บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1677 ฉายเดี่ยว
บทที่ 1677 ฉายเดี่ยว
………………..
บทที่ 1677 ฉายเดี่ยว
ทุกคนชะงักกันถ้วนหน้า จากนั้นก็เริ่มหัวเราะ
อวี๋ชิวจิงได้ปล่อยให้เรื่องราวในอดีตผ่านไป และใช้การร่ำสุราเป็นข้ออ้าง
เฉินซียิ้มพลางตอบว่า “ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้นแล้ว ข้าจะติดตามเจ้าไปจนสุดทาง”
อวี๋ชิวจิงแค่นเสียงเย็น “บางที่ข้าอาจจะด้อยกว่าเจ้าในแง่ของพลังฝีมือ แต่เจ้าต้องพึงสังวรในแง่ของการร่ำสุรา!”
ทุกคนต่างพากันหัวเราะร่วน
อันที่จริงนั่น เมื่อทั้งหมดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
แน่นอน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากอวี๋ชิวจิงที่ตั้งแง่อยู่ฝ่ายเดียว และเขาก็ได้รับบทเรียนมาพอสมควรแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ฉลาดมาก ที่ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อยุติความบาดหมางกับเฉินซี
ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเอาชนะการร่วมมือกันของเยว่หรูฮวาและจินชิงหยาง ซัดตี้จวินจนกระเด็นกลับไปด้วยกระบวนท่าเดียว หรือเผชิญหน้ากับลั่วฉ่าวหนง เหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่า เฉินซีไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่กระนั้น การที่ชายผู้หยิ่งผยองซึ่งมาจากตระกูลโบราณในเอกภพจักรวรรดิเช่นอวี๋ชิวจิงยอมลงให้นั้น เห็นได้ชัดว่าต้องใช้ความกล้าหาญและความมุ่งมั่นอย่างมาก
การกระทำของอวี๋ชิวจิงนั้น ทำให้เฉินซีต้องมองคนผู้นี้ใหม่อีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นเล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน หรือผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ในกลุ่ม ทุกคนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้
…
เหตุการณ์นี้ผ่านไปในพริบตา จากนั้นทุกคนก็มุ่งความสนใจไปที่จวนอวี๋สุ่ย
ในยามนี้ จวนอวี๋สุ่ยลุกขึ้นยืนและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ นอกจากสีหน้าที่ซีดจนแทบโปร่งแสงแล้ว ก็ไม่มีทางที่คนอื่นจะรับรู้ว่าเขานั้นได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเกือบตายเมื่อไม่นานมานี้
นี่คือประโยชน์ของการบ่มเพาะทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร ตราบใดที่สติสัมปชัญญะยังคงอยู่ ก็สามารถฟื้นตัวได้ในอัตราที่รวดเร็วมาก ทำให้โอกาสรอดชีวิตของผู้ฝึกทักษะขัดเกลากายาเทพอสูรไม่มีใครเทียบได้
อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บก็ไม่มีทางที่จะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ในระยะเวลาสั้น ๆ
ถึงอย่างไร อาการบาดเจ็บที่ได้รับระหว่างต่อสู้กับตี้จวินก่อนหน้านี้หนักหนาเกินไป และหากเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น คนคนนั้นก็คงตายไปนานแล้ว
จวนอวี๋สุ่ยตอบ “แย่งชิงรากเต๋าบรรพชน”
“แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น” ผู้เยี่ยมยุทธ์กล่าวด้วยท่าทีกระวนกระวาย เขาและผู้เยี่ยมยุทธ์อีกสองคนกำลังค้นหารากเต๋าบรรพชนกับจวนอวี๋สุ่ย เมื่อสักครู่นี้ถ้าจวนอวี๋สุ่ยไม่ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องพวกเขา ชีวิตน้อย ๆ ของพวกเขาก็คงหลุดลอยไปแล้ว
แน่นอน ท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเฉินซีที่ให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที และสิ่งนี้ทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงเภทภัยได้อย่างแท้จริง
ตามคำอธิบายของผู้เยี่ยมยุทธ์คนนี้ กลุ่มของจวนอวี๋สุ่ยได้พบรากบรรพชนโดยบังเอิญ และสิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นเป็นพิเศษ มันเป็นรากเต๋าบรรพชนขั้นกษัตริย์ระดับเจ็ดถึงสี่ต้น!
ทว่าเมื่อพวกเขากำลังเก็บรวบรวมรากเต๋าบรรพชนทั้งสี่นี้ พวกลั่วฉ่าวหนงก็เข้ามา ดังนั้นการต่อสู้ที่สะท้านขวัญจึงปะทุขึ้น
ในท้ายที่สุด จวนอวี๋สุ่ยต่อสู้อย่างสิ้นหวัง แต่ก็รักษารากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดได้เพียงต้นเดียว ในขณะที่อีกสามต้นถูกแย่งชิงไป
เมื่อพวกเขาได้ยินทั้งหมดนี้ สีหน้าของเล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ ก็มืดมน
พวกมันทำเกินไปแล้ว!
นั่นคือรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ด!
รากเต๋าบรรพชนเหล่านั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่มีโอกาสได้รับโดยวาสนาเท่านั้น และแต่ละต้นก็หายากมาก ทว่าครั้งนี้ กลุ่มของลั่วฉ่าวหนงได้แย่งชิงพวกมันไปถึงสามต้น หนำซ้ำยังเกือบสังหารจวนอวี๋สุ่ยและคนอื่น ๆ ได้สำเร็จ แล้วพวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
“ฮึ่ม! เรามิอาจปล่อยบัญชีแค้นนี้ไปได้ ในเมื่อพวกมันกล้าทำเช่นนั้น เราจึงต้องตอบโต้ให้สาสม!” อวี๋ชิวจิงเป็นคนแรกที่ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ เขากัดฟันแน่นกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ใช่แล้ว เราต้องชิงรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดทั้งสามนั้นกลับมา!” ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ กล่าวขึ้นเช่นกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาค้นหารากเต๋าบรรพชนอย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับรากเต๋าบรรพชนไม่กี่ต้นเท่านั้น มิหนำซ้ำ ไม่มีต้นใดที่บรรลุถึงระดับเจ็ดเลย ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าถูกแย่งชิงรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดไปถึงสามต้น ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่โกรธแค้น
“นั่นคงไม่ดีเท่าไร ตอนนี้เรายังมีรากเต๋าบรรพชนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงไม่ควรต่อสู้กับกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงในตอนนี้” เล่ออู๋เหินครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่เนิ่นนาน จากนั้นจึงส่ายศีรษะ “ประการแรก ถ้าเราเริ่มโจมตีพวกเขาตอนนี้ มันจะส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการในการค้นหารากเต๋าบรรพชนอย่างแน่นอน ประการที่สอง วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเราคือรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า ซึ่งอยู่ภายในแดนรากบรรพกาล ถ้าเราเข้าสู่การต่อสู้ กองกำลังอื่น ๆ อาจฉวยโอกาสนี้ อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ได้มีแค่กลุ่มเราและกลุ่มของลั่วฉ่าวหนง”
คำพูดเหล่านี้สมเหตุสมผลยิ่ง ดังนั้นแม้ในใจของทุกคนจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ทำได้แค่ยอมรับเท่านั้น
อันที่จริง หากเข้าปะทะกับกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงตอนนี้ มันจะเป็นการต่อสู้ที่สะท้านขวัญอย่างแน่นอน และถึงแม้จะสามารถทวงคืนรากเต๋าบรรพชนทั้งสามนั้นกลับคืนมาได้ แต่ทั้งสองกลุ่มจะต้องประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่แท้
ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่มีใครยอมรับได้
“ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ตราบใดที่พวกมันยังอยู่ภายในแดนรากบรรพกาล เรายังมีโอกาสทวงคืนกลับมาได้” เฉินซีกล่าว “แม้เราจะไม่สามารถล้างแค้นได้ในตอนนี้ แต่ภายภาคหน้าเราจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงอย่างแน่นอน เมื่อรากเต๋าบรรพชนปฐมกาลปรากฏขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นเราสามารถยุติบัญชีความแค้นทั้งหมดได้”
…
หลังจากนั้น ทุกคนก็กล่าวคุยกันสั้น ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจรวมกลุ่มกันอีกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบเดียวกับที่กลุ่มของจวนอวี๋สุ่ยประสบ
สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนผู้เยี่ยมยุทธ์ในแดนรากบรรพกาลก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และการแข่งขันก็ดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรแยกออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
โดยไม่เสียเวลา ทั้งหมดได้ออกเดินทางอีกครั้ง
ระหว่างทาง เฉินซีพบว่ากลุ่มของเล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน และอวี๋ชิวจิง ได้เผชิญกับการแข่งขันและการต่อสู้มากมายเช่นกัน แต่พวกเขาสามารถผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย น่าเสียดายที่ได้รับรากเต๋าบรรพชนเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น
โดยกลุ่มของเขาเป็นกลุ่มที่ได้รับรากเต๋าบรรพชนมากที่สุด
แต่กระนั้น ยังมีเวลาประมาณสิบวันก่อนที่รากเต๋าบรรพชนปฐมกาลจะปรากฏขึ้น และหากไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถรับรากเต๋าบรรพชนได้ ปัญหาเดียว คือคุณภาพของรากเต๋าบรรพชนต่างหาก
ห้าวันต่อมา กลุ่มของเฉินซียืนอยู่ต่อหน้ารากบรรพชนระดับเจ็ด แต่เล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน อวี๋ชิวจิง และคนอื่น ๆ มีสีหน้าสิ้นหวังอย่างปิดไม่มิด
ห้าวันที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้พบกับอันตรายมากนัก ทุกอย่างราบรื่นจนน่าแปลกใจ ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเรื่องอีก
ทว่าพวกเขากลับได้รับรากเต๋าบรรพชนเพียงหกต้นเท่านั้น สี่ต้นอยู่ในระดับห้า ในขณะที่อีกสองต้นอยู่ที่ระดับหก และไม่ได้รับรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดเลยสักต้น!
ไม่ใช่ว่าหาไม่เจอ แต่กลับกลายเป็นว่ารากเต๋าบรรพชนเหล่านั้นถูกคนอื่นค้นพบไปนานแล้ว
สถานการณ์ปัจจุบัน นอกเหนือจากเฉินซี เล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน และอวี๋ชิวจิงแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ในกลุ่มล้วนได้รับรากเต๋าบรรพชนแล้ว รากเต๋าบรรพชนเหล่านี้อยู่ที่ระดับห้าและระดับหก ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างพอใจ
ส่วนจวนอวี๋สุ่ยที่ได้รับรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดเมื่อนานมาแล้ว
ทำให้ตอนนี้มีเพียงเฉินซีและมหาเทวาวิญญาณคนอื่น ๆ เท่านั้นที่กำลังค้นหารากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้นอย่างขมขื่น แต่ก็ต้องกลับมามือเปล่า สิ่งนี้ทำให้ในใจรู้สึกร้อนรุ่มกังวล
ยิ่งไปกว่านั้น อีกไม่นานรากเต๋าบรรพชนปฐมกาลจะปรากฏ ในเวลานั้น พวกเขาจะไม่มีเวลาค้นหารากเต๋าบรรพชนอื่น ๆ อีกต่อไป
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เหลือเวลาไม่มากแล้ว
“บ้าเอ๊ย! มีผู้เยี่ยมยุทธ์อย่างน้อยสามร้อยคนที่เข้าสู่แดนรากบรรพกาลในครั้งนี้ และมันทำให้การแข่งขันรุนแรงยิ่งขึ้น การค้นหารากเต๋าบรรพชนที่ยังไม่ถูกค้นพบนั้น ยากพอ ๆ กับการขึ้นสวรรค์” อวี๋ชิวจิงรู้สึกกระวนกระวายใจ
“ข้าย่อมเข้าใจข้อเท็จจริงนั้น อย่างไรก็ตาม ข้ากังวลว่าผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ จะไปถึงที่นั่นก่อนเรามากกว่า” อวี๋ชิวจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “รากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดมีไม่มากนัก เราจะทำอย่างไรดี”
เชินถูเยียนหรานครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าไม่มีทางอื่นจริง ๆ งั้นเราจะไปหาลั่วฉ่าวหนง!”
“ตามหาเขาเหรอ?” อวี๋ชิวจิงตกตะลึงแล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจ “เจ้าหมายความว่าเราควรไปยึดรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดทั้งสามนั้นกลับมาเหรอ?”
เชินถูเยียนหรานยักไหล่ “เจ้ามีความคิดอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่เล่า”
เฉินซีที่เดิมทีนิ่งเงียบตั้งแต่แรก กล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน “เช่นนั้นข้าจะไปเอง”
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้
หลังจากนั้น เล่ออู๋เหินกล่าวว่า “เฉินซี นั่นอันตรายเกินไป”
เฉินซียิ้ม “ข้าเข้าใจ แต่การพาทุกคนไปเผชิญกับลั่วฉ่าวหนงนั้นอันตรายยิ่งกว่า”
เมื่อเห็นว่าเฉินซีได้ตัดสินใจแล้ว ทั้งหมดก็หยุดเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย
“เช่นนั้นก็รักษาเบี้ยรวมวิญญาณไว้ให้ดี และแจ้งให้เราทราบทันที หากเจ้าพบอันตรายใด ๆ จำไว้ว่า เจ้าต้องกลับมาก่อนที่รากเต๋าบรรพชนปฐมกาลจะปรากฏขึ้น” เล่ออู๋เหินกำชับ
“ข้าเข้าใจแล้ว” เฉินซีพยักหน้า จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็สว่างวาบ ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว
“เฉินซีผู้นี้ คงไม่คิดที่จะเข่นฆ่าและช่วงชิงสมบัติของผู้อื่นด้วยตนเองกระมัง?” อวี๋ชิวจิงกล่าวติดตลก
“เขาจะไม่ทำเช่นนั้น เว้นแต่เขาจะเจอศัตรู” เชินถูเยียนหรานครุ่นคิด และพบว่าตนไม่สามารถเข้าใจความคิดของเฉินซีได้เลย
“เราควรรีบเร่งเคลื่อนไหวเช่นกัน เหลือเวลาไม่มากแล้ว ข้าหวังว่าเราทุกคนจะสามารถได้รับรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ด ก่อนที่รากเต๋าบรรพชนปฐมกาลจะปรากฏขึ้น” เล่ออู๋เหินสูดลมหายใจลึกแล้วกล่าวช้า ๆ
การเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้พวกเขาไม่กล้าหวังว่าจะได้รับรากเต๋าบรรพชนขั้นราชาระดับแปด และนี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การแข่งขันที่กำลังเผชิญนั้นรุนแรงเพียงใด เพราะแม้แต่มหาเทวาวิญญาณชั้นยอดอย่างพวกเขา ก็ยังพบว่ามันยากมาก ทั้งยังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลือกตัวเลือกอันดับสองแทน
ฟิ่ว!
ในเวลาเดียวกัน ร่างของเฉินซีวูบไหวในอวกาศ ขณะที่พุ่งตรงไปทางเหนือ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เวลาที่รากเต๋าบรรพชนปฐมกาลจะปรากฏใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับร่องรอยของการเรียกหาแผ่วเบาก็ปรากฏในใจของเขาอีกครั้ง
ยิ่งตอนนี้ ร่องรอยของการเรียกหาก็ชัดเจนยิ่งขึ้น มันขดอยู่รอบหัวใจตลอดเวลา และทำให้เฉินซีไม่สามารถนิ่งเฉยได้
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าการเรียกหานี้หมายถึงอะไร เป็นเภทภัยหรือโชคลาภ ดังนั้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่น ๆ เขาจึงเลือกที่จะเดินทางไปที่นั่นเพียงลำพัง!