแล้ว แต่ก็ยังกังวลว่าเฉินซียังผูกใจแค้น และมันคงไม่เหมาะนักถ้าจะคืนดี ในขณะที่กำลังค้นหารากเต๋าบรรพชน
นี่เป็นเพียงการระแวงกันไปเอง ด้วยวิสัยทัศน์และจิตใจที่กว้างขวาง เขาจะสร้างปัญหาเพียงเพราะเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าเฉินซีจะไม่ชอบพวกเขามากแค่ไหน ทว่าเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมของกลุ่มแล้ว เขาย่อมไม่ชักนำพันธมิตรของตนเข้าสู่กับดักเป็นแน่แท้
สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์สองคนที่ถูกจัดสรรให้อยู่ในกลุ่มเฉินซีนั้น หนึ่งในนั้นมีนามว่า เถาตง และเขามาจากตระกูลเถาของเอกภพจักรวรรดิ แม้จะคัดค้านการอยู่กลุ่มเดียวกับเฉินซี แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขาไม่เร็วเท่าคนอื่น ๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงติดตามเฉินซีอย่างไม่เต็มใจ
ส่วนอีกคนคือ เวยจื่อฝู เนื่องจากเวยจื่อฝูได้รับรากเต๋าบรรพชนระดับหกแล้ว เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าเฉินซีจะสร้างปัญหาให้กับตน
หลังจากแบ่งกลุ่มกันแล้ว เล่ออู๋เหินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกคน ข้ามีข้อเสนอแนะ ไยกลุ่มของเราถึงไม่แข่งขันกันเองเล่า? โดยเราจะวัดกันที่คุณภาพของรากเต๋าบรรพชนที่กลุ่มของเราได้รับมา?”
ดวงตาของทุกคน เป็นประกายเมื่อได้ยินข้อเสนอนี้ และทราบดีว่าข้อเสนอนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง
“ข้อเสนอนี้ไม่เลว อย่างไรก็ตาม เฉินซีมีผู้ติดตามเพียงสองคน และคนหนึ่งได้รับรากเต๋าบรรพชนระดับหกแล้ว หากเราแข่งขันกันในลักษณะนี้ เขาก็จะเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย” เชินถูเยียนหรานแย้มยิ้มพลางกล่าวเบา ๆ
“ฮ่าฮ่า! เหยียนหราน! โอ้! เหยียนหราน! ดูเจ้าสิ เจ้ามักจะปกป้องสหายเต๋าเฉินซีอยู่ตลอดเวลา หรือว่าเจ้าจะชอบเขาจริง ๆ” เล่ออู๋เหินหัวเราะและหยอกล้อ
เชินถูเยียนหรานถอนหายใจเบา ๆ “อนิจจา ในขณะที่บุพผาร่วงหล่นปรารถนาที่จะได้รับความรัก พวกมันกลับถูกกระแสพัดพาไปอย่างไร้ปรานี”
เฉินซียิ้มอย่างขมขื่นและยักไหล่ เขารู้ว่ามันเป็นเพียงคำหยอกล้อ ดังนั้นจึงไม่คิดจริงจังกับเรื่องนี้นัก
สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ พวกเขาทำได้เพียงรู้สึกอิจฉาและริษยาเท่านั้น แม้จะรู้ว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลก แต่ก็ไม่ใช่แค่ใครก็ตามที่สามารถมีคุณสมบัติที่จะเพลิดเพลินกับการถูกปฏิบัติจากเชินถูเยียนหรานได้!
เล่ออู๋เหินกล่าว “เหยียนหราน อย่าลืมว่าหากเรามีวาสนา เราแต่ละคนจะสามารถรับรากเต๋าบรรพชนได้มากกว่าหนึ่งหรือสองต้น แม้เราจะไม่สามารถใช้สมบัติอันล้ำค่าดังกล่าวได้ด้วยตัวเอง แต่ก็เป็นการดีอย่างยิ่งที่จะนำกลับไปมอบให้กับตระกูลของเรา”
เชินถูเยียนหรานตกตะลึงและกล่าวเยาะเย้ยตัวเอง “ดูเหมือนว่าเมื่อสตรีมีความรู้สึกซื่อสัตย์ในใจ พวกนางก็จะเลอะเลือนจริง ๆ” นางไม่ปล่อยโอกาสหยอกล้อเฉินซีให้หลุดมือไป
เล่ออู๋เหินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนี้
เฉินซีกลับถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เอาละ ออกเดินทางกันเถอะ”
คนอื่น ๆ รู้ดีว่าเวลานั่นมีค่าเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาทั้งห้ากลุ่มจึงบินไปยังห้าทิศทางที่แตกต่างกัน
…
ฟิ่ว!
อากาศเกิดความผันผวน ในขณะที่เฉินซีนำกลุ่มพุ่งทะยานไปข้างหน้า โดยที่เถาตงและเวยจื่อฝูติดตามอย่างใกล้ชิด
พวกเขาเลือกทิศเหนือ
เฉินซีครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับเสียงที่เรียกหาอย่างแผ่วเบา ซึ่งเขาพยายามอย่างหนักที่จะสัมผัสมันและค้นหาแหล่งที่มาของเสียงลึกลับนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เบาะแสใด ๆ
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม การมุ่งหน้าไปทางเหนือก็ไม่ผิดแต่อย่างใด
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
พร้อมกับกาลเวลาที่ผ่านไป ลำแสงจำนวนมากก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทางด้านหน้า และพวกมันก็กะพริบไปในอวกาศ ก่อนที่จะหายวับไปในพริบตา
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตกตะลึงในใจ เขาตระหนักดีว่าลำแสงเหล่านั้นคือผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่เข้ามาในแดนรากบรรพกาล
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ใช่แค่กลุ่มของพวกเขาเท่านั้นที่กำลังค้นหารากเต๋าบรรพชน และผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ก็กำลังค้นหาเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าการแข่งขันและข้อพิพาทเริ่มเข้มข้นขึ้น!
“โปรดตามข้ามา เราอาจจะเผชิญกับอันตรายมากมายในระหว่างที่เราค้นหา” เฉินซีสั่งอย่างรวดเร็ว
“วางใจได้สหายเต๋าเฉินซี” เวยจื่อฝูมั่นคงและมีประสบการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเขาได้รับรากเต๋าบรรพชนมาแล้ว และได้เห็นความสามารถที่น่าเกรงขามของเฉินซี จึงไม่ยอมโอนอ่อนโดยง่าย
“โอ้” ส่วนเถาตง ไม่ได้กล่าวมากไปกว่านั้น
ในใจรู้สึกหดหู่เล็กน้อยแทน เพราะเขาเคยติดตามอวี๋ชิวจิงมาก่อน ทั้งยังปฏิเสธและเยาะเย้ยเฉินซีอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเกิดความกังวลอย่างแท้จริงว่าเฉินซีจะหันมาคิดบัญชีกับเขา
“หากคนผู้นี้กล้าทำเช่นนั้นจริง ๆ ข้าก็จะรีบเผ่นจากไป ข้าจะไม่ยอมถูกเย้ยหยันจากคนผู้นี้เป็นอันขาด!” เถาตงสาบานในใจ
เฉินซีรับรู้ได้ถึงความคิดของเถาตงราง ๆ และส่ายศีรษะกับตัวเอง แม้ว่าความแข็งแกร่งของคนจากเอกภพจักรวรรดิจะแกร่งกล้ากว่าผู้อื่นมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนหยิ่งผยองเกินใคร ทั้งยังปฏิเสธที่จะลดทิฐิของตนลง ช่างน่าเบื่อจริง ๆ
เฉินซีรู้ชัดว่า เหตุผลนั้นเป็นเพราะเขามาจากเอกภพมสิหิม ดังนั้นไม่ว่าความแข็งแกร่งจะน่าเกรงขามเพียงใด แต่ด้วยฐานะจึงถูกอีกฝ่ายดูแคลนตลอด
นี่เป็นเหมือนขุนนางแห่งภพมนุษย์ ไม่ว่าคนอื่นจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพวกตน ก็ยังคงดูถูกผู้อื่นอยู่ดี
ซากปรักหักพังและกำแพงหรืออาคารที่ชำรุดทรุดโทรมมีอยู่ให้เห็นทั่วไป สถานที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของตระกูลเทพที่เกิดจากภายในความโกลาหล แต่กลับกลายเป็นซากปรักหักพังเพราะการต่อสู้ที่สะท้านโลกาที่ปะทุขึ้น
ซากศพและเศษซากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่แตกหักมักเห็นได้บนพื้นอยู่เป็นนิจ พวกมันกระดำกระด่าง หมองคล้ำและถูกกัดกร่อนจนแทบสูญสลาย ดูอ้างว้างยิ่ง
ยิ่งมุ่งหน้าลึกเข้าไปไกลเท่าใด ก็ยิ่งเห็นซากปรักหักพังมากขึ้นเท่านั้น และกลิ่นอายแห่งความรกร้างในฟ้าดินก็หนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป เฉินซีก็หยุดเคลื่อนไหว แล้วจ้องไปในระยะไกล ภายในจิตสัมผัส มีลำแสงสีเหลืองแพรวพราวอย่างยิ่งที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
รากบรรพชนระดับห้า… ร่างของเฉินซีวูบไหวในขณะที่นำเถาตงและเวยจื่อฝูเร่งความเร็วทันที
หลังจากเดินทางมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้พบกับรากเต๋าบรรพชนอีกครั้ง แต่ในใจของเถาตงกลับไม่มีความสุขมากนัก
“มันเป็นเพียงรากเต๋าบรรพชนระดับห้า มันไม่ต่ำกว่ามาตรฐานเกินไปหน่อยเหรอ…” เขากล่าวด้วยความผิดหวัง เพราะแม้แต่เวยจื่อฝูก็ยังได้รับรากเต๋าบรรพชนระดับหก
คิ้วเฉียงของเฉินซีเลิกสูง วาจาฟังดูอวดดีอะไรเช่นนี้ รากเต๋าบรรพชนระดับห้านั้นหายากแม้ในแดนเทพโบราณ และแม้แต่มหาอำนาจเหล่านั้นก็ถือว่าหาได้ยาก แต่เถาตงกลับบอกว่ามันต่ำกว่ามาตรฐาน
“สหายเต๋าเถาตง เจ้าไม่พอใจเหรอ?” เฉินซีเอ่ยถาม
“ข้าย่อมไม่พอใจ สหายเต๋าเฉินซี ข้าขอเอารากเต๋าบรรพชนนี้ก่อน และหากเราเจอรากเต๋าที่ดีกว่านี้ ข้าจะแลกรากนี้กับต้นนั้นจากเจ้า ตกลงหรือไม่” เถาตงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“เถาตง การทำเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ? สหายเต๋าเฉินซีไม่มีหน้าที่ใด ๆ ที่จะต้องช่วยเราทำทั้งหมดนี้” เวยจื่อฝูกล่าวจากด้านข้าง เขาค่อนข้างกังวลว่าเถาตงจะทำให้เฉินซีขุ่นเคือง และลากเขาเข้าสู่ปัญหาเช่นกัน
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ในท้ายที่สุดก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตกลง แต่เราต้องตั้งเงื่อนไขกันก่อน”
ดวงตาของเถาตงเป็นประกาย และกล่าวอย่างตื่นเต้น “บอกข้ามาได้เลย”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าและสหายเต๋าจื่อฝูสองครั้งในการเลือกรากเต๋าบรรพชน และหากทั้งสองครั้งเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าก็ต้องไขว่คว้าด้วยตัวเอง” เฉินซีกวาดสายตามองทั้งสองและกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก
“ขอบคุณสหายเต๋าเฉินซี” เวยจื่อฝูตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะประสานมือขอบคุณเฉินซีอย่างจริงใจ เนื่องจากเขาไม่เคยคิดว่าเฉินซีจะให้โอกาสเพื่อที่จะเลือกรากเต๋าบรรพชนได้จริง ๆ
เฉินซียิ้ม “อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าต้องทราบก่อนว่า ข้าสามารถช่วยให้พวกเจ้าได้รับรากเต๋าบรรพชนได้คนละหนึ่งต้นเท่านั้น”
ความหมายเบื้องหลังก็คือ หากพวกเขาสามารถได้รับรากเต๋าบรรพชนเพิ่มมากขึ้นในระหว่างทาง รากเต๋าบรรพชนเหล่านั้นก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองคน
สิ่งนี้ทำให้หัวใจเถาตงกระตุกวูบ และความสุขในใจก็สลายไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงฝืนยิ้มพลางกล่าว “นี่ดูเหมือน… จะไม่เหมาะสมไปหน่อยหรือ? เราอยู่กลุ่มเดียวกัน ดังนั้นรากเต๋าบรรพชนที่เราได้รับจึงควรแบ่งเท่า ๆ กัน อย่างมากที่สุด เจ้าสามารถได้รับส่วนแบ่งมากขึ้นเล็กน้อย สหายเต๋าจื่อฝูเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ขณะที่กล่าว เขามองไปที่เวยจื่อฝูที่ยืนอยู่ข้างเขา
เวยจื่อฝูไม่แม้แต่จะเหลือบมอง และเขาพยักหน้าให้เฉินซี “นั่นถูกต้องแล้ว”
เถาตงตกตะลึงทันทีและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด