บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล
บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล
………………..
บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล
เมื่อพวกเขาได้ยินคำแนะนำของเฉินซี ทั้งเถาตงและเวยจื่อฝูก็พยักหน้าเห็นด้วย ในใจไร้ความรู้สึกขัดแย้ง
หากหนนี้เฉินซีไม่ลงมือ พวกเขาก็คงเผชิญอันตรายกันไปนานแล้ว เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่มหาเทวาวิญญาณ ดังนั้นต่อให้ต้องตายในวันนี้ ก็ไม่ก่อให้เกิดเกิดผลอะไรมากนัก
ประกอบกับอำนาจต่อสู้น่าสะพรึงกลัวที่เฉินซีเผยออกมาระหว่างศึกทำให้พวกเขาทั้งสองกระทั่งรู้สึกยำเกรงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ จึงย่อมคล้อยตามคำแนะนำของเฉินซีแต่โดยดี
เฉินซีไม่ได้คิดมาก ชายหนุ่มหาถ้ำหลบเร้นสายตา แล้วให้เถาตงกับเวยจื่อฝูยืนเวรยาม ก่อนจะเริ่มทำสมาธิ
แม้ท้ายที่สุดเขาจะกำชัย แต่ก็สิ้นกำลังไปมหาศาล หากการบ่มเพาะในดวงจิตแห่งเต๋าไม่บรรลุชั้นแรก เขาอาจไม่สามารถอยู่จนจบศึกได้ด้วยซ้ำ
เหตุผลอยู่ตรงที่แม้วิชากระบี่ดวงใจลี้ลับจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่เพียงสิ้นเปลืองพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาล แต่ยังสูบพลังดวงใจไปอย่างมหาศาลเช่นกัน
เฮ้อ~
เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะเริ่มตั้งสมาธิฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน ทารกดวงใจในดวงจิตแห่งเต๋ากำลังนั่งขัดสมาธิ สองมือวาดลวดลาย เริ่มโคจรสัจหฤทัยสูตร ร่างของมันเต็มไปด้วยพลังดวงใจใสกระจ่าง ดูยิ่งใหญ่บริสุทธิ์
ไม่นานนัก เฉินซีก็จมลงสู่ภวังค์สมาธิลึกล้ำ
……
เดิมทีเฉินซีตั้งใจออกเดินทางในเช้าตรู่รุ่งขึ้น แต่ไม่คาดว่าหนนี้ยามเข้าสู่ภวังค์สมาธิ เขาจะไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนผ่านแห่งเวลา และไม่เผยสัญญาณฟื้นคืนแม้จะผ่านไปแล้วถึงสามวัน
สิ่งนี้ทำให้เถาตงและเวยจื่อฝูอดเป็นกังวลเล็กน้อยไม่ได้ คิดไปว่าเฉินซีบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสในศึกก่อนหน้า
“เป็นเช่นนี้ต่อไป แล้วเราจะทำเช่นไรหากเขายังไม่ตื่นขึ้นยามรากเต๋าบรรพชนปรากฏขึ้น?” เถาตงเป็นกังวลเล็กน้อย
เวยจื่อฝูกลับหัวเราะหึ “ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าจะเกิดจิตสำนึก เริ่มเป็นห่วงสหายเต๋าเฉินซีแล้ว หายากนะนี่”
เถาตงกล่าวอย่างหงุดหงิด “ข้าจะเป็นคนไม่รู้คุณเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้ายอมรับว่าในอดีตเคยประเมินสหายเต๋าเฉินซีไว้ต่ำ แต่ข้าสำนึกผิดแก้ไขตนเองไม่ได้หรือ?”
เวยจื่อฝูแย้มยิ้ม “ทำได้อยู่แล้ว”
เถาตงเห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง “แม้เราทั้งหลายจะเป็นทายาทนิกายตระกูลจากเอกภพจักรวรรดิ มีตัวตนไม่ธรรมดา การบ่มเพาะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับสหายเต๋าเฉินซีแล้ว เราด้อยชั้นกว่านัก ข้าไม่ได้พูดถึงความแข็งแกร่งของการบ่มเพาะนะ แต่เป็นเพราะเขาผ่านประสบการณ์เกินธรรมดาอย่างยิ่งมาอย่างเห็นได้ชัด ได้รับการขัดเกลาสารพัดจากมรสุมละเลงเลือด ในทางกลับกัน เราทั้งหลาย… เหอะ… แม้อำนาจต่อสู้จะร้ายกาจ แต่ประสบการณ์ศึกห่างไกลจากสหายเต๋าเฉินซีมากนัก”
เวยจื่อฝูหัวเราะหึ “ข้าไม่คาดเลยว่าความเข้าใจในตนเองของเจ้าจะกระจ่างยิ่ง ท้ายที่สุด เจ้าก็ไม่ใช่พวกกร่างกำแหงสมองทึบ”
เถาตงถลึงตา อ้าปากจะพูดแย้ง ทว่าเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งพลันดังออกมาจากถ้ำเบื้องหลัง ทำให้เขาเผยสีหน้ายินดีออกมาทันที “ออกมาแล้ว!”
“ลำบากสหายเต๋าทั้งสองแล้ว” ผู้ที่เดินออกมาจากถ้ำก็คือเฉินซี
ขณะนี้ บรรยากาศรอบตัวยิ่งทวีความเยือกเย็นบางเบา ดวงตาสีเข้มลึกล้ำสุขุมดุจบ่อน้ำโบราณไร้รอยกระเพื่อม ทุกการกระทำทำให้พลังชีวิตในกายพลุ่งพล่าน เทียบกับเมื่อก่อน ชายหนุ่มเผยร่องรอยความสมบูรณ์อย่างไม่อาจจับต้อง
เห็นได้ชัดว่าการบ่มเพาะในสามวันที่ทำสมาธินี้ได้พัฒนาขึ้นอีกแล้ว
การเผชิญศึกเมื่อกาลก่อนทำให้เฉินซีได้รับประโยชน์ ในที่สุด การบ่มเพาะก็ข้ามเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ของขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ
แม้มันจะเป็นเพียงการข้ามเส้นแบ่งเขต แต่นั่นก็ทำให้อำนาจต่อสู้เพิ่มพูนจนสังเกตได้ ให้บรรยากาศสมบูรณ์ยิ่ง
เฉินซีสังเกตเห็นชัดเจนว่าทัศนคติของพวกเขาต่อตนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย และอดกล่าวยิ้ม ๆ ไม่ได้ “เราไปหารากเต๋าบรรพชนกันต่อเถอะ”
พวกเขาไม่โอ้เอ้ ออกเดินทางกันทันที
……
ก่อนหน้านี้ ศึกอันดุเดือดเกิดขึ้นเพียงเพราะรากเต๋าบรรพชนระดับห้าเพียงหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้กลุ่มของเฉินซียิ่งเข้าใจลึกล้ำว่าการแข่งขันในแดนรากบรรพกาลป่าเถื่อนเพียงไร
มันเป็นเพียงรากเต๋าบรรพชนระดับห้าเท่านั้น หากไปพบรากเต๋าบรรพชนระดับหก เจ็ดหรือแปดเข้า ก็ไม่อาจคาดฝันได้เลยว่าจะต้องเผชิญการแก่งแย่งฆ่าฟันโหดร้ายขนาดไหน
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มของเฉินซีจึงเพิ่มความระวังตัวขึ้นมาก โดยเฉพาะเถาตงและเวยจื่อฝูที่ยิ่งระมัดระวังกว่าหนก่อน
……
บางทีในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้างพวกเขา เพราะไม่นานหลังออกเดินทาง พวกเขาก็พบรากเต๋าบรรพชนตกสำรวจเข้าหนึ่งชิ้น
ยิ่งกว่านั้น มันยังเรืองแสงสีเขียว ปรากฏว่านี่คือรากเต๋าบรรพชนระดับหกชิ้นหนึ่ง!
เฉินซีพยักหน้า “ก็ได้ ไปรับได้เลย”
เถาตงพุ่งเข้าไปทันที
ระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ เฉินซีกำลังคิดว่าเขาควรไปหารากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดหรือสูงกว่าดีหรือไม่
เพราะถึงอย่างไร ในแดนรากบรรพกาลจุดพิเศษนั้นก็มีรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าเพียงหนึ่ง ขณะที่มีคู่แข่งมากมายหมายแย่งชิงมัน เช่นนั้น หากเขาไม่อาจได้มันมา ก็เหมือนต้องกลับไปมือเปล่า
ดังนั้นการเตรียมรากเต๋าบรรพชนคุณภาพดี ๆ ไว้อีกชิ้นก็เป็นเรื่องเร่งสำคัญเช่นกัน
โดยเฉพาะเมื่อเฉินซีตระหนักชัดเจนว่าโอกาสครอบครองรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้านั้นริบหรี่นัก เพราะเขายังต้องทำภารกิจที่จักรพรรดินีอวี้เชอให้มาขัดขวางกงเหย่เจ๋อฟูให้สำเร็จด้วย
ทว่าเฉินซีพบปัญหาเพราะแดนรากบรรพกาลกว้างใหญ่อย่างยิ่ง ทิวทัศน์ซับซ้อน ขณะที่แดนรากบรรพกาลย่อยภายในนั้นกระจัดกระจายไม่มีระเบียบ ทำให้เขาไม่อาจตัดสินได้ว่าแดนรากบรรพชนย่อยแห่งใดที่มีรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดหรือสูงกว่า
ดูเหมือนข้าจะพึ่งได้เพียงโชคชะตา ในที่สุดเฉินซีก็ทอดถอนใจ ชายหนุ่มไร้ทางเลือกนอกจากยอมรับว่ารากเต๋าบรรพชนหายากอย่างขั้นกษัตริย์ระดับเจ็ดและขั้นราชาระดับแปดนั้นเป็นสิ่งที่พบได้แต่ผู้มีวาสนาโดยแท้
หลังจากเถาตงกลับมา กลุ่มของเฉินซีก็ออกเดินทางทันที ไม่โอ้เอ้เลยสักนิด
ระหว่างสิบวันเต็มที่ผ่านมานี้ พวกเขาออกเดินทางในแดนรากบรรพกาลอันกว้างใหญ่ ผ่านซากโบราณมากมายไร้ขอบเขต ยิ่งกว่านั้น ยังได้พบรากเต๋าบรรพชนระหว่างทางมาบ้าง
โชคไม่ดี คุณภาพของรากเต๋าบรรพชนเหล่านี้ไม่ได้สูงเกินระดับหก และพวกมันส่วนใหญ่ก็ถูกผู้อื่นฉกฉวยไปแล้ว
ท้ายที่สุด เฉินซีจึงได้มาเพียงรากเต๋าบรรพชนระดับห้าและหกอีกอย่างละชิ้น
ฟังดูเหมือนง่าย ทว่ากลุ่มของเฉินซีต้องเข้าห้ำหั่นกับผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มอื่นอีกครั้งเพราะรากเต๋าบรรพชนทั้งสอง ต้องละเลงเลือดเป็นทางกว่าจะได้พวกมันมา
หากอำนาจต่อสู้ของเฉินซีไม่แข็งแกร่งพอ เช่นนั้นก็อย่าว่าแต่รากเต๋าบรรพชนเหล่านี้เลย เถาตงและเวยจื่อฝูคงตกตายกันไปนานแล้ว
ระหว่างทาง พวกเขาก็ประสบศึกสังหารระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มอื่นด้วย และภาพศึกเหล่านี้ก็ดุเดือดน่าสะพรึงกลัวนัก
ตัวตนสูงสุดไม่ธรรมดามากมายสิ้นชีวิตในศึกเหล่านี้ ชวนให้กระสับกระส่ายร้อนใจ
ขณะเดียวกัน เฉินซีเหมือนจะคาดการณ์เรื่องทั้งหมดนี้มาแต่แรก เพราะถึงอย่างไร ยิ่งโอกาสเลิศล้ำ อันตรายยิ่งสูงส่งตามไปด้วย ไม่มีทางได้สิ่งใดมาโดยไม่จ่ายสิ่งตอบแทนก่อน
ทว่าราคาบางอย่างนั้นรับได้ ขณะที่บางอย่างไม่อาจรับได้เลย เฉกเช่นความตาย
“แย่แล้ว! เผ่นเร็ว!”
“ไม่คาดเลยว่าจะเป็นเจ้านี่ไปได้”
“เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเราถึงหนีกันล่ะ?”
“ไอ้บื้อ! เจ้านั่นคือเฉินซี! เขาฆ่าคนมาแล้วเกินนับ! ต่อให้มหาเทวาวิญญาณอย่างเยว่หรูฮวากับจินชิงหยางร่วมมือกัน ยังพ่ายยับเยิน หากเราไม่เผ่นตอนนี้ เจ้าจะไปหาที่ตายหรือ?”
“ที่แท้ก็เป็นเขา!”
วูบ!
ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายดูแตกตื่นเสียขวัญ เผ่นหนีกระเจิดกระเจิง ไม่กล้าอยู่ต่อแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ
เฉินซีอดผงะกับภาพเช่นนี้ไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยล้อตนเอง “ไม่คาดเลยว่าข้าในยามนี้จะโด่งดังนัก”
เถาตงและเวยจื่อฝูก็ตกตะลึงเช่นกัน ก่อนจะทอดถอนใจในอก พวกเขาตระหนักดีว่าเฉินซีสร้างชื่อเสียงและอิทธิพลผ่านศึกมากมาย ไม่ใช่ตัวตนไร้ชื่อเหมือนเช่นยามแรกพบพานอีกแล้ว
เพราะกระทั่งเชินถูเยียนหรานยังไม่น่าจะเทียบชั้นตัวตนน่าสะพรึงกลัวผู้นี้ได้ แล้วคนเช่นนี้หรือจะเป็นผู้เกาะชายกระโปรงสตรีเอาตัวรอด?
เฉินซีเฉยชาต่อเรื่องทั้งหมดนี้อย่างยิ่ง ชายหนุ่มตระหนักชัดเจนว่าเขาไม่เพียงสร้างชื่อเสียงอิทธิพล ยังสร้างความแค้นจากทุกการเข่นฆ่าด้วย!
หลังจากได้รากเต๋าบรรพชนระดับหกนี้มาอย่างราบรื่น นับรวมแล้วเฉินซีก็มีรากเต๋าบรรพชนระดับห้าสองชิ้น และรากเต๋าบรรพชนระดับหกสองชิ้นในครอบครอง
นี่เป็นผลการเก็บเกี่ยวอันชวนตะลึงที่จะทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ตาลุกริษยา ทว่าเฉินซีกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เพราะเป้าหมายของเขาคือรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดขึ้นไป ขณะที่รากเต๋าบรรพชนคุณภาพอื่น ๆ ไม่ควรค่าให้สนใจ
“แปลกจริง เราเดินทางกันมานานเพียงนี้ แต่เหตุใดจึงไม่พบรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดขึ้นไปเลยสักครั้ง?” เฉินซีขมวดคิ้ว ครุ่นคิดลึกล้ำอย่างเงียบเชียบ
เถาตงและเวยจื่อฝูมองหน้ากัน พวกเขาก็จนใจไม่ต่าง และไร้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ จึงไม่อาจช่วยเหลือใด ๆ ได้เลย
พรึ่บ!
ทันใดนั้น เฉินซีก็เลิกคิ้ว พลิกฝ่ามือขึ้น เบี้ยรวมวิญญาณปรากฏออกมา ทว่าในยามนี้ เบี้ยรวมวิญญาณกำลังเปล่งแสง เผยคลื่นกระเพื่อมรุนแรง
หลังจากนั้น เสียงการต่อสู้ก็ดังออกมา ปะปนด้วยเสียงแผดก้องอย่างเดือดดาล
“นั่นมันเสียงของจวนอวี๋สุ่ย!”
“หรือเขาจะพบอันตราย?”
เถาตงกับเวยจื่อฝูผงะไปทันที
ขณะนี้ เสียงในเบี้ยรวมวิญญาณหายไปกะทันหัน แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวทะยานสู่ฟ้า
“ตามมันไป!” เฉินซีตัดสินใจทันที ชายหนุ่มพาเถาตงและเวยจื่อฝูเคลื่อนย้ายไล่ตามเบี้ยรวมวิญญาณไปด้วยกัน
เขาตระหนักชัดเจนว่าจวนอวี๋สุ่ยเป็นคนเงียบขรึมหนักแน่น ดังนั้นหากไม่เผชิญอันตรายสุดขีด เขาจะไม่ขอความช่วยเหลือเด็ดขาด